เครือข่ายแรงงาน ถูกใจเพื่อไทย ดันค่าแรง 600 จ่อร้องพปชร.หาเสียงค่าแรงหลอกลวง
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7405602
เครือข่ายแรงงาน ถูกใจเพื่อไทย ดันค่าแรง 600 จ่อร้องพปชร.หาเสียงค่าแรงหลอกลวง อัดรัฐบาลประยุทธ์ ทำไม่ได้จริง แถมมาดิสเครดิต
วันที่ 8 ธ.ค.65 หลังจากพรรคเพื่อไทย ประกาศผลักดันนโยบายด้านเศรษฐกิจ เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจโดยเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี เริ่มต้นที่ 25,000 บาท โดยยืนยันจะทำให้สำเร็จภายในปี 2570 หากพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งปี 2566
น.ส.
ธนพร วิจันทร์ เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน กล่าวถึงนโยบายดังกล่าวว่า เป็นที่ถูกใจแรงงาน และสอดคล้องกับข้อเสนอของแรงงานเรื่องเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ อีกทั้งยังเป็นนโยบายที่เชื่อว่าน่าจะเป็นไปได้ ส่วนใหญ่ค่าแรงขั้นต่ำไม่ถือว่ามากมาย เพราะไม่ได้ขึ้นทีเดียวเป็น 600 บาท แต่ค่อยขยับๆ หากนับไปอีก 4 ปี ถึง 2570 ก็คิดเป็นขึ้นค่าแรงปีละ 65 บาทโดยเฉลี่ย จึงมีความเป็นไปได้
“
ความจริงค่าจ้างของแรงงานถูกกดมาหลายปี ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นมาแค่ 21 บาท ซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ 3 ซอง แล้ว นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.งแรงงาน ออกมาพูดว่านโยบายเพิ่มค่าแรงจะเป็นหายนะของประเทศ คุณเป็นรมว.แรงงาน ควรแสดงวิสัยทัศน์ว่าถ้าทำได้จริงก็ควรสนับสนุน เพราะพรรคพลังประชารัฐที่เคยหาเสียงไว้ก็ทำไม่ได้” น.ส.
ธนพรกล่าว
น.ส.
ธนพร กล่าวถึงกรณี นายส
นธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยบชร สภาผู้แทนราษฎร ร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ตรวจสอบนโยบายดังกล่าวของพรรคเพื่อไทยว่าทำได้จริงหรือไม่ ตนจะไปร้องต่อกกต.เช่นกัน ให้ตรวจสอบนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่เคยหาเสียงไว้ด้วย ถือเป็นการหลอกลวงแรงงานหรือไม่ เพราะบริหารเป็นรัฐบาลมาถึง 8 ปีแล้ว ก็ยังทำไม่ได้เลย ตนเคยไปเรียกร้องประเด็นนี้ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล กลับได้คดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
ส่วนข้อกังวลว่าจะกระทบต่อผู้ประกอบการนั้น น.ส.
ธนพร มองว่า นายจ้างโดยธรรมชาติ เมื่อเห็นว่าจะเสียประโยชน์ก็จะออกมาทักท้วงไว้ก่อน เพราะต้นทุนค่าแรงเพิ่มขึ้นมาถึง 250 บาทโดยประมาณจากค่าแรงปัจจุบัน แต่ตนเห็นว่าควรมองมุมกลับ พิจารณาอย่างมีเหตุผล ที่พรรคเพื่อไทยชี้แจงว่าต้องขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจในภาพรวม เปรียบเหมือนแรงงานในโรงงานผลิตสินค้ามาจำหน่ายได้เยอะ แรงงานก็สามารถเรียกร้องให้ปรับค่าจ้างประจำดีได้เช่นกัน ซึ่งหากนายจ้างทำไม่ได้ ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่หาเสียงไว้ ต้องออกมาตรการช่วยเหลือด้วย เช่น ทำข้อตกลงการค้ากับต่างประเทศ หรือหาช่องทางลดภาษีให้ผู้ประกอบการ
น.ส.
