JJNY : 5in1 พท.ย้อนแผนบริหารจัดการน้ำ│"พท."พร้อมดัน"ชัยเกษม"│“ชูวิทย์”ข้องใจ│ส.อ.ท.ห่วงบาทอ่อน│รัสเซียเตรียมรับมือม็อบ

พท.ย้อนแผนบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน ยุคยิ่งลักษณ์ ท่วม-แล้งหมดแน่ถ้าแผนนี้เสร็จ                           
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7277882
 
 
พท.ย้อนแผนบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ จวกรบ.นี้ทำได้แค่ฟลัดเวย์ สุดเจ็บหลังเจอ “บิ๊กป๊อก” ตอบกระทู้แก้น้ำท่วมลาดกระบังไม่ได้ ฟาก “วิม” โวน้ำท่วมน้ำแล้งหมดแน่ถ้าแผนนี้เสร็จ
  
เมื่อวันที่ 21 ก.ย.65 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) พรรคพท.จัดเสวนา “ย้อนแผนโครงการน้ำ 3.5 แสนล้าน ถ้าทำวันนั้น น้ำไม่ท่วมแบบวันนี้ โดยมีนายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานด้านนโยบายปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการน้ำ พรรคพท. น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรคพท. นายวิม รุ่งวัฒนจินตา อดีตโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ร่วมเสวนา
 
นายปลอดประสพ กล่าวว่า โครงการบริหารจัดการน้ำที่รัฐบาลพรรคพท.ได้เคยจัดทำไว้ภายหลังเกิดน้ำท่วมในปี 2554 มีโครงการที่ชัดเจน และไม่ได้ใช้งบประมาณในการจัดทำแผนโครงการแม้แต่บาทเดียว โดยมีทั้งหมด 8 โมดูลได้แก่ 
 
1. การสร้างอ่างเก็บน้ำ 16 แห่งในลุ่มน้ำปิง วัง ยม น่าน โดยเฉพาะในเขตแม่น้ำยม (แก่งเสือเต้น) แม่น้ำสะแกกรัง (แม่วงค์) ลุ่มแม่น้ำน่าน ท่าจีน ครอบคลุมพื้นที่ 1.6 แสนตารางกิโลเมตร 
2. สร้างพื้นที่น้ำล้อม เพื่อป้องกันพื้นที่ชุมชนและเขตเศรษฐกิจ 
3. พัฒนาพื้นที่เก็บกักน้ำชั่วคราว (แก้มลิง)
4. ปรับปรุงลำน้ำสายหลักและการกัดเซาะ 
5. จัดทำทางผ่านน้ำ รวม 3 จุด สามารถระบายน้ำได้ 1,500 ลูกบาศก์เมตร/วินาที 
6. จัดทำคลังข้อมูลและการบริหารงานที่เป็นเอกภาพ 
7. สร้างอ่างเก็บน้ำใน 17 ลุ่มน้ำชี 
8. สร้างพื้นที่ปิดล้อมชุมชนและเขตเศรษฐกิจของ 17 ลุ่มน้ำชี 
 
ทั้งนี้ แผนบริหารจัดการน้ำตั้งวงเงินงบประมาณในการกู้เงินไว้ที่ 3.5 แสนล้าน แต่ในการแก้ไขปัญหาในลุ่มน้ำภาคเหนือและกลางทั้งระบบ ใช้งบประมาณอยู่ที่ 229,000 ล้านบาท แก้ไขปัญหาได้ทั้งระบบ ส่วนที่เหลือสามารถนำไปแก้ไขปัญหาน้ำในลุ่มน้ำชี ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีปัญหาน้ำหลากจากสภาพพื้นที่ที่มีความสูงชันได้
 
“ถ้าไม่เกิดการปฏิวัติรัฐประหาร โครงการเหล่านี้จะเสร็จเกือบหมดเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่รัฐบาลนี้บริหารมา 8 ปีท่านไม่ทำอะไรเลยนอกจากฟลัดเวย์ที่ทั้งแพงและก่อสร้างล่าช้า ผมรู้สึกเสียดายโอกาสดีๆ ที่ประเทศไทยเคยมี รู้สึกชิงชังพวกท่าน และรู้สึกสงสารประชาชนจากการปกครองที่ไม่รู้เดียงสาของพวกท่าน” นายปลอดประสพ กล่าว
 
