เผยสถิติน่าตกใจ! คนไทยเล่นการพนัน 32.3 ล้านคน ชี้เรื่องสลากกินแบ่งรัฐบาลแรงจูงใจ!
https://www.matichon.co.th/local/news_3724751
เผยสถิติน่าตกใจ! คนไทยเล่นการพนัน 32.3 ล้านคน ชี้เรื่องสลากกินแบ่งรัฐบาลแรงจูงใจ!
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ที่ห้องประชุมอาคารเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี สนง.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ จังหวัดอุดรธานี , เครือข่ายสื่อสุขภาวะลดปัจจัยเสี่ยง , บริษัท โฮมเคเบิ้ล ทีวี แอนด์ วิดีโอ 1990 , สถานีโทรทัศน์ Cable Channel37HD , สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.), มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน (มรพ.) ได้จัดเวทีสาธารณะ “
อุดรสร้างสุข รื่นเริงรับลมหนาว : ปลอดเหล้า ปลอดพนัน ปลอดภัย” เพื่อสร้างค่านิยมการจัดงานเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่า นำไปสู่วัฒนธรรมการจัดงานเทศกาล งานรื่นเริง เชิงสร้างสรรค์ ปลอดอบายมุข และปัจจัยเสี่ยง
นาย
นิติพัฒน์ ลีลาเลิศแล้ว รองผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี ประธานเปิดงานฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาอุดรธานีได้ทำงานร่วมกับ สสส. และภาคีเครือข่ายฯ ผลักดันให้งานบุญประเพณี งานเลี้ยง และงานกิจกรรมต่าง ๆ ของอุดรธานีปลอดเหล้า ปลอดบุหรี่ โดยเฉพาะงานประจำปีทุ่งศรีเมืองอุดรธานี 1-12 ธันวาคมที่ผ่านมา และพื้นที่รอบการจัดงาน เป็นพื้นที่“
ปลอดเหล้า”มาต่อเนื่องนานแล้ว และในปีนี้มาตรการดังกล่าว ทำให้คดีความเกิดขึ้นในงานลดลงมาก ในส่วนตัวเองเคยดื่มเหล้า-สูบบุรี่ แต่ก็เลิกทั้งหมดมากว่า 15 ปี และออกกำลังกายวิ่งวันละ 6 กม. รอบหนองประจักษ์ฯ 2 รอบ หวังว่างานบุญประเพณี หรืองานกิจกรรม จะจัดเป็นพื้นที่ปลอดเหล้ามากขึ้น
รศ.ดร.
แล ดิลกวิทยรัตน์ กรรมการบริหารแผนคณะที่ 1 สสส. กล่าวว่า “
สสส. ร่วมกับ ภาคีเครือข่าย ได้ขับเคลื่อนสร้างค่านิยม ให้งานบุญประเพณีปลอดเหล้า ปลอดอบายมุข มาเป็นเวลากว่า 10 ปี ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จ ได้รับความร่วมมือที่ดีจากจังหวัด องค์กรปกครองท้องถิ่น และเครือข่ายสื่อ เพื่อสร้างทัศนคติ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แต่ขับเคลื่อนพื้นที่สร้างสรรค์ ลดพื้นที่เสี่ยง นำไปสู่นครแห่งสุขภาวะ ไม่สามารถทำงาน “เชิงเดี่ยว” ได้ เพราะทั้งปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การพนัน และปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ มีความซับซ้อน และท้าทายมากขึ้น การขับเคลื่อนงานต่อไปในอนาคตจึงต้องอาศัยการบูรณาการในเชิงระบบ
“
ภาพรวมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ของผู้ที่อายุ 15 ปีขึ้นมีแนวโน้มลดลงจากร้อยละ 34.0 ในปี 2558 เป็นร้อยละ 28.0 ในปี 2564 อายุเฉลี่ยที่เริ่มดื่มครั้งแรกคือ 20.4 ปี แต่การบริโภคแอลกอฮอล์ในภูมิภาคอีสาน มีความซุกของนักดื่มสูงสุดเป็นอันดับสอง คือ ร้อยละ 32.3 ในส่วนของการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ตามงานเทศกาล/งานประเพณีในรอบปี พบว่า มีการเคยไปดื่มฯ ในสถานที่ดังกล่าวร้อยละ 59.4 ซึ่ง 2 ใน 3 เป็นการได้เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ฟรีจากงาน และผู้จัดงาน ร้อยละ 63.4”
รศ.ดร.
