.
“เอาอ้ายบอลก่อนมูจ๋อม” เสียงของแพรวชี้เป้าเด็ดขาดให้กับจ๋อม จำเป็นต้องกำจัดจุดอ่อนของทีมก่อน นั่นคือกำจัดคนที่เก่งที่สุดของทีมก่อนเป็นอันดับแรก นาทีนี้เป็นคราวชี้เป็นชี้ตายชะตากรรมของพี่ชายคนรองของเธอ ว่าจะอยู่หรือจะไป ส่วนเจ้าตัววิ่งไปวิ่งมาไม่อยู่กับที่ ทำตัวไม่ให้เป็นเป้านิ่งที่สุด เพื่อป้องกันตัวเองจากภัยอันตรายที่กำลังจะมาถึง
แต่เดิมจ๋อมหมายจะปลิดชีวิตของเธอเป็นคนแรก ทว่าจ๋อมเป็นอันต้องผละจากเธอไปด้วยความเสียดาย แววตาแห่งความอำมหิตคาดแค้นฉายออกมาให้ได้สัมผัส จำใจเปลี่ยนเป้าหมาย หมายใจหันไปเล่นงานพี่บอลแทน
จ๋อมรีบวิ่งไปประกบทางด้านหลังพี่ชายของเธอ วิ่งซ้ายวิ่งขวาไปตามจังหวะที่พี่บอลวิ่งราวกับเงาก็ไม่เชิง เพื่อจะจับตายให้ได้ จะได้ปิดเกมไปหนึ่งคน ซึ่งเป็นคนที่เก่งที่สุดในทีม
“ดึกมาเลยแพรว” จ๋อมให้สัญญาณกับแพรวเมื่อพร้อม หน้าตาดุดันหมายจะปลิดชีพของผู้ชายตรงหน้าให้จบในตาเดียว จะได้ไปเอาชีวิตของผู้เล่นคนอื่นต่อ จะได้กลับมาเป็นผู้เล่นเร็ว ๆ
พวกเธอกำลังเล่นเขวี้ยงรองเท้ากันที่ลานดินหน้าบ้านของเธอเอง เลิกเรียนกลับมาบ้านหลังจากช่วยงานบ้านพี่ปาวเสร็จ พวกเธอก็ชวนกันเล่นเขวี้ยงรองเท้าแก้เบื่อ กว่ายายกับตาจะกลับจากนา กว่าจะมืดค่ำเล่นสนุกได้อีกนาน จ๋อมกับสองฝาแฝดต่างตามมาเล่นกับเธอที่บ้านด้วย
การเล่นในรอบนี้มีผู้ทั้งหมด 7 คน โดยมีน้องบีมเป็นตัวเศษเหมือนเดิม แบ่งกันเป็นทีม ทีมละสามคน ผู้เล่นมีเธอ สองฝาแฝด จ๋อม น้องบีม พี่แป้ง และสุดท้ายพี่บอลที่เป็นผู้ชายเพียงหนึ่งในตอนนี้ อาวุธคือรองเท้าแตะ จำต้องเลือกคู่ที่แบนที่สุด มีน้ำหนักเบาที่สุด เพื่อเวลาเขวี้ยงโดนตัวจะได้เจ็บน้อยที่สุดนั่นเอง
ขณะนี้ทีมของเธอกำลังเป็นผู้เล่น ถูกล่าโดยจ๋อมแพรวและพี่แป้ง คนแรกที่จะถูกกำจัดไปคือพี่บอล ทำให้เธอกับน้องบีมทำตัวชิว ๆ ได้บ้างในระหว่างที่เล่น แต่ก็ต้องเฝ้าระวังอยู่เสมอ ป้องกันการถูกกำจัดโดยไม่ทันระวังตัว
เสียงกรี๊ดปนหัวเราะของพวกเธอดังไปทั่วทั้งคุ้ม ยายไปนายังไม่กลับ ตาเองก็เช่นกัน ทำให้พวกเธอเป็นอิสระในการเล่นมากที่สุดสำหรับเย็นวันนี้ ระวังก็แต่ห้ามเขวี้ยงรองเท้าไปโดนกระจกบ้านแตกก็พอ
แพรวเขวี้ยงรองเท้าหลอกกะไม่ให้โดนตัวพี่บอล เขวี้ยงให้จ๋อมรับแล้วจ๋อมก็เขวี้ยงใส่ตัวพี่บอลอีกที โชคยังไม่เข้าข้างนัก จ๋อมรับรองเท้าไม่ทันหลุดมือลอยไปไกล ทำให้พี่บอลรอดตัวไปได้อย่างหวุดหวิด และตั้งตัวหลบรองเท้าได้ทันท่วงที พี่บอลหัวเราะเยาะเย้ยทั้งสองคนอย่างสะใจ รวมทั้งเธอ น้องบีม และพิมพ์ต่างหัวเราะไปกับเหตุการณ์เมื่อครู่พร้อมลุ้นไปกับพี่ชายด้วย