ธนพร กล่าวว่า ตนมองมุมกลับว่า รัฐบาลปัจจุบันใช้วิธีบังคับแจก ใครจนแล้วจะได้ สุดท้ายผลประโยชน์จะเข้าทุนใหญ่ ต้องซื้อของที่เข้าร่วมโครงการกับรัฐ เงินจะเข้าสู่ทางเดียว แต่หากเงินเข้าสู่แรงงาน เงินจำนวนนั้นจะหมุนเวียนไปทั้งระบบ รวมถึงธุรกิจรายย่อย การขนส่ง และชุมชน
“
ควรมองอย่างไม่มีอคติ แน่นอนมันเกิดการถกเถียง แต่ต้องเป็นไปด้วยเหตุด้วยผล ไม่ใช่สาดเสียว่าทำไม่ได้หรอก ก็คุณเป็นรัฐบาลแล้วคุณทำไม่ได้ จะรอให้เขาเป็นรัฐบาลก่อนไหม ถ้าเขาทำได้แล้วคุณจะทำยังไง 8 ปี สำหรับพวกคุณ ก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น คนงานก็แย่ ตกงาน การจ้างงานใหม่ๆ ก็ไม่มี”น.ส.
ธนพร กล่าว
น.ส.
ธนพร มั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยสามารถทำนโยบายดังกล่าวให้เป็นไปได้จริง เพราะตัวเลขไม่ได้สูง เมื่อเทียบเฉลี่ยต่อ 4 ปี แต่พรรคเพื่อไทยควรชี้แจงรายละเอียดให้ชัดว่ามีมาตรการใดบ้าง เพื่อดูแลนายจ้าง หากเศรษฐกิจดีขึ้นจริง จะมีส่วนสนับสนุนนายจ้างได้ เช่น เรื่องภาษี แหล่งทุน ลดดอกเบี้ย เพื่อให้นายจ้างมีความสบายใจ
“แน่นอนว่าคนตะลึง เพราะเขาคิดใหญ่ แต่คิดว่าเขาต้องทำได้ เพราะเห็นว่าถ้าทำไม่ได้จะเป็นปัญหา ก็เหมือนนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค หรือค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั้งประเทศ ทำให้แรงงานไม่ต้องกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ เพราะไม่มีใครอยากจากบ้านมา ก็จะช่วยลดงบประมาณด้านสาธารณูปโภคที่เขาต้องดูแล หรือในเขตนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงนโยบายอื่นๆ ก็สอดคล้องกัน เช่น นโยบายเกษตรกร เพราะเกษตรกรก็คือพ่อแม่ของเรา” น.ส.
ธนพร กล่าว
ไม่ทน! เพื่อไทย จ่อฟ้อง ทิพานัน เอาผิดพรบ.คอมพ์ ชกใต้เข็มขัดใส่ร้าย 'อิ๊งค์'
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7406256
เพื่อไทย จ่อฟ้อง “ทิพานัน” เอาผิด พ.ร.บ.คอมพ์ ชกใต้เข็มขัด ใส่ร้าย “อิ๊งค์” ผ่านเว็บไซต์รัฐบาล จวก เลิกอุปทานหมู่สะกดจิตว่าเศรษฐกิจประเทศดี
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2565 น.ส.
ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีเว็บไซต์รัฐบาลไทย www.thaigov.go.th เผยแพร่ข่าวน.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ที่ระบุเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาล พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ว่า การที่น.ส.
ทิพานันแสดงความมั่นใจบอกว่าเศรษฐกิจดีนั้น คงจะมีแต่น.ส.
ทิพานันกับรัฐบาลเท่านั้นที่คิดเช่นนี้
แม้แต่นาย
มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ที่เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยังบอกว่า พล.อ.
ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่สำเร็จ รับมือโควิดไม่สำเร็จ จนมีการรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 20,000 ราย พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังไม่คัดค้านความเห็นดังกล่าวของนาย
มิ่งขวัญ ขณะนั่งแถลงข่าวอยู่ด้วยกัน ดังนั้น ระหว่างนาย
มิ่งขวัญ ซึ่งเป็นทีมเศรษฐกิจคนใหม่ของพรรคพลังประชารัฐ กับน.ส.
