สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
เคยวัดทัศนคติเรื่องการเงินของคู่สมรสหรือยัง
จะบอกว่าผมเอาเงินเป็นที่ตั้งก็ได้นะ แต่มันเป็นเรื่องเล็กๆที่ขัดแย้งกันง่ายที่สุด
แนะนำมาหลายคู่ได้แต่แนะนำ ถ้าฟังแล้วปรับใช้ จะไม่มีปัญหา
ถ้าคิดว่าไหว ไม่ต้องทำก็เชิญ
1. บัญชีรายรับรายจ่าย ที่เคยเห็นมาบางคู่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเงินเดือนอีกฝั่งเท่าไหร่ ภาระของแต่ละคน รายรับรายจ่ายบาลานซ์เป็นยังไง เคยเจอน้องคู่นึง พอให้ไปทำบัญชีรับจ่ายมา3เดือน ฝ่ายหญิงเพิ่งทราบว่ารายได้ไม่พอรายจ่าย คือมันพอแหละ ถ้าไม่มีซ่อมรถ ซ่อมบ้าน เรียกว่าพอดีเกินไป ฝ่ายชายมีภาระลูกติด แบบนี้สงครามกลางวงเลยครับ บอกได้แค่อย่างน้อยเค้าก็กล้าเปิดเผยทั้งคู่นะ
2. Stress Plan ถ้าเกิดวิกฤติ แต่ละคนมีแผนจัดการอย่างไร มีเงินสำรองเท่าไหร่ อยู่ได้กี่เดือน มีทรัพย์สินและสภาพคร่องขนาดไหน อันนี้อย่าบอกว่าไม่สำคัญ พี่คู่หนึ่ง คนนึงเป็นเซลโรงแรม อีกคนเป็นวิศวกรที่ปรึกษาคุมงาน โควิดมา ตกงานโรงแรม งานก่อนสร้างโดนยุบ แพลนเอที่จะเอาค่าเช่าคอนโดมากินอยู่ก็โดนคนเช่าไม่มีไม่หนีไม่จ่าย แบบนี้สนุกครับ
เรื่องของเล่น เสื้อผ้า เครื่องสำอาง แก็ตเจ็ต คุมงบให้ชัดไปเลย เดี๋ยวพอลิสมา 3เดือนก็รู้เองแหละ มันเยอะแค่ไหน
3. แผนรับมือความเสี่ยงอื่นๆ เช่น ป่วย ทั้งตัวเองและบุคคลในครอบครัว รวมถึงลูกๆด้วย ตรงนี้เก็บเผื่อได้ก็ดี ถ้าไม่งั้น ประกันก็ดี คุยให้เคลียร์นะ แม่เราป่วย ต้องจ่ายค่ายาค่าหมอเดือนแสน เธอช่วยเรากี่เดือน เอากันแบบนี้เลย ไม่งั้นจะมี ทีพ่อเธอ แม่เรา ไม่จบง่าย
4. เรื่องบ้าน คอนโด รร รพ ดูให้ครบจบในรวดเดียว วางงบด้วยกันเลย จะเซฟเงินได้เยอะ แบบซื้อบ้าน พอลูกเข้า รร ต้องซื้อคอนโด ลูกป่วย วิ่งกลับมาอยู่บ้าน บ้านก็หนี้ คอนโดก็หนี้ ค่า รร ลูกก็กู้มาจ่าย จนค่ารักษาพยาบาลลูกไม่พอ ต้องกลับมาใช้สิทธิ์แถวบ้าน แบบนี้จะสร้างปัญหาในอนาคต
5. งานแต่ง เคลียร์งบให้จบ ใครออกตรงไหน อย่าไปหวังซองข้างหน้า ทำเท่าที่ตัวไหวพอ อย่าเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยหนี้ ที่สำคัญ ญาติใครญาติมัน ผู้ใหญ่ฝั่งไหน เอาให้อยู่ พวกผู้ใหญาปากดี แค่นี้เองเหรอ ต้องเพิ่มตรงนั้น ตรงนี้ พยายามอย่าให้กระทบหูอีกฝั่งเยอะ
