[CR] รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ “อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคิรี” แห่งเมืองเพชร

[ Review by : NTK ]

ได้มีโอกาสมาเยือนเมืองพริบพรีในตำนานก็ไม่พลาดที่จะเข้าเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยงทางประวัติศาสตร์อันเลื่องชื่อของเมืองเพชร

อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี หรือชื่อที่ชาวบ้านอย่างเราๆรู้จักกันก็คือเขาวัง เขาวังเป็นสถานที่คู่บ้านคู่เมืองที่เก่าแก่ของเมืองเพชร โดยพระนครคิรีแห่งนี้เดิมเป็นพระราชวังฤดูร้อนที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2426  โดยตั้งอยู่บนตำบลคลองกระแซง อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี ตั้งอยู่บนยอดเขาถึง 3 ยอด และครอบครองพื้นที่กว้างถึง 188 ไร่



อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคิรีแห่งนี้มีเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น. โดยมีค่าเข้าชมสำหรับคนไทย 20 บาทและสำหรับชาวต่างชาติ 150 บาท มีทางขึ้นอยู่ด้วยกัน 2 ทางคือการเดินขึ้นตามทางเดินปกติ และทางที่2 โดยสารโดยรางรถไฟ หากเลือกทางที่ 2 ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่จุดให้บริการเพิ่ม โดยมีอัตราค่าบริการสำหรับผู้ใหญ่50 บาท และสำหรับเด็กเยาวชนเพียง 15 บาท ส่วนในกรณีเด็กที่มีความสูงไม่เกิน 90 ซม.จะสามารถขึ้นรถรางฟรี



และแน่นอนหนทางสำหรับคนขี้เกียจอย่างเราก็คือ ขึ้นรถรางอย่างไม่ต้องสงสัย😅 แอบกระซิบว่าไม่รู้ว่าเราโชคร้ายหรือเปล่า ได้นั่งขอบทั้งขาไป-กลับทั้งสองรอบ พอมองไปข้างๆก็รู้สึกแอบเสียวๆอยู่ในใจ กลัวว่าตัวเองจะหล่นตุ๊บลงไปซะอย่างนั้น ความคิดเห็นส่วนตัวสำหรับเรามันค่อนข้างน่ากลัวนิดหน่อย ด้วยทางที่ลาดชัดและกลัวความสูงเป็นทุนเดิม ตอนนั้นนั่งสวดมนต์ในใจพร้อมท่องเชือกอย่าขาดนะๆไปแปดร้อยตลบ 




อย่างที่รู้กันดีว่าอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรีแห่งนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่กินพื้นที่หลายไร่มาก ประกอบไปด้วยอาคารต่างๆเป็นจำนวนมาก และเนื่องด้วยเวลาจำกัดจึงไม่อาจสามารถเดินชมได้จนครบทุกสถานที่ แต่หากมีเวลาว่างอีกจะกลับไปเยือนที่แห่งนี้ให้ครบทั้งหมดแน่นอน!! แนะนำจากประสบการณ์โดยตรงว่าอย่าลืมศึกษาสถานที่ต่างๆจากแผนผังก่อน ไม่งั้นอาจจะเดินงงๆในดงอุทยานอย่างเราๆก็ได้ โดยทุกคนสามารถวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวก่อนเพื่อเป็นการไม่เป็นการเสียเวลา และเก็บสถานที่ต่างๆให้ได้มากที่สุด



ลงมาจากรางรถไฟ สิ่งแรกที่เจอก็คือความร่มรื่นและเขียวขจีของป่าไม้รอบๆอุทยาน และพบกับทางแยก 3 ทาง หนึ่งคือรางรถไฟ ทางเข้าที่เราเข้ามานั่นเอง อีกหนึ่งคือสถาปัตยกรรมสีขาวข้างหน้าซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงาน ซึ่งหากเพ่งมองเข้าไปดี ๆ ก็จะมองเห็นเจ้าถิ่นที่ส่งเสียงเจี๊ยก ๆ นั่งอยู่บนหลังคาของสำนักงาน เหมือนจะประกาศให้นักท่องเที่ยวที่แวะเวียนเข้ามาให้รู้ตัวว่าฉันนี่แหละเจ้าถิ่นตัวจริง และทางแยกสุดท้าย ขยับไปทางขวาก็จะเห็นกับทางเดินและสถาปัตยกรรมที่นำอายแห่งความโบราณอันน่าดึงดูดใจลอยมาตามลมอ่อนๆ ซึ่งจะนำเราเข้าสู่ตัวพิพิธภัณฑ์


