แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ ๓

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

 (ต่อจากครั้งที่แล้ว https://pantip.com/topic/41744814)

ลำดับนั้น พระเจ้าพิมพิสาร ทรงรีบเสด็จออกจากพระนคร บ่ายพระพักตร์ตรง ภูเขาปัณฑวะ เสด็จไปแล้ว ลงจากพระราชยาน เสด็จไปยังสำนักพระโพธิสตว์ อันพระโพธิสัตว์ทรงอนุญาตแล้ว ประทับนั่งเหนือพื้นศิลา เมื่อทรงได้รับปฏิสันถารแล้ว ทรงถามถึงนามและโคตร ทรงมอบความเป็นใหญ่ทุกอย่างแก่พระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ตรัสว่า ข้าแต่มหาราช หม่อมฉันไม่ประสงค์ด้วยวัตถุกามหรือกิเลสกาม หม่อมฉันปรารถนาแต่สัมโพธิญาณจึงออกบวช

    พระราชาแม้ทรงอ้อนวอนหลายประการ ก็ไม่ได้น้ำพระหฤทัยของพระโพธิสัตว์ จึงตรัสว่า "จักทรงเป็นพระพุทธเจ้าแน่" แล้วทูลว่า "ก็พระองค์ทรงเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว โปรดเสด็จมาแคว้นของหม่อมฉันก่อน" แล้วเสด็จกลับพระนคร

    ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์เสด็จจาริกไปตามลำดับ เข้าไปหาอาฬารดาบสกาลามโคตร และอุทกดาบสรามบุตร ยังสมาบัติ ๘ ให้เกิดขึ้น แล้วทรงดำริว่า ทางนี้ไม่ใช่ทางแห่งพระโพธิญาณ ไม่ทรงใส่พระทัยถึงสมาบัติภาวนานั้น มีพระประสงค์จะตั้งความเพียร จึงเสด็จไปยังอุรุเวลา ทรงดำริว่า ภูมิภาคนี้น่ารื่นรมย์จริงหนอ พระองค์ประทับอยู่ ณ ตำบลนั้น ทรงตั้งความเพียรยิ่งใหญ่ ชน ๕ คนเหล่านี้คือ บุตรของพราหมณ์ผู้ทำนายพระมหาปุริสลักษณะ ๔ คน และพราหมณ์ชื่อ โกณฑัญญะ (ซึ่งเมื่อครั้งที่ทำนายมหาปุริสลักษณะนั้น พราหมณ์โกณฑัญญะยังเป็นหนุ่ม พราหมณ์อื่นสิ้นชีวิตไปแล้ว แต่ได้สั่งให้บุตรของตนบวช เพื่อที่จะได้ติดตามพระผู้มีพระภาค เพราะพระองค์จะได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า)

    ชน ๕ คนเหล่านี้ คือบุตรของพราหมณ์ผู้ทำนายพระมหาปุริสลักษณะ ๔ คน และพราหมณ์ชื่อโกณฑัญญะ บวชคอยอยู่ก่อนแล้ว ท่านทั้ง ๕ นั้นเที่ยวภิกษาจารไปในคามนิคมราชธานีทั้งหลาย บำรุงพระโพธิสัตว์ ณ ที่นั้นปัญจวัคคีย์ คือ ชน ๕ คนนี้บำรุงพระโพธิสัตว์ผู้ตั้งความเพียรยิ่งใหญ่อยู่ถึง ๖ ปี ด้วยวัตรปฏิบัติ มีกวาดบริเวณเป็นต้น ด้วยหวังอยู่ว่า พระโพธิสัตว์จักทรงเป็นพระพุทธเจ้า แม้พระโพธิสัตว์ก็ทรงยับยั้งอยู่ด้วยงาและข้าวสารเมล็ดเดียว ด้วยทรงหมายจะทำทุกกรกิริยาให้ถึงที่สุด ได้ทรงตัดอาหารด้วยประการทั้งปวง แม้เทวดาทั้งหลายก็นำทิพโอชะใส่ลงตามขุมขนทั้งหลาย

    ครั้งนั้น พระวรกายที่มีสีทองของพระองค์ผู้มีพระกายถึงความซูบผอมอย่าง ยิ่งเพราะไม่มีอาหารนั้นก็มีสีดำ (ผิวสีทองเปลี่ยนเป็นสีดำ) พระมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ก็ถูกปกปิด พระโพธิสัตว์ทรงถึงที่สุดแห่งทุกกรกิริยา ทรงดำริว่าทางนี้มิใช่ ทางแห่งพระโพธิญาณ มีพระประสงค์ที่จะเสวยอาหารหยาบ จึงเสด็จเข้าไปบิณฑบาต ณ คามนิคมทั้งหลาย เสวยพระกระยาหาร ลำดับนั้น มหาปุริสลักษณะ ๓๒ ก็กลับเป็นปกติ พระวรกายมีสีดุจสีทอง ขณะนั้น ปัญจวัคคีย์เห็นพระองค์ก็คิดว่า ท่านผู้นี้แม้ทำทุกกรกิริยามา ๖ ปี ก็ไม่อาจแทงตลอดพระสัพพัญญุตญาณได้ มาบัดนี้ยังเที่ยวบิณฑบาตไปตามคามนิคมราชธานีทั้งหลาย บริโภคอาหารหยาบ จักอาจได้อย่างไร ท่านผู้นี้มักมากคลาย ความเพียร ประโยชน์อะไรของเราด้วยท่านผู้นี้ แล้วก็ละพระมหาบุรุษพากันไปยังป่าอิสิปตนะ กรุงพาราณสี