ที่เหลือเป็นรายละเอียดส่วนบุคคลละครับ
มีน้อยใช้น้อย มีมากใช้น้อย มีหนี้ใช้หนี้ครับ
จะบอกว่าผมเอาเงินเป็นที่ตั้งก็ได้นะ แต่มันเป็นเรื่องเล็กๆที่ขัดแย้งกันง่ายที่สุด
แนะนำมาหลายคู่ได้แต่แนะนำ ถ้าฟังแล้วปรับใช้ จะไม่มีปัญหา
ถ้าคิดว่าไหว ไม่ต้องทำก็เชิญ
1. บัญชีรายรับรายจ่าย ที่เคยเห็นมาบางคู่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเงินเดือนอีกฝั่งเท่าไหร่ ภาระของแต่ละคน รายรับรายจ่ายบาลานซ์เป็นยังไง เคยเจอน้องคู่นึง พอให้ไปทำบัญชีรับจ่ายมา3เดือน ฝ่ายหญิงเพิ่งทราบว่ารายได้ไม่พอรายจ่าย คือมันพอแหละ ถ้าไม่มีซ่อมรถ ซ่อมบ้าน เรียกว่าพอดีเกินไป ฝ่ายชายมีภาระลูกติด แบบนี้สงครามกลางวงเลยครับ บอกได้แค่อย่างน้อยเค้าก็กล้าเปิดเผยทั้งคู่นะ
2. Stress Plan ถ้าเกิดวิกฤติ แต่ละคนมีแผนจัดการอย่างไร มีเงินสำรองเท่าไหร่ อยู่ได้กี่เดือน มีทรัพย์สินและสภาพคร่องขนาดไหน อันนี้อย่าบอกว่าไม่สำคัญ พี่คู่หนึ่ง คนนึงเป็นเซลโรงแรม อีกคนเป็นวิศวกรที่ปรึกษาคุมงาน โควิดมา ตกงานโรงแรม งานก่อนสร้างโดนยุบ แพลนเอที่จะเอาค่าเช่าคอนโดมากินอยู่ก็โดนคนเช่าไม่มีไม่หนีไม่จ่าย แบบนี้สนุกครับ
เรื่องของเล่น เสื้อผ้า เครื่องสำอาง แก็ตเจ็ต คุมงบให้ชัดไปเลย เดี๋ยวพอลิสมา 3เดือนก็รู้เองแหละ มันเยอะแค่ไหน
3. แผนรับมือความเสี่ยงอื่นๆ เช่น ป่วย ทั้งตัวเองและบุคคลในครอบครัว รวมถึงลูกๆด้วย ตรงนี้เก็บเผื่อได้ก็ดี ถ้าไม่งั้น ประกันก็ดี คุยให้เคลียร์นะ แม่เราป่วย ต้องจ่ายค่ายาค่าหมอเดือนแสน เธอช่วยเรากี่เดือน เอากันแบบนี้เลย ไม่งั้นจะมี ทีพ่อเธอ แม่เรา ไม่จบง่าย
4. เรื่องบ้าน คอนโด รร รพ ดูให้ครบจบในรวดเดียว วางงบด้วยกันเลย จะเซฟเงินได้เยอะ แบบซื้อบ้าน พอลูกเข้า รร ต้องซื้อคอนโด ลูกป่วย วิ่งกลับมาอยู่บ้าน บ้านก็หนี้ คอนโดก็หนี้ ค่า รร ลูกก็กู้มาจ่าย จนค่ารักษาพยาบาลลูกไม่พอ ต้องกลับมาใช้สิทธิ์แถวบ้าน แบบนี้จะสร้างปัญหาในอนาคต
5. งานแต่ง เคลียร์งบให้จบ ใครออกตรงไหน อย่าไปหวังซองข้างหน้า ทำเท่าที่ตัวไหวพอ อย่าเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยหนี้ ที่สำคัญ ญาติใครญาติมัน ผู้ใหญ่ฝั่งไหน เอาให้อยู่ พวกผู้ใหญาปากดี แค่นี้เองเหรอ ต้องเพิ่มตรงนั้น ตรงนี้ พยายามอย่าให้กระทบหูอีกฝั่งเยอะ
