แอบหลงรักเบตงแล้วจ้า วิวสวย อาหารดีงาม เที่ยวครบรสจริงๆ ทั้งทะเลหมอก เดินป่า เที่ยวน้ำตก นั่งเรือชมป่า พายเรือคายัก พักแคมป์ ไหว้พระ ศึกษาประวัติศาสตร์ ทริปนี้แน่นมาก กินตัวแตกจอดตลอดตั้งแต่หาดใหญ่กันไปเลย

เที่ยวเบตงไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ถนนดีตลอดทาง เบตงเป็นเมืองเล็กๆที่มีบรรยากาศเหมือนอยู่ต่างประเทศแนวจีนๆ มีเอกลักษณ์





ทริปนี้เราใช้สายการบินนกแอร์เดินทางกันทั้งหมดเจ็ดคนเครื่องบินออกเวลา 9.20 น. เราเริ่มออกจากบ้านตั้งแต่ 6 โมงเช้าจากย่านบางนาเพื่อให้ไปถึงดอนเมืองประมาณ 7 โมงครึ่งในวันทำงานคิดว่ารถจะติดแต่ปรากฏว่าใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว

กลุ่มเราตัดสินใจว่าเราจะประหยัดเวลาในการโหลดกระเป๋า รับกระเป๋าเลยหิ้วกระเป๋าขึ้นเครื่องขึ้นเครื่องเลยและทำการเช็คอินออนไลน์มาจากบ้านก่อนเครื่องออก 24 ชั่วโมงมาถึงเลยเข้าไปข้างในได้เลย จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจก่อนข้างหน้าโดยเช็ค broading pass และบัตรประชาชน เราสามารถโชว์ broading pass จากมือถือได้เลย และเอาสัมภาระผ่านเครื่องสแกนแล้วเข้า Gate ได้เลยรวดเร็วมากๆค่ะ



การเดินทางไปเบตงครั้งนี้เรานั่งเครื่องไปลงที่หาดใหญ่ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง นกแอร์ให้เราเลือกที่นั่งได้ฟรีตอนเช็กอินออนไลน์ดีงามมากๆค่ะ นั่งเครื่องแป๊บเดียวเราก็มาถึงที่หาดใหญ่ ทริปนี้เราจ้างรถตู้พร้อมคนขับนำเที่ยววันละ 1800 บาทไม่รวมน้ำมัน ชื่อคุณเก๋ เบอร์ติดต่อ 092-252-3777 ขับปลอดภัยบริการถ่ายภาพให้ตลอดทริปเลย น้องเก๋เพราะเป็นคนจังหวัดยะลา ป้ายทะเบียนรถก็เป็นเบตง สามารถนำเที่ยวได้แบบอินไซด์เลยค่ะ

ออกจากสนามบินก็เกือบเที่ยงแล้วท้องเริ่มหิวเมนูแรกที่เราตั้งใจก็คือไก่ทอดเดชาซึ่งอยู่ห่างจากสนามบินนิดเดียวรสชาติดีงาม




เราออกจากหาดใหญ่เพื่อมุ่งหน้าไปยะลาและต่อไปเบตงจะใช้เวลาประมาณ 4- 5 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับความเร็วในการขับของแต่ละคน ขอบอกว่ากลุ่มเราไม่มีปัญหากับชั่วโมงในการเดินทางเลยเพราะพวกเราแวะไปตลอดทาง 4-5 ชั่วโมงเร็วมากสำหรับพวกเรา ด่านแรกเป็นไก่เดชามาต่อด่านที่ 2 Amazon เติมพลังก่อนเดินทางกันต่อ


ตอนแรกเรากะว่าจะไปทานติ่มซำกันก่อน แต่เจอไก่ทอดเข้าไปจอดเลยอิ่มจ้า เลยขอบายก่อนแล้วมุ่งหน้าไปวัดช้างไห้ที่จังหวัดปัตตานี มากราบหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ไหว้พระเป็นสิริมงคลก่อนเดินทางไปจังหวัดเบตง




เสร็จแล้วก็มุ่งหน้าไปต่อที่จังหวัดยะลาซึ่งห่างจากวัดไม่ไกลนัก น้องเก๋โชเฟอร์ของเราพาขับรถวนเที่ยวชมเมืองซึ่งที่ยะลามีผังเมืองที่ดีมากแห่งหนึ่งของประเทศ บ้านเมืองเจริญ ถ้าไม่หยุดชะงักไปพักคงเจริญกว่านี้มากเพราะนักท่องเที่ยวชาวมาเลย์เข้ามาเยอะ