ทิพานัน ประชาชนคงเชื่อนายมิ่งขวัญมากกว่า
ประชาชนทั้งประเทศต่างรู้ดีว่าขณะนี้ประเทศไทยกำลังตกต่ำเพียงใด ภายใต้การบริหารของรัฐบาลที่นำโดยพล.อ.
ประยุทธ์ ยืนยันได้จากหนี้สาธารณะพุ่งชนเพดานที่ 10 ล้านล้านบาท คนจนพุ่งทะลุ 20 ล้านคน มากที่สุดในประวัติศาสตร์ หนี้ครัวเรือนพุ่งทะลุเกือบชนเพดาน ความเหลื่อมล้ำในไทยสูงสุด เด็กและเยาวชนหลุดจากระบบการศึกษา และปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้น น.ส.ทิพานันต้องเดินออกมาจากอุปทานหมู่ที่สะกดจิตตัวเองว่าเศรษฐกิจดี เพียงเพราะกังวลว่าตนเองซึ่งอยู่ในรัฐบาลจะเสียแต้มเท่านั้น
น.ส.
ตรีชฎา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในเว็บไซต์ www.thaigov.go.th ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาล ที่ใช้สื่อสารต่อประชาชนอย่างเป็นทางการ ยังเผยแพร่ข้อความที่น.ส.
ทิพานัน ระบุว่า พรรคเพื่อไทยจะซ้ำรอยอดีต “
คิดใหญ่ โกงเป็น” นั้น ข้อความที่ปรากฏเป็นการเจตนาจงใจใส่ร้าย ใส่ความให้เกิดความเข้าใจผิดต่อพรรคเพื่อไทย
ทั้งที่ข้อเท็จจริง คือ ดัชนีชี้วัดคะแนนปลอดคอร์รัปชั่นในประเทศไทยที่จัดอันดับโดยองค์กร Transparency International พบว่าในปี 2564 ภายใต้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์อยู่ที่ 35 คะแนน อันดับที่ 110 ต่ำสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่รัฐบาลภายใต้การนำของนาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อันดับการประเมินจากองค์กรเดียวกันพบว่า ดัชนีชี้วัดคะแนนปลอดคอร์รัปชัน อยู่ในอันดับที่ 59 ซึ่งดีกว่ารัฐบาลนี้เท่าตัว
“
น.ส.ทิพานัน ซึ่งเป็นรองโฆษกรัฐบาล ควรจะใช้สติปัญญาสื่อสารทางการเมืองด้วยข้อเท็จจริง กลับเลือกใช้วิธีการชกใต้เข็มขัด ดึงการเมืองกลับเข้าสู่ยุคน้ำเน่าด้วยการใช้วาทกรรมตอบโต้ไปมา หลีกเลี่ยงที่จะตอบโต้ด้วยนโยบาย วนเวียนอยู่กับวาทกรรมใส่ร้าย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เรื่องจะพาพ่อกลับบ้าน ซึ่งเป็นความเท็จ” น.ส.
ตรีชฎา กล่าว
น.ส.
ตรีชฎา กล่าวว่า การชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ คือชัยชนะที่จะนำพาประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หลุดพ้นจากความยากจน ทุกนโยบายผ่านการศึกษาวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนจากผู้บริหารพรรคและผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ การประกาศนโยบายทางพรรคเพื่อไทยรับผิดชอบ ซึ่งจะต้องทำให้สำเร็จ ก่อนที่ น.ส.
ทิพานันจะพูดให้ข่าว น่าจะย้อนมององคาพยพของตัวเองเสียก่อน ไม่เช่นนั้นจะถูกคนเขาย้อนสวนกลับมาได้
“สิ่งที่น.ส.ทิพานันกล่าวหาในครั้งนี้เป็นการเจตนาใส่ร้าย พูดโกหก หมิ่นประมาทพรรคเพื่อไทย นำความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ที่สำคัญใช้สื่อรัฐเป็นเครื่องมือกระทำความผิด ถือว่าครบองค์ประกอบแห่งความผิด ทางฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยจึงจะพิจารณาดำเนินคดีเอาผิดกับ น.ส.ทิพานัน เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี และเพื่อไม่ให้น.ส.ทิพานันกระทำการย่ามใจไปมากกว่านี้ และเพื่อเป็นการปกป้องสิทธิ์อันชอบธรรมของพรรคเพื่อไทย” น.ส.