    ข้อความต่อไปโดยย่อมีว่า พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์สมัยที่พระองค์ยังไม่ตรัสรู้ว่า เรามีปราสาท ๓ หลัง สุจันทะ โกกนุทะ และ โกญจะ มี ๙ ชั้น ๗ ชั้น และ ๕ ชั้น มีสนมฟ้อนรำ ๔ หมื่นนาง มีอัครมเหสีพระนามว่า ยโสธรา เรานั้นเห็นนิมิตร ๔ ออกมหาภิเนษกรมณ์ด้วยยานคือม้า แต่นั้นก็ตั้งความเพียร ๖ ปี ในวันวิสาขบุรณมี ก็บริโภคข้าวมธุปายาสที่ธิดาของเสนานีกฏุมพี ณ อุรุเวลา เสนานิคม ชื่อสุชาดา ผู้เกิดความเลื่อมใสถวายแล้ว พักกลางวัน ณ สาลวัน เวลาเย็นรับหญ้า ๘ กำ ที่คนหาบหญ้าชื่อ "โสตถิยะ" ถวายแล้ว เข้าไปยังโคนโพธิพฤกษ์ ชื่อต้น "อัสสัตถะ" กำจัดกองกิเลสของมาร ณ ที่นั้น บรรลุพระสัมโพธิญาณ

    ข้อความใน มธุรัตถวิลาสินี อรรถกถาขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เรื่องสถานที่ที่พระพุทธเจ้าไม่ทรงละ มีข้อความว่า ก็พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ไม่ทรงละเจติยสถาน ๔ แห่ง (ในกัปป์นี้ซึ่งเป็นภัทรกัปป์ มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ๕ พระองค์ และสถานที่ซึ่งเป็นสถานที่เดิมเป็นสถานที่เดียวกันมี ๔ แห่ง) คือ

    ๑ โพธิบัลลังก์ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ไม่ทรงละ คือเป็นสถานที่แห่ง เดียวกันนั่นเอง
    ๒ ไม่ทรงละการประกาศพระธัมมจักร ณ ป่าอิสิปตนมิคทายวัน (ในระหว่างพุทธันดร คือ สมัยที่ว่างพระศาสนา พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายลงจากภูเขาคันธมาทน์ และมาแวะพักที่ป่าอิสิปตนะ ด้วยเหตุนั้น ป่านั้นจึงชื่อว่า "อิสิ" คือ "ฤาษี" ซึ่งหมายถึงพระปัจเจกพุทธเจ้านั่นเอง)
    ๓ ไม่ทรงละสถานที่ที่ทรงเหยียบพระบาทครั้งแรก ใกล้ประตูสังกัสสนคร ครั้งเสด็จลงจากเทวโลก
    ๔ ที่ไม่ทรงละสถานที่วางเท้าเตียง ๔ เท้าแห่งพระคันธกุฏีในพระวิหาร เชตวัน

    ข้อความใน ปปัญจสูทนี อรรถกถา มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ อรรถกถาปาสราสิสูตร ได้กล่าวถึงอีกสถานที่ ๑ คือ สถานที่ตั้งพระแท่นปรินิพพาน เมื่อกล่าวโดย นักษัตร์ คือ โดยดาวฤกษ์ต่างๆ โดยนักษัตรคือดาวฤกษ์ในเดือนอุตตราสาธ หรือ อุตตรสาฬหะ

    พระมหาบุรุษทรงบังเกิดในพระครรภ์พระชนนี ๑
    เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ ๑ ทรง
    ประกาศพระธัมมจักร ๑ ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ ๑
    โดยนักษัตร คือ ดาวฤกษ์ในวันเพ็ญในเดือนวิสาขะ ทรงประสูติ ๑ ทรง ตรัสรู้ ๑ และทรงดับขันธปรินิพพาน ๑
    โดยนักษัตร คือ ดาวฤกษ์วันเพ็ญเดือนมาฆะ พระผู้มีพระภาคทรงประชุมพระสาวก ๑ ทรงปลงพระชนมายุสังขาร ๑
    โดยนักษัตร คือ ดาวฤกษ์วันเพ็ญเดือนอัสสยุชะ พระผู้มีพระภาคเสด็จลงจากเทวโลกนี้ชื่อว่า กำหนดนักษัตร์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่