แล ดิลกวิทยรัตน์ กล่าวอีกว่า สถานการณ์ภาพรวมการพนันปี 2564 โดยศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน พบว่า คนไทยเล่นการพนัน 32.3 ล้านคน ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านคน เมื่อเทียบกับปี 2562 ทางด้านทัศนคติที่เกี่ยวกับการพนัน เห็นว่าการรายงานข่าวของสื่อมวลชน เช่น คนถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 รวมถึงการตีข่าวเลขเด็ดจากเหตุการณ์ต่างๆ ทำให้คนเล่นพนันเพิ่มขึ้นร้อยละ 74.3 การให้ข้อมูลความรู้ และความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับการพนัน จึงมีความสำคัญมาก เพื่อให้เห็นผลกระทบจากการพนัน มีแนวทางการป้องกันตนเอง และคนในครอบครัวไม่ให้ติดพนัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในการประชุมศูนย์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน จ.อุดรธานี รายงานว่าเดือนธันวาคม และมกราคมของทุกปี สถิติอุบัติเหตุบนถนนจะสูงมากขึ้น เกิดขึ้นจากการสังสรรค์ และมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยตั้งแต่วันที่ 1-12 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา มีอุบัติเหตุบนถนนเป็นเหตุให้เสียชีวิตสูงถึง 20 ราย หรือวันละ 1.67 ราย สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุดรธานี ที่เสียชีวิตวันละ 1.09 ราย โดยในจำนวนนี้เมาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 40 % แม้สถิติจะลดลงลงเล็กน้อย แต่ะมีเมาสารเสพติดอื่นมาเพิ่ม
‘พิธา’ ยันความสัมพันธ์ ‘ก้าวไกล-เพื่อไทย’ ยังแน่น – ลั่นค่าแรงต้องขึ้นสม่ำเสมอไม่ใช่แค่ช่วงเลือกตั้ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3724399
‘พิธา’ ยันความสัมพันธ์ ‘ก้าวไกล-เพื่อไทย’ ยังแน่น – ลั่นค่าแรงต้องขึ้นสม่ำเสมอไม่ใช่แค่ช่วงเลือกตั้ง
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 14 ธันวาคม นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ประกาศนโยบายค่าแรงวันละ 600 บาท ว่า ตนคิดว่า นโยบายค่าแรงเป็นสิ่งที่พรรค ก.ก.และพรรค พท.มีความคิดเห็นตรงกัน เป็นสิ่งที่ตนอยากจะชวนพรรค พท.มาทำงานร่วมกันในระบบประชาธิปไตย ที่มีระบบรัฐสภา ซึ่งสามารถเสนอนโยบายของแต่ละพรรคได้ เพื่อให้เกิดผลดีที่สุดกับประชาชน ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ทั้งสองพรรคเห็นผู้ใช้แรงงานเป็นจุดศูนย์กลาง ฉะนั้น ในภาพใหญ่เรายืนยันว่าเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพรรค พท.มาโดยตลอด รวมถึงในอนาคตอาจจะมีบางอย่างที่เห็นไม่ตรงกันบ้างในเรื่องของการทำงาน แต่ตนคิดว่าน่าจะหาจุดร่วมกันได้ ที่เห็นตรงกันชัดเจนที่สุดคือสวัสดิการความเป็นอยู่ของประชาชนผู้ใช้แรงงาน
“
