กลุ่มราษฎรเชียงราย ดักตะโกนด่า ‘บิ๊กตู่’ ถูกจับ-ปรับ 500 บาท
https://www.matichon.co.th/politics/news_3703141
กลุ่มราษฎรเชียงราย ดักตะโกนด่า ‘บิ๊กตู่’ ถูกจับ-ปรับ 500 บาท
เมื่อช่วงเย็นวันที่ 30 พฤศจิกายน หลังจากนั้น พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไปปฏิบัติราชการที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย โดยได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์มาที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย
ก่อนจะเดินทางโดยรถยนต์ไปที่วัดห้วยปลากั้ง เพื่อเยี่ยมชมโรงพยาบาลชุมชนที่
พระไพศาลประชาทร วิ. หรือหลวงพ่อ
พบโชค เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง สร้างขึ้น เพื่อรักษาฟรีให้กับผู้ยากไร้และชาวบ้านในชุมชนห้วยปลากั้งและใกล้เคียง
โดยระหว่างเส้นทางจากท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ไปที่วัดห้วยปลากั้งได้มีนักเคลื่อนไหวทางการเมือง กลุ่มราษฎรเชียงราย นำโดยนาย
สราวุทธิ์ หรือ
เซียนแว่น กุลมธุรพจน์ เป็นแกนนำเคลื่อนไหว พร้อมพวกจำนวน 5 คน มารอเพื่อแสดงสัญลักษณ์
แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านดู่ ได้ทำการควบคุมตัวเอาไว้ โดยระหว่างที่ควบคุมตัวอยู่นั้น นางสาว
กาญจนา วรรณรัตน์ ได้กระโดดขึ้นบนหลังรถ ก่อนจะตะโกนด่านายกรัฐมนตรี ก่อนขบวนรถจะผ่านไป โดยที่ไม่มีอะไรบานปลาย
อย่างไรก็ตาม หลังขบวนผ่านไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าควบคุมตัวทั้ง 5 คน ไปยังสถานีตำรวจภูธรบ้านดู่ โดยมีการแจ้งข้อกล่าวหาว่า กระทำโดยประการใดให้เสียความสงบเรียบร้อย เสียค่าปรับเป็นเงินจำนวน 500 บาท และได้มีการปล่อยตัวทั้งหมดกลับบ้านไป
"ก.ก." ร่อนจดหมายรมต.รายคน แจง 7 ปมรถไฟฟ้าสายสีส้ม แนะปปช.ติดตามใกล้ชิด
https://siamrath.co.th/n/403957
วันที่ 1 ธ.ค.65 ที่รัฐสภา นาย
สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงว่า เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ได้ยื่นญัติด่วนด้วยวาจาขอให้ตรวจสอบเรื่องความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่เรื่องนี้ถูกปัดตกไปโดยสภาฯไม่ให้ตรวจสอบเรื่องใหญ่ที่มีส่วนต่างถึง 68,613 ล้านบาท ในการประมูล 2 ครั้ง เราเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ในส่วนของพรรคก้าวไกลได้ส่งหนังสือผ่านทางไปรษณีย์ให้รัฐมนตรีทุกคนที่อยู่ในคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อให้ได้รับทราบขอเท็จจริงว่าจะมีความเสียหายเกิดขึ้น หากครม. ไม่ติดใจ ไม่ตรวจสอบ จะอนุมัติไปก็ให้ประชาชนได้เห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้
นาย
สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนได้ตั้งประเด็นไว้ 7 ประเด็น ที่รัฐบาลจะต้องชี้แจงให้ชัดเจนก่อนอนุมัติได้แก่
