▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ท่องเที่ยว
เที่ยวไทย
เที่ยวเชิงอนุรักษ์
อุทยานประวัติศาสตร์
จังหวัดเพชรบุรี
[CR] รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ “อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคิรี” แห่งเมืองเพชร
ได้มีโอกาสมาเยือนเมืองพริบพรีในตำนานก็ไม่พลาดที่จะเข้าเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยงทางประวัติศาสตร์อันเลื่องชื่อของเมืองเพชร
อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี หรือชื่อที่ชาวบ้านอย่างเราๆรู้จักกันก็คือเขาวัง เขาวังเป็นสถานที่คู่บ้านคู่เมืองที่เก่าแก่ของเมืองเพชร โดยพระนครคิรีแห่งนี้เดิมเป็นพระราชวังฤดูร้อนที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2426 โดยตั้งอยู่บนตำบลคลองกระแซง อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี ตั้งอยู่บนยอดเขาถึง 3 ยอด และครอบครองพื้นที่กว้างถึง 188 ไร่
อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคิรีแห่งนี้มีเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น. โดยมีค่าเข้าชมสำหรับคนไทย 20 บาทและสำหรับชาวต่างชาติ 150 บาท มีทางขึ้นอยู่ด้วยกัน 2 ทางคือการเดินขึ้นตามทางเดินปกติ และทางที่2 โดยสารโดยรางรถไฟ หากเลือกทางที่ 2 ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่จุดให้บริการเพิ่ม โดยมีอัตราค่าบริการสำหรับผู้ใหญ่50 บาท และสำหรับเด็กเยาวชนเพียง 15 บาท ส่วนในกรณีเด็กที่มีความสูงไม่เกิน 90 ซม.จะสามารถขึ้นรถรางฟรี
และแน่นอนหนทางสำหรับคนขี้เกียจอย่างเราก็คือ ขึ้นรถรางอย่างไม่ต้องสงสัย😅 แอบกระซิบว่าไม่รู้ว่าเราโชคร้ายหรือเปล่า ได้นั่งขอบทั้งขาไป-กลับทั้งสองรอบ พอมองไปข้างๆก็รู้สึกแอบเสียวๆอยู่ในใจ กลัวว่าตัวเองจะหล่นตุ๊บลงไปซะอย่างนั้น ความคิดเห็นส่วนตัวสำหรับเรามันค่อนข้างน่ากลัวนิดหน่อย ด้วยทางที่ลาดชัดและกลัวความสูงเป็นทุนเดิม ตอนนั้นนั่งสวดมนต์ในใจพร้อมท่องเชือกอย่าขาดนะๆไปแปดร้อยตลบ
อย่างที่รู้กันดีว่าอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรีแห่งนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่กินพื้นที่หลายไร่มาก ประกอบไปด้วยอาคารต่างๆเป็นจำนวนมาก และเนื่องด้วยเวลาจำกัดจึงไม่อาจสามารถเดินชมได้จนครบทุกสถานที่ แต่หากมีเวลาว่างอีกจะกลับไปเยือนที่แห่งนี้ให้ครบทั้งหมดแน่นอน!! แนะนำจากประสบการณ์โดยตรงว่าอย่าลืมศึกษาสถานที่ต่างๆจากแผนผังก่อน ไม่งั้นอาจจะเดินงงๆในดงอุทยานอย่างเราๆก็ได้ โดยทุกคนสามารถวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวก่อนเพื่อเป็นการไม่เป็นการเสียเวลา และเก็บสถานที่ต่างๆให้ได้มากที่สุด
ลงมาจากรางรถไฟ สิ่งแรกที่เจอก็คือความร่มรื่นและเขียวขจีของป่าไม้รอบๆอุทยาน และพบกับทางแยก 3 ทาง หนึ่งคือรางรถไฟ ทางเข้าที่เราเข้ามานั่นเอง อีกหนึ่งคือสถาปัตยกรรมสีขาวข้างหน้าซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงาน ซึ่งหากเพ่งมองเข้าไปดี ๆ ก็จะมองเห็นเจ้าถิ่นที่ส่งเสียงเจี๊ยก ๆ นั่งอยู่บนหลังคาของสำนักงาน เหมือนจะประกาศให้นักท่องเที่ยวที่แวะเวียนเข้ามาให้รู้ตัวว่าฉันนี่แหละเจ้าถิ่นตัวจริง และทางแยกสุดท้าย ขยับไปทางขวาก็จะเห็นกับทางเดินและสถาปัตยกรรมที่นำอายแห่งความโบราณอันน่าดึงดูดใจลอยมาตามลมอ่อนๆ ซึ่งจะนำเราเข้าสู่ตัวพิพิธภัณฑ์
ต้นไม้ที่เขียวขจี
ทางแยกทั้ง 3
ทางแยกที่ 2 ทางเดินสู่สำนักงาน
อาคารสำนักงาน
เจ้าถิ่นเขาวัง!!!
