เรื่องสั้นหน้าเดียว.. คม คนคุก

.. คม  คนคุก ..

               ถึงจะเป็นครั้งที่ยี่สิบแล้ว แต่ ‘เป้ง’ ก็ยังวางตัวสงบนิ่งกับการถูกจับยัดเข้ากรงขังอีกรอบ

               ‘เปี๊ยก’ พี่ชายแสนดีโผล่มาก่อนใครเหมือนทุกครั้ง สีหน้าเฉยเมยชินชาทำให้เป้งไม่กล้าสบตาด้วย  ก็ใช่สิ .. สายตามันมักจะสารภาพความจริงมิใช่เหรอ? ..

              เปี๊ยกอธิบายความกับเจ้าหน้าที่ตามแบบฉบับนักกฎหมายเหมือนเดิม  ใช่!  พี่ชายเป้งเป็นหนึ่งในทนายความแถวหน้าของสามจังหวัดชายแดนใต้ ที่ใครต่อใครต่างให้การยอมรับนับถือกันทั้งนั้น

               “ถามจริงเหอะ เมื่อไหร่แกจะเป็นผู้เป็นคนกับเขาซักทีวะ” น้ำเสียงนั้นไม่มีทีท่าโกรธ .. โมโห .. หรือหมดความอดทนในตัวน้องชายแต่อย่างใด  แต่นั่นมันทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเงี่ยหูฟังอย่างใจจดใจจ่อ ในอีกห้องข้าง ๆ

               “ผมก็เป็นของผมอย่างนี้  พี่ก็รู้” เป้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติ

               พี่ชายทนายถอนหายใจยาว ก่อนจะยื่นกระดาษหมองใบหนึ่งให้น้องชายดู “นี่คือที่ดินสามไร่ที่เหลือ มันคือโฉนดแปลงสุดท้ายของพ่อ  โฉนดของแก โฉนดของฉันนำมาค้ำประกันคดีที่แล้วให้แกจนเกลี้ยงหมดแล้ว  แกคงยังจำได้นะ”

               “จำได้”

               “พ่อบอกว่าจะไม่มาเยี่ยมแก  และจะไม่ยอมเอาโฉนดผืนสุดท้ายมาช่วยแกอีกแล้ว  ที่ดินทำกินสามไร่ที่เหลือ พ่อจะรักษามันไว้ให้สุดชีวิตแม้ยังไม่รู้จะทำกินอะไรกับมัน หากจะไถจะพลิกดินปลูกข้าวโพดเหมือนก่อน มันก็ต้องลงทุนลงแรงอีกสารพัด พ่อไม่มีแรงทำเองอีกแล้ว คงต้องทิ้งร้างไว้อย่างนั้นล่ะ พ่อบอกมาแค่นั้น” เปี๊ยกเผลอถอนหายใจอีกครั้ง  “ถ้าแกอยากคุย อยากขอโทษอะไรกับพ่อก็ฝากเป็นจดหมายมา ฉันจะช่วยเป็นบุรุษไปรษณีย์ให้”

               “ขอบคุณครับ พี่ชาย”

               นั่นคือคำสนทนาระหว่างพี่ชายกับน้องชาย ซึ่งถูกบันทึกเสียงเอาไว้โดยเจ้าหน้าที่ทหาร เมื่อสองวันก่อน

               กิตติศัพท์เป้งเป็นที่รู้จักกันดีทั้งหน่วยความมั่นคงและตำรวจท้องที่สามจังหวัดชายแดนใต้ หลายครั้งที่เป้งข้ามชายแดนเข้าประเทศมาเลเซียแบบสบาย ๆ เพราะมีสองสัญชาติ ฝ่ายข่าวกรองแม้จะตามติดอย่างไร แต่ก็ไร้หลักฐานเอาผิดตามกฎหมายมาโดยตลอด

               สองอาทิตย์ที่แล้ว

               เป้งหายตัวไปสามวันสามคืน ซึ่งประจวบเหมาะกับกลางดึกคืนหนึ่ง หน่วยทหารแห่งหนึ่งถูกบุกเข้าปล้นอาวุธปืนไปเกือบหนึ่งพันกระบอก รวมทั้งระเบิดมืออีกร่วมสองร้อยลูก

              ภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิดหลายมุม สรุปข้อสมมุติฐานว่า ‘ไอ้จอมโจรสารพัดคดี’ ผ่านเข้าออกหน่วยคลังแสงในฐานะคนขับรถขนขยะปลอมอย่างเด่นชัด  ถึงแม้การสอบสวนอย่างละเอียดจะไม่มีความคืบหน้า แต่เจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายตำรวจต่างก็คอยเฝ้าจับตาความเคลื่อนไหวของเป้งและคนในครอบครัว อย่างใกล้ชิด

              หลังจากถูกจับกุมในฐานะผู้ต้องสงสัย  เช้าวันรุ่งขึ้น  เป้งก็เขียนจดหมายฝากผ่านเจ้าหน้าที่ให้พี่ชาย    ด้วยใจความว่า ....

              .. พ่อครับ  ถึงพ่อจะโกรธ ถึงพ่อจะเกลียดผมยังไง  แต่ผมก็ยังสัญญาว่าจะกลับมาพลิกฟื้นที่ดินสามไร่ของพ่อให้มันเป็นแผ่นดินทองให้จงได้  พ่ออย่าเพิ่งทำอะไรนะ  ผมจะมาจัดการเอง แล้วพ่อก็จะรู้เองว่า ทรัพย์ในดินของพ่อมันมีค่ายังไง ..

              จดหมายนั้นถูกตรวจสอบและถอดรหัสโดยฝ่ายความมั่นคงอย่างเข้มข้น เอาเป็นเอาตาย

              เช้าอีกวัน

              กำลังพลทหารสามกองร้อยบวกกับกำลังพลฝ่ายตำรวจอีกสองกองร้อยเข้าทำการพลิกฟื้นที่ดินสามไร่ด้วยจอบ เสียมในทันที  จวบจนล่วงเวลาเย็นย่ำ ทั้งกำลังพลทหารและกำลังพลตำรวจต่างนอนแผ่หมดแรงกับการค้นหาสิ่งต้องสงสัยใต้ดิน

              ‘เปี๊ยก’ มาเยี่ยมน้องชายเพื่อดำเนินเรื่องขอประกันตัวในตอนสาย ๆ

              ‘เป้ง’ ยื่นจดหมายไม่ได้ใส่ซองให้พี่ชายด้วยรอยยิ้มแย้ม พี่ชายลอบอ่านข้อความเหล่านั้น โดยที่ไม่เข้าใจความหมาย

              .. พ่อครับ  มีคนปรับดินไร่ข้าวโพดให้พ่อแล้ว  รอแป๊บนะครับ  ผมจะมาช่วยพ่อลงเมล็ดให้  ..

              ฝ่ายความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ตำรวจ  ก็ไม่เข้าใจอะไรเหมือนกัน

(จบแล้วครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่