ภาพใหม่ที่น่าทึ่งของดาวพฤหัสบดีจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศ James Webb



(ภาพถ่ายใหม่ที่น่าทึ่งนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นภาพประกอบจากหลายภาพจากกล้อง Near-Infrared Camera
ของ Webb NASA, ESA, CSA, Jupiter ERS Team; Cr.image processing by Judy Schmidt


กล้องโทรทรรศน์อวกาศ JWST ยังคงสร้างความประทับใจด้วยภาพที่น่าทึ่งของระบบสุริยะของเรา ภาพถ่ายรอบล่าสุดทำให้เราได้เห็น "ดาวพฤหัสบดี" (Jupiter) ดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะของเราอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน NASA อธิบายว่าภาพเหล่านี้ประกอบขึ้นจากหลายภาพที่ถ่ายด้วยกล้องโทรทรรศน์ Webb โดยใช้ชุดเครื่องมือ 4 รายการได้แก่ เครื่องมือกล้องอินฟราเรดใกล้ (NIRCam) สเปกโตรกราฟใกล้อินฟราเรด (NIRSpec) เครื่องมืออินฟราเรดกลาง (MIRI) และเซ็นเซอร์แนะแนวแบบละเอียด/ตัวสร้างภาพอินฟราเรดใกล้และสลิตเลสสเปกโตรกราฟ (FGS/NIRISS) โดยภาพได้รับการปรับสีบนสเปกตรัมภาพเพื่อเน้นรายละเอียดบางอย่าง เนื่องจากแสงอินฟราเรดไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ดาวพฤหัสบดี เป็นราชาแห่งระบบสุริยะของเรา ตามที่ NASA บอกถ้าโลกมีขนาดเท่าองุ่น ดาวพฤหัสบดีผู้ยิ่งใหญ่ก็จะมีขนาดเท่าลูกบาสเก็ตบอล ด้วยพายุขนาดยักษ์ ลมแรง แสงออโรร่า อุณหภูมิและความดันสุดขั้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่บนพื้นผิวของมันจะมีเรื่องมากมายเกิดขึ้น เมื่อกล้องโทรทรรศน์อวกาศ JWST จับภาพใหม่ของโลกมันได้ นำมาซึ่งการสังเกตต่างๆ จะทำให้นักวิทยาศาสตร์ได้เบาะแสเกี่ยวกับชีวิตภายในของมัน รวมถึงเข้าใจถึงการทำงานภายในของดาวเคราะห์ก๊าซได้มากขึ้นด้วย
 
แม้ว่าการดูมุมมองของดาวพฤหัสบดีในช่วงแรกซึ่งถ่ายโดยกล้องโทรทรรศน์ JWST จะมีความแม่นยำ ละเอียด และบอกมุมมองใหม่ของเราเกี่ยวกับดาวเคราะห์ได้ดีอยู่แล้ว แต่ในสัปดาห์นี้ NASA ได้เผยแพร่ภาพถ่ายอีกชุดหนึ่งที่แสดงให้เห็นการปก คลุมของเมฆ วงแหวน และดวงจันทร์ของดาวเคราะห์ใน
รายละเอียดที่น่าทึ่งและดีกว่าที่นักวิทยาศาสตร์คาดไว้


featuring-jupiter-in-amazing-detail-articleshow.html


นักดาราศาสตร์ดาวเคราะห์ Imke de Pater ศาสตราจารย์emerita จากมหาวิทยาลัย California Berkeley ผู้นำการสังเกตการณ์ร่วมกับหอดูดาว Thierry Fouchet ให้รายละเอียดว่า ภาพถ่ายชุดนี้ถูกถ่ายเมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นภาพสองภาพและภาพประกอบจากหลายภาพจากกล้อง Near-Infrared Camera ของ Webb ภาพมุมกว้างจากภาพใหม่แสดงให้เห็นเงาจางๆ ของดาวพฤหัสบดีที่มีวงแหวนจางๆ และดวงจันทร์ดวงเล็กๆ2 ดวงที่ชื่อ Amalthea และ Adrastea โดยภาพนี้สามารถสรุปวิทยาศาสตร์ของโปรแกรมระบบดาวพฤหัสบดีของเรา ที่กำลังศึกษาพลวัตและเคมีของดาวพฤหัสบดี วงแหวน และระบบดาวเทียมของมัน

