สภาล่มอีกแล้ว หลังชวนยื้อครึ่งชม. สุดท้ายไร้ผล รอบที่ 4 ของกม.ถอดถอนสมาชิกท้องถิ่น
https://www.matichon.co.th/politics/news_3703773
สภาล่มซ้ำซาก หลังฝ่ายค้านไม่เป็นองค์ประชุมให้ ส.ส.รัฐบาลขาดเอื้อ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 1 ธันวาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนาย
ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม หลังเปิดให้สมาชิกหารือถึงปัญหาความเดือดร้อนในประชาชนในพื้นที่แล้ว ได้แจ้งถึงการเลื่อนลำดับบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หลังจากที่นาย
ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ และได้เลื่อนนาง
วลัยพร รัตนเศรษฐ์ เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ จากนั้นได้ให้นาง
วลัยพรกล่าวปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้จำนวน ส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้มีจำนวน 474 คน
จากนั้นนาย
ชวน ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงการนัดประชุมร่วมรัฐสภา และประชุมสภา ว่า ในวันที่ 7 ธันวาคมจะมีการประชุมรัฐสภาในช่วงเช้าเพื่อลงมติในวาระแรก ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช …. แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น ของร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้นในช่วงบ่าย เวลา 13.30 น. จะประชุมสภาผู้แทนราษฎร และตนขอนัดประชุมสภานัดพิเศษ ในวันที่ 16 ธันวาคมเพื่อพิจารณารายงานของกรรมาธิการฯ และนัดการประชุมสภาครั้งสุดท้ายในปีนี้ คือวันที่ 28-29 ธันวาคม ดังนั้นขอความร่วมมือเรื่องที่ค้างอยู่ขอให้ช่วยกัน
จากนั้นเวลา 11.00 น. เข้าสู่การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว ที่เกิดเหตุจำนวนสมาชิกอยู่ไม่ครบองค์ประชุม ต้องปิดประชุมสภา เนื่องจาก ส.ส.ฝ่ายค้านไม่พอใจที่ให้มีการโหวตลงมติมาตรา 9/1 ใหม่ โดยเมื่อเริ่มการประชุมครั้งนี้ ก็ส่อแววเกิดเหตุองค์ประชุมไม่ครบเหมือนเดิมทันที เมื่อนาย
จุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย แจ้งว่า ฝ่ายค้านจะอยู่ในห้องประชุม แต่ไม่ขอร่วมแสดงตนเป็นองค์ประชุมในการโหวตมาตรา 9/1 เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้มีการลงมติใหม่ในมาตราดังกล่าว เพราะขัดต่อข้อบังคับการประชุมสภา
ทำให้การโหวตมาตรา 9/1 เป็นไปอย่างขลุกขลักทันที เพราะจำนวน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลที่อยู่ในห้องประชุมมีอยู่บางตา แม้นาย
ชวนจะพยายามกดออดเรียก ส.ส.ให้เข้าห้องประชุม และขอความร่วมมือ ส.ส.ฝ่ายค้านที่อยู่ในห้องประชุมให้ร่วมกันแสดงตนเป็นองค์ประชุมก็ตาม แต่ก็ไม่เป็นผล เสียเวลารอกันนานกว่า 30 นาที ก็ยังไม่มีทีท่าจะมีจำนวนสมาชิกครบองค์ประชุม
กระทั่งเวลา 11.30 น. นาย
ชวนแจ้งว่า ยังขาดองค์ประชุมอยู่ 17 คน แต่นายชวนก็ยังให้รอต่อไป จนเวลา 11.40 น. นาย
ชวนแจ้งอีกครั้งว่า จากการสอบถามผู้ควบคุมเสียงฝ่ายรัฐบาลทราบว่า คงใช้เวลาอีกนานในการตาม ส.ส.มาให้ครบองค์ประชุม ขณะนี้มีผู้มากดบัตรแสดงตน เพียง 221 คน ขาดอีก 10 กว่าคน ดังนั้นเมื่อองค์ประชุมไม่ครบ ก็ขอสั่งปิดประชุมทันที ในเวลา 11.41 น.