พวกเธอต่างวิ่งวนอยู่ภายในกรอบที่ตีเส้นกำหนดเอาไว้ เพื่อเอาตัวรอดจากรองเท้าที่จะเขวี้ยงมาใส่เวลาไหนก็ได้ ระหว่างนั้นรองเท้าก็กำลังลอยว่อนไปว่อนมาอยู่ไม่ขาดระยะ พวกเธอต่างก็หลบกันจ้าละหวั่นไปคนละทิศคนละทาง
“เอาอี่น้องบีมดีกว่า” การกระทำไวกว่าคำพูด ร้องเท้าที่อยู่ในมือของพี่แป้งก็ลอยเข้าหาตัวน้องบีมโดยพลัน โดนตัวน้องบีมเข้าอย่างจัง ทั้งพี่แป้งทั้งแพรวและก็จ๋อมต่างยิ้มกริ่มให้กับผลงานของตน
แม้ไม่ใช่ผู้เล่นที่เก่งกาจ อย่างน้อยก็สามารถตัดตอนผู้เล่นออกไปได้หนึ่งคน ก็จะเหลือผู้ที่ต้องตามล่าอยู่สามคน นั่นคือ เธอ พิมพ์ และก็พี่บอล
“ยี้! เอื้อยแป้งห่วย คือมาดึกใส่น้องบีมว่ะ ห่วย” น้องบีมหน้างอคอหาย บ่นให้กับพี่แป้งเมื่อโดนรองเท้าเข้าลำตัวอย่างจัง พร้อมเดินออกมาจากกรอบสนามอย่างคนอารมณ์เสีย
“อี่น้องบีมตายแล้วย่างออกไปเลย” พี่แป้งพูดอย่างไร้ความเมตตาปรานี ไม่มีคำว่าพี่น้องในสนามรบและเกม จากนั้นวิถีของรองเท้าก็กระหน่ำมายังบอสโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
ระหว่างที่พวกเธอกำลังเล่นเขวี้ยงรองเท้ากันอย่างสนุกสนานอยู่นั้น ความสนุกก็เป็นอันต้องจบลงเมื่อแม่ของจ๋อมมาตามให้กลับบ้าน ทำให้พวกเธอที่เหลือต่างหมดสนุกไปด้วย เลิกเล่นแยกย้ายกัน สองฝาแฝดก็ขอตัวกลับบ้านเช่นกัน
เลิกเล่นได้ไม่นานยายกับตาก็กลับมาจากนา บอสกับน้องบีมและพี่แป้งเห็นยายกำลังเดินเข้าซอยมาแต่ไกล ๆ ต่างก็พากันวิ่งไปรับถุงย่ามและหาบตะกร้าไม้ไผ่กับยาย พี่บอลกับพี่บอมทำหน้าที่รอต้อนวัวเข้าคอกให้ตาอย่างรู้งาน เป็นกิจวัตรประจำวันของพวกเธออยู่แล้วที่ต้องทำเช่นนี้ เวลาตากับยายกลับมาจากนา
ยายเดินมาถึงบ้านวางคุถังใบสีดำขนาดกลางลงบนแคร่พร้อมสวิง “มาเอาฮวกไปไส้ขี้ไว ๆ ยายสิอู๋ให้กิน” เอ่ยให้พี่ปาวนำกับข้าวที่หามาได้จากธรรมชาติไปจัดการล้างทำความสะอาด ก่อนจะขอตัวไปจัดการกับตัวเองชำระร่างกายออก เนื่องจากกลับจากนาเนื้อตัวเปื้อนโคลนเปียกปอนไปหมด
ช่วงนี้ฤดูฝนฤดูทำนา ทำให้ครอบครัวของเธอไม่ได้เสียเงินไปกับค่ากับข้าวเท่าไหร่นัก ยายหามาจากนานำมาทำกับข้าวให้พวกเธอกิน นอกจากลูกอ๊อดแล้วยังมีปลาเล็กปลาใหญ่ที่ยายช้อนมาได้ด้วยมากมาย อีกทั้งปลาช่อน ปลาดุก ปลาหมอที่ลงหลี่และต้อนที่ตาทำเอาไว้ ทำให้ครอบครัวของเธอแทบจะไม่ได้ซื้อกับข้าวเลยในช่วงนี้
“ปาวเลือกฮวกแยกออกจากแมงเด้อ แยกออกมาไส้ขี้ต่างหาก ส่วนแมงระงำแมงอี๋กับปลาซิวเลือกใส่กันเลย ยายสิอู๋ให้กินแซ่บ ๆ” ยายตะโกนออกมาจากในห้องน้ำนอกบ้าน เสียงน้ำสาดลงพื้นดังออกมาให้ได้ยินเป็นระยะ ยายกำลังอาบน้ำอยู่นั่นเอง
“จ้า” พี่ปาวรับคำ “บอส แป้งมาเลือกซอยเอื้อยแหมะ จังแล้วเร็ว” พี่ปาวเรียกใช้พวกเธอยกเว้นน้องบีมที่ไม่ต้องการให้ช่วย รังแต่จะทำให้เลอะเทอะมากกว่า
