คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
กรมที่ดินแจงหลักเกณฑ์ดึงต่างชาติซื้อบ้าน-ที่ดิน ย้ำใช้สิทธิรวมแค่ 1 ไร่
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ โดยในส่วนของกระทรวงมหาดไทย (มท.) ได้รับการมอบหมายให้พิจารณาความเหมาะสมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดวีซ่าประเภทผู้พำนักระยะยาวใหม่ (Long - term resident visa : LTR) แก่กลุ่มของชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูง 4 กลุ่ม ประกอบด้วย
1.กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง
2.กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ
3.กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย
4.กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ
รวมทั้งการศึกษาแนวทางการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการให้สิทธิในการถือครองที่ดินของคนต่างชาติเพื่อเป็นแรงจูงใจให้มีการนำเงินมาลงทุนในประเทศไทย กรมที่ดินได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนแล้วได้ข้อสรุปว่า กฎหมายเกี่ยวกับการให้สิทธิคนต่างชาติถือครองที่ดินที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีความเหมาะสมอยู่แล้ว
การกำหนดแนวทางเพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนเห็นควรดำเนินการเพียงแค่การปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขสำหรับการให้สิทธิในการขอถือครองที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยให้รองรับเฉพาะชาวต่างชาติ 4 กลุ่ม ที่ได้รับสิทธิ LTR Visa เท่านั้น
ร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย พ.ศ. ... ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 มีหลักเกณฑ์รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยในส่วนที่แตกต่างจากกฎกระทรวงปัจจุบันที่ให้สิทธิชาวต่างชาติ ในเรื่องกำหนดให้ใช้สำหรับคนต่างชาติที่มีศักยภาพสูง 4 กลุ่มดังกล่าว ที่ได้สิทธิวีซ่าพำนักระยะยาว หรือ LTR Visa ภายใต้เงื่อนไขต้องนำเงินมาลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท ในธุรกิจหรือกิจการตามที่ร่างกฎกระทรวงกำหนด และต้องคงการลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปี ถึงจะสามารถยื่นเรื่องขอใช้สิทธิถือครองที่ดินเพื่ออยู่อาศัยไม่เกิน 1 ไร่ ภายในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา เขตเทศบาล หรืออยู่ภายในบริเวณที่กำหนดเป็นเขตที่อยู่อาศัยตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง โดยจะมีผลใช้บังคับเพียงแค่ 5 ปี และขณะนี้ร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ยังต้องผ่านขั้นตอนการตรวจพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน
“การให้สิทธิในการถือครองที่ดินจำกัดเฉพาะการใช้เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยรายละไม่เกิน 1 ไร่ หากได้รับสิทธิครบ 1 ไร่แล้ว ต่อมาได้มีการขายที่ดินไปทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน แม้จะมีการลงทุนเพิ่มเติมตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดก็จะไม่สามารถขอใช้สิทธิดังกล่าวได้อีก ทั้งนี้ หากชาวต่างชาติรายใดไม่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด อธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจสั่งให้จัดการจำหน่ายที่ดินนั้นได้”
สำหรับข้อมูลคนต่างชาติที่ขอใช้สิทธิถือครองที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยตามกฎกระทรวง พ.ศ.2545 และยังใช้อยู่จนถึงขณะนี้มีจำนวนรวม 8 ราย โดยแต่ละรายใช้สิทธิไม่เกิน 1 ไร่
https://mgronline.com/stockmarket/detail/9650000103190
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ โดยในส่วนของกระทรวงมหาดไทย (มท.) ได้รับการมอบหมายให้พิจารณาความเหมาะสมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดวีซ่าประเภทผู้พำนักระยะยาวใหม่ (Long - term resident visa : LTR) แก่กลุ่มของชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูง 4 กลุ่ม ประกอบด้วย
1.กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง
2.กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ
3.กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย
4.กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ
รวมทั้งการศึกษาแนวทางการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการให้สิทธิในการถือครองที่ดินของคนต่างชาติเพื่อเป็นแรงจูงใจให้มีการนำเงินมาลงทุนในประเทศไทย กรมที่ดินได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนแล้วได้ข้อสรุปว่า กฎหมายเกี่ยวกับการให้สิทธิคนต่างชาติถือครองที่ดินที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีความเหมาะสมอยู่แล้ว
การกำหนดแนวทางเพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนเห็นควรดำเนินการเพียงแค่การปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขสำหรับการให้สิทธิในการขอถือครองที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยให้รองรับเฉพาะชาวต่างชาติ 4 กลุ่ม ที่ได้รับสิทธิ LTR Visa เท่านั้น
ร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย พ.ศ. ... ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 มีหลักเกณฑ์รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยในส่วนที่แตกต่างจากกฎกระทรวงปัจจุบันที่ให้สิทธิชาวต่างชาติ ในเรื่องกำหนดให้ใช้สำหรับคนต่างชาติที่มีศักยภาพสูง 4 กลุ่มดังกล่าว ที่ได้สิทธิวีซ่าพำนักระยะยาว หรือ LTR Visa ภายใต้เงื่อนไขต้องนำเงินมาลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท ในธุรกิจหรือกิจการตามที่ร่างกฎกระทรวงกำหนด และต้องคงการลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปี ถึงจะสามารถยื่นเรื่องขอใช้สิทธิถือครองที่ดินเพื่ออยู่อาศัยไม่เกิน 1 ไร่ ภายในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา เขตเทศบาล หรืออยู่ภายในบริเวณที่กำหนดเป็นเขตที่อยู่อาศัยตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง โดยจะมีผลใช้บังคับเพียงแค่ 5 ปี และขณะนี้ร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ยังต้องผ่านขั้นตอนการตรวจพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน
“การให้สิทธิในการถือครองที่ดินจำกัดเฉพาะการใช้เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยรายละไม่เกิน 1 ไร่ หากได้รับสิทธิครบ 1 ไร่แล้ว ต่อมาได้มีการขายที่ดินไปทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน แม้จะมีการลงทุนเพิ่มเติมตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดก็จะไม่สามารถขอใช้สิทธิดังกล่าวได้อีก ทั้งนี้ หากชาวต่างชาติรายใดไม่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด อธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจสั่งให้จัดการจำหน่ายที่ดินนั้นได้”
สำหรับข้อมูลคนต่างชาติที่ขอใช้สิทธิถือครองที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยตามกฎกระทรวง พ.ศ.2545 และยังใช้อยู่จนถึงขณะนี้มีจำนวนรวม 8 ราย โดยแต่ละรายใช้สิทธิไม่เกิน 1 ไร่
https://mgronline.com/stockmarket/detail/9650000103190
แสดงความคิดเห็น
💜มาลาริน💜ประเทศไทยต้องก้าวให้พ้นกับดักความรักชาติจนน้ำลายไหล..คนสนับสนุนให้ต่างชาติซื้อที่ดินได้มีแต่กูรูทางเศรษฐกิจ
หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เห็นด้วยรัฐบาลปลดล็อกต่างชาติซื้อบ้าน-ที่ดิน พร้อมเสนอกำหนดมาตรการภาษีเป็นธรรมคลายกังวลคนไทยผวาถูกแย่งซื้อที่ดิน
นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงมหาดไทย ปลดล็อกต่างชาติให้ซื้อบ้าน-ถือครองที่ดินไม่เกิน 1 ไร่ แลกการลงทุนในไทยขั้นต่ำ 40 ล้านบาทถือเป็นนโยบายที่น่าสนใจเป็นจุดดึงดูดทุนจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศและชาวต่างชาติเองก็จะจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ดังนั้น มุมเศรษฐกิจ ในระยะสั้นก็จะมีเงินเข้ามาจากการซื้อบ้านและที่ดินส่วนในระยะยาวก็มาจากการจับจ่ายใช้สอย รวมทั้งการใช้ทักษะ ความรู้ความสามารถของชาวต่างชาติ มาสร้างงาน สร้างโอกาสในไทย
แต่อย่างไรก็ตามหลายคนอาจจะกังวลว่าชาวต่างชาติจะมาแย่งซื้อที่ซื้อบ้าน-ที่ดินจากคนไทยหรือไม่ ก็เป็นสาเหตุที่ ครม. ได้วางกรอบกติกาที่ระบุว่าต้องมีเงินลงทุนผูกพันในประเทศไทย อย่างน้อย 3 ปี เป็นวงเงิน 40 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าเป็นคนละตลาดกับการซื้อขายบ้าน-ที่ดินทั่วไป
นอกจากนี้ยังจำกัดพื้นที่ในการซื้อที่ดิน ที่อยู่อาศัยเฉพาะในเขตเทศบาล เพื่อป้องกันไม่ให้แย่งซื้อกับชาวบ้านและการที่รัฐบาลจำกัดเวลาการทบทวนใน 5 ปี ก็ชี้ให้เห็นหลักคิดเชิง"แซนด์บ็อกซ์" คือ ทำทดลองดู เรื่องนี้พูดกันมานานถกเถียงกันไม่มีข้อสรุป รัฐบาลจึงให้ทดลองดู 5 ปี หากมีข้อเสียมากกว่าข้อดี ก็สามารถยกเลิกกฎหมายได้ตามความเหมาะสม ส่วนตัวจึงมองว่า เป็นแนวทางที่ดี แต่ก็ต้องคอยดู จะเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ตาม เมื่อรัฐบาลออกมาตรการควรฟังข้อกังวลของประชาชนด้วย ซึ่งวิธีการคลี่คลายความกังวล คือ ปรับโครงสร้างภาษี ให้มีความเป็นธรรมทุกฝาย ภาษีจากการซื้อขายที่ดิน ที่อยู่อาศัยเป็นธุรกิจเฉพาะจะมีค่าอากรแสตมป์ 3% ตรงนี้ก็แล้วแต่ว่าจะเป็นภาระของผู้ซื้อหรือไม่ แต่โดยทั่วไปแล้วภาษีควรต้องจ่ายโดยผู้ที่มีกำไร คือผู้ที่มีทรัพย์สินและขายทรัพย์สินให้กับต่างชาติ ที่ได้โอกาสจากการทำกำไรซึ่งมาตรการภาษีโดยรวมมีเม็ดเงินกลับเข้ามาในส่วนของรัฐบาลได้นำไปสร้างประโยชน์ให้ประชาชนต่อไป
https://www.posttoday.com/politics/2130
“ปธ.สภาอุตฯ” ชี้ไทยเปิดต่างชาติถือครองที่ดิน ดึงดูดนักลงทุน-กระตุ้นศก.