ทำให้ร่าง พ.ร.บ.การเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ที่เข้าสู่การพิจารณาในสภาเป็นรอบที่ 4 แล้ว แต่ยังคงยืดเยื้อ ไม่ผ่านการพิจารณาสักที
"ฝ่ายค้าน" ปัดตีรวนเหตุประชุมสภาฯล่ม โยนเป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาล
https://siamrath.co.th/n/403997
วันที่ 1 ธ.ค.65 ที่รัฐสภา พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยนาย
สมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) พร้อมด้วยนาย
ณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมกันแถลงข่าวหลังองค์ประชุมสภาล่ม
โดยนาย
สมคิด กล่าวว่า
ที่ผ่านมาเรายืนยันและคัดค้านมาตลอดว่าในการลงมติไปแล้วไม่สามารถกลับมาลงคะแนนใหม่ได้ พอวันนี้ก็มาเข้ามาตราเดิม ซึ่งเราได้พูดแล้วว่าถ้าทางรัฐบาลจะลงมติใหม่ เราจะไม่ร่วมสังฆกรรมด้วย และเราก็จะไม่เป็นองค์ประชุม ซึ่งหลังจากนี้ก็จะเป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลที่จะหาองค์ประชุมมาเอง ฝ่ายค้านได้ส่งสัญญาณว่าจะไม่เป็นองค์ประชุมตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ฉะนั้น เรื่องนี้รัฐบาลต้องตอบคำถามให้ได้ว่า คนของท่านหายไปไหน ทำไมองค์ประชุมไม่พอ ซึ่งถ้าองค์ประชุมครบ มาตราอื่นๆเราพร้อมที่จะร่วมประชุมด้วย” นาย
สมคิด กล่าว
ด้านนาย
ณัฐวุฒิ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราจะได้ยินว่าองค์ประชุมเป็นของรัฐบาล รัฐบาลจะรับผิดชอบเพียงผู้เดียว แต่ฝ่ายค้านเราไม่ได้มองเท่านั้น ที่ผ่านมาเราให้ความร่วมมือในเรื่องประชุม แต่ในครั้งนี้เป็นเรื่องของหลักการ ในกรณีที่มีความแตกต่างกับกฎหมายฉบับอื่นๆ ซึ่งจะมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าที่พรรคก้าวไกล หรือฝ่ายค้านเองก็เคยใช้การนับคะแนนใหม่ในพ.ร.บ. สุราก้าวหน้า ซึ่งนั่นเป็นไปตามข้อบังคับของการประชุมที่คะแนนห่างกันไม่ถึง 25 คะแนน จึงนำไปสู่การขอให้นับคะแนนใหม่ แต่ในกรณีที่เกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาที่ขอให้มีการนับคะแนนใหม่ไม่ใช่เช่นนั้น และกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ (1 ธ.ค.) ทั้งตนและนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้ขอความชัดเจนจากประธานสภา และตัวแทนวิปฝ่ายรัฐบาลว่าใช้ข้อบังคับการประชุมข้อใด ในการขอให้มีการลงคะแนนใหม่ ดังนั้น เราจำเป็นที่ต้องยืนยันในหลักการว่า เมื่อไม่มีกฎหมายให้อำนาจในการดำเนินการได้ เราก็ไม่สามารถร่วมดำเนินการได้
"
เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล เพราะไม่ว่าจะเป็นกฎหมายฉบับนี้ หรือฉบับถัดไป ล้วนแต่เป็นกฎหมายที่ฝ่ายรัฐบาลเป็นผู้เสนอ ฉะนั้น หากไม่รับผิดชอบองค์ประชุมได้ ก็เสมือนว่าท่านไม่รับผิดชอบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ได้เช่นเดียวกัน เรื่องนี้ไม่ใช่เกมการเมือง แต่เป็นความชอบธรรมในทางกฎหมาย ซึ่งไม่ปรากฏว่าสิ่งที่รัฐบาลหรือสภาทำในวันนี้ มีความชอบธรรม ดังนั้น เรามีความชัดเจนในจุดยืน และจะเป็นจุดยืนที่จะใช้ในช่วงบ่ายของวันที่ 7 ธ.ค." นาย