“อี่ยายหาตะฮวกมาเด๊สู บอสกินบ่เป็น บอสขี้เดียด บอสย่าน” บอสบ่นไปอย่างนั้นไม่ได้คิดอะไร ทว่าตากลับได้ยินที่เธอพูดเสียอย่างนั้น โดนตาดุไปแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะเธอกลัวลูกอ๊อดและไม่เคยเอาเข้าปากเลยด้วยซ้ำตั้งแต่จำความได้ จึงพูดไปแบบไม่คิดเช่นนั้น
“ขี้เดียดของกินกะอย่ากิน เลือกกินคัก ๆ ลูกเศรษฐีใหญ่” ตาดุให้ทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูด พวกเธอสามสี่คนพี่น้องเงียบกริบ ไม่กล้าต่อปากต่อคำกับตา พี่ปาวเม้มปากยิ้มราวกับต้องการจะหัวเราะเยาะเธอที่โดนตาเอ็ดเข้าให้ ส่วนเธอหน้ามุ่ยนั่งแยกลูกอ็อดให้ยายเงียบ ๆ ไป ไม่กล้าพูดอะไรอีก
“บ่กินฮวกกะแมงระงำมูนั่นเด้ ปลาซิวกะมี ยายช้อนมาหลายกะด้อ บ่กินแฮงดี จังบ่มีคนแย่งของแซ่บ หมกฮวกแซ่บคือหยัง จะแมนบ่ฮู้จักแนวแซ่บคัก” ยายพูดกับเธอ เดินออกมาจากห้องน้ำนอกตัวบ้านหลังอาบน้ำเสร็จ บิดผ้าซิ่นที่เปียกน้ำให้หมาด ๆ แล้วนำไปตากไว้ที่ราวไม้ไผ่ข้างห้องน้ำที่ตาทำไว้ให้
“แมนอี่ยาย น้องบีมกะแซ่บ” น้องบีมพูดส่งเสริมยาย นั่งบีบท้องลูกอ๊อดเพื่อเอาขี้ดำ ๆ ในท้องของมันออกช่วยพี่ปาว ส่วนเธอกับพี่แป้งเลือกปลาซิวและแมงระงำออกต่างหาก เก็บเศษหญ้าที่ปนมาด้วยออกให้หมด
*แมงระงำคือตัวอ่อนของแมลงปอ แมงปอวางไข่ในน้ำกลายเป็นแมลงตัวเล็ก ๆ เรียกว่าแมงระงำ เมื่อโตเต็มที่มันก็จะกลายเป็นแมลงปออีกทีหนึ่ง*
บอสเม้มปากให้น้องสาวที่ช่างออเซาะนัก แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะน้องบีมก็กินจริง ๆ อย่างที่กล่าวมา หนูนา น้องวัว อึ่งอ่าง น้องบีมกินหมด ต่างกับเธอที่เลือกกินเป็นที่สุด
“มื้อแลงกินข้าวแล้วยายพาไปฟังเทศน์อยู่วัด เคยฟังเบาะพระเทศน์เป็นหมอลำน่ะ” ยายบอกกับพวกเธอ บอสตาลุกวาวปนสงสัยอยู่ในทีที่ยายบอกว่าพระเป็นหมอลำ “บีมเซาเฮ็ดไปเก็บผักอี่ตู่กับบักพริกในสวนเฮามาให้ยายไป เอามาหลาย ๆ เด้อ” ยายเรียกใช้หลานสาวคนเล็กพร้อมนั่งเขี่ยขี้เถ้าออกจากเตาถ่าน เตรียมจะทำกับข้าวมื้อเย็นให้พวกเธอ น้องบีมเมื่อได้รับคำสั่งก็รีบไปอย่างเร็วรี่
“ยายพระเป็นหมอลำบ่” บอสเอ่ยถาม
“บ่แหล่ว… เพิ่นกะเป็นพระนี่แหล่ว ตะเทศน์เป็นเรื่องราวคือหมอลำหนิ ยายพาไปฟังมื้อแลงเฮา” ยายคุยกับเธอ พยายามอธิบายให้เธอเข้าใจที่สุด ทว่าเธอก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
บอสวาดภาพในจินตนาการว่าพระเป็นหมอลำ แต่งตัวลำร้องเหมือนหมอลำแน่ ๆ ถึงอย่างไรก็จะตามยายไปดู จะได้มีเรื่องไปพูดอวดเพื่อน ๆ ในห้อง ว่าเคยฟังพระเป็นหมอลำ
………………………………….