ผมขอยืนยันว่า เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพรรคเพื่อไทยมาตลอด ตั้งแต่ในอดีต ปัจจุบัน และหวังว่าในอนาคต เมื่อเราเริ่มแถลงนโยบายก็มีหลายเรื่องที่เห็นตรงกัน ถ้าเราเป็นรัฐบาลร่วมกันก็สามารถที่จะแบ่งงานกันทำได้ และทำงานไปในทิศทางเดียวกัน” นาย
พิธากล่าว
เมื่อถามว่า หากมีการขึ้นค่าแรงอาจจะทำให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ และอาจจะเกิดภาวะเงินเฟ้อ ทางพรรค ก.ก.มีแนวทางแก้ไขหรือไม่ นาย
พิธากล่าวว่า ขณะนี้ค่าแรงเท่าเดิมเงินก็เฟ้ออยู่แล้ว ความจริงเงินเฟ้อก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับค่าแรงเพียงอย่างเดียว ซึ่งตนคิดว่าหากขึ้นค่าแรงรัฐบาลจะต้องช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีในช่วง 6 เดือนแรก เพื่อให้เกิดการปรับตัว และที่สำคัญในเรื่องการปรับขึ้นค่าแรงควรจะสม่ำเสมอและอัตโนมัติ ไม่ใช่มีการเลือกตั้งก็กระชากขึ้น จะทำให้เรื่องที่ไม่น่าจะเป็นปัญหาก็จะกลายเป็นปัญหา หากเรายึดให้ค่าแรงของประเทศขึ้นตามค่าเงินเฟ้อ หรือจีดีพีอัตโนมัติทุกปี ตนคิดว่าจะเกิดความยั่งยืนมากขึ้น และผลกระทบต่อธุรกิจเอสเอ็มอีจะน้อยลง
“ก้าวไกล” ย้ำจุดยืน “กัญชาก้าวหน้า” ต้องมีกฎหมายควบคุม กั๊ก คว่ำหรือผ่าน รอดูรายละเอียดก่อน
https://siamrath.co.th/n/407194
วันที่ 14 ธ.ค. 65 ที่รัฐสภา นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) พร้อมด้วยส.ส.พรรค แถลงจุดยืนต่อร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง (ฉบับที่…) พ.ศ… โดยนาย
พิธากล่าวว่า จุดยืนของพรรคก้าวไกลไม่เคยเปลี่ยนแปลงแม้แต่เล็กน้อย ตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ คิดว่ากัญชาสามารถก้าวหน้าได้มากกว่ากัญชาทางการแพทย์ และสามารถเป็นกัญชาสันทนาการที่มีการควบคุมได้ แต่ที่ไม่ใช่จุดยืนของพรรคก้าวไกล คือ กัญชาเสรีสุดโต่งอย่างที่เกิดขึ้น หรือสุญญากาศทางกัญชาที่มีการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด แต่ไม่มีกฎหมายควบคุม จนถึงตอนนี้แม้จะมีกฎกระทรวงมาพยายามอุดช่องโหว่ แต่จากการเกิดกัญชาเสรีในช่วงที่ผ่านมา ก็ยังมีปัญหา ซึ่งเรามีความห่วงใยเยาวชน เพราะคิดว่าหากเราต้องการปกป้องเยาวชนต้องมีกฎหมายมาควบคุมกัญชาที่เข้มข้น
นาย
พิธากล่าวต่อว่า ฉะนั้น เราต้องเข้าใจว่ากัญชามีทั้งประโยชน์และโทษ ซึ่งการที่กัญชาหายไปจากสังคมไทยกว่า 60 ปี และมีการมาปลดล็อคกัญชาออกจากยาเสพติด กลายเป็นกัญชาเสรีอย่างสุดโต่ง จะทำให้มีโทษมากกว่าเดิมทั้งนี้ เราต้องการพัฒนาอุตสาหกรรมกัญชาที่ให้ประโยชน์มากกว่าโทษ คือการที่สามารถควบคุมได้ ซึ่งหากเราพัฒนาไม่ดี มีการปล่อยไปให้สุดตรงก่อน แล้วจึงค่อยนำกฎกระทรวงมาปิดช่องโหว่ทีละนิด ก็กลัวว่าจะเป็นวัวหายล้อมคอก
“
กัญชาไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องที่จะใช้อารมณ์ ไม่ใช่เรื่องของพรรคใดพรรคหนึ่ง และไม่ใช่เรื่องของนายทุนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของสังคมส่วนรวม ซึ่งต้องหาศูนย์รวมตรงนี้ให้ได้ และย้ำว่าหากอยากให้กัญชาก้าวหน้าต้องมีกฎหมายควบคุม อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจในการโหวตวาระ 3 ต้องมีการลงรายละเอียด และต้องตัดสินใจกันอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง” นาย
พิธา กล่าว
ด้านนาย
เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า ในฐานะที่ตนได้เป็นคณะกรรมาธิการของกฎหมายฉบับนี้ ยืนยันตามเดิมที่เคยพูดในสภาว่าการมีพ.ร.บ.กัญชา กัญชงออกมาคือการควบคุม ไม่ใช่การปลดเสรี การไม่มีกฎหมายในปัจจุบันเป็นสุญญากาศนี่เป็นการปล่อยเสรี
“
สิ่งแรกคือ ไม่ให้กลุ่มทุนใดกลุ่มหนึ่ง หรือกลุ่มการเมืองใดกลุ่มการเมืองหนึ่งผูกขาด ประชาชนได้มีโอกาสเข้าถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจ หรือการเข้าถึงการใช้ประโยชน์จากกัญชาอย่างเต็มที่ สอง แน่นอนที่สุด นี่คือสิ่งที่พรรคก้าวไกลมองมาตั้งนานแล้ว พอเห็นร่างพ.ร.บ.กัญชา ที่พรรคภูมิใจไทย(ภท.) เสนอ เราและพี่น้องประชาชนเครือข่ายกัญชาช่วยกันร่างพ.ร.บ.อีกหนึ่งฉบับ ซึ่งเรียกว่า “กัญชาก้าวหน้า” โดยมีหลักใหญ่ใจความที่เข้าไปอุดช่องว่างอยู่เยอะมาก” นาย
เท่าพิภพ กล่าว
นาย
เท่าพิภพกล่าวต่อว่า ตนกล้าพูดเลยว่า ร่างพ.ร.บ.กัญชา ที่พิจารณาวันนี้ 70-80% เป็นสิ่งที่ตนได้ใส่เข้าไปในเรื่องการควบคุม แม้จะมีบางมาตราที่กมธ.ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ดังนั้นอยากให้ทุกคนเชื่อว่า การทำงานของตนรวมถึงพรรคก้าวไกลที่ได้อยู่ในกมธ. เราตอบจุดประสงค์นี้เป็นหลักแน่นอน และวันนี้ที่ตนเรียกร้องให้สภาพิจารณา เพื่อโหวตผ่านในสิ่งที่ตนได้แปรญัตติไป เช่น การเก็บภาษีกัญชาเพื่อมาบำรุงท้องถิ่น, การคุ้มกันเยาวชนที่มากขึ้น หากเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ใช้กัญชา ผู้ปกครองมีความผิดด้วย เป็นไปตามหลักกฎหมายที่เคยมีมาก่อนแล้ว เรื่องบุหรี่เรื่องสุราที่มีพ.ร.บ.คุ้มครองเด็กและเยาวชน
นาย
เท่าพิภพกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องให้ผ่านหรือไม่ผ่าน ตนมองว่ามีรายละเอียดหลายอย่างมาก การที่กัญชาไม่เป็นยาเสพติดจะส่งผลกระทบหลายอย่าง พรรคก้าวไกลต้องยืนยันอีกครั้งว่า การให้เป็นยาเสพติดจะสามารถควบคุมได้มากกว่า แต่ผู้ที่เริ่มปลูกไปแล้ว ก็สามารถใช้พ.ร.บนี้ได้ ทำธุรกิจได้เหมือนเดิม นี่คือทางออกที่ดีที่สุด
JJNY : เผยสถิติน่าตกใจ!| ‘พิธา’ยัน‘ก้าวไกล-เพื่อไทย’ยังแน่น| “ก้าวไกล”ย้ำจุดยืน“กัญชาก้าวหน้า”| เผยชาวบ้านอยากได้พท.
https://www.matichon.co.th/local/news_3724751
เผยสถิติน่าตกใจ! คนไทยเล่นการพนัน 32.3 ล้านคน ชี้เรื่องสลากกินแบ่งรัฐบาลแรงจูงใจ!