1. การเปลี่ยนเกณฑ์การประมูลกลางอากาศ แบบส่งผลอย่างมีนัยยะสำคัญต่อการแพ้ชนะการประมูล
2. การยกเลิกการประมูลครั้งก่อน โดยที่ศาลปกครองมีคำพิพากษาว่าการยกเลิกการประมูลดังกล่าวมิชอบด้วยกฎหมาย
3. การกีดกันการแข่งขันโดยไม่ให้ บีทีเอส มีสิทธิ์เข้าประมูลรอบใหม่ ทั้งๆที่ข้อเท็จจริงก็คือประเทศไทยมีผู้ประกอบการเดินรถรายใหญ่เพียง2เจ้า
4. คุณสมบัติต้องห้ามของผู้ผ่านการพิจารณาข้อเสนอด้านคุณสมบัติ กรณีคณะกรรมการคัดเลือกปล่อยให้ ไอทีดี ผ่านมาเป็นคู่เทียบทั้งที่ติดปัญหาด้านคุณสมบัติอยู่
5. การคิดราคากลาง 91,983 ล้านบาทแบบอุปโลกน์ว่าส่วนแบ่งรายได้ในอนาคตเป็นศูนย์ แล้วค่อยมาตัดสินกันด้วยการแข่งขันซึ่งมันไม่มีอยู่จริง
6. ความพยายามของคณะกรรมการคัดเลือกในการรักษาผลประโยชน์ให้กับรัฐ ในการเจรจาต่อรอง
และ 7. ส่วนต่าง 68,613 ล้านบาทนั้นมีอยู่จริง ต้องไปพิสูจน์ทราบให้ได้ว่าทำไมการประมูลรอบแรก หาก บีทีเอส ชนะ รัฐจะอุดหนุนเพียง 9,675 ล้านบาท แต่ในการประมูลรอบสอง ซึ่งบีอีเอ็ม ชนะ รัฐต้องอุดหนุนมากถึง 78,288 ล้านบาท ทั้งๆที่ในทางเทคนิคก็คือสร้างสิ่งเดี่ยวกัน คือรถไฟฟ้าสายสีส้ม แบบการก่อสร้างก็ไม่ได้เปลี่ยน ความยาวเท่าเดิมและจำนวนสถานีเหมือนเดิม
"
ขอให้ประชาชนติดตามในเรื่องดังกล่าวเนื่องจากเป็นเรื่องผลประโยชน์ของประชาชน"นายสุรเชษฐ์ กล่าว
‘สมชัย’ ชี้ช่องเอา ส.ว.ออกจากสมการ-ส่งลุงกลับบ้านสมบูรณ์แบบ!
https://www.dailynews.co.th/news/1740927/
'สมชัย ศรีสุทธิยากร' ฉายภาพผลการเลือกตั้ง อาจเห็นการร่วมจับมือจัดตั้งรัฐบาลให้เกิน 375 เสียง เพื่อเอา ส.ว. ออกจากสมการ หากพรรคลุง 2 พรรค รวมกันได้ต่ำกว่า 125 เสียง จะเป็นการส่งลุงกลับบ้านที่สมบูรณ์แบบ.
เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก
“สมชัย ศรีสุทธิยากร” หัวข้อ “
ผลการเลือกตั้ง หลังหารร้อย” มีรายละเอียดดังนี้
ผลการเลือกตั้ง หลังหารร้อย
1.สภาผู้แทนราษฎร จะเหลือพรรคการเมือง ประมาณไม่เกิน 10 พรรค
2.พรรคอันดับหนึ่ง อาจมี ส.ส. ในสภา ถึงร้อยละ 40-55 ของจำนวน ส.ส. ทั้งหมด
3.พรรคอันดับสอง จะมี ส.ส. น้อยกว่าพรรคแรกกว่าครึ่ง
4.พรรคอันดับหนึ่ง สามารถเลือกจับมือกับทุกพรรคที่เหลือ ยกเว้นบางพรรคที่ประชาชนผู้สนับสนุนพรรคไม่ประสงค์จะให้จับมือด้วย
5.ด้วยกติกา ที่ให้ ส.ว. มาร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี เราจึงอาจเห็นการร่วมจับมือจัดตั้งรัฐบาลให้เกิน 375 เสียง เพื่อเอา ส.ว. ออกจากสมการจัดตั้งรัฐบาลแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
6.หากพรรคลุง 2 พรรค รวมกันได้ต่ำกว่า 125 เสียง จะเป็นการส่งลุงกลับบ้านที่สมบูรณ์แบบ
ขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊ก “
สมชัย ศรีสุทธิยากร”
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid02VmTevsZ9cpa24GrNUUr4HMbpweVxYNdHq33KGyUrLVNBYNqNdMBd7ZEuXxHUWJ3xl