ตรีชฎา กล่าว
‘ก้าวไกล’ แนะ แก้ระบบเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ-เงินเดือนป.ตรี ไม่ใช่เพิ่มทุกครั้งที่เลือกตั้ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3716887
‘ก้าวไกล’ แนะ แก้ระบบเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ-เงินเดือนป.ตรี ไม่ใช่เพิ่มทุกครั้งที่เลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม น.ส.
ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน และเงินเดือนขั้นต่ำปริญญาตรี 25,000 บาทขึ้นไป ของพรรคเพื่อไทย (พท.) นั้น
น.ส.
ศิริกัญญา กล่าวว่า หลังจากได้ฟังคำอธิบายของพรรค พท. ทำให้ทราบว่านโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนเริ่มต้นสำหรับปริญญาตรีที่ 25,000 บาท เป็นเป้าหมายที่ผู้เสนอนโยบายต้องการทำให้ได้ภายในปี พ.ศ.2570 โดยมีสภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นปัจจัยประกอบ
ถือว่าเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับพรรค ก.ก. ที่สนับสนุนการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ เพียงแต่วิธีการที่ใช้แตกต่างกัน คือให้แก้ที่ระบบการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ เนื่องจากปัจจุบันไม่มีฐานให้พูดคุยกันในคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) เพื่อกำหนดเลยว่า ค่าแรงขั้นต่ำควรจะเป็นเท่าไหร่
น.ส.
ศิริกัญญา กล่าวว่า จึงเสนอให้แก้กฎหมายคุ้มครองแรงงานว่าด้วยค่าแรงขั้นต่ำว่า ต้องปรับขึ้นอัตโนมัติและปรับขึ้นทุกปี โดยคำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจ คือจีดีพีโตเท่าไหร่ และคำนึงถึงค่าครองชีพหรือเงินเฟ้อว่าเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ปัจจัยอะไรเพิ่มขึ้นมากกว่าก็นำปัจจัยนั้นมาเป็นฐานในการคำนวณปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำขั้นต้นในแต่ละปีที่จะพูดคุยบนโต๊ะของบอร์ดค่าจ้าง ก่อนให้บอร์ดฯ ตัดสินใจอีกครั้ง เพื่อให้การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามสภาวะเศรษฐกิจ ตามค่าครองชีพ และปรับขึ้นทุกปี เพราะหากปรับขึ้นคราวละมากๆ ภายในครั้งเดียว เราก็เข้าใจความรู้สึกของฝั่งผู้ประกอบการ
น.ส.
ศิริกัญญา กล่าวว่า ส่วนนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาทต่อวัน ของพรรค ก.ก. นั้น หากย้อนกลับไปปี พ.ศ.2562 พรรคอนาคตใหม่ก็เสนอแนวทางเดียวกันคือไม่ได้แข่งกันที่จำนวนเงินว่าควรปรับเพิ่มเป็นเท่าไหร่ แต่พูดถึงการแก้ไขที่ระบบ และทำให้ดูว่าจากปีพ.ศ. 2555 ที่ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท มาจนถึงวันนี้
หากคำนวณตามวิธีของพรรค ก.ก. ค่าแรงจะเพิ่มเป็นเท่าไหร่ ซึ่งคิดว่าเป็นวิธีที่ยุติธรรมต่อทั้งฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้าง เห็นใจทั้ง 2 ฝ่าย แต่เห็นใจฝั่งลูกจ้างมากกว่า เพราะต้องยอมรับว่ามีอำนาจต่อรองน้อยกว่า แต่ลูกจ้างก็จำเป็นต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและทักษะ เพราะการเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ แม้มีความจำเป็นต้องทำ แต่ไม่มีความยั่งยืนหากทักษะแรงงานไม่ได้รับการยกระดับ พรรค ก.ก. จึงเสนอให้มีโครงการ Upskill และ Reskill สำหรับทักษะพื้นฐาน จะมีการเรียนออนไลน์