น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้ บางพื้นที่ของลาดกระบังน้ำท่วมหนักกว่าปี 2554 ส่วนตัวจำได้ว่าน้ำท่วมในปี 2554 ส่งสัญญาณจากฝนตกตั้งแต่ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง เมื่อพรรคพท.ได้เข้ามาบริหารประเทศก็ทำงานทันที เมื่อเกิดน้ำท่วมในปี 2554 รัฐบาลที่นำโดยพรรคพท.ก็เร่งทำโครงการบริหารจัดการน้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาท ผ่านมาเกือบ 10 ปีประเทศไทยยังคงเกิดปัญหาเดิมซ้ำซาก จึงขอกล่าวโทษพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ยึดอำนาจไปจากรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนทำให้ไม่สามารถเดินหน้าแผนบริหารจัดการน้ำได้ และยิ่งมีความรู้สึกเจ็บช้ำ เมื่อได้รับคำตอบจากพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่ตอบกระทู้สดของตนในสภาเกี่ยวกับการแก้ปัญหาน้ำท่วมในลาดกระบัง แต่กลับได้รับคำตอบว่า “ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะตอบอย่างไร” แสดงให้เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลนี้ทำไม่เป็น มือไม่ถึง ผลของการบริหารงานจึงเป็นอย่างที่เห็น ทั้งหมดคือความผิดพลาดล้มเหลวมาตลอด 8 ปี ที่ประเทศไทยไม่ได้อะไรเลย
 
นายวิม รุ่งวัฒนจินดา กล่าวว่า ในปี 2554 ฝนตกติดต่อกันหลายวัน เนื่องจากมีพายุเข้ามาพาดผ่านประเทศไทยหลายลูก ทำให้น้ำในเขื่อนสูงเกินกว่าปริมาณการกักเก็บ จึงต้องระบายออก และน้ำในทุ่งใต้เขื่อนมีปริมาณสูง ทำให้น้ำที่ระบายออกจากเขื่อนรวมกับน้ำในทุ่ง มีจำนวนมากเกินกว่าลำน้ำใหญ่ทางภาคเหนือ คือปิง วัง ยม น่านจะรับไหว ทำให้แก้มลิงซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำเต็มทุกพื้นที่ เมื่อพื้นที่รับน้ำและระบายน้ำมีไม่เพียงพอ จึงทำให้น้ำ ไหลลงสู่ภาคกลางอย่างรวดเร็วและระบายออกสู่ทะเลไม่ทัน รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์มองเห็นปัญหาว่า สิ่งจำเป็นในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม คือการชะลอน้ำจากแหล่งน้ำ และการระบายน้ำจากพื้นที่กลางน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา บางปะกง และท่าจีนออกสู่ทะเลอย่างมีประสิทธิภาพ จึง เป็นที่มาของการจัดทำโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ หากรัฐบาลได้ดำเนินโครงการตั้งแต่ปี 2557 วันนี้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งจะหมดไป
 

 
"เพื่อไทย" พร้อมดัน "ชัยเกษม" ชิงนายกฯ หาก "บิ๊กตู่" ไม่ได้ไปต่อ
https://www.nationtv.tv/news/politics/378887196

"เพื่อไทย" เปิดไพ่ดัน "ชัยเกษม" ชิงนายกฯ หากศาลรธน.ไม่ให้ "บิ๊กตู่" ไปต่อ ชี้ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ไม่มีทางเปลี่ยนขั้วการเมืองจับมือกับพลังประชารัฐ
 
21 กันยายน 2565  นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองหลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินชี้ขาดวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันที่ 30 ก.ย. ว่า หากศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า พ้นจากตำแหน่งนายกฯ ต้องดูสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนั้น ก่อนที่จะพิจารณาว่าพรรคเพื่อไทยจะขับเคลื่อนอย่างไรต่อไป แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ การเข้าสู่กระบวนการเลือกนายกฯ โดยพรรคจะส่งรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ คือ นายชัยเกษม นิติศิริ ซึ่งยังคงเป็นผู้ที่ทำงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน แม้ตามบัญชีจะมีอยู่ 3 รายชื่อ แต่บางคนได้แยกออกไปทำงานการเมืองนอกพรรคแล้ว ดังนั้นบัญชีนายกฯของพรรคจึงเหลืออยู่เพียงคนเดียว 
 
