ครอบครัวรับลูกคนอื่นมาเลี้ยง

คือผมมีเรื่องอยากจะปรึกษาครับ  เป็นเรื่องที่พ่อกับแม่ผมรับลูกคนอื่นมาเลี้ยง เด็กคนนี้เป็นลูกของพี่ผมครับ แต่เป็นลูกพี่ลูกน้อง ผมมีความสัมพันธ์คือเป็นอาของเขาแต่ไม่ได้เป็นอาโดยตรง ต้องขอเล่าก่อนนะครับว่าผมเป็นเกย์ และไม่เคยมีความรักเลยจนตอนนี้อายุ 28 ปีแล้วครับ เพราะจากคำดูถูกบลูลี่ว่าน่าแบบนี้ไม่มีใครเขาเอาหรอก มันเลยเป็นเรื่องจำฝังใจว่าคนอย่างผมคงไม่มีใครมาสนใจ จึงเลือกที่ไม่เขาหาใครก่อนด้วย สมัยเด็กผมว่ามันคงมีทุกคนที่มีความสับสนว่าชอบอะไร ว่าเคยมีใจให้ ผญ.ไหมก็เคยมีครับ ต่ก็ไม่สมหวัง จนมายอมรับตัวเองในภายหลัง แต่มัน็ไม่ใช่ประเด็นครับ และก่อนหน้านี้ตอนผมอยู่ปปี 3 ผมเคยเป็นมะเร็งที่สมองครับ ผ่าตัดสมองและให้คีโมมาก่อน มันมีเอฟเฟคทำให้จนถึงปัจจุบันผมก็ความจำไม่เหมือนคนปกติ100%เหมือนคนทั่วไป เป็นคนลืมง่าย จากคนที่เรียนเก่งสมัยก่อนนะครับ สมองไวคิดไวทำไว จนตอนนี้มันรู้ตัวเองว่าเหมือนร่างกายหรือความคิดมันไม่เหมือนเดิม ทำให้เป็นคนที่มีความกังวลหรือความเครียดจจากอาการป่วยที่ต้องใช้ชีวิตแบบคนปกติทั้งๆที่ร่างกายเราไม่ปกติ เหมือนเป็นอาการทางจิตที่บางครั้งไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ และเข้ารับการรักษาที่แผนกจิตเวชที่ รพ.  แห่งหนึ่ง ตัวเราทราบดีครับ ต่อมาครับพ่อกับแม่ผมเขาอยากมีหลานเขาจึงขอลูกของพี่ผมเนี่ยมาเลี้ยง 1 คน คือพ่อของเด็กมีลูก 2 คนครับ กับภรรยาคนแรก ที่รับมาเป็นคนโตเพราะพ่อกับแม่เด็กเขาอย่ากันครับฐานะทางบ้านเขาก็ไม่ได้ดีและสภาพแวดล้อมทางบ้านไม่ดีด้วย คือเอาจริงๆแล้วแฟนพี่ผมคนนี้เคยมีครอบครัวมีลูกแล้ว 1 คน แต่ก็เอาลูกคนแรกไว้กับสามีคนแรก จนมาเจอพี่ของผมเป็นสามีคนที่ 2 จดทะเบียนสมรส มีลูกด้วยกัน 2 คน แต่ก็ไม่ได้ราบรื่นเพราะแฟนพี่ผมเหมือนเขาจะเป็นคนขี้เกียจไม่ทำงานบ้านไม่ทำการทำงาน อยู่แต่บ้านเล่นแต่เกมโทรศัพท์เวลาผมไปเห็นก็นอนกระดิกขาเล่นแต่โทรศัพท์ จนปัจจุบันเขาอย่าร้างเลิกกับพี่ผมไปแล้ว เพราะนอกใจไปเจอ ผช.