JJNY : ราษฎรเชียงรายด่า ‘ตู่’ |"ก.ก."ร่อนจม.แจง 7ปมสายสีส้ม| ไฟเขียวสูตรหาร100|นาโตกังวล “ยุทธศาสตร์ทางทหาร” ของจีน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3703141
เมื่อช่วงเย็นวันที่ 30 พฤศจิกายน หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไปปฏิบัติราชการที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย โดยได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์มาที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย
ก่อนจะเดินทางโดยรถยนต์ไปที่วัดห้วยปลากั้ง เพื่อเยี่ยมชมโรงพยาบาลชุมชนที่ พระไพศาลประชาทร วิ. หรือหลวงพ่อพบโชค เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง สร้างขึ้น เพื่อรักษาฟรีให้กับผู้ยากไร้และชาวบ้านในชุมชนห้วยปลากั้งและใกล้เคียง
โดยระหว่างเส้นทางจากท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ไปที่วัดห้วยปลากั้งได้มีนักเคลื่อนไหวทางการเมือง กลุ่มราษฎรเชียงราย นำโดยนายสราวุทธิ์ หรือเซียนแว่น กุลมธุรพจน์ เป็นแกนนำเคลื่อนไหว พร้อมพวกจำนวน 5 คน มารอเพื่อแสดงสัญลักษณ์
แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านดู่ ได้ทำการควบคุมตัวเอาไว้ โดยระหว่างที่ควบคุมตัวอยู่นั้น นางสาวกาญจนา วรรณรัตน์ ได้กระโดดขึ้นบนหลังรถ ก่อนจะตะโกนด่านายกรัฐมนตรี ก่อนขบวนรถจะผ่านไป โดยที่ไม่มีอะไรบานปลาย
อย่างไรก็ตาม หลังขบวนผ่านไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าควบคุมตัวทั้ง 5 คน ไปยังสถานีตำรวจภูธรบ้านดู่ โดยมีการแจ้งข้อกล่าวหาว่า กระทำโดยประการใดให้เสียความสงบเรียบร้อย เสียค่าปรับเป็นเงินจำนวน 500 บาท และได้มีการปล่อยตัวทั้งหมดกลับบ้านไป
"ก.ก." ร่อนจดหมายรมต.รายคน แจง 7 ปมรถไฟฟ้าสายสีส้ม แนะปปช.ติดตามใกล้ชิด
https://siamrath.co.th/n/403957
วันที่ 1 ธ.ค.65 ที่รัฐสภา นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงว่า เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ได้ยื่นญัติด่วนด้วยวาจาขอให้ตรวจสอบเรื่องความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่เรื่องนี้ถูกปัดตกไปโดยสภาฯไม่ให้ตรวจสอบเรื่องใหญ่ที่มีส่วนต่างถึง 68,613 ล้านบาท ในการประมูล 2 ครั้ง เราเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ในส่วนของพรรคก้าวไกลได้ส่งหนังสือผ่านทางไปรษณีย์ให้รัฐมนตรีทุกคนที่อยู่ในคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อให้ได้รับทราบขอเท็จจริงว่าจะมีความเสียหายเกิดขึ้น หากครม. ไม่ติดใจ ไม่ตรวจสอบ จะอนุมัติไปก็ให้ประชาชนได้เห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้
นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนได้ตั้งประเด็นไว้ 7 ประเด็น ที่รัฐบาลจะต้องชี้แจงให้ชัดเจนก่อนอนุมัติได้แก่