JJNY : เครือข่ายแรงงาน ถูกใจเพื่อไทย| เพื่อไทย จ่อฟ้อง ทิพานัน| ‘ก้าวไกล’ แนะ แก้ระบบ | ‘สุรทิน’ ชี้ สภาล่มบ่อยเหตุ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7405602
เครือข่ายแรงงาน ถูกใจเพื่อไทย ดันค่าแรง 600 จ่อร้องพปชร.หาเสียงค่าแรงหลอกลวง อัดรัฐบาลประยุทธ์ ทำไม่ได้จริง แถมมาดิสเครดิต
วันที่ 8 ธ.ค.65 หลังจากพรรคเพื่อไทย ประกาศผลักดันนโยบายด้านเศรษฐกิจ เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจโดยเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี เริ่มต้นที่ 25,000 บาท โดยยืนยันจะทำให้สำเร็จภายในปี 2570 หากพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งปี 2566
น.ส.ธนพร วิจันทร์ เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน กล่าวถึงนโยบายดังกล่าวว่า เป็นที่ถูกใจแรงงาน และสอดคล้องกับข้อเสนอของแรงงานเรื่องเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ อีกทั้งยังเป็นนโยบายที่เชื่อว่าน่าจะเป็นไปได้ ส่วนใหญ่ค่าแรงขั้นต่ำไม่ถือว่ามากมาย เพราะไม่ได้ขึ้นทีเดียวเป็น 600 บาท แต่ค่อยขยับๆ หากนับไปอีก 4 ปี ถึง 2570 ก็คิดเป็นขึ้นค่าแรงปีละ 65 บาทโดยเฉลี่ย จึงมีความเป็นไปได้
“ความจริงค่าจ้างของแรงงานถูกกดมาหลายปี ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นมาแค่ 21 บาท ซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ 3 ซอง แล้ว นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.งแรงงาน ออกมาพูดว่านโยบายเพิ่มค่าแรงจะเป็นหายนะของประเทศ คุณเป็นรมว.แรงงาน ควรแสดงวิสัยทัศน์ว่าถ้าทำได้จริงก็ควรสนับสนุน เพราะพรรคพลังประชารัฐที่เคยหาเสียงไว้ก็ทำไม่ได้” น.ส.ธนพรกล่าว
น.ส.ธนพร กล่าวถึงกรณี นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยบชร สภาผู้แทนราษฎร ร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ตรวจสอบนโยบายดังกล่าวของพรรคเพื่อไทยว่าทำได้จริงหรือไม่ ตนจะไปร้องต่อกกต.เช่นกัน ให้ตรวจสอบนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่เคยหาเสียงไว้ด้วย ถือเป็นการหลอกลวงแรงงานหรือไม่ เพราะบริหารเป็นรัฐบาลมาถึง 8 ปีแล้ว ก็ยังทำไม่ได้เลย ตนเคยไปเรียกร้องประเด็นนี้ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล กลับได้คดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
ส่วนข้อกังวลว่าจะกระทบต่อผู้ประกอบการนั้น น.ส.ธนพร มองว่า นายจ้างโดยธรรมชาติ เมื่อเห็นว่าจะเสียประโยชน์ก็จะออกมาทักท้วงไว้ก่อน เพราะต้นทุนค่าแรงเพิ่มขึ้นมาถึง 250 บาทโดยประมาณจากค่าแรงปัจจุบัน แต่ตนเห็นว่าควรมองมุมกลับ พิจารณาอย่างมีเหตุผล ที่พรรคเพื่อไทยชี้แจงว่าต้องขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจในภาพรวม เปรียบเหมือนแรงงานในโรงงานผลิตสินค้ามาจำหน่ายได้เยอะ แรงงานก็สามารถเรียกร้องให้ปรับค่าจ้างประจำดีได้เช่นกัน ซึ่งหากนายจ้างทำไม่ได้ ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่หาเสียงไว้ ต้องออกมาตรการช่วยเหลือด้วย เช่น ทำข้อตกลงการค้ากับต่างประเทศ หรือหาช่องทางลดภาษีให้ผู้ประกอบการ