“ไผสิไปฟังพระเทศน์นำยายแน” หลังกินข้าวเย็นเสร็จยายได้เอ่ยชวนพวกเธออีกครั้ง ขณะนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มนิด ๆ ยายกำลังแต่งตัวเตรียมไปวัดเพื่อฟังเทศน์แหล่อีสานตามประสาคนสูงวัย
“บอสไปนำอี่ยาย” บอสพูดเสียงเรียบ กำลังนั่งดูทีวีกับพี่ ๆ ตั้งใจจะไปฟังเทศน์กับยายอยู่แล้ว แม้น้องบีมหรือพี่ ๆ ไม่มีใครไปด้วยสักคน เธอก็จะตามยายไปด้วยเหมือนเดิม
“น้องบีมกะไปนำอี่ยาย” น้องบีมขอตามไปด้วย บอสแอบยิ้มด้วยความพอใจที่จะมีเพื่อนไปด้วยแล้ว
“แป้งบ่ไปบ่” ยายหันไปถามหลานสาวคนลองบ้าง
“ไปอยู่ยาย” พี่แป้งขอตามไปด้วยอีกคน
“บอมบ่ไป” พี่ชายคนโตของบ้านปฏิเสธ
“บอลกะบ่ไป” พี่บอลปฏิเสธไม่ขอตามไปด้วย ทว่ามีแผนจะขอไปเล่นบ้านเพื่อนต่างหาก ยายออกไปข้างนอกแบบนี้ดีนัก จะได้ถือโอกาสไปเล่นบ้านเพื่อนตอนกลางคืนแบบนี้ได้ “ยายบอลไปเล่นนำบักทอมถ่าเด้อ ยายกลับมาบอลจังจะเมือ”
“ไปโลด อย่าไปมึนลวงของเฮือนเพิ่นเด้อล่ะ” ยายกำชับ “อี่ใหญ่หนิบ่ไปบ่ ฟังพระเทศน์มวนกะด้อ” ยายมิลืมชวนหลานสาวคนโตไปด้วย ทว่าโดนพี่ปาวปฏิเสธ ยายก็ไม่ขัด “ไผสิไปกะใส่เอาเสื้อแขนยาวเด้อ ฮามันหนาว” จบคำสั่งของยาย เธอ น้องบีม และพี่แป้งต่างรีบลุกไปหยิบเสื้อแขนยาวมาใส่เอาไว้ แม้อากาศจะร้อนนิดหน่อยก็ตาม ค่อยไปถอดในวัดก็ได้ถ้ามันร้อนมาก
เมื่อทุกคนพร้อมกันแล้ว ยายพาพวกเธอสามคนพี่น้อง รวมทั้งพี่บอลด้วยที่ขอไปเล่นกับพี่ทอม ซึ่งพี่ทอมก็คือหลานชายของยายอ้วนเอง ยายพาพวกเธอเดินไปทางบ้านของยายอ้วนเพื่อชวนไปด้วยกัน มาถึงเห็นยายอ้วนนั่งรอที่แคร่หน้าบ้านแล้ว นอกจากยายอ้วนยังมียายใสเตี้ยและยายไหมขอตามไปด้วย
“เด็กน้อยสามคนหนิตามยายไปฟังเทศน์นำบ่” ยายใสเตี้ยถามพวกเธอปนยิ้ม “อี่กวางล่ะบ่อยากไป บ่ไปดิกวางฟังบ่เป็นพะนะ” ยายใสเตี้ยพูดถึงหลานสาวของตน
“น้องทีมคือกัน ยายชวนกะบ่ไป” ยายไหมสำทับ พูดถึงหลานชายของตนด้วยคนที่ต่างไม่ยอมไปฟังเทศน์เหมือนพวกเธอ “ไปฟังเทศน์น้อนางจังได้บุญ” ยายไหมหันมาพูดกับพวกเธอ
เธอคิดในใจว่า ที่จริงก็ไม่ได้อยากไปนัก คำว่าฟังเทศน์คงไม่สนุก เพราะพระเทศน์สวดมนต์จะไปสนุกอะไร ทว่ายายได้บอกกับเธอเอาไว้ว่าเหมือนหมอลำ นี่ต่างหากที่เป็นเหตุผลที่แท้จริงที่เธอขอตามยายมาด้วย ส่วนพี่แป้งกับน้องบีมเธอมิรู้เลยว่าคิดเช่นไร
พอพูดคุยทักทายกันหอมปากหอมคอแล้ว ยายก็พาพวกเธอเดินเข้าไปในวัด ตอนนี้มีบรรดาคุณยายหลายคนมานั่งรอชมแล้ว สถานที่ในการรับชมรับฟังคือสนามหญ้าบริเวณข้าง ๆ โบสถ์ ภายในวัดตอนหนึ่งทุ่มมันเงียบมาก มีมุมที่มืดและสว่างเป็นจุด ๆ บอสแทบไม่กล้าแลตามองแถวกำแพงวัดที่มีอัฐิตั้งอยู่เลย มันน่ากลัวในจิตใจพิลึก
ยายนำเสื่อที่ถือมาด้วยปูลงที่ว่าง ตามด้วยยายไหมที่ปูเสื่อของตนนั่งกับยายใสเตี้ยและยายอ้วน ส่วนยายนั่งกับพวกเธอสามคน ถัดไปเป็นเสื่อของยายสวยกับนินผู้เป็นหลานสาว ยายแดง ยายเหี้ยน ยายสุข และคนอื่น ๆ อีกมากมายที่รุ่นราวคราวเดียวกับยายของเธอ ที่เธอคุ้นเคยและรู้จัก
นอกจากบรรดาคุณยายคุณตาบางคนแล้ว ก็ยังมีบรรดาเด็กรุ่นเดียวกับพวกเธออีกหลายคนที่ตามยายมาดูด้วย ทำให้ภายในวัดถึงจะมืดแต่ก็เสียงดังด้วยการสนทนาพูดคุยของพวกเธอ พอทำลายความเงียบสงัดภายในวัดในเวลานี้ลงได้บ้าง ถึงกระนั้นบอสก็พยายามไม่ชายตามองไปรอบ ๆ วัด เพราะกำแพงวัดมีธาตุอัฐิเต็มไปหมด มันน่ากลัว
วันวาน 24
.