ปธ.สภาอุตฯ" ชี้ไทยเปิดต่างชาติถือครองที่ดิน ดึงดูดนักลงทุน-กระตุ้นศก.
จากกรณีที่ คณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติหลักการร่างกฎหมายดึงต่างชาติลงทุนในประเทศไทย เปิดให้ต่างชาติซื้อบ้าน และถือครองที่ดินไม่เกิน 1 ไร่ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน พร้อมกำหนดวงเงินลงทุน ต้องไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท และต้องถือไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปี นั้น
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับทีมข่าว TOPNEWS มองว่า เป็นมาตรการหนึ่งในการที่จะดึงดูดนักลงทุนที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่มีฐานะเข้ามาในไทย ว่า ความต้องการของประเทศไทยในขณะนี้ คือ ไทยต้องการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment : FDI) และไทยมีอุตสาหกรรมสำคัญด้านการท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวอยากเข้ามาเที่ยว และอยากให้นักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ หรือผู้ที่เกษียณอายุ (รีไทร์) จากต่างประเทศ ซึ่งมีความรู้ ความสามารถ ได้บำเหน็จบำนาญ ไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่น่าเข้ามาอยู่อาศัย และใช้ชีวิตบั้นปลาย
นายเกรียงไกร มองว่า สิ่งเหล่านี้ ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ มาตรการลักษณะนี้ เคยใช้มาตลอดอยู่แล้วในอดีต เพราะฉะนั้น การนำมาเสริมนโยบายของรัฐบาลที่อยากจะดึงดูดนักลงทุนเข้ามา ซึ่งไทยเริ่มเปิดประเทศ และอยู่ระหว่างการฟื้นฟู โดยเฉพาะการที่มีนโยบายชัดเจน ในอุตสาหกรรมใหม่ๆ เช่น อุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับอนาคตทั้งหลาย ซึ่งต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถ เข้ามาอยู่ไทย เพื่อช่วยเสริมในช่วงที่กำลังเริ่มต้น และสร้างคนไม่ทันในอุตสาหกรรมเหล่านี้
สำหรับการกำหนดกลุ่มคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูง 4 ประเภท ที่สามารถได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย ได้แก่...👇
(1) กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง
(2) กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ
(3) กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย
(4) กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ
จำนวนเนื้อที่ที่ได้รับสิทธิ
– ไม่เกิน 1 ไร่ ตามมาตรา 96 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งต้องใช้ที่ดินนั้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับตนเอง ภายในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล หรืออยู่ภายในบริเวณที่กำหนดเป็นเขตที่อยู่อาศัยตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
เงื่อนไข จำนวนเงินลงทุนและ ระยะเวลาการดำรงทุน
– ต้องไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท และดำรงทุนการลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปี นับแต่วันยื่นคำขอ
– ให้นับมูลค่าการลงทุน ณ วันที่ยื่นคำขอ
– หากถอนการลงทุนก่อนครบกำหนดระยะเวลาการดำรงทุน (ถอนก่อนครบกำหนด 3 ปี) สิทธิที่จะได้มาซึ่งที่ดินในส่วนที่ยังไม่ครบจำนวน (1 ไร่) เป็นอันระงับไป
โดยการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงเงื่อนไขต่างๆ นายเกรียงไกร มองว่า เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และหลายประเทศก็ใช้มาตรการเช่นนี้ อยากให้มองในภาพใหญ่ และมองว่ามาตรการเหล่านี้เคยใช้กันมาแล้ว อย่าให้เปิดเป็นประเด็น มองประโยชน์ มองสิ่งที่จะได้ อย่ามองเป็นประเด็นการเมืองไปหมด อยากให้ดูเรื่องของเหตุและผล ว่ามาตรการเหล่านี้ไม่ได้เสียหาย กลับเป็นประโยชน์ต่อประเทศ
ประธานสภาอุตสาหกรรมฯ กล่าวย้ำว่า การที่รัฐบาลออกมาตรการนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่รัฐบาลนำมาปัดฝุ่นและใช้ในสถานการณ์ที่เหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และสิ่งที่เรากำลังอยากจะฟื้นฟูเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีสูงๆ ต้องการคนที่มี skill สูงๆ จึงจำเป็นที่ต้องใช้มาตรการนี้ ดึงดูดการลงทุนเข้ามา อีกทั้ง มาตรการนี้ไม่ได้อยู่ตลอดไป หากครบ 5 ปี ก็สามารถจะปรับเปลี่ยนได้ตามที่เห็นสมควร เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจและสังคมไทยในขณะนั้นๆ
https://www.topnews.co.th/news/471265
เปิดใจขุนคลังโลก ปี 53 รัฐยังเป็นพระเอกกระตุ้น ศก.