มุมมองแบบ  standalone ของดาวพฤหัสบดียังถูกสร้างขึ้นจากการรวมกันของหลายภาพจาก Webb ซึ่งในนั้นแสงออโรร่าปรากฏอยู่ที่ระดับสูงสุดทั้งขั้วเหนือและขั้วใต้ของดาวพฤหัสบดีเช่นเดียวกับที่อยู่บนโลก โดยแสงออโรรานี้ เป็นการแสดงแสงบนท้องฟ้าเหนือดาวเคราะห์ที่เกิดจากการปฏิสัมพันธ์กับอนุภาคที่พุ่งออกจากดวงอาทิตย์

ด้วยการใช้กล้องที่มีฟิลเตอร์สามตัวที่แปลงแสงอินฟราเรดเป็นสีที่ตามนุษย์มองเห็น สีแดงจะแสดงแสงออโรร่าของดาวซึ่งส่องออกมาจากขั้วของดาวเคราะห์ แสงที่สะท้อนจากก้อนเมฆลึกจะปรากฏเป็นสีน้ำเงิน และหมอกควันที่หมุนวนรอบขั้วโลกเหนือและใต้ของดาวเคราะห์จะปรากฏขึ้นเป็นสีเขียวและ
สีเหลือง ภาพยังแสดงให้เห็นลักษณะเฉพาะอย่างหนึ่งที่มีชื่อเสียงของดาวพฤหัสบดี นั่นคือ "จุดแดงใหญ่" (Great Red Spot) พายุขนาดมหึมาที่ใหญ่กว่าโลกของเราและโหมกระหน่ำมานานหลายศตวรรษ จะปรากฏเป็นสีขาวเนื่องจากสะท้อนแสงอาทิตย์มาก ซึ่งจากภาพทั้งหมด ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์กำลังวิเคราะห์เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับดาวเคราะห์ดวงนี้


มุมมองแบบ standalone ของดาวพฤหัสบดีถูกสร้างขึ้นจากภาพหลายภาพที่ถ่ายโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศ JWST 
Cr.NASA/ESA/CSA/JUPITER ERS TEAM/JUDY SCHMIDT


ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ เพราะมีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของดาวเคราะห์ดวงอื่นในระบบสุริยะของเรารวมกัน มันเป็นดาวก๊าซยักษ์ หมายความว่ามันไม่มีพื้นผิวเหมือนที่เราใช้ประโยชน์บนโลก เป็นไปได้ว่าดาวพฤหัสบดีอาจมีแกนด้านในที่เป็นของแข็ง อย่างไรก็ตาม ดาวเคราะห์ดวงนี้ส่วนใหญ่ประกอบด้วยเมฆแอมโมเนียและน้ำ ซึ่งลอยอยู่ในบรรยากาศของไฮโดรเจนและฮีเลียม

ถ้าคุณคิดว่าดวงจันทร์ของโลกนั้นน่าประทับใจแล้ว แต่ดวงจันทร์ของดาวพฤหัสบดีน่าประทับใจกว่าซึ่งมีมากถึง79 ดวง ที่น่าสนใจที่สุดคือ Europa ที่มีแนวโน้มจะประคับประคองชีวิตได้มากที่สุด ในขณะที่ Io,Ganymede และ Callisto ก็ได้รับความสนใจทางวิทยาศาสตร์อย่างมากจากดาวเทียมหลายดวงในวงโคจรมวลมหาศาลของดาวพฤหัสบดีอย่างมากเช่นกัน

แม้ว่าภาพจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศ Webb จะไม่ใช่การสังเกตการณ์ดาวพฤหัสบดีเพียงเรื่องเดียวของเรา แต่มันเป็นหนึ่งในภาพของดาวเคราะห์ที่มีคุณภาพสูงที่สุดที่เรามีอย่างแน่นอน ที่ผ่านมา NASA ได้ส่งยานอวกาศทั้งหมด 9 ลำไปศึกษาดาวพฤหัสบดี  7 ใน 9 ลำจะบินผ่านดาวก๊าซยักษ์นี้ และอีก 2 ลำกำลังสังเกตการณ์จากวงโคจร โดย Juno เป็นยานอวกาศล่าสุดที่สังเกตการณ์ดาวพฤหัสบดีอย่างใกล้ชิดที่ไปถึงดาวพฤหัสในปี 2016