น.ส.ธนพร กล่าวว่า ตนมองมุมกลับว่า รัฐบาลปัจจุบันใช้วิธีบังคับแจก ใครจนแล้วจะได้ สุดท้ายผลประโยชน์จะเข้าทุนใหญ่ ต้องซื้อของที่เข้าร่วมโครงการกับรัฐ เงินจะเข้าสู่ทางเดียว แต่หากเงินเข้าสู่แรงงาน เงินจำนวนนั้นจะหมุนเวียนไปทั้งระบบ รวมถึงธุรกิจรายย่อย การขนส่ง และชุมชน
“ควรมองอย่างไม่มีอคติ แน่นอนมันเกิดการถกเถียง แต่ต้องเป็นไปด้วยเหตุด้วยผล ไม่ใช่สาดเสียว่าทำไม่ได้หรอก ก็คุณเป็นรัฐบาลแล้วคุณทำไม่ได้ จะรอให้เขาเป็นรัฐบาลก่อนไหม ถ้าเขาทำได้แล้วคุณจะทำยังไง 8 ปี สำหรับพวกคุณ ก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น คนงานก็แย่ ตกงาน การจ้างงานใหม่ๆ ก็ไม่มี”น.ส.ธนพร กล่าว
น.ส.ธนพร มั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยสามารถทำนโยบายดังกล่าวให้เป็นไปได้จริง เพราะตัวเลขไม่ได้สูง เมื่อเทียบเฉลี่ยต่อ 4 ปี แต่พรรคเพื่อไทยควรชี้แจงรายละเอียดให้ชัดว่ามีมาตรการใดบ้าง เพื่อดูแลนายจ้าง หากเศรษฐกิจดีขึ้นจริง จะมีส่วนสนับสนุนนายจ้างได้ เช่น เรื่องภาษี แหล่งทุน ลดดอกเบี้ย เพื่อให้นายจ้างมีความสบายใจ
“แน่นอนว่าคนตะลึง เพราะเขาคิดใหญ่ แต่คิดว่าเขาต้องทำได้ เพราะเห็นว่าถ้าทำไม่ได้จะเป็นปัญหา ก็เหมือนนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค หรือค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั้งประเทศ ทำให้แรงงานไม่ต้องกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ เพราะไม่มีใครอยากจากบ้านมา ก็จะช่วยลดงบประมาณด้านสาธารณูปโภคที่เขาต้องดูแล หรือในเขตนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงนโยบายอื่นๆ ก็สอดคล้องกัน เช่น นโยบายเกษตรกร เพราะเกษตรกรก็คือพ่อแม่ของเรา” น.ส.ธนพร กล่าว
ไม่ทน! เพื่อไทย จ่อฟ้อง ทิพานัน เอาผิดพรบ.คอมพ์ ชกใต้เข็มขัดใส่ร้าย 'อิ๊งค์'
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7406256
เพื่อไทย จ่อฟ้อง “ทิพานัน” เอาผิด พ.ร.บ.คอมพ์ ชกใต้เข็มขัด ใส่ร้าย “อิ๊งค์” ผ่านเว็บไซต์รัฐบาล จวก เลิกอุปทานหมู่สะกดจิตว่าเศรษฐกิจประเทศดี
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2565 น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีเว็บไซต์รัฐบาลไทย www.thaigov.go.th เผยแพร่ข่าวน.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ที่ระบุเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ว่า การที่น.ส.ทิพานันแสดงความมั่นใจบอกว่าเศรษฐกิจดีนั้น คงจะมีแต่น.ส.ทิพานันกับรัฐบาลเท่านั้นที่คิดเช่นนี้
แม้แต่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ที่เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยังบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่สำเร็จ รับมือโควิดไม่สำเร็จ จนมีการรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 20,000 ราย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังไม่คัดค้านความเห็นดังกล่าวของนายมิ่งขวัญ ขณะนั่งแถลงข่าวอยู่ด้วยกัน ดังนั้น ระหว่างนายมิ่งขวัญ ซึ่งเป็นทีมเศรษฐกิจคนใหม่ของพรรคพลังประชารัฐ กับน.ส.ทิพานัน ประชาชนคงเชื่อนายมิ่งขวัญมากกว่า