“เอาอ้ายบอลก่อนมูจ๋อม” เสียงของแพรวชี้เป้าเด็ดขาดให้กับจ๋อม จำเป็นต้องกำจัดจุดอ่อนของทีมก่อน นั่นคือกำจัดคนที่เก่งที่สุดของทีมก่อนเป็นอันดับแรก นาทีนี้เป็นคราวชี้เป็นชี้ตายชะตากรรมของพี่ชายคนรองของเธอ ว่าจะอยู่หรือจะไป ส่วนเจ้าตัววิ่งไปวิ่งมาไม่อยู่กับที่ ทำตัวไม่ให้เป็นเป้านิ่งที่สุด เพื่อป้องกันตัวเองจากภัยอันตรายที่กำลังจะมาถึง
แต่เดิมจ๋อมหมายจะปลิดชีวิตของเธอเป็นคนแรก ทว่าจ๋อมเป็นอันต้องผละจากเธอไปด้วยความเสียดาย แววตาแห่งความอำมหิตคาดแค้นฉายออกมาให้ได้สัมผัส จำใจเปลี่ยนเป้าหมาย หมายใจหันไปเล่นงานพี่บอลแทน
จ๋อมรีบวิ่งไปประกบทางด้านหลังพี่ชายของเธอ วิ่งซ้ายวิ่งขวาไปตามจังหวะที่พี่บอลวิ่งราวกับเงาก็ไม่เชิง เพื่อจะจับตายให้ได้ จะได้ปิดเกมไปหนึ่งคน ซึ่งเป็นคนที่เก่งที่สุดในทีม
“ดึกมาเลยแพรว” จ๋อมให้สัญญาณกับแพรวเมื่อพร้อม หน้าตาดุดันหมายจะปลิดชีพของผู้ชายตรงหน้าให้จบในตาเดียว จะได้ไปเอาชีวิตของผู้เล่นคนอื่นต่อ จะได้กลับมาเป็นผู้เล่นเร็ว ๆ
พวกเธอกำลังเล่นเขวี้ยงรองเท้ากันที่ลานดินหน้าบ้านของเธอเอง เลิกเรียนกลับมาบ้านหลังจากช่วยงานบ้านพี่ปาวเสร็จ พวกเธอก็ชวนกันเล่นเขวี้ยงรองเท้าแก้เบื่อ กว่ายายกับตาจะกลับจากนา กว่าจะมืดค่ำเล่นสนุกได้อีกนาน จ๋อมกับสองฝาแฝดต่างตามมาเล่นกับเธอที่บ้านด้วย
การเล่นในรอบนี้มีผู้ทั้งหมด 7 คน โดยมีน้องบีมเป็นตัวเศษเหมือนเดิม แบ่งกันเป็นทีม ทีมละสามคน ผู้เล่นมีเธอ สองฝาแฝด จ๋อม น้องบีม พี่แป้ง และสุดท้ายพี่บอลที่เป็นผู้ชายเพียงหนึ่งในตอนนี้ อาวุธคือรองเท้าแตะ จำต้องเลือกคู่ที่แบนที่สุด มีน้ำหนักเบาที่สุด เพื่อเวลาเขวี้ยงโดนตัวจะได้เจ็บน้อยที่สุดนั่นเอง
ขณะนี้ทีมของเธอกำลังเป็นผู้เล่น ถูกล่าโดยจ๋อมแพรวและพี่แป้ง คนแรกที่จะถูกกำจัดไปคือพี่บอล ทำให้เธอกับน้องบีมทำตัวชิว ๆ ได้บ้างในระหว่างที่เล่น แต่ก็ต้องเฝ้าระวังอยู่เสมอ ป้องกันการถูกกำจัดโดยไม่ทันระวังตัว
เสียงกรี๊ดปนหัวเราะของพวกเธอดังไปทั่วทั้งคุ้ม ยายไปนายังไม่กลับ ตาเองก็เช่นกัน ทำให้พวกเธอเป็นอิสระในการเล่นมากที่สุดสำหรับเย็นวันนี้ ระวังก็แต่ห้ามเขวี้ยงรองเท้าไปโดนกระจกบ้านแตกก็พอ
แพรวเขวี้ยงรองเท้าหลอกกะไม่ให้โดนตัวพี่บอล เขวี้ยงให้จ๋อมรับแล้วจ๋อมก็เขวี้ยงใส่ตัวพี่บอลอีกที โชคยังไม่เข้าข้างนัก จ๋อมรับรองเท้าไม่ทันหลุดมือลอยไปไกล ทำให้พี่บอลรอดตัวไปได้อย่างหวุดหวิด และตั้งตัวหลบรองเท้าได้ทันท่วงที พี่บอลหัวเราะเยาะเย้ยทั้งสองคนอย่างสะใจ รวมทั้งเธอ น้องบีม และพิมพ์ต่างหัวเราะไปกับเหตุการณ์เมื่อครู่พร้อมลุ้นไปกับพี่ชายด้วย