ฮือฮาโด่งดังระดับโลกเมื่อ นิตยสาร Banker ในเครือ Financial Times มอบรางวัล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโลกแห่งปี 2010 ควบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเชียแห่งปี 2010 ให้กับ "กรณ์ จาติกวณิช ถือเป็นรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทยที่ได้รับรางวัลดังกล่าว ASTVผู้จัดการรายวัน ได้สัมภาษณ์เรื่องดังกล่าวพร้อมเปิดใจนโยบายปี 53
"รางวัลที่ได้รับในครั้งนี้กรณ์รู้สึกยินดีแต่ลึกๆ แล้วคิดว่ารางวัลนี้มาเร็วเกินไปอยากจะวัดผลงานดูอีกสักครั้งในปีนี้ถ้าหากสามารถเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ และได้รับการคัดเลือกอีกครั้งได้ก็ยินดีที่จะรับรางวัลนี้อย่างภาคภูมิใจ" ขุนคลังกล่าว
"กรณ์" บอกตลอดปี 52 ต้องยอมรับว่ารมว.คลังทุกประเทศต่างเหนื่อยกันมามากเป็นปีที่มีการประชุมร่วมกันบ่อยมากทุกภูมิภาคทั่วโลกและมาตรการต่างๆ ที่ออกมาล้วนอยู่ในรูปแบบที่คล้ายกันคือเป็นยาแรงและเร็ว แต่ที่โดดเด่นและเข้าตากรรมการซึ่งเป็นเครือข่ายของนิตยสารBanker ทั่วโลกเห็นและตัดสินใจมอบรางวัลนี้ให้ คืออุปสรรคต่างๆ ของไทย ทั้งการออกกฎหมายที่มีข้อจำกัดจากระบบรัฐสภา โครงสร้างรัฐบาลผสม รวมทั้งปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองตลอดทั้งปีแต่รัฐบาลก็สามารถเดินหน้ามาตรการต่างๆ ได้จริง
นอกจากนี้ยังมีความโชคดีที่ไทยเป็นประธานอาเซียนทำให้มีบทบาทที่โดดเด่น โอกาสในการแสดงฝีมือมากขึ้นในฐานะผู้นำภูมิภาคบนเวทีโลกซึ่งอาเซียนเป็นที่ถูกจับตาจากทั่วโลกในขณะนี้
แต่ที่ลืมไม่ได้และต้องยกให้เป็นพระเอกทั้ง 4 ที่ช่วยตีตื้นและฝ่าฟันวิกฤตปีที่แล้วมาได้คือ....👇
1.ภาคการส่งออกมีความแข็งแกร่งมาก
2.ภาคการท่องเที่ยวที่เป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญ
3.นโยบายต่างๆ ของรัฐบาลที่อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ และ4.เป็นส่วนสำคัญที่ต้องยกให้คือแบงก์รัฐที่เป็นผู้ปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบและมีบทบาทที่สำคัญรองรับนโยบายรัฐบาล
https://mgronline.com/stockmarket/detail/9530000006979
กูรูทั้งในอดีตและปัจจุบันล้วนสนับสนุนรัฐบาล
มีบางคนรักชาติจนน้ำลายไหล ขายไทยคมไปให้สิงคโปร์
บางคนก็ห่วงใยประเทศชาติกลัวเสียเปรียบต่างชาติ
แต่คนสนับสนุนรัฐบาลล้วนมีความน่าเชื่อถือ
ดิฉันก็มั่นใจในตัวลุงตู่ท่านคือผู้รักชาติ สถาบันอย่างที่สุด
ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนค่ะ