ณัฐวุฒิ กล่าว
‘ชลน่าน’ ชี้ปรับครม.รอบนี้ บิ๊กตู่กำไรอยู่คนเดียว ได้ส่งคนไว้ใจ ไปคุมงบกลาง 5 แสนล้าน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3703801
“ชลน่าน” เหน็บ “บิ๊กตู่” ปรับครม.ได้กำไรอยู่คนเดียว แนะ จับตา 24 ธ.ค.นี้ ส.ส.ย้ายออก ทำสภา ล่ม ให้นายกฯ ยุบสภา
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค พท. ให้สัมภาษณ์กรณีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า ไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพราะมีเสียงเรียกร้องจากพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มาโดยตลอด ซึ่งมีกระบวนการสรรหาตัวรัฐมนตรีไว้เรียบร้อย ทั้งนี้ ในส่วนของตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่หลายคนคงเห็นแล้วประหลาดใจ เพราะโควต้าที่ให้มามีข้อสังเกต คือเป็นการปรับ ครม.เสมือนแบ่งกันคนละครึ่ง การอ้างว่าเป็นการปรับที่อยู่ในส่วนของโควต้าพลังประชารัฐ (พปชร.) นั้น เป็นการตั้งโดยนายกฯ เพื่อมาทำงานกับนายกฯ แต่ผลที่ออกมาเป็นที่ประจักษ์ว่านายกฯ ได้กำไรสุดๆ ไม่ได้คนละครึ่ง เพราะตำแหน่งที่ปรับมาโดยเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ ปรับมาเพื่อมาทำงานใกล้ชิดนายกฯ ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็ปรับเพราะมาจากกลุ่มปากน้ำ เป็นคนในเครือข่ายเดียวกัน เหมือนเป็นการปรับเพื่อต่างตอบแทน ดังนั้น การปรับ ครม.ครั้งนี้จึงไม่ได้ตอบโจทย์ประชาชน ไม่ได้ตอบสนองความเดือดร้อนของประชาชน
“
ตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ถือเป็นตำแหน่งสำคัญ แต่ทำไมถึงเป็นนายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร.นั่นหมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์ไว้ใจคนนี้ โดยเฉพาะช่วงใกล้เลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์มีงบกลางเหลือประมาณ 5 แสนล้านบาท และคนที่จะมาขับเคลื่อนตรงนี้ต้องอาศัยคนที่ไว้ใจ และเป็นไปตามความต้องการของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่แปลกที่เลือกคนๆ นี้เข้ามา” นพ.
ชลน่านกล่าว
เมื่อถามว่า เป็นเหมือนรางวัลล่อใจ ดึง ส.ส.พปชร. เพื่อไปอยู่พรรคใหม่หรือไม่ นพ.
ชลน่านกล่าวว่า ก็คิดได้ ใครทำงานเป็นที่ถูกใจก็สามารถได้รับบำเหน็จรางวัล ได้รับโอกาส ก็เป็นเทคนิคทางการเมือง ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็เหมือนเป็นการมัดใจกลุ่มปากน้ำ และให้ความมั่นใจว่าอยู่กับนายกฯ แล้วจะได้รับการสนับสนุนเต็มที่
เมื่อถามว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้ พล.อ.
ประยุทธ์หวังอยู่ยาวหรือไม่ นพ.
ชลน่านกล่าวว่า จะปรับหรือไม่ พล.อ.
ประยุทธ์ก็อยากอยู่ยาวอยู่แล้ว แต่มีเงื่อนไขที่ต้องระวัง คือการย้ายหรือลาออกของ ส.ส.เพราะหลังจากวันที่ 24 ธันวาคมจะมีการเปลี่ยนแปลงตรงนี้เยอะมาก หาก ส.ส.ลาออกเป็นกลุ่มเป็นก้อน สภาทำงานไม่ได้ก็อาจจะเป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ พล.อ.
