มักจะมีนักท่องจำพระไตรปิฏกมาถก กับผมเป็นประจำว่า “พระพุทธเจ้าไม่สอนในบริกรรม ให้ดูลมหายใจอย่างเดียว”
แท้จริงแล้วถ้าท่านบริกรรม “พุทโธ หรือ สัมมา อรหัง หรือ นะมะพะธะ” จนจิตสงบ ถึง “ฌาน2” จิตจะทิ้งคำบริกรรมเองอัตโนมัติ เหลือแต่
“ความสงบ ปีติ สุข ลมหายใจละเอียด และจิตที่สงบ ตั้งมั่นอยู่กับความสงบและลมหายใจละเอียดนั่น”
ดังนั้นจะบริกรรมหรือไม่บริกรรม ถ้าจิตสงบถึง ฌาน2 ก็ทิ้งคำบริกรรมทั้งสองวิธี การบริกรรมนั้นเหมาะกับผู้ที่กำลังสติยังอ่อน ควรใช้คำบริกรรมควบคู่กับการดูลมหายใจจะทำให้จิตเป็นสมาธิได้ง่ายขึ้น
ถ้าท่านไม่เพียงแต่อ่านตำรา ลองมาปฏิบัติบ้างจะไม่ต้องมาถกเรื่องนี้ให้เสียเวลา บางทีก็ถึงขั้นปรามาสครูบาอาจารย์ หลวงปู่มั่น หลวงตามหาบัว หลวงพ่อสด หลวงปู่ดู่ หลวงพ่อฤาษี ลิงดำที่ท่านสอนให้บริกรรม ให้เป็นบาปติดตัวท่านอีก
พระพุทธเจ้าไม่สอนในบริกรรม ให้ดูลมหายใจอย่างเดียว
แท้จริงแล้วถ้าท่านบริกรรม “พุทโธ หรือ สัมมา อรหัง หรือ นะมะพะธะ” จนจิตสงบ ถึง “ฌาน2” จิตจะทิ้งคำบริกรรมเองอัตโนมัติ เหลือแต่
“ความสงบ ปีติ สุข ลมหายใจละเอียด และจิตที่สงบ ตั้งมั่นอยู่กับความสงบและลมหายใจละเอียดนั่น”
ดังนั้นจะบริกรรมหรือไม่บริกรรม ถ้าจิตสงบถึง ฌาน2 ก็ทิ้งคำบริกรรมทั้งสองวิธี การบริกรรมนั้นเหมาะกับผู้ที่กำลังสติยังอ่อน ควรใช้คำบริกรรมควบคู่กับการดูลมหายใจจะทำให้จิตเป็นสมาธิได้ง่ายขึ้น
ถ้าท่านไม่เพียงแต่อ่านตำรา ลองมาปฏิบัติบ้างจะไม่ต้องมาถกเรื่องนี้ให้เสียเวลา บางทีก็ถึงขั้นปรามาสครูบาอาจารย์ หลวงปู่มั่น หลวงตามหาบัว หลวงพ่อสด หลวงปู่ดู่ หลวงพ่อฤาษี ลิงดำที่ท่านสอนให้บริกรรม ให้เป็นบาปติดตัวท่านอีก