ใหม่ในเกม และเขาก็ไม่เอาลูกซักคน ไปแต่ตัวปล่อยให้พี่ผมเลี้ยงเด็กทั้ง 2 คน พ่อกับแม่ผมเลยขอมาช่วยเลี้ยงคนนี้ 1 คน ในตอนแรกผมเองก็ไม่ได้ออกความคิดเห็นกับทางผู้ใหญ่ด้วยว่าผมเต็มใจไหม ก็คิดว่าเอามาก็ได้ หลังจากนั้นค่อยว่ากัน ตอนรับน้องมาในช่วงโควิทระยะแรกครับ ตอนนั้นน้องก็ยังช่วงอนุบาล 1 (ในตอนนี้พี่ผมก็มีคนคุยใหม่แล้ว) และผมเองก็ยัง wfh ที่บ้าน ผมก็พยามที่รักเขานะครับให้เหมือนลูกของผม  พาไปเที่ยวถ่ายรูปกินอะไรดีๆ แล้วพ่อเด็กก็มาตอบในคอมเม้นว่า ดีแล้วฝึกเอาไว้ ผมก็คิดว่า เออมั้งเผื่อมันอาจจะทำให้เราโตขึ้น ก็เริ่มที่อยากจะรักเขา แต่มันก็เป็นเส้นบางๆครับที่ไม่อาจล้ำเส้นได้ เพราะไม่ใช่ลูกเราแท้ๆ เราไม่สามารถที่จะดุด่าว่ากล่าวตักเตือนหรืออะไรมากเกินไป มันก็เกิดเป็นความรักนะครับเคยคิดว่าอยากจะรักเขาจริงๆเป็นลูก พาเขาเล่นชิงช้าร้องเพลงช้างอะไรเป็นเด็กๆไปครับ ในตอนแรกพ่อกับแม่เลยฝากให้หลานอยู่บ้านกับผม และหลานก็ไม่ได้ไปเรียนด้วยครูที่ รร ให้เรียนออนไลน์  แต่เรียนภาคค่ำ พ่อกับแม่ของผมทำงานนอกบ้านทั้ง 2 ท่านครับ และด้วยเนื้องานของผมที่ต้องติดต่อกับลูกค้ามันจะเกิดความเครียดมากกว่าคนอื่นอยู่แล้ว ด้วยการที่ผมเป็นซึมเศร้าแบบไบโพล่าอ่อนๆ จึงทำให้บางครั้งมันมีอารมณ์หงุดหงิดบ้าง  บ้านผมมีพื้นที่ไม่เยอะครับ และหลานผมค่อนข้างซน ผมไม่สามารถดูแลเขาได้ตลอดเวลา จึงให้เขาไปนอนเล่นที่นอนนอกบ้าน ผมจะมีเหมือนแคร่เล็กที่นั่งเล่นนอนเล่นได้ เลยให้เขาอยู่ข้างนอก เพราะไม่งั้นจะกวนเวลาผมทำงานมากๆ แต่ยังไงก็คือเด็กครับเปิดประตูเข้าเปิดออก  เรียกเดี๋ยวก็อาเดี๋ยวก็อา มันก็เริ่มมีความโมโหความอะไร พอมันนานวันเข้าซ้ำๆผมเลยพูดกับพ่อแม่ว่าเออ ผมก็ต้องทำงานยังไงก็ไม่สามารถดูแลได้ขนาดนั้นหรอก อีกอย่างผมไม่ได้เต็มใจที่อยากได้เขามา ผมเป็นลูกคนเดียว ผมไม่เคยมีแฟน ตั้งแต่เล็กจนโตผมไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าการดูใครมันมากเรื่องขนาดนี้ และต่อให้อนาคตผมจะมีแฟน แต่ผมก็ไม่ได้อยากมีลูก เพราะผมไม่ได้รักเด็กขนาดนั้นอยู่ได้แค่ประเดี๋ยวประด๋าว แค่หากให้อยู่นานๆมันก็ไม่ใช่นะครับ พ่อกับแม่ก็เลยว่าถ้างั้นเดี๋ยวเอาไปที่ทำงานด้วย แต่ผมก็เป็นห่วงพ่อกับแม่ผม ผมเข้าใจนะว่าผู้ใหญ่ GenX เขาอยากมีหลาน แต่ก็มีหลานแค่เพื่อให้หายเหงา แต่ถึงขั้นมาส่งเสียเลี้ยงดูไหมก็ไม่ เพราะพ่อหรือแม่เขาเด็กก็ไม่เคยมาหาซักครั้ง อย่างน้อยผมคาดหวังว่าเออ เอาเด็กมาเลี้ยงให้แล้ว