ประยุทธ์สนใจยุบสภา
JJNY : สภาล่มอีกแล้ว| "ฝ่ายค้าน"ปัดตีรวนเหตุประชุมสภาฯล่ม| ‘ชลน่าน’ชี้ปรับครม. ตู่กำไรอยู่คนเดียว| คาดกนง.ขึ้นต่อ 2.0%
https://www.matichon.co.th/politics/news_3703773
สภาล่มซ้ำซาก หลังฝ่ายค้านไม่เป็นองค์ประชุมให้ ส.ส.รัฐบาลขาดเอื้อ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 1 ธันวาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม หลังเปิดให้สมาชิกหารือถึงปัญหาความเดือดร้อนในประชาชนในพื้นที่แล้ว ได้แจ้งถึงการเลื่อนลำดับบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หลังจากที่นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ และได้เลื่อนนางวลัยพร รัตนเศรษฐ์ เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ จากนั้นได้ให้นางวลัยพรกล่าวปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้จำนวน ส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้มีจำนวน 474 คน
จากนั้นนายชวน ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงการนัดประชุมร่วมรัฐสภา และประชุมสภา ว่า ในวันที่ 7 ธันวาคมจะมีการประชุมรัฐสภาในช่วงเช้าเพื่อลงมติในวาระแรก ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช …. แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น ของร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้นในช่วงบ่าย เวลา 13.30 น. จะประชุมสภาผู้แทนราษฎร และตนขอนัดประชุมสภานัดพิเศษ ในวันที่ 16 ธันวาคมเพื่อพิจารณารายงานของกรรมาธิการฯ และนัดการประชุมสภาครั้งสุดท้ายในปีนี้ คือวันที่ 28-29 ธันวาคม ดังนั้นขอความร่วมมือเรื่องที่ค้างอยู่ขอให้ช่วยกัน
จากนั้นเวลา 11.00 น. เข้าสู่การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว ที่เกิดเหตุจำนวนสมาชิกอยู่ไม่ครบองค์ประชุม ต้องปิดประชุมสภา เนื่องจาก ส.ส.ฝ่ายค้านไม่พอใจที่ให้มีการโหวตลงมติมาตรา 9/1 ใหม่ โดยเมื่อเริ่มการประชุมครั้งนี้ ก็ส่อแววเกิดเหตุองค์ประชุมไม่ครบเหมือนเดิมทันที เมื่อนายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย แจ้งว่า ฝ่ายค้านจะอยู่ในห้องประชุม แต่ไม่ขอร่วมแสดงตนเป็นองค์ประชุมในการโหวตมาตรา 9/1 เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้มีการลงมติใหม่ในมาตราดังกล่าว เพราะขัดต่อข้อบังคับการประชุมสภา
ทำให้การโหวตมาตรา 9/1 เป็นไปอย่างขลุกขลักทันที เพราะจำนวน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลที่อยู่ในห้องประชุมมีอยู่บางตา แม้นายชวนจะพยายามกดออดเรียก ส.ส.ให้เข้าห้องประชุม และขอความร่วมมือ ส.ส.ฝ่ายค้านที่อยู่ในห้องประชุมให้ร่วมกันแสดงตนเป็นองค์ประชุมก็ตาม แต่ก็ไม่เป็นผล เสียเวลารอกันนานกว่า 30 นาที ก็ยังไม่มีทีท่าจะมีจำนวนสมาชิกครบองค์ประชุม
กระทั่งเวลา 11.30 น. นายชวนแจ้งว่า ยังขาดองค์ประชุมอยู่ 17 คน แต่นายชวนก็ยังให้รอต่อไป จนเวลา 11.40 น. นายชวนแจ้งอีกครั้งว่า จากการสอบถามผู้ควบคุมเสียงฝ่ายรัฐบาลทราบว่า คงใช้เวลาอีกนานในการตาม ส.ส.มาให้ครบองค์ประชุม ขณะนี้มีผู้มากดบัตรแสดงตน เพียง 221 คน ขาดอีก 10 กว่าคน ดังนั้นเมื่อองค์ประชุมไม่ครบ ก็ขอสั่งปิดประชุมทันที ในเวลา 11.41 น.