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ที่ห้องประชุมอาคารเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี สนง.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ จังหวัดอุดรธานี , เครือข่ายสื่อสุขภาวะลดปัจจัยเสี่ยง , บริษัท โฮมเคเบิ้ล ทีวี แอนด์ วิดีโอ 1990 , สถานีโทรทัศน์ Cable Channel37HD , สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.), มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน (มรพ.) ได้จัดเวทีสาธารณะ “อุดรสร้างสุข รื่นเริงรับลมหนาว : ปลอดเหล้า ปลอดพนัน ปลอดภัย” เพื่อสร้างค่านิยมการจัดงานเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่า นำไปสู่วัฒนธรรมการจัดงานเทศกาล งานรื่นเริง เชิงสร้างสรรค์ ปลอดอบายมุข และปัจจัยเสี่ยง
นายนิติพัฒน์ ลีลาเลิศแล้ว รองผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี ประธานเปิดงานฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาอุดรธานีได้ทำงานร่วมกับ สสส. และภาคีเครือข่ายฯ ผลักดันให้งานบุญประเพณี งานเลี้ยง และงานกิจกรรมต่าง ๆ ของอุดรธานีปลอดเหล้า ปลอดบุหรี่ โดยเฉพาะงานประจำปีทุ่งศรีเมืองอุดรธานี 1-12 ธันวาคมที่ผ่านมา และพื้นที่รอบการจัดงาน เป็นพื้นที่“ปลอดเหล้า”มาต่อเนื่องนานแล้ว และในปีนี้มาตรการดังกล่าว ทำให้คดีความเกิดขึ้นในงานลดลงมาก ในส่วนตัวเองเคยดื่มเหล้า-สูบบุรี่ แต่ก็เลิกทั้งหมดมากว่า 15 ปี และออกกำลังกายวิ่งวันละ 6 กม. รอบหนองประจักษ์ฯ 2 รอบ หวังว่างานบุญประเพณี หรืองานกิจกรรม จะจัดเป็นพื้นที่ปลอดเหล้ามากขึ้น
รศ.ดร.แล ดิลกวิทยรัตน์ กรรมการบริหารแผนคณะที่ 1 สสส. กล่าวว่า “สสส. ร่วมกับ ภาคีเครือข่าย ได้ขับเคลื่อนสร้างค่านิยม ให้งานบุญประเพณีปลอดเหล้า ปลอดอบายมุข มาเป็นเวลากว่า 10 ปี ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จ ได้รับความร่วมมือที่ดีจากจังหวัด องค์กรปกครองท้องถิ่น และเครือข่ายสื่อ เพื่อสร้างทัศนคติ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แต่ขับเคลื่อนพื้นที่สร้างสรรค์ ลดพื้นที่เสี่ยง นำไปสู่นครแห่งสุขภาวะ ไม่สามารถทำงาน “เชิงเดี่ยว” ได้ เพราะทั้งปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การพนัน และปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ มีความซับซ้อน และท้าทายมากขึ้น การขับเคลื่อนงานต่อไปในอนาคตจึงต้องอาศัยการบูรณาการในเชิงระบบ
“ภาพรวมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ของผู้ที่อายุ 15 ปีขึ้นมีแนวโน้มลดลงจากร้อยละ 34.0 ในปี 2558 เป็นร้อยละ 28.0 ในปี 2564 อายุเฉลี่ยที่เริ่มดื่มครั้งแรกคือ 20.4 ปี แต่การบริโภคแอลกอฮอล์ในภูมิภาคอีสาน มีความซุกของนักดื่มสูงสุดเป็นอันดับสอง คือ ร้อยละ 32.3 ในส่วนของการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ตามงานเทศกาล/งานประเพณีในรอบปี พบว่า มีการเคยไปดื่มฯ ในสถานที่ดังกล่าวร้อยละ 59.4 ซึ่ง 2 ใน 3 เป็นการได้เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ฟรีจากงาน และผู้จัดงาน ร้อยละ 63.4”