พวกเธอต่างวิ่งวนอยู่ภายในกรอบที่ตีเส้นกำหนดเอาไว้ เพื่อเอาตัวรอดจากรองเท้าที่จะเขวี้ยงมาใส่เวลาไหนก็ได้ ระหว่างนั้นรองเท้าก็กำลังลอยว่อนไปว่อนมาอยู่ไม่ขาดระยะ พวกเธอต่างก็หลบกันจ้าละหวั่นไปคนละทิศคนละทาง
“เอาอี่น้องบีมดีกว่า” การกระทำไวกว่าคำพูด ร้องเท้าที่อยู่ในมือของพี่แป้งก็ลอยเข้าหาตัวน้องบีมโดยพลัน โดนตัวน้องบีมเข้าอย่างจัง ทั้งพี่แป้งทั้งแพรวและก็จ๋อมต่างยิ้มกริ่มให้กับผลงานของตน
แม้ไม่ใช่ผู้เล่นที่เก่งกาจ อย่างน้อยก็สามารถตัดตอนผู้เล่นออกไปได้หนึ่งคน ก็จะเหลือผู้ที่ต้องตามล่าอยู่สามคน นั่นคือ เธอ พิมพ์ และก็พี่บอล
“ยี้! เอื้อยแป้งห่วย คือมาดึกใส่น้องบีมว่ะ ห่วย” น้องบีมหน้างอคอหาย บ่นให้กับพี่แป้งเมื่อโดนรองเท้าเข้าลำตัวอย่างจัง พร้อมเดินออกมาจากกรอบสนามอย่างคนอารมณ์เสีย
“อี่น้องบีมตายแล้วย่างออกไปเลย” พี่แป้งพูดอย่างไร้ความเมตตาปรานี ไม่มีคำว่าพี่น้องในสนามรบและเกม จากนั้นวิถีของรองเท้าก็กระหน่ำมายังบอสโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
ระหว่างที่พวกเธอกำลังเล่นเขวี้ยงรองเท้ากันอย่างสนุกสนานอยู่นั้น ความสนุกก็เป็นอันต้องจบลงเมื่อแม่ของจ๋อมมาตามให้กลับบ้าน ทำให้พวกเธอที่เหลือต่างหมดสนุกไปด้วย เลิกเล่นแยกย้ายกัน สองฝาแฝดก็ขอตัวกลับบ้านเช่นกัน
เลิกเล่นได้ไม่นานยายกับตาก็กลับมาจากนา บอสกับน้องบีมและพี่แป้งเห็นยายกำลังเดินเข้าซอยมาแต่ไกล ๆ ต่างก็พากันวิ่งไปรับถุงย่ามและหาบตะกร้าไม้ไผ่กับยาย พี่บอลกับพี่บอมทำหน้าที่รอต้อนวัวเข้าคอกให้ตาอย่างรู้งาน เป็นกิจวัตรประจำวันของพวกเธออยู่แล้วที่ต้องทำเช่นนี้ เวลาตากับยายกลับมาจากนา
ยายเดินมาถึงบ้านวางคุถังใบสีดำขนาดกลางลงบนแคร่พร้อมสวิง “มาเอาฮวกไปไส้ขี้ไว ๆ ยายสิอู๋ให้กิน” เอ่ยให้พี่ปาวนำกับข้าวที่หามาได้จากธรรมชาติไปจัดการล้างทำความสะอาด ก่อนจะขอตัวไปจัดการกับตัวเองชำระร่างกายออก เนื่องจากกลับจากนาเนื้อตัวเปื้อนโคลนเปียกปอนไปหมด
ช่วงนี้ฤดูฝนฤดูทำนา ทำให้ครอบครัวของเธอไม่ได้เสียเงินไปกับค่ากับข้าวเท่าไหร่นัก ยายหามาจากนานำมาทำกับข้าวให้พวกเธอกิน นอกจากลูกอ๊อดแล้วยังมีปลาเล็กปลาใหญ่ที่ยายช้อนมาได้ด้วยมากมาย อีกทั้งปลาช่อน ปลาดุก ปลาหมอที่ลงหลี่และต้อนที่ตาทำเอาไว้ ทำให้ครอบครัวของเธอแทบจะไม่ได้ซื้อกับข้าวเลยในช่วงนี้
“ปาวเลือกฮวกแยกออกจากแมงเด้อ แยกออกมาไส้ขี้ต่างหาก ส่วนแมงระงำแมงอี๋กับปลาซิวเลือกใส่กันเลย ยายสิอู๋ให้กินแซ่บ ๆ” ยายตะโกนออกมาจากในห้องน้ำนอกบ้าน เสียงน้ำสาดลงพื้นดังออกมาให้ได้ยินเป็นระยะ ยายกำลังอาบน้ำอยู่นั่นเอง
“จ้า” พี่ปาวรับคำ “บอส แป้งมาเลือกซอยเอื้อยแหมะ จังแล้วเร็ว” พี่ปาวเรียกใช้พวกเธอยกเว้นน้องบีมที่ไม่ต้องการให้ช่วย รังแต่จะทำให้เลอะเทอะมากกว่า