ทำให้ร่าง พ.ร.บ.การเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ที่เข้าสู่การพิจารณาในสภาเป็นรอบที่ 4 แล้ว แต่ยังคงยืดเยื้อ ไม่ผ่านการพิจารณาสักที
"ฝ่ายค้าน" ปัดตีรวนเหตุประชุมสภาฯล่ม โยนเป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาล
https://siamrath.co.th/n/403997
วันที่ 1 ธ.ค.65 ที่รัฐสภา พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยนายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) พร้อมด้วยนายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมกันแถลงข่าวหลังองค์ประชุมสภาล่ม
โดยนายสมคิด กล่าวว่า ที่ผ่านมาเรายืนยันและคัดค้านมาตลอดว่าในการลงมติไปแล้วไม่สามารถกลับมาลงคะแนนใหม่ได้ พอวันนี้ก็มาเข้ามาตราเดิม ซึ่งเราได้พูดแล้วว่าถ้าทางรัฐบาลจะลงมติใหม่ เราจะไม่ร่วมสังฆกรรมด้วย และเราก็จะไม่เป็นองค์ประชุม ซึ่งหลังจากนี้ก็จะเป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลที่จะหาองค์ประชุมมาเอง ฝ่ายค้านได้ส่งสัญญาณว่าจะไม่เป็นองค์ประชุมตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ฉะนั้น เรื่องนี้รัฐบาลต้องตอบคำถามให้ได้ว่า คนของท่านหายไปไหน ทำไมองค์ประชุมไม่พอ ซึ่งถ้าองค์ประชุมครบ มาตราอื่นๆเราพร้อมที่จะร่วมประชุมด้วย” นายสมคิด กล่าว
ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราจะได้ยินว่าองค์ประชุมเป็นของรัฐบาล รัฐบาลจะรับผิดชอบเพียงผู้เดียว แต่ฝ่ายค้านเราไม่ได้มองเท่านั้น ที่ผ่านมาเราให้ความร่วมมือในเรื่องประชุม แต่ในครั้งนี้เป็นเรื่องของหลักการ ในกรณีที่มีความแตกต่างกับกฎหมายฉบับอื่นๆ ซึ่งจะมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าที่พรรคก้าวไกล หรือฝ่ายค้านเองก็เคยใช้การนับคะแนนใหม่ในพ.ร.บ. สุราก้าวหน้า ซึ่งนั่นเป็นไปตามข้อบังคับของการประชุมที่คะแนนห่างกันไม่ถึง 25 คะแนน จึงนำไปสู่การขอให้นับคะแนนใหม่ แต่ในกรณีที่เกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาที่ขอให้มีการนับคะแนนใหม่ไม่ใช่เช่นนั้น และกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ (1 ธ.ค.) ทั้งตนและนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้ขอความชัดเจนจากประธานสภา และตัวแทนวิปฝ่ายรัฐบาลว่าใช้ข้อบังคับการประชุมข้อใด ในการขอให้มีการลงคะแนนใหม่ ดังนั้น เราจำเป็นที่ต้องยืนยันในหลักการว่า เมื่อไม่มีกฎหมายให้อำนาจในการดำเนินการได้ เราก็ไม่สามารถร่วมดำเนินการได้
"เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล เพราะไม่ว่าจะเป็นกฎหมายฉบับนี้ หรือฉบับถัดไป ล้วนแต่เป็นกฎหมายที่ฝ่ายรัฐบาลเป็นผู้เสนอ ฉะนั้น หากไม่รับผิดชอบองค์ประชุมได้ ก็เสมือนว่าท่านไม่รับผิดชอบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ได้เช่นเดียวกัน เรื่องนี้ไม่ใช่เกมการเมือง แต่เป็นความชอบธรรมในทางกฎหมาย ซึ่งไม่ปรากฏว่าสิ่งที่รัฐบาลหรือสภาทำในวันนี้ มีความชอบธรรม ดังนั้น เรามีความชัดเจนในจุดยืน และจะเป็นจุดยืนที่จะใช้ในช่วงบ่ายของวันที่ 7 ธ.ค." นายณัฐวุฒิ กล่าว