ประชาชนทั้งประเทศต่างรู้ดีว่าขณะนี้ประเทศไทยกำลังตกต่ำเพียงใด ภายใต้การบริหารของรัฐบาลที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันได้จากหนี้สาธารณะพุ่งชนเพดานที่ 10 ล้านล้านบาท คนจนพุ่งทะลุ 20 ล้านคน มากที่สุดในประวัติศาสตร์ หนี้ครัวเรือนพุ่งทะลุเกือบชนเพดาน ความเหลื่อมล้ำในไทยสูงสุด เด็กและเยาวชนหลุดจากระบบการศึกษา และปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้น น.ส.ทิพานันต้องเดินออกมาจากอุปทานหมู่ที่สะกดจิตตัวเองว่าเศรษฐกิจดี เพียงเพราะกังวลว่าตนเองซึ่งอยู่ในรัฐบาลจะเสียแต้มเท่านั้น
น.ส.ตรีชฎา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในเว็บไซต์ www.thaigov.go.th ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาล ที่ใช้สื่อสารต่อประชาชนอย่างเป็นทางการ ยังเผยแพร่ข้อความที่น.ส.ทิพานัน ระบุว่า พรรคเพื่อไทยจะซ้ำรอยอดีต “คิดใหญ่ โกงเป็น” นั้น ข้อความที่ปรากฏเป็นการเจตนาจงใจใส่ร้าย ใส่ความให้เกิดความเข้าใจผิดต่อพรรคเพื่อไทย
ทั้งที่ข้อเท็จจริง คือ ดัชนีชี้วัดคะแนนปลอดคอร์รัปชั่นในประเทศไทยที่จัดอันดับโดยองค์กร Transparency International พบว่าในปี 2564 ภายใต้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์อยู่ที่ 35 คะแนน อันดับที่ 110 ต่ำสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อันดับการประเมินจากองค์กรเดียวกันพบว่า ดัชนีชี้วัดคะแนนปลอดคอร์รัปชัน อยู่ในอันดับที่ 59 ซึ่งดีกว่ารัฐบาลนี้เท่าตัว
“น.ส.ทิพานัน ซึ่งเป็นรองโฆษกรัฐบาล ควรจะใช้สติปัญญาสื่อสารทางการเมืองด้วยข้อเท็จจริง กลับเลือกใช้วิธีการชกใต้เข็มขัด ดึงการเมืองกลับเข้าสู่ยุคน้ำเน่าด้วยการใช้วาทกรรมตอบโต้ไปมา หลีกเลี่ยงที่จะตอบโต้ด้วยนโยบาย วนเวียนอยู่กับวาทกรรมใส่ร้าย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เรื่องจะพาพ่อกลับบ้าน ซึ่งเป็นความเท็จ” น.ส.ตรีชฎา กล่าว
น.ส.ตรีชฎา กล่าวว่า การชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ คือชัยชนะที่จะนำพาประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หลุดพ้นจากความยากจน ทุกนโยบายผ่านการศึกษาวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนจากผู้บริหารพรรคและผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ การประกาศนโยบายทางพรรคเพื่อไทยรับผิดชอบ ซึ่งจะต้องทำให้สำเร็จ ก่อนที่ น.ส.ทิพานันจะพูดให้ข่าว น่าจะย้อนมององคาพยพของตัวเองเสียก่อน ไม่เช่นนั้นจะถูกคนเขาย้อนสวนกลับมาได้
“สิ่งที่น.ส.ทิพานันกล่าวหาในครั้งนี้เป็นการเจตนาใส่ร้าย พูดโกหก หมิ่นประมาทพรรคเพื่อไทย นำความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ที่สำคัญใช้สื่อรัฐเป็นเครื่องมือกระทำความผิด ถือว่าครบองค์ประกอบแห่งความผิด ทางฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยจึงจะพิจารณาดำเนินคดีเอาผิดกับ น.ส.ทิพานัน เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี และเพื่อไม่ให้น.ส.ทิพานันกระทำการย่ามใจไปมากกว่านี้ และเพื่อเป็นการปกป้องสิทธิ์อันชอบธรรมของพรรคเพื่อไทย” น.ส.ตรีชฎา กล่าว
‘ก้าวไกล’ แนะ แก้ระบบเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ-เงินเดือนป.ตรี ไม่ใช่เพิ่มทุกครั้งที่เลือกตั้ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3716887