คุณมาหาลูกคุณหรือเอาค่าเลี้ยงดูมาแบ่งเบาภาระให้เราบ้างก็ไม่มี  เวลามาก็มาขอยืมเงินพ่อแม่ผมบ้างจะบอกว่าทั้งครอบครัวฝั่งเขา ส่วนพ่อเด็ก  ย่าแท้ๆมายืมเงินผมตอนแรกผมก็ให้ แต่ไม่ส่งตามกำหนดผมก็เลี้ยงที่จะใจแข็งไม่ให้อีกเลย ต่อให้จะทุกข์ยากแค่ไหน แต่กลับไปยืมเงินพ่อแม่ผมแทน เด็กต้องโตในทุกๆวัน มันไม่ใช่แค่เลี้ยงแต่ตัวครับ ค่าใช้จ่ายเสื้อผ้ากับข้าวอีก แม่ผมต้องซื้อให้ พ่อผมก็ต้องไปรับไปส่งที่ รร เราก็พยามว่าเอาว่ะ 1 ชีวิตก็ต้องช่วยกันไป พอช่วงค่ำแม่ผมก้ต้องคุมน้องเรียนออนไลน์และเรียนอะไรไม่รู้ครับให้เรียนตอน 1 ทุ่มถึง 3 ทุ่ม ทุกคนควรจะได้พักผ่อน ผมก็สงสารแม่ผมว่ารู้นะว่ารักหลานเหมือนกันแต่มันก็คือภาระ บางครั้งเรียนเสร็จครูให้ทำการบ้านโดยอัดวีดีโอ แม่ผมก็ต้องดูแลทั้งคืน บางคืนสูงสุดถึง 5 ทุ่ม จนวันนึงครับแม่ผมเคยถามหลานว่ารักใครมากกว่ากันอยากอยู่กับใคร หนูอยากอยู่กับแม่ หนูคิดถึงแม่ มันเลยทำให้ความรู้สึกผมเริ่มเปลี่ยนไป ว่าการที่บ้านฝั่งเราเลี้ยงดีขนาดดีขนาดนี้ กับข้าวเอยไรเอย แต่เด็กยังเลือกที่จะกลับไปหาแม่ จากนั้นผมก็เริ่มที่จะไม่สนใจเพราะเรากลัวว่าหากเราทุ่มเทมากจนเกินไป และสุดท้ายเขาไม่ได้เลือกเราละ ก็เลยเลือกที่จะไม่อะไรอีกต่อไป จนวันนึงครับข้างบ้านผมติดโควิท แล้วทุกคนในบ้านฉีดวัคซีนหมดแล้ว เหลือแต่หลานที่ตอนนั้นยังไม่สามารถฉีดได้ให้ตอนนั้น  บ้านผมจึงส่งกลับไปที่บ้านของพ่อเขาก่อนเพื่อความปลอดภัย แต่ผ่านไปได้แค่ 2 วัน พ่อเด็กก็ส่งไปให้แม่เด็ก แล้วก็มาทราบข่าวภายหลังว่าแม่เด็กท้องกับกับสามีคนปัจจุบันแล้ว ตอนนั้นก็มีการคุยกันว่าแม่เด็กจะเอาเด็กไปเลี้ยงเอง ไอเราก็แอบดีใจว่าเออ เรื่องของครอบครัวตัวเอง เอาไปดูแลเถอะ และแฟนปัจจุบันของพี่ก็มีท้องแล้วเช่นเดี่ยวกันเป็นลูกคนที่ 3 พอส่งน้องเขาไปอยู่กับแม่ตอนนั้นโชคดีเป็นช่วงปิดเทอม ผมสบายขึ้นเยอะเลย แต่แอบใจหายนิดๆ (แค่นิดเดียวจริงๆครับ) ทราบว่าแม่เขาจะเอาไปอยู่ถาวรบอกเป็นตุตะเลยว่าจะเอาไปโรงเรียนนี้นะ ย้าย รร ไปอยู่กับแม่บลาๆ มาขอยืมเงินพ่อผมก้อนนึงว่าเป็นทุนการศึกษาที่ รร ใหม่ พ่อผมก็ให้ไป เวลาผ่านไปใกลล้เปิดเทอม  ส่งกลับมาอีก มาโกหกว่าที่ รร เขาไม่รับเด็กเพิ่มจึงขอส่งกลับมาเรียนที่เดิม