‘ชลน่าน’ ชี้ปรับครม.รอบนี้ บิ๊กตู่กำไรอยู่คนเดียว ได้ส่งคนไว้ใจ ไปคุมงบกลาง 5 แสนล้าน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3703801
“ชลน่าน” เหน็บ “บิ๊กตู่” ปรับครม.ได้กำไรอยู่คนเดียว แนะ จับตา 24 ธ.ค.นี้ ส.ส.ย้ายออก ทำสภา ล่ม ให้นายกฯ ยุบสภา
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค พท. ให้สัมภาษณ์กรณีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า ไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพราะมีเสียงเรียกร้องจากพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มาโดยตลอด ซึ่งมีกระบวนการสรรหาตัวรัฐมนตรีไว้เรียบร้อย ทั้งนี้ ในส่วนของตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่หลายคนคงเห็นแล้วประหลาดใจ เพราะโควต้าที่ให้มามีข้อสังเกต คือเป็นการปรับ ครม.เสมือนแบ่งกันคนละครึ่ง การอ้างว่าเป็นการปรับที่อยู่ในส่วนของโควต้าพลังประชารัฐ (พปชร.) นั้น เป็นการตั้งโดยนายกฯ เพื่อมาทำงานกับนายกฯ แต่ผลที่ออกมาเป็นที่ประจักษ์ว่านายกฯ ได้กำไรสุดๆ ไม่ได้คนละครึ่ง เพราะตำแหน่งที่ปรับมาโดยเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ ปรับมาเพื่อมาทำงานใกล้ชิดนายกฯ ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็ปรับเพราะมาจากกลุ่มปากน้ำ เป็นคนในเครือข่ายเดียวกัน เหมือนเป็นการปรับเพื่อต่างตอบแทน ดังนั้น การปรับ ครม.ครั้งนี้จึงไม่ได้ตอบโจทย์ประชาชน ไม่ได้ตอบสนองความเดือดร้อนของประชาชน
“ตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ถือเป็นตำแหน่งสำคัญ แต่ทำไมถึงเป็นนายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร.นั่นหมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์ไว้ใจคนนี้ โดยเฉพาะช่วงใกล้เลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์มีงบกลางเหลือประมาณ 5 แสนล้านบาท และคนที่จะมาขับเคลื่อนตรงนี้ต้องอาศัยคนที่ไว้ใจ และเป็นไปตามความต้องการของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่แปลกที่เลือกคนๆ นี้เข้ามา” นพ.ชลน่านกล่าว
เมื่อถามว่า เป็นเหมือนรางวัลล่อใจ ดึง ส.ส.พปชร. เพื่อไปอยู่พรรคใหม่หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ก็คิดได้ ใครทำงานเป็นที่ถูกใจก็สามารถได้รับบำเหน็จรางวัล ได้รับโอกาส ก็เป็นเทคนิคทางการเมือง ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็เหมือนเป็นการมัดใจกลุ่มปากน้ำ และให้ความมั่นใจว่าอยู่กับนายกฯ แล้วจะได้รับการสนับสนุนเต็มที่
เมื่อถามว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์หวังอยู่ยาวหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า จะปรับหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ก็อยากอยู่ยาวอยู่แล้ว แต่มีเงื่อนไขที่ต้องระวัง คือการย้ายหรือลาออกของ ส.ส.เพราะหลังจากวันที่ 24 ธันวาคมจะมีการเปลี่ยนแปลงตรงนี้เยอะมาก หาก ส.ส.ลาออกเป็นกลุ่มเป็นก้อน สภาทำงานไม่ได้ก็อาจจะเป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์สนใจยุบสภา