“อี่ยายหาตะฮวกมาเด๊สู บอสกินบ่เป็น บอสขี้เดียด บอสย่าน” บอสบ่นไปอย่างนั้นไม่ได้คิดอะไร ทว่าตากลับได้ยินที่เธอพูดเสียอย่างนั้น โดนตาดุไปแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะเธอกลัวลูกอ๊อดและไม่เคยเอาเข้าปากเลยด้วยซ้ำตั้งแต่จำความได้ จึงพูดไปแบบไม่คิดเช่นนั้น
“ขี้เดียดของกินกะอย่ากิน เลือกกินคัก ๆ ลูกเศรษฐีใหญ่” ตาดุให้ทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูด พวกเธอสามสี่คนพี่น้องเงียบกริบ ไม่กล้าต่อปากต่อคำกับตา พี่ปาวเม้มปากยิ้มราวกับต้องการจะหัวเราะเยาะเธอที่โดนตาเอ็ดเข้าให้ ส่วนเธอหน้ามุ่ยนั่งแยกลูกอ็อดให้ยายเงียบ ๆ ไป ไม่กล้าพูดอะไรอีก
“บ่กินฮวกกะแมงระงำมูนั่นเด้ ปลาซิวกะมี ยายช้อนมาหลายกะด้อ บ่กินแฮงดี จังบ่มีคนแย่งของแซ่บ หมกฮวกแซ่บคือหยัง จะแมนบ่ฮู้จักแนวแซ่บคัก” ยายพูดกับเธอ เดินออกมาจากห้องน้ำนอกตัวบ้านหลังอาบน้ำเสร็จ บิดผ้าซิ่นที่เปียกน้ำให้หมาด ๆ แล้วนำไปตากไว้ที่ราวไม้ไผ่ข้างห้องน้ำที่ตาทำไว้ให้
“แมนอี่ยาย น้องบีมกะแซ่บ” น้องบีมพูดส่งเสริมยาย นั่งบีบท้องลูกอ๊อดเพื่อเอาขี้ดำ ๆ ในท้องของมันออกช่วยพี่ปาว ส่วนเธอกับพี่แป้งเลือกปลาซิวและแมงระงำออกต่างหาก เก็บเศษหญ้าที่ปนมาด้วยออกให้หมด
*แมงระงำคือตัวอ่อนของแมลงปอ แมงปอวางไข่ในน้ำกลายเป็นแมลงตัวเล็ก ๆ เรียกว่าแมงระงำ เมื่อโตเต็มที่มันก็จะกลายเป็นแมลงปออีกทีหนึ่ง*
บอสเม้มปากให้น้องสาวที่ช่างออเซาะนัก แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะน้องบีมก็กินจริง ๆ อย่างที่กล่าวมา หนูนา น้องวัว อึ่งอ่าง น้องบีมกินหมด ต่างกับเธอที่เลือกกินเป็นที่สุด
“มื้อแลงกินข้าวแล้วยายพาไปฟังเทศน์อยู่วัด เคยฟังเบาะพระเทศน์เป็นหมอลำน่ะ” ยายบอกกับพวกเธอ บอสตาลุกวาวปนสงสัยอยู่ในทีที่ยายบอกว่าพระเป็นหมอลำ “บีมเซาเฮ็ดไปเก็บผักอี่ตู่กับบักพริกในสวนเฮามาให้ยายไป เอามาหลาย ๆ เด้อ” ยายเรียกใช้หลานสาวคนเล็กพร้อมนั่งเขี่ยขี้เถ้าออกจากเตาถ่าน เตรียมจะทำกับข้าวมื้อเย็นให้พวกเธอ น้องบีมเมื่อได้รับคำสั่งก็รีบไปอย่างเร็วรี่
“ยายพระเป็นหมอลำบ่” บอสเอ่ยถาม
“บ่แหล่ว… เพิ่นกะเป็นพระนี่แหล่ว ตะเทศน์เป็นเรื่องราวคือหมอลำหนิ ยายพาไปฟังมื้อแลงเฮา” ยายคุยกับเธอ พยายามอธิบายให้เธอเข้าใจที่สุด ทว่าเธอก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
บอสวาดภาพในจินตนาการว่าพระเป็นหมอลำ แต่งตัวลำร้องเหมือนหมอลำแน่ ๆ ถึงอย่างไรก็จะตามยายไปดู จะได้มีเรื่องไปพูดอวดเพื่อน ๆ ในห้อง ว่าเคยฟังพระเป็นหมอลำ
………………………………….