อย่างไรก็ตาม ภาพดาวพฤหัสบดีที่น่าทึ่งจากภารกิจต่างๆดังกล่าวเหล่านี้อาจจะยอดเยี่ยม แต่พลังของกล้องโทรทรรศน์อวกาศ Webb จะใช้เป็นหลักในการสังเกตเหตุการณ์และปรากฏการณ์ในกาแลคซีของเราและที่อื่นๆต่อไป ปัจจุบันกล้องโทรทรรศน์อวกาศ Webb อยู่ห่างจากโลกประมาณหนึ่งล้านไมล์ และมีความสามารถในการตรวจจับแสงที่เริ่มเดินทางสู่โลกเมื่อ 13 พันล้านปีก่อน เทคโนโลยีที่น่าทึ่งนี้มีศักยภาพในการเปิดเผยข้อมูลใหม่เกี่ยวกับการก่อตัวดาวฤกษ์ใหม่ การก่อตัวกาแลคซี และแม้แต่ศักยภาพในการช่วยให้ฟื้นคืนชีวิตของดาวเคราะห์นอกระบบ


A History of 9 Space Probes
Pioneer 10,11 Voyager 1,2 Galileo, Ulysses, Cassini-Huygens, New Horizons and Juno


ในขณะที่การนำข้อมูลจาก JWST และแปลเป็นการประมวลผลเพื่อให้ภาพที่สวยงามเป็นเรื่องยากโดยเฉพาะกับดาวพฤหัสบดี เนื่องจากมีข้อมูลเกี่ยวกับความสว่างของแสงบนเครื่องตรวจจับของ Webb สิ่งนี้ NASA ได้ให้เครดิตชุมชนวิทยาศาสตร์พลเมืองสำหรับบทบาทของพวกเขาในการช่วยให้นักดารา ศาสตร์ประมวลผลภาพเหล่านี้ โดยเฉพาะ Judy Schmidt นักวิทยาศาสตร์พลเมืองและผู้ประมวลผลภาพสำหรับรูปลักษณ์ใหม่เหล่านี้จากแคลิฟอร์เนีย โดยร่วมมือกับ Ricardo Hueso ผู้ร่วมวิจัยเกี่ยวกับการสังเกตการณ์ซึ่งศึกษาชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์ที่มหาวิทยาลัย Basque Country ในสเปน

Schmidt กล่าวว่าดาวเคราะห์จะอยู่ใกล้ก็จริงแต่มันหมุนค่อนข้างเร็ว การรวมกองภาพเป็นมุมมองเดียวอาจเป็นเรื่องยากเมื่อลักษณะเด่นของดาวพฤหัสบดีหมุนไปในช่วงเวลาที่ถ่ายภาพ และไม่อยู่ในแนวเดียวกันอีกต่อไป บางครั้งต้องทำการปรับเปลี่ยนแบบดิจิทัลเพื่อซ้อนภาพในลักษณะที่เหมาะสม เธอและทีมจึงต้องรวมภาพหลายภาพเข้าด้วยกันเพื่อให้ได้ภาพทั้งหมด

ตอนนี้ ดาวพฤหัสบดีที่ได้เข้าร่วมเป็น Stephan’s Quintet (กระจุกกาแล็กซีห้าแห่ง), ดาวเคราะห์นอกระบบ WASP-96 b, เนบิวลาวงแหวนใต้ และดาวจักรวาลอีกจำนวนหนึ่ง เป็นส่วนหนึ่งที่ JWST ได้เข้าใกล้แล้ว ด้วยภาพใหม่เหล่านี้นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ยังมีอะไรให้สำรวจอีกมากมายซึ่งรูปภาพ อื่นๆ กำลังจะตามมาในไม่ช้า ที่น่าตื่นเต้นก็คือ Webb ซึ่งจะทำการสังเกตการณ์เกี่ยวกับทุกช่วงของประวัติศาสตร์จักรวาล ในอนาคตมันจะทำการสำรวจบริเวณที่ก่อตัวดาวฤกษ์ กับดาวอายุน้อยที่ผลิตไอพ่นทรงพลังในหย่อมเนบิวลาขนาดเล็กที่เรียกว่า "Herbig –Haro" 


JWST Stephan's Quintet
เป็นชื่อที่กำหนดให้มีการจัดกลุ่มภาพของกาแลคซีห้าแห่งที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 290 ล้านปีแสงในกลุ่มดาวเพกาซัส
 JWST ของ NASA สามารถแสดงคลื่นกระแทก และรายละเอียดที่น่าประหลาดใจมากขึ้นเกี่ยวกับดาราจักรที่อยู่ห่างไกลเหล่านี้
โดยกาแลคซี 4 ใน 5 แห่งในกลุ่มนี้จะมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดการแสดงผลที่น่าทึ่งอย่างในภาพ Cr.NASA/ESA/CSA/STScI




(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่