ทางแยกที่ 3 ทางเดินสู่พิพิธภัณฑ์
ถัดไปเรื่อยๆจะพบกับบันไดทางเข้าของพระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ซึ่งอยู่ติดกับพระที่นั่งปราโมทย์มไหสวรรย์ ซึ่งระหว่างทางเดินได้ประดับเป็นกระถางต้นไม้ที่มีลวดลายลักษณะคล้ายๆกับเครื่องกระเบื้องจากจีน พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์เดิมในราชการที่ 4 เคยถูกใช้เป็นท้องพระโรง แต่ในสมัยรัชกาลที่ 5 ถูกนำมาบูรณะและนำมาใช้เป็นพระราชวังตากอากาศ และจากบันทึกจะเห็นได้ว่าเคยใช้เป็นอาคารรับรองเหล่าพระราชอาคันตุกะต่างเมืองอีกด้วย
พระที่นั่งแห่งนี้มีกฎข้อห้ามที่จะเข้าไปในตัวพระที่นั่ง ข้อที่หนึ่งก็คือห้ามใส่รองเท้าเข้าไป โดยจะมีพนักงานที่คอยบริการถุงพลาสติกให้เราเก็บรองเท้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้เราสามารถถือถุงรองเท้าเข้าไปในพระที่นั่งได้ โดยไม่ต้องถอดไว้ข้างนอกและวกไปวนมา และกฎกติกาข้อที่สองก็คือห้ามถ่ายรูปในตัวพระที่นั่ง และระหว่างทางก็จะมีพนักงานคอยประจำอยู่แทบทุกจุดเพื่อให้ความรู้ต่างๆเพิ่มเติม
พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์เป็นสถาปัตยกรรมเป็นแบบยุโรปผสมไทยและจีน โดยภายในพระที่นั่งจะประกอบไปด้วยห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องโถงออกขุนนาง ห้องแต่งพระองค์ ห้องสรงและห้องลงพระบังคน(ห้องสุขา) ปัจจุบันได้มีการจัดนิทรรศการแสดงเพื่อเป็นการสร้างความรู้ให้แก่ผู้เข้าเยี่ยมชม
(ขอบคุณรูปภาพจากอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคิรี)
ท้องพระโรงหน้าเดิมจัดเป็นห้องเสวยและห้องทรงออกขุนนาง
ห้องพระสุธารสชา อยู่ตรงข้ามห้องเสวย
ท้องพระโรงหลังเดิม จัดเป็นห้องบรรทมปัจจุบันจัดแสดงแท่นบรรทม โต๊ะทรงพระอักษร เครื่องกระเบื้องและเครื่องแก้ว
มุขด้านทิศตะวันออก จัดเป็นห้องทรงพระสำราญปัจจุบันจัดแสดงโต๊ะและเก้าอี้สำหรับพักผ่อนพระอิริยาบถ
มุขด้านทิศตะวันตก จัดเป็นห้องสรงและห้องลงพระบังคน
ถัดมาจากพระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ ข้างๆที่ติดกันก็จะพบกับพระที่นั่งปราโมทย์มไหสวรรย์ ซึ่งมีลักษณะแบบเก๋งจีน 2 ชั้น ชั้นล่างจะเป็นห้องโถง ส่วนชั้นบนจะเป็นห้องโถงข้างนอก ถัดเข้าไปอีกจะเป็นห้องบรรทมและห้องแต่งพระองค์โดยพระที่นั่งแห่งนี้บริเวณโดยรอบก็จะมีพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 จัดแสดงอยู่รอบๆ
(ขอบคุณรูปภาพจากจากอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคิรี)
เดินออกมาจากข้างนอกก็จะพบกับพระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท ซึ่งมีลักษณะเป็นยอดปรางค์ 5 ยอด ข้างในประดิษฐานพระบรมรูปหล่อสำริดพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4
พระที่นั่งราชธรรมสภาอยู่ถัดมาทางด้านหน้าของพระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท ที่แห่งนี้ในครั้นรัชกาลที่ 4 ถูกเคยใช้เป็นที่ประกอบพระราชพิธีสงฆ์ และประชุมสาธยายธรรม และเคยถูกใช้เป็นที่ประทับของเจ้านายฝ่ายหน้า
(ขอบคุณรูปภาพจากอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคิรี)
ถัดมาจากพระที่นั่งราชธรรมสภาอีกทีหนึ่ง ก็จะพบกับหอชัชวาลเวียงชัย มีลักษณะเป็นทรงกลมสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปโดยหอชัชวาลเวียงชัยแห่งนี้เป็นหอที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 มีพระราชดำรัสให้สร้างขึ้นจุดประสงค์เพื่อไว้ใช้เป็นหอดูดาว ซึ่งจากพระที่นั่งแห่งนี้จะสามารถมองเห็นวิวรอบพระนครคิรีได้แทบทั้งหมด และรวมถึงวิวของเมืองพริบพรีหรือเมืองเพชรบุรีนั่นเอง นอกจากนี้ที่สำคัญก็จะสามารถมองเห็นไปยังสถานที่อื่นๆในพระนครคิรีที่ตั้งตระการอยู่ด้านหลังหรือพระธาตุจอมเพชรและพระสุทธเสลเจดีย์ที่อยู่ไม่ไกลออกไป ถือว่าเป็นโลเคชั่นในการถ่ายรูปที่สวยมากๆแห่งหนึ่งของพระนครคิรีเลย
(ขอบคุณรูปภาพจากอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคิรี)
ไปต่อที่สถานที่ต่อไป เดินไปสูดอากาศอันแสนบริสุทธิ์ไป อากาศเย็นๆที่ทำให้รู้สึกเย็นสบาย พักผ่อนสายตาไปกับความเขียวขจีของพฤกษาป่าไม้ที่เต็มไปทั่วทั้งสองข้างทาง แต่ขอเตือนว่าอย่าเพลิดเพลินมากเกินไปหละ เพราะเนื่องจากบริเวณโดยรอบที่เต็มไปด้วยความชื้นทำให้เกิดตะไคร่น้ำระหว่างทางเดินเต็มไปหมด ทำให้ใครที่ไม่ระวังอาจลื่นล้มได้(เหมือนเราTT)
(สู่ขิตของแท้ 555555)
เดินเติมทางลงมาเรื่อยๆก็จะพบกับป้อมประจำทิศซึ่งสามารถมองเห็นวิวสูงทั่วทั้งพระนครคิรีแห่งนี้ได้
ถัดออกมาไม่ไกลจากกันมากก็พบกับบันไดทางขึ้นที่จะนำเราไปสู่สถานที่ต่อไป โดยทางซ้ายมือของเราก็จะพบกับพระปรางค์แดง ส่วนทางขวามือก็จะพบกับพระอุโบสถพระแก้วน้อยและพระสุทธเสลเจดีย์ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังสุด
(อ่านต่อด้านล่าง 👇🏻)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้