ออกจากตัวจังหวัดยะลาเรามุ่งหน้าไปเบตงจะผ่านอำเภอบันนังสตา จะเห็นป้อมทหารและเจ้าหน้าที่อยู่เป็นระยะก็แอบกังวลอยู่ แต่พอผ่านไปหลายด่านก็เริ่มชิน เปิดใจมองรอบๆ ยะลาเป็นเมืองที่น่าอยู่อีกเมืองหนึ่งเลยค่ะชาวบ้านใช้ชีวิตตามปกติ บ้านเรือนเหมือนจังหวัดอื่นๆไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่ามาสามจังหวัดภาคใต้เลย จริงๆก็เริ่มเห็นด่านตั้งแต่เข้าเขตของจังหวัดปัตตานีแล้ว ขากลับนี้ชิวเลยค่ะ ^_^

เลยบันนังสตาไปก็จะเป็นทางคดเคี้ยวแต่ไม่ได้เท่าที่แม่ฮ่องสอนถนนดีกว่ามากสามารถทำเวลาได้ สองข้างทางวิวสวยเป็นภูเขาถนนดีมากตลอดทาง


ขับมาสักระยะถึงอำเภอธารโตเราจะเจอปั๊มน้ำมันปตทอำเภอธารโตซึ่งเป็นปั๊มน้ำมันเดียวก่อนถึงเบตง ที่นี้จะมีรูปปั้นเงาะป่าซาไกอยู่ด้านหน้าเป็นมุมมหาชนให้ถ่ายรูปและมีไก่เบตงอยู่ด้านหลังใกล้Amazon


ทริปนี้เรามีภารกิจตามหาไก่เบตงตามมาดูกันนะคะว่าไก่เบตงที่เค้าร่ำลือจะหน้าตาเป็นอย่างไร ดูจากลักษณะรูปปั้นแล้วไก่ไม่เหมือนไก่ทั่วไปเลย ปีกหายไปไหน หางก็สั้น ราคาแพงมากถึงตัวละ 1200 บาทกันเลยทีเดียว

เรามาถึงที่ปั๊มช่วงบ่ายแก่ๆ ฝนตกไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยทำยังไงดี จุดต่อไปเป็นสะพานโต๊ะกูแซ-ฆอแย ต.แม่หวาด จะเป็นจุดที่เราห้ามพลาดเป็นมุมมหาชนต้องถ่ายรูปซะด้วย พวกเราก็บ่ยั่นลงไปซื้อเสื้อกันฝนกันคนละตัว ยังไงก็ต้องมีรูปให้ได้ที่สะพานนี้ให้ได้ปรากฏว่าได้รูปออกมาสวยเลยค่ะกับเสื้อกันฝน





หลังจากถ่ายแฟชั่นชุดเสื้อกันฝนกันอย่างเมามันส์สักพักฝนก็หยุดตก พวกเราก็ประสบความสำเร็ตได้ภาพสวยสวยที่มุมมหาชนนี้ เครดิตน้องเก๋โชเฟอร์ของเราเลยค่ะเป็นช่างภาพให้^_^

สะพานแห่งนี้จะเป็นสะพานที่ข้ามเขื่อนบางลางเชื่อมต่ออ.เมืองยะลาไปเบตง บนสะพานมีรถกระบะมาจอดรับซื้อทุเรียนกันตลอดแนวที่เมืองนี้ทุเรียนเยอะมากค่ะปลูกทุเรียนกันทั้งเขาเลย