อ้าวที่ให้เงินไปล่ะบอกว่าจะเอามาใช้คืน จนปัจจบันก็ไม่ได้คืนซักบาท แต่กลับมาคราวนี้มันไม่มีความรักอีกแล้วครับ มีแต่ความเกลียด คือผมไม่ได้เกลียดเด็กนะ ผมเกลียดพ่อกับแม่ของเด็ก จนแบบตอนนี้ผมควบคุมสติอารมณ์ไม่อยู่ว่าส่งกลับไปให้พ่อมันเลี้ยงปะ ไม่อยากเลี้ยงแล้ว พ่อกับแม่ยังจะบอกว่าสงสารอีก ผมเลยยื่นคำขาดเลยว่าหลังจากนี้ห้ามเอามาใกล้ผมอีกไม่อยากยุ่งหรืออะไรทั้งนั้น รับผิดชอบกับไปเลย ต่างคนต่างอยู่ แล้วมันไปประจวบเหมาะกับเรื่องที่ดินทีทางที่ ตจว.ด้วยครับ วันนึงพ่อผมเขาเมาเขาพูดออกมาว่าจะปลูกบ้านยกที่ดินให้พ่อมัน มันจะได้มีที่อยู่ และก่อนหน้าที่แม่เคยพูดกับพ่อครับว่าให้เซ็นที่บ้านที่ไร่ให้ผม เพราะพ่อแม่ผมเขาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน เพราะผมเคยได้ยินมาว่าหากพ่อแม่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสหากเกิดเหตุไม่คาดฝันกับพ่อวันใดสมบัติทุกอย่างของพ่อจะกลายเป็นองพี่น้องของพ่อทันที พ่อผมก็แบบไปเล่าให้คนอื่นฟังว่าผมกับแม่คิดการใหญ่ว่าอยากได้สมบัติ ซึ่งมันไม่ใช่ แต่ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ผมควรจะได้ในฐานะลูกไม่ใช่ของคนอื่นที่เขาไม่เคยดูแลพ่อด้วยซ้ำมีแต่คนที่มาขอความช่วยเหลือ ใครที่ดุแลพ่อแม่มาตั้งแต่เล็กจนโตก็ไม่ใช่ผมหรอ ผมก็ไม่อยากให้พ่อไปมอบใครสุ่ม 4 สุ่ม 5 มันทำให้ผมเสียใจอย่างมากเลย การที่ผมเป็นเกย์ไม่มีเมียไม่มีลูกมันทำให้พ่อคิดได้ขนาดนี้เลยหรอ แล้วที่ดินที่พ่อพูดมา ส่วนนึงก็เป็นเงินเก็บผมเหมือนกันนะ เป็นหลักแสน วันนั้นผมร้องไห้เสียใจค่อนข้างหนัก เคยคิดเหมือนกันว่าผมเป็นลูกเขาหรือเปล่า เพราะแต่เด็กเวลาเขาเอาหลานๆเขาจะดีใจมากที่เขามาเยี่ยม  ส่วนผมไม่เคยได้จัดวันเกิดเลยซักครั้งตั้งแต่เด็ก ผมทำงานเก็บเงินให้พ่อแม่ส่วนนึง ส่วนนึ
งได้เอาไปซื้อที่ดินร่วมด้วย แต่กลับพูดกับผมแบบนี้ แล้วก็พูดว่าหากมีโอกาสก็จะจัดบวชให้พี่คนนี้ซักครั้ง ผมก็อ้าว เอาจริงๆนะครับ มันประติดประต่อจนผมเรียงเรื่องไม่ถูก เพราะทุกอย่างในชีวิตผม  ผมไม่รู้ว่าจะจัดการกับความคิดและการเป็นอยู่ยังไง และหากมีอีกหนทางนึงว่าต้องเลี้ยงเด็กคนนี้ สถานะของผมควรที่จะทำได้ในขอบเขตที่เท่าไหร่ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่