รศ.ดร.แล ดิลกวิทยรัตน์ กล่าวอีกว่า สถานการณ์ภาพรวมการพนันปี 2564 โดยศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน พบว่า คนไทยเล่นการพนัน 32.3 ล้านคน ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านคน เมื่อเทียบกับปี 2562 ทางด้านทัศนคติที่เกี่ยวกับการพนัน เห็นว่าการรายงานข่าวของสื่อมวลชน เช่น คนถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 รวมถึงการตีข่าวเลขเด็ดจากเหตุการณ์ต่างๆ ทำให้คนเล่นพนันเพิ่มขึ้นร้อยละ 74.3 การให้ข้อมูลความรู้ และความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับการพนัน จึงมีความสำคัญมาก เพื่อให้เห็นผลกระทบจากการพนัน มีแนวทางการป้องกันตนเอง และคนในครอบครัวไม่ให้ติดพนัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในการประชุมศูนย์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน จ.อุดรธานี รายงานว่าเดือนธันวาคม และมกราคมของทุกปี สถิติอุบัติเหตุบนถนนจะสูงมากขึ้น เกิดขึ้นจากการสังสรรค์ และมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยตั้งแต่วันที่ 1-12 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา มีอุบัติเหตุบนถนนเป็นเหตุให้เสียชีวิตสูงถึง 20 ราย หรือวันละ 1.67 ราย สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุดรธานี ที่เสียชีวิตวันละ 1.09 ราย โดยในจำนวนนี้เมาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 40 % แม้สถิติจะลดลงลงเล็กน้อย แต่ะมีเมาสารเสพติดอื่นมาเพิ่ม
‘พิธา’ ยันความสัมพันธ์ ‘ก้าวไกล-เพื่อไทย’ ยังแน่น – ลั่นค่าแรงต้องขึ้นสม่ำเสมอไม่ใช่แค่ช่วงเลือกตั้ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3724399
‘พิธา’ ยันความสัมพันธ์ ‘ก้าวไกล-เพื่อไทย’ ยังแน่น – ลั่นค่าแรงต้องขึ้นสม่ำเสมอไม่ใช่แค่ช่วงเลือกตั้ง
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 14 ธันวาคม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ประกาศนโยบายค่าแรงวันละ 600 บาท ว่า ตนคิดว่า นโยบายค่าแรงเป็นสิ่งที่พรรค ก.ก.และพรรค พท.มีความคิดเห็นตรงกัน เป็นสิ่งที่ตนอยากจะชวนพรรค พท.มาทำงานร่วมกันในระบบประชาธิปไตย ที่มีระบบรัฐสภา ซึ่งสามารถเสนอนโยบายของแต่ละพรรคได้ เพื่อให้เกิดผลดีที่สุดกับประชาชน ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ทั้งสองพรรคเห็นผู้ใช้แรงงานเป็นจุดศูนย์กลาง ฉะนั้น ในภาพใหญ่เรายืนยันว่าเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพรรค พท.มาโดยตลอด รวมถึงในอนาคตอาจจะมีบางอย่างที่เห็นไม่ตรงกันบ้างในเรื่องของการทำงาน แต่ตนคิดว่าน่าจะหาจุดร่วมกันได้ ที่เห็นตรงกันชัดเจนที่สุดคือสวัสดิการความเป็นอยู่ของประชาชนผู้ใช้แรงงาน