ส่วนสถานะของรัฐบาลก็เป็นคณะรัฐมนตรี (ครม.) รักษาการ พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ในฐานะนายกฯรักษาการ แต่พรรคต้องประเมินสถานการณ์ทางการเมืองด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญที่จะยุบสภาได้หรือไม่ และพรรคต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง ส่วนข้อสังเกตทางการเมืองว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ อาจเป็นนายกฯ คนนอกนั้น ขั้นตอนของสภาฯ จะเลือกได้หรือไม่ หากจะเสนอรายชื่อนายกฯ คนนอกต้องใช้เสียงของรัฐสภาเห็นชอบ 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกรัฐสภาหรือ 488 คน
 
“ดังนั้นจะมีปัญหาในการเลือกไม่ได้ เพราะต้องเลือกนายกฯ ในบัญชีก่อน และพรรคภูมิใจไทย ยังมีชื่อของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หากพรรคร่วมรัฐบาลร่วมมือกันนายอนุทิน มีโอกาสที่เป็นนายกฯ ด้วยเสียงที่ไม่น้อยกว่า 365 คน แต่ทั้งนี้คาดการณ์ว่า ชื่อนายกฯ ในบัญชีที่มีอยู่จะไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา อาจต้องเลือกนายกฯนอกบัญชีพรรคการเมือง เพื่อแก้ปัญหาไม่ให้เกิดเดตล็อกทางการเมืองในการบริหารประเทศ แต่พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับนายกฯคนนอก
 
ท้ายที่สุดไม่ว่านายกฯจะเป็นใคร แม้เป็น พล.อ.ประวิตร ขั้วการเมืองจะไม่มีเปลี่ยนแปลง และไม่มีโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะจับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยจะยึดมั่นในอุดมการณ์และความรู้สึกที่ให้ไว้กับประชาชน สิ่งที่ฝ่ายค้านเป็นห่วงมาตลอด หากผลวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่พ้นจากตำแหน่ง และยังสามารถเป็นนายกฯได้อีกไม่ว่าจะ 2 ปี หรือ 4 ปี
 
คือ สถานการณ์ทางการเมืองที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่า การอยู่ยาวคือการผูกขาดอำนาจ พฤติกรรม 8 ปีที่ผ่านมาของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเช่นนั้น ยิ่งมีอำนาจมากก็ยิ่งเกิดปัญหาคอร์รัปชันมาก หาก พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อโดยไม่มีคำอธิบายชัดเจน กังวลว่าจะเกิดวิกฤตความขัดแย้งทางการเมือง
ทั้งนี้หาก พล.อ.ประยุทธ์ได้อยู่ต่อแล้วประกาศว่าจะเป็นนายกฯต่ออีก 3 เดือนแล้วยุบสภา จะลดแรงต้านหรือการเกิดวิกฤตทางการเมืองได้ แต่หากอยู่ต่ออีก 2 ปีหรืออีก 4 ปี กระแสต่อต้านจะลุกลามมาก ซึ่งกระแสต่อต้านมีการแสดงออกหลายรูปแบบไม่เพียงแค่การชุมนุมลงถนนเท่านั้น” นพ.ชลน่านกล่าว
 

 
“ชูวิทย์”ข้องใจ “พล.อ.ประยุทธ์”อยู่ในตำแหน่งนายกฯต่อ แล้วประเทศและประชาชนจะได้อะไร?
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3575448

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ประเด็นร้อนการเมือง ถึง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ควรพอจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้แล้ว อยู่มาแล้ว 8 ปี หากอยู่ต่อ ประเทศและประชาชนจะได้อะไร ถ้าทำให้ประเทศเจริญรุ่งเรืองได้จะสนับสนุนเต็มที่   ติดตามรายละเอียดจากคลิปนี้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่