ที่เหลือเป็นรายละเอียดส่วนบุคคลละครับ
มีน้อยใช้น้อย มีมากใช้น้อย มีหนี้ใช้หนี้ครับ
ความคิดเห็นที่ 18
ความพร้อมทางจิตใจ - เข้าใจกันมากๆ เจอกันครึ่งทาง เอาใจเขามาใส่ใจเรา ดูแลซึ่งกันและกัน ไม่เห็นแก่ตัว แม้ว่าจะแต่งงานกันไปแล้ว ควรเว้นช่องว่างส่วนตัวให้กันและกันบ้าง
ความพร้อมทางด้านการเงิน - อย่าไปสิ้นเปลืองกับงานแต่งมากมาย มันก็เพียงวันหนึ่งวัน อย่ากู้มาแต่งงาน ถ้าไม่พร้อมก็จัดงานเล็กๆ เอาจริงๆแขกที่ไปงานเขาจำไม่ได้หรอกว่างานใครเป็นอย่างไร และตัวเราเองพอเวลาผ่านไปก็ลืมหมดแล้ว รูปแต่งงานก็แทบไม่ได้เปิดดู ดอกไม้ในงานไม่ว่าจะอลังการแค่ไหน พ้นวันไปก็เอาไปทิ้ง การแต่งงานสิ่งสำคัญคือความตั้งใจในการอยู่ร่วมกันมากกว่า สิ่งนี้จะทำให้ชีวิตคู่ยืนยาว ทรัพย์สิน เงินทองเป็นองค์ประกอบอย่างนึงเท่านั้นเอง
ความพร้อมในด้านอาชีพการงาน - สามี ภรรยา ในยุคนี้ ต่างคนต่างต้องดูแลตัวเองให้ได้ในระดับหนึ่ง ไม่มีใครควรเป็นภาระใคร ไม่จำเป็นต้องร่ำรวยมาจากไหน ขอแค่มุมะนะ พัฒนาตัวเองไปข้างหน้าก็เพียงพอแล้ว
ความพร้อมในด้านการมีลูก - เรื่องเงินสำคัญก็จริง แต่เรื่องจิตใจสำคัญที่สุด การเลี้ยงดูเด็กไม่ใช่งานชั่วคราว แต่มันเป็นงานระยะยาวไปจนกว่าลูกจะเติบโตและพึ่งพาตัวเองได้ ควรต้องพร้อมที่จะยอมรับว่าเรามี commitment ที่จะเลี้ยงดูลูกไปจนถึงจุดนั้น ไม่จำเป็นต้องส่งลูกเรียนโรงเรียนราคาแพง หรือบำรุงบำเรอด้วยทรัพย์สินราคาแพง สิ่งสำคัญคือ เวลา จิตใจ ความอ่อนโยน ความอดทน พวกนี้สำคัญกว่ามาก
ความพร้อมทางด้านการเงิน - อย่าไปสิ้นเปลืองกับงานแต่งมากมาย มันก็เพียงวันหนึ่งวัน อย่ากู้มาแต่งงาน ถ้าไม่พร้อมก็จัดงานเล็กๆ เอาจริงๆแขกที่ไปงานเขาจำไม่ได้หรอกว่างานใครเป็นอย่างไร และตัวเราเองพอเวลาผ่านไปก็ลืมหมดแล้ว รูปแต่งงานก็แทบไม่ได้เปิดดู ดอกไม้ในงานไม่ว่าจะอลังการแค่ไหน พ้นวันไปก็เอาไปทิ้ง การแต่งงานสิ่งสำคัญคือความตั้งใจในการอยู่ร่วมกันมากกว่า สิ่งนี้จะทำให้ชีวิตคู่ยืนยาว ทรัพย์สิน เงินทองเป็นองค์ประกอบอย่างนึงเท่านั้นเอง
ความพร้อมในด้านอาชีพการงาน - สามี ภรรยา ในยุคนี้ ต่างคนต่างต้องดูแลตัวเองให้ได้ในระดับหนึ่ง ไม่มีใครควรเป็นภาระใคร ไม่จำเป็นต้องร่ำรวยมาจากไหน ขอแค่มุมะนะ พัฒนาตัวเองไปข้างหน้าก็เพียงพอแล้ว