‘ก้าวไกล’ แนะ แก้ระบบเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ-เงินเดือนป.ตรี ไม่ใช่เพิ่มทุกครั้งที่เลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน และเงินเดือนขั้นต่ำปริญญาตรี 25,000 บาทขึ้นไป ของพรรคเพื่อไทย (พท.) นั้น
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า หลังจากได้ฟังคำอธิบายของพรรค พท. ทำให้ทราบว่านโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนเริ่มต้นสำหรับปริญญาตรีที่ 25,000 บาท เป็นเป้าหมายที่ผู้เสนอนโยบายต้องการทำให้ได้ภายในปี พ.ศ.2570 โดยมีสภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นปัจจัยประกอบ
ถือว่าเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับพรรค ก.ก. ที่สนับสนุนการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ เพียงแต่วิธีการที่ใช้แตกต่างกัน คือให้แก้ที่ระบบการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ เนื่องจากปัจจุบันไม่มีฐานให้พูดคุยกันในคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) เพื่อกำหนดเลยว่า ค่าแรงขั้นต่ำควรจะเป็นเท่าไหร่
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า จึงเสนอให้แก้กฎหมายคุ้มครองแรงงานว่าด้วยค่าแรงขั้นต่ำว่า ต้องปรับขึ้นอัตโนมัติและปรับขึ้นทุกปี โดยคำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจ คือจีดีพีโตเท่าไหร่ และคำนึงถึงค่าครองชีพหรือเงินเฟ้อว่าเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ปัจจัยอะไรเพิ่มขึ้นมากกว่าก็นำปัจจัยนั้นมาเป็นฐานในการคำนวณปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำขั้นต้นในแต่ละปีที่จะพูดคุยบนโต๊ะของบอร์ดค่าจ้าง ก่อนให้บอร์ดฯ ตัดสินใจอีกครั้ง เพื่อให้การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามสภาวะเศรษฐกิจ ตามค่าครองชีพ และปรับขึ้นทุกปี เพราะหากปรับขึ้นคราวละมากๆ ภายในครั้งเดียว เราก็เข้าใจความรู้สึกของฝั่งผู้ประกอบการ
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ส่วนนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาทต่อวัน ของพรรค ก.ก. นั้น หากย้อนกลับไปปี พ.ศ.2562 พรรคอนาคตใหม่ก็เสนอแนวทางเดียวกันคือไม่ได้แข่งกันที่จำนวนเงินว่าควรปรับเพิ่มเป็นเท่าไหร่ แต่พูดถึงการแก้ไขที่ระบบ และทำให้ดูว่าจากปีพ.ศ. 2555 ที่ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท มาจนถึงวันนี้
หากคำนวณตามวิธีของพรรค ก.ก. ค่าแรงจะเพิ่มเป็นเท่าไหร่ ซึ่งคิดว่าเป็นวิธีที่ยุติธรรมต่อทั้งฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้าง เห็นใจทั้ง 2 ฝ่าย แต่เห็นใจฝั่งลูกจ้างมากกว่า เพราะต้องยอมรับว่ามีอำนาจต่อรองน้อยกว่า แต่ลูกจ้างก็จำเป็นต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและทักษะ เพราะการเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ แม้มีความจำเป็นต้องทำ แต่ไม่มีความยั่งยืนหากทักษะแรงงานไม่ได้รับการยกระดับ พรรค ก.ก. จึงเสนอให้มีโครงการ Upskill และ Reskill สำหรับทักษะพื้นฐาน จะมีการเรียนออนไลน์