ถ่ายรูปกันเสร็จหนำใจพวกเราก็เดินทางต่อไปเมืองเบตงเป้าหมายซึ่งไปอีกไม่ไกลนะ เลยสะพานไปหน่อยจะมีร้านกาแฟอยู่ทางซ้ายมือ สามารถชมวิวเขื่อนได้จากร้านนี้พี่ที่เป็นคนยะลาแนะนำมาค่ะ เพื่อนๆลองแวะชิมกันนะคะ พวกเราขับมุ่งหน้าไปต่อที่เบตงฝนก็กลับมาตกพร่ำพร่ำอีกรอบ  เราขับไปรถไปซักระยะรถก็เริ่มติด เราแอบกลัวเพราะไม่เคยมาฟ้าก็เริ่มมืดแล้วตอนนั้นซักประมาณ 5 โมงเย็น น้องเก๋เลยขับรถแซงขึ้นมาเพื่อจะไปต่อแต่มีเจ้าหน้าที่มากั้นถนนไว้แจ้งว่าข้างหน้ามีรถเสียหลักทำทุเรียนตกกั้นถนนทำให้ไม่สามารถไปต่อได้ต้องรอรถมาเคลียร์ถนน รอไม่ถึง 10 นาทีพวกเราก็ได้เดินทางต่อ ขอบอกว่าโชคดีที่ฝั่งเรารถน้อยแต่ฝั่งตรงข้ามรถติดยาวเป็นกิโลเลยค่ะ ซักประมาณ 6 โมงเราก็มาถึงที่อำเภอเมืองเบตง วันนี้เราเข้าพักที่โรงแรมแกรนด์แมนดารินเบตงซึ่งเป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้เพื่อเข้าไปเช็คอินรับสิทธิ์เราเที่ยวด้วยกันก่อนที่จะไปทานข้าวต่อที่ร้านต้าเหยินที่เป็นร้านดังของเมืองนี้เราจองอาหารไว้ล่วงหน้าเพราะกลัวว่าร้านเต็มอาหารจะหมดเพราะร้านนี้คนเยอะมาก







พวกเราแยกย้ายกันไปล้างหน้าล้างตาแล้วนัดกันมาเจอที่หน้าล็อบบี้ตอน 6 โมงครึ่ง โรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเบตงห้องพักสะอาดกว้างขวาง การตกแต่งจะเหมือนย้อนยุคไปซักประมาณ 20 ปีมีการบิวอินและมีพื้นเป็นหินอ่อนอุปกรณ์ห้องน้ำมีครบ อารมณ์เหมือนเราไปต่างประเทศเมืองจีนต่างจังหวัดอะไรประมาณนั้น ข้อดีคือที่นี่เป็นโรงแรมสูงเราสามารถเห็นวิวเมืองเบตงมุมสูงเห็นภูเขาเห็นแสงไฟสวยงามมากค่ะ


ประมาณ 18.45 พวกเราก็มาถึงร้านอาหารต้าเหยินทางร้านจองให้เราเป็นชั้นสอง เค้าจะมีป้ายปักให้ว่ามีการจองไว้พวกเรานั่งแป๊บเดียวอาหารมาเต็มโต๊ะเลยพวกเราสั่งแทบจะทุกเมนูที่อ่านรีวิวกันมาเพราะบอกว่าเป็นอาหารท้องถิ่นต้องลองจัดไปค่ะเต็มโต๊ะ เมนูของร้านนี้ที่พวกเราชอบคือ ถั่วเจี๋ยน หมูทอดเต้าหู้ยี้ ผัดหมี่และแกงส้มปลานิล







ไก่เบตง เมนูที่ต้องลองจานนี้ 350 ค่ะ


เคาหยกเผือก หมูสามชั้นตุ๋น


หมูทอดเต้าหู้ยี้ อร่อยค่ะรสชาติเหมือนแหนมอ่อนๆ
ผัดหมี่ หอมกระทะมากต้องลองนะคะ

ต้มจืดลูกชิ้นแคระ ลูกใหญ่มากอาหารของเบตงอีกเมนู


แกงส้มปลา ขอบอกว่าเนื้อปลาแน่นเยอะมากพวกเรานึกว่าเป็นปลาพวงชมพูตัวละ 7500 ซะแล้ว มันคือปลานิล ดีงามมากในราคา 350 บาท



ผักน้ำ ผัดผักประจำท้องถิ่นเราไม่ค่อยอินกับเมนูนี้


ถั่วเจี๋ยนจานนี้ไม่ธรรมดา กรอบหอมกระทะ มาเบตงต้องลองนะคะ ^_^

เครื่องดื่มพวกเราสั่งน้ำเก็กฮวยและลูกเดือยมากินกัน ราคามื้อนี้รวม 2600 บาทเราใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกันได้ลดอีก 40% ดีงามจ้า

หลังจากเราทานข้าวกันเสร็จพวกเราก็ไปถ่ายรูปกันหน้าร้านเล็กน้อยก่อนเข้าที่พัก ฝนยังคงตกอยู่อย่างต่อเนื่องวันนี้ขอพักก่อน พรุ่งนี้เจอกันนะคะ^_^