“ไผสิไปฟังพระเทศน์นำยายแน” หลังกินข้าวเย็นเสร็จยายได้เอ่ยชวนพวกเธออีกครั้ง ขณะนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มนิด ๆ ยายกำลังแต่งตัวเตรียมไปวัดเพื่อฟังเทศน์แหล่อีสานตามประสาคนสูงวัย
“บอสไปนำอี่ยาย” บอสพูดเสียงเรียบ กำลังนั่งดูทีวีกับพี่ ๆ ตั้งใจจะไปฟังเทศน์กับยายอยู่แล้ว แม้น้องบีมหรือพี่ ๆ ไม่มีใครไปด้วยสักคน เธอก็จะตามยายไปด้วยเหมือนเดิม
“น้องบีมกะไปนำอี่ยาย” น้องบีมขอตามไปด้วย บอสแอบยิ้มด้วยความพอใจที่จะมีเพื่อนไปด้วยแล้ว
“แป้งบ่ไปบ่” ยายหันไปถามหลานสาวคนลองบ้าง
“ไปอยู่ยาย” พี่แป้งขอตามไปด้วยอีกคน
“บอมบ่ไป” พี่ชายคนโตของบ้านปฏิเสธ
“บอลกะบ่ไป” พี่บอลปฏิเสธไม่ขอตามไปด้วย ทว่ามีแผนจะขอไปเล่นบ้านเพื่อนต่างหาก ยายออกไปข้างนอกแบบนี้ดีนัก จะได้ถือโอกาสไปเล่นบ้านเพื่อนตอนกลางคืนแบบนี้ได้ “ยายบอลไปเล่นนำบักทอมถ่าเด้อ ยายกลับมาบอลจังจะเมือ”
“ไปโลด อย่าไปมึนลวงของเฮือนเพิ่นเด้อล่ะ” ยายกำชับ “อี่ใหญ่หนิบ่ไปบ่ ฟังพระเทศน์มวนกะด้อ” ยายมิลืมชวนหลานสาวคนโตไปด้วย ทว่าโดนพี่ปาวปฏิเสธ ยายก็ไม่ขัด “ไผสิไปกะใส่เอาเสื้อแขนยาวเด้อ ฮามันหนาว” จบคำสั่งของยาย เธอ น้องบีม และพี่แป้งต่างรีบลุกไปหยิบเสื้อแขนยาวมาใส่เอาไว้ แม้อากาศจะร้อนนิดหน่อยก็ตาม ค่อยไปถอดในวัดก็ได้ถ้ามันร้อนมาก
เมื่อทุกคนพร้อมกันแล้ว ยายพาพวกเธอสามคนพี่น้อง รวมทั้งพี่บอลด้วยที่ขอไปเล่นกับพี่ทอม ซึ่งพี่ทอมก็คือหลานชายของยายอ้วนเอง ยายพาพวกเธอเดินไปทางบ้านของยายอ้วนเพื่อชวนไปด้วยกัน มาถึงเห็นยายอ้วนนั่งรอที่แคร่หน้าบ้านแล้ว นอกจากยายอ้วนยังมียายใสเตี้ยและยายไหมขอตามไปด้วย
“เด็กน้อยสามคนหนิตามยายไปฟังเทศน์นำบ่” ยายใสเตี้ยถามพวกเธอปนยิ้ม “อี่กวางล่ะบ่อยากไป บ่ไปดิกวางฟังบ่เป็นพะนะ” ยายใสเตี้ยพูดถึงหลานสาวของตน
“น้องทีมคือกัน ยายชวนกะบ่ไป” ยายไหมสำทับ พูดถึงหลานชายของตนด้วยคนที่ต่างไม่ยอมไปฟังเทศน์เหมือนพวกเธอ “ไปฟังเทศน์น้อนางจังได้บุญ” ยายไหมหันมาพูดกับพวกเธอ
เธอคิดในใจว่า ที่จริงก็ไม่ได้อยากไปนัก คำว่าฟังเทศน์คงไม่สนุก เพราะพระเทศน์สวดมนต์จะไปสนุกอะไร ทว่ายายได้บอกกับเธอเอาไว้ว่าเหมือนหมอลำ นี่ต่างหากที่เป็นเหตุผลที่แท้จริงที่เธอขอตามยายมาด้วย ส่วนพี่แป้งกับน้องบีมเธอมิรู้เลยว่าคิดเช่นไร
พอพูดคุยทักทายกันหอมปากหอมคอแล้ว ยายก็พาพวกเธอเดินเข้าไปในวัด ตอนนี้มีบรรดาคุณยายหลายคนมานั่งรอชมแล้ว สถานที่ในการรับชมรับฟังคือสนามหญ้าบริเวณข้าง ๆ โบสถ์ ภายในวัดตอนหนึ่งทุ่มมันเงียบมาก มีมุมที่มืดและสว่างเป็นจุด ๆ บอสแทบไม่กล้าแลตามองแถวกำแพงวัดที่มีอัฐิตั้งอยู่เลย มันน่ากลัวในจิตใจพิลึก
ยายนำเสื่อที่ถือมาด้วยปูลงที่ว่าง ตามด้วยยายไหมที่ปูเสื่อของตนนั่งกับยายใสเตี้ยและยายอ้วน ส่วนยายนั่งกับพวกเธอสามคน ถัดไปเป็นเสื่อของยายสวยกับนินผู้เป็นหลานสาว ยายแดง ยายเหี้ยน ยายสุข และคนอื่น ๆ อีกมากมายที่รุ่นราวคราวเดียวกับยายของเธอ ที่เธอคุ้นเคยและรู้จัก
นอกจากบรรดาคุณยายคุณตาบางคนแล้ว ก็ยังมีบรรดาเด็กรุ่นเดียวกับพวกเธออีกหลายคนที่ตามยายมาดูด้วย ทำให้ภายในวัดถึงจะมืดแต่ก็เสียงดังด้วยการสนทนาพูดคุยของพวกเธอ พอทำลายความเงียบสงัดภายในวัดในเวลานี้ลงได้บ้าง ถึงกระนั้นบอสก็พยายามไม่ชายตามองไปรอบ ๆ วัด เพราะกำแพงวัดมีธาตุอัฐิเต็มไปหมด มันน่ากลัว