“ผมขอยืนยันว่า เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพรรคเพื่อไทยมาตลอด ตั้งแต่ในอดีต ปัจจุบัน และหวังว่าในอนาคต เมื่อเราเริ่มแถลงนโยบายก็มีหลายเรื่องที่เห็นตรงกัน ถ้าเราเป็นรัฐบาลร่วมกันก็สามารถที่จะแบ่งงานกันทำได้ และทำงานไปในทิศทางเดียวกัน” นายพิธากล่าว
เมื่อถามว่า หากมีการขึ้นค่าแรงอาจจะทำให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ และอาจจะเกิดภาวะเงินเฟ้อ ทางพรรค ก.ก.มีแนวทางแก้ไขหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ขณะนี้ค่าแรงเท่าเดิมเงินก็เฟ้ออยู่แล้ว ความจริงเงินเฟ้อก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับค่าแรงเพียงอย่างเดียว ซึ่งตนคิดว่าหากขึ้นค่าแรงรัฐบาลจะต้องช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีในช่วง 6 เดือนแรก เพื่อให้เกิดการปรับตัว และที่สำคัญในเรื่องการปรับขึ้นค่าแรงควรจะสม่ำเสมอและอัตโนมัติ ไม่ใช่มีการเลือกตั้งก็กระชากขึ้น จะทำให้เรื่องที่ไม่น่าจะเป็นปัญหาก็จะกลายเป็นปัญหา หากเรายึดให้ค่าแรงของประเทศขึ้นตามค่าเงินเฟ้อ หรือจีดีพีอัตโนมัติทุกปี ตนคิดว่าจะเกิดความยั่งยืนมากขึ้น และผลกระทบต่อธุรกิจเอสเอ็มอีจะน้อยลง
“ก้าวไกล” ย้ำจุดยืน “กัญชาก้าวหน้า” ต้องมีกฎหมายควบคุม กั๊ก คว่ำหรือผ่าน รอดูรายละเอียดก่อน
https://siamrath.co.th/n/407194
วันที่ 14 ธ.ค. 65 ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) พร้อมด้วยส.ส.พรรค แถลงจุดยืนต่อร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง (ฉบับที่…) พ.ศ… โดยนายพิธากล่าวว่า จุดยืนของพรรคก้าวไกลไม่เคยเปลี่ยนแปลงแม้แต่เล็กน้อย ตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ คิดว่ากัญชาสามารถก้าวหน้าได้มากกว่ากัญชาทางการแพทย์ และสามารถเป็นกัญชาสันทนาการที่มีการควบคุมได้ แต่ที่ไม่ใช่จุดยืนของพรรคก้าวไกล คือ กัญชาเสรีสุดโต่งอย่างที่เกิดขึ้น หรือสุญญากาศทางกัญชาที่มีการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด แต่ไม่มีกฎหมายควบคุม จนถึงตอนนี้แม้จะมีกฎกระทรวงมาพยายามอุดช่องโหว่ แต่จากการเกิดกัญชาเสรีในช่วงที่ผ่านมา ก็ยังมีปัญหา ซึ่งเรามีความห่วงใยเยาวชน เพราะคิดว่าหากเราต้องการปกป้องเยาวชนต้องมีกฎหมายมาควบคุมกัญชาที่เข้มข้น
นายพิธากล่าวต่อว่า ฉะนั้น เราต้องเข้าใจว่ากัญชามีทั้งประโยชน์และโทษ ซึ่งการที่กัญชาหายไปจากสังคมไทยกว่า 60 ปี และมีการมาปลดล็อคกัญชาออกจากยาเสพติด กลายเป็นกัญชาเสรีอย่างสุดโต่ง จะทำให้มีโทษมากกว่าเดิมทั้งนี้ เราต้องการพัฒนาอุตสาหกรรมกัญชาที่ให้ประโยชน์มากกว่าโทษ คือการที่สามารถควบคุมได้ ซึ่งหากเราพัฒนาไม่ดี มีการปล่อยไปให้สุดตรงก่อน แล้วจึงค่อยนำกฎกระทรวงมาปิดช่องโหว่ทีละนิด ก็กลัวว่าจะเป็นวัวหายล้อมคอก
“กัญชาไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องที่จะใช้อารมณ์ ไม่ใช่เรื่องของพรรคใดพรรคหนึ่ง และไม่ใช่เรื่องของนายทุนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของสังคมส่วนรวม ซึ่งต้องหาศูนย์รวมตรงนี้ให้ได้ และย้ำว่าหากอยากให้กัญชาก้าวหน้าต้องมีกฎหมายควบคุม อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจในการโหวตวาระ 3 ต้องมีการลงรายละเอียด และต้องตัดสินใจกันอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง” นายพิธา กล่าว
ด้านนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า ในฐานะที่ตนได้เป็นคณะกรรมาธิการของกฎหมายฉบับนี้ ยืนยันตามเดิมที่เคยพูดในสภาว่าการมีพ.ร.บ.กัญชา กัญชงออกมาคือการควบคุม ไม่ใช่การปลดเสรี การไม่มีกฎหมายในปัจจุบันเป็นสุญญากาศนี่เป็นการปล่อยเสรี
“สิ่งแรกคือ ไม่ให้กลุ่มทุนใดกลุ่มหนึ่ง หรือกลุ่มการเมืองใดกลุ่มการเมืองหนึ่งผูกขาด ประชาชนได้มีโอกาสเข้าถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจ หรือการเข้าถึงการใช้ประโยชน์จากกัญชาอย่างเต็มที่ สอง แน่นอนที่สุด นี่คือสิ่งที่พรรคก้าวไกลมองมาตั้งนานแล้ว พอเห็นร่างพ.ร.บ.กัญชา ที่พรรคภูมิใจไทย(ภท.) เสนอ เราและพี่น้องประชาชนเครือข่ายกัญชาช่วยกันร่างพ.ร.บ.อีกหนึ่งฉบับ ซึ่งเรียกว่า “กัญชาก้าวหน้า” โดยมีหลักใหญ่ใจความที่เข้าไปอุดช่องว่างอยู่เยอะมาก” นายเท่าพิภพ กล่าว
นายเท่าพิภพกล่าวต่อว่า ตนกล้าพูดเลยว่า ร่างพ.ร.บ.กัญชา ที่พิจารณาวันนี้ 70-80% เป็นสิ่งที่ตนได้ใส่เข้าไปในเรื่องการควบคุม แม้จะมีบางมาตราที่กมธ.ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ดังนั้นอยากให้ทุกคนเชื่อว่า การทำงานของตนรวมถึงพรรคก้าวไกลที่ได้อยู่ในกมธ. เราตอบจุดประสงค์นี้เป็นหลักแน่นอน และวันนี้ที่ตนเรียกร้องให้สภาพิจารณา เพื่อโหวตผ่านในสิ่งที่ตนได้แปรญัตติไป เช่น การเก็บภาษีกัญชาเพื่อมาบำรุงท้องถิ่น, การคุ้มกันเยาวชนที่มากขึ้น หากเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ใช้กัญชา ผู้ปกครองมีความผิดด้วย เป็นไปตามหลักกฎหมายที่เคยมีมาก่อนแล้ว เรื่องบุหรี่เรื่องสุราที่มีพ.ร.บ.คุ้มครองเด็กและเยาวชน
นายเท่าพิภพกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องให้ผ่านหรือไม่ผ่าน ตนมองว่ามีรายละเอียดหลายอย่างมาก การที่กัญชาไม่เป็นยาเสพติดจะส่งผลกระทบหลายอย่าง พรรคก้าวไกลต้องยืนยันอีกครั้งว่า การให้เป็นยาเสพติดจะสามารถควบคุมได้มากกว่า แต่ผู้ที่เริ่มปลูกไปแล้ว ก็สามารถใช้พ.ร.บนี้ได้ ทำธุรกิจได้เหมือนเดิม นี่คือทางออกที่ดีที่สุด