1. การเปลี่ยนเกณฑ์การประมูลกลางอากาศ แบบส่งผลอย่างมีนัยยะสำคัญต่อการแพ้ชนะการประมูล
2. การยกเลิกการประมูลครั้งก่อน โดยที่ศาลปกครองมีคำพิพากษาว่าการยกเลิกการประมูลดังกล่าวมิชอบด้วยกฎหมาย
3. การกีดกันการแข่งขันโดยไม่ให้ บีทีเอส มีสิทธิ์เข้าประมูลรอบใหม่ ทั้งๆที่ข้อเท็จจริงก็คือประเทศไทยมีผู้ประกอบการเดินรถรายใหญ่เพียง2เจ้า
4. คุณสมบัติต้องห้ามของผู้ผ่านการพิจารณาข้อเสนอด้านคุณสมบัติ กรณีคณะกรรมการคัดเลือกปล่อยให้ ไอทีดี ผ่านมาเป็นคู่เทียบทั้งที่ติดปัญหาด้านคุณสมบัติอยู่
5. การคิดราคากลาง 91,983 ล้านบาทแบบอุปโลกน์ว่าส่วนแบ่งรายได้ในอนาคตเป็นศูนย์ แล้วค่อยมาตัดสินกันด้วยการแข่งขันซึ่งมันไม่มีอยู่จริง
6. ความพยายามของคณะกรรมการคัดเลือกในการรักษาผลประโยชน์ให้กับรัฐ ในการเจรจาต่อรอง
และ 7. ส่วนต่าง 68,613 ล้านบาทนั้นมีอยู่จริง ต้องไปพิสูจน์ทราบให้ได้ว่าทำไมการประมูลรอบแรก หาก บีทีเอส ชนะ รัฐจะอุดหนุนเพียง 9,675 ล้านบาท แต่ในการประมูลรอบสอง ซึ่งบีอีเอ็ม ชนะ รัฐต้องอุดหนุนมากถึง 78,288 ล้านบาท ทั้งๆที่ในทางเทคนิคก็คือสร้างสิ่งเดี่ยวกัน คือรถไฟฟ้าสายสีส้ม แบบการก่อสร้างก็ไม่ได้เปลี่ยน ความยาวเท่าเดิมและจำนวนสถานีเหมือนเดิม
"ขอให้ประชาชนติดตามในเรื่องดังกล่าวเนื่องจากเป็นเรื่องผลประโยชน์ของประชาชน"นายสุรเชษฐ์ กล่าว
‘สมชัย’ ชี้ช่องเอา ส.ว.ออกจากสมการ-ส่งลุงกลับบ้านสมบูรณ์แบบ!
https://www.dailynews.co.th/news/1740927/
'สมชัย ศรีสุทธิยากร' ฉายภาพผลการเลือกตั้ง อาจเห็นการร่วมจับมือจัดตั้งรัฐบาลให้เกิน 375 เสียง เพื่อเอา ส.ว. ออกจากสมการ หากพรรคลุง 2 พรรค รวมกันได้ต่ำกว่า 125 เสียง จะเป็นการส่งลุงกลับบ้านที่สมบูรณ์แบบ.
เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “สมชัย ศรีสุทธิยากร” หัวข้อ “ผลการเลือกตั้ง หลังหารร้อย” มีรายละเอียดดังนี้
ผลการเลือกตั้ง หลังหารร้อย
1.สภาผู้แทนราษฎร จะเหลือพรรคการเมือง ประมาณไม่เกิน 10 พรรค
2.พรรคอันดับหนึ่ง อาจมี ส.ส. ในสภา ถึงร้อยละ 40-55 ของจำนวน ส.ส. ทั้งหมด
3.พรรคอันดับสอง จะมี ส.ส. น้อยกว่าพรรคแรกกว่าครึ่ง
4.พรรคอันดับหนึ่ง สามารถเลือกจับมือกับทุกพรรคที่เหลือ ยกเว้นบางพรรคที่ประชาชนผู้สนับสนุนพรรคไม่ประสงค์จะให้จับมือด้วย
5.ด้วยกติกา ที่ให้ ส.ว. มาร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี เราจึงอาจเห็นการร่วมจับมือจัดตั้งรัฐบาลให้เกิน 375 เสียง เพื่อเอา ส.ว. ออกจากสมการจัดตั้งรัฐบาลแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
6.หากพรรคลุง 2 พรรค รวมกันได้ต่ำกว่า 125 เสียง จะเป็นการส่งลุงกลับบ้านที่สมบูรณ์แบบ
ขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊ก “สมชัย ศรีสุทธิยากร”
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid02VmTevsZ9cpa24GrNUUr4HMbpweVxYNdHq33KGyUrLVNBYNqNdMBd7ZEuXxHUWJ3xl