ความพร้อมในด้านการมีลูก - เรื่องเงินสำคัญก็จริง แต่เรื่องจิตใจสำคัญที่สุด การเลี้ยงดูเด็กไม่ใช่งานชั่วคราว แต่มันเป็นงานระยะยาวไปจนกว่าลูกจะเติบโตและพึ่งพาตัวเองได้ ควรต้องพร้อมที่จะยอมรับว่าเรามี commitment ที่จะเลี้ยงดูลูกไปจนถึงจุดนั้น ไม่จำเป็นต้องส่งลูกเรียนโรงเรียนราคาแพง หรือบำรุงบำเรอด้วยทรัพย์สินราคาแพง สิ่งสำคัญคือ เวลา จิตใจ ความอ่อนโยน ความอดทน พวกนี้สำคัญกว่ามาก
ความคิดเห็นที่ 5
ถ้าไม่เคยอยู่ก่อนแต่งและอายุยังน้อย
1.อย่าเอาเงินไปละลายกับงานแต่งงาน(ให้มากเกินไป) ไม่คุ้มเสียเงินกับการได้หน้าแค่วันๆเดียว
2. เว้นสัก1-2 ปี เพื่อเรียนรู้ปัญหา และปรับตัวการอยู่ด้วยกันก่อนค่อยมีลูก
3. อย่าให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเก็บเงิน ควรมีเงินเธอ เงินฉัน และเงินกองกลาง
4. อย่าบีบบังคับ ขอร้อง ให้เมียลาออกจากงานมาเป็นแม่บ้าน และเลี้ยงแมวรอสามีเลิกงานไปวันๆ ตอนที่ยังไม่มีลูก
5. ควรมีงานทำทั้งสองฝ่าย หากให้เมียลาออกจากงานเพื่อมาเลี้ยงลูก ควรให้เงินใช้ส่วนตัว
6. ให้เกียรติพ่อแม่เขา พ่อแม่เรา และแยกบ้านไม่อยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ก็ดูแลพ่อแม่ตามความเหมาะสม มีปัญหาอะไรผัวเมียต้องคุยกัน ไม่ใช่ แม่ฉัน มาอยู่บ้านเราได้ แต่แม่เธอห้ามมา เหมือนกระทู้ล่างๆ และต้องให้เกียรติคู่ชีวิตเราค่ะ
1.อย่าเอาเงินไปละลายกับงานแต่งงาน(ให้มากเกินไป) ไม่คุ้มเสียเงินกับการได้หน้าแค่วันๆเดียว
2. เว้นสัก1-2 ปี เพื่อเรียนรู้ปัญหา และปรับตัวการอยู่ด้วยกันก่อนค่อยมีลูก
3. อย่าให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเก็บเงิน ควรมีเงินเธอ เงินฉัน และเงินกองกลาง
4. อย่าบีบบังคับ ขอร้อง ให้เมียลาออกจากงานมาเป็นแม่บ้าน และเลี้ยงแมวรอสามีเลิกงานไปวันๆ ตอนที่ยังไม่มีลูก
5. ควรมีงานทำทั้งสองฝ่าย หากให้เมียลาออกจากงานเพื่อมาเลี้ยงลูก ควรให้เงินใช้ส่วนตัว
6. ให้เกียรติพ่อแม่เขา พ่อแม่เรา และแยกบ้านไม่อยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ก็ดูแลพ่อแม่ตามความเหมาะสม มีปัญหาอะไรผัวเมียต้องคุยกัน ไม่ใช่ แม่ฉัน มาอยู่บ้านเราได้ แต่แม่เธอห้ามมา เหมือนกระทู้ล่างๆ และต้องให้เกียรติคู่ชีวิตเราค่ะ
แสดงความคิดเห็น
คนที่แต่งงานแล้ว อยากจะบอกอะไรกับคนที่กำลังเก็บเงินจะแต่งงานครับ