               ต้นไม้ที่เขียวขจี


               ทางแยกทั้ง 3


               ทางแยกที่ 2 ทางเดินสู่สำนักงาน


               อาคารสำนักงาน


               เจ้าถิ่นเขาวัง!!!


               ทางแยกที่ 3 ทางเดินสู่พิพิธภัณฑ์

ถัดไปเรื่อยๆจะพบกับบันไดทางเข้าของพระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ซึ่งอยู่ติดกับพระที่นั่งปราโมทย์มไหสวรรย์ ซึ่งระหว่างทางเดินได้ประดับเป็นกระถางต้นไม้ที่มีลวดลายลักษณะคล้ายๆกับเครื่องกระเบื้องจากจีน พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์เดิมในราชการที่ 4 เคยถูกใช้เป็นท้องพระโรง แต่ในสมัยรัชกาลที่ 5 ถูกนำมาบูรณะและนำมาใช้เป็นพระราชวังตากอากาศ และจากบันทึกจะเห็นได้ว่าเคยใช้เป็นอาคารรับรองเหล่าพระราชอาคันตุกะต่างเมืองอีกด้วย

พระที่นั่งแห่งนี้มีกฎข้อห้ามที่จะเข้าไปในตัวพระที่นั่ง ข้อที่หนึ่งก็คือห้ามใส่รองเท้าเข้าไป โดยจะมีพนักงานที่คอยบริการถุงพลาสติกให้เราเก็บรองเท้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้เราสามารถถือถุงรองเท้าเข้าไปในพระที่นั่งได้ โดยไม่ต้องถอดไว้ข้างนอกและวกไปวนมา และกฎกติกาข้อที่สองก็คือห้ามถ่ายรูปในตัวพระที่นั่ง และระหว่างทางก็จะมีพนักงานคอยประจำอยู่แทบทุกจุดเพื่อให้ความรู้ต่างๆเพิ่มเติม



พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์เป็นสถาปัตยกรรมเป็นแบบยุโรปผสมไทยและจีน โดยภายในพระที่นั่งจะประกอบไปด้วยห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องโถงออกขุนนาง ห้องแต่งพระองค์ ห้องสรงและห้องลงพระบังคน(ห้องสุขา) ปัจจุบันได้มีการจัดนิทรรศการแสดงเพื่อเป็นการสร้างความรู้ให้แก่ผู้เข้าเยี่ยมชม

(ขอบคุณรูปภาพจากอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคิรี)


ท้องพระโรงหน้าเดิมจัดเป็นห้องเสวยและห้องทรงออกขุนนาง

ห้องพระสุธารสชา อยู่ตรงข้ามห้องเสวย


ท้องพระโรงหลังเดิม จัดเป็นห้องบรรทมปัจจุบันจัดแสดงแท่นบรรทม โต๊ะทรงพระอักษร เครื่องกระเบื้องและเครื่องแก้ว




มุขด้านทิศตะวันออก จัดเป็นห้องทรงพระสำราญปัจจุบันจัดแสดงโต๊ะและเก้าอี้สำหรับพักผ่อนพระอิริยาบถ


มุขด้านทิศตะวันตก จัดเป็นห้องสรงและห้องลงพระบังคน


ถัดมาจากพระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ ข้างๆที่ติดกันก็จะพบกับพระที่นั่งปราโมทย์มไหสวรรย์ ซึ่งมีลักษณะแบบเก๋งจีน 2 ชั้น ชั้นล่างจะเป็นห้องโถง ส่วนชั้นบนจะเป็นห้องโถงข้างนอก ถัดเข้าไปอีกจะเป็นห้องบรรทมและห้องแต่งพระองค์โดยพระที่นั่งแห่งนี้บริเวณโดยรอบก็จะมีพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 จัดแสดงอยู่รอบๆ

(ขอบคุณรูปภาพจากจากอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคิรี)



เดินออกมาจากข้างนอกก็จะพบกับพระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท ซึ่งมีลักษณะเป็นยอดปรางค์ 5 ยอด ข้างในประดิษฐานพระบรมรูปหล่อสำริดพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4



พระที่นั่งราชธรรมสภาอยู่ถัดมาทางด้านหน้าของพระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท ที่แห่งนี้ในครั้นรัชกาลที่ 4 ถูกเคยใช้เป็นที่ประกอบพระราชพิธีสงฆ์ และประชุมสาธยายธรรม และเคยถูกใช้เป็นที่ประทับของเจ้านายฝ่ายหน้า
(ขอบคุณรูปภาพจากอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคิรี)



ถัดมาจากพระที่นั่งราชธรรมสภาอีกทีหนึ่ง ก็จะพบกับหอชัชวาลเวียงชัย มีลักษณะเป็นทรงกลมสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปโดยหอชัชวาลเวียงชัยแห่งนี้เป็นหอที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 มีพระราชดำรัสให้สร้างขึ้นจุดประสงค์เพื่อไว้ใช้เป็นหอดูดาว ซึ่งจากพระที่นั่งแห่งนี้จะสามารถมองเห็นวิวรอบพระนครคิรีได้แทบทั้งหมด และรวมถึงวิวของเมืองพริบพรีหรือเมืองเพชรบุรีนั่นเอง นอกจากนี้ที่สำคัญก็จะสามารถมองเห็นไปยังสถานที่อื่นๆในพระนครคิรีที่ตั้งตระการอยู่ด้านหลังหรือพระธาตุจอมเพชรและพระสุทธเสลเจดีย์ที่อยู่ไม่ไกลออกไป ถือว่าเป็นโลเคชั่นในการถ่ายรูปที่สวยมากๆแห่งหนึ่งของพระนครคิรีเลย

(ขอบคุณรูปภาพจากอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคิรี)


ไปต่อที่สถานที่ต่อไป เดินไปสูดอากาศอันแสนบริสุทธิ์ไป อากาศเย็นๆที่ทำให้รู้สึกเย็นสบาย พักผ่อนสายตาไปกับความเขียวขจีของพฤกษาป่าไม้ที่เต็มไปทั่วทั้งสองข้างทาง แต่ขอเตือนว่าอย่าเพลิดเพลินมากเกินไปหละ เพราะเนื่องจากบริเวณโดยรอบที่เต็มไปด้วยความชื้นทำให้เกิดตะไคร่น้ำระหว่างทางเดินเต็มไปหมด ทำให้ใครที่ไม่ระวังอาจลื่นล้มได้(เหมือนเราTT) 


(สู่ขิตของแท้ 555555)

เดินเติมทางลงมาเรื่อยๆก็จะพบกับป้อมประจำทิศซึ่งสามารถมองเห็นวิวสูงทั่วทั้งพระนครคิรีแห่งนี้ได้

เดินมาเรื่อยๆตามทางใช้เวลาสักพักก็จะพบกับพระธาตุจอมเพชรที่เรามองเห็นมาแต่ไกลตั้งแต่บริเวณหอชัชวาลเวียงชัย มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงกลมแบบลังกา ด้านในองค์พระเจดีย์ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุซึ่งบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้อัญเชิญมา โดยชื่อพระธาตุจอมเพชรแห่งนี้ก็มาจากการพระองค์ทรงพระทานทินนามให้



ถัดออกมาไม่ไกลจากกันมากก็พบกับบันไดทางขึ้นที่จะนำเราไปสู่สถานที่ต่อไป โดยทางซ้ายมือของเราก็จะพบกับพระปรางค์แดง ส่วนทางขวามือก็จะพบกับพระอุโบสถพระแก้วน้อยและพระสุทธเสลเจดีย์ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังสุด




(อ่านต่อด้านล่าง 👇🏻)
ชื่อสินค้า:   อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง)
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่