ศบค.เผยยอดผู้ป่วยใหม่ รักษาใน รพ. 2,886 ราย มาจากต่างประเทศ 2 คน คร่า 19 ชีวิต
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_3462907
ศบค.เผยยอดผู้ป่วยใหม่ รักษาใน รพ. 2,886 ราย มาจากต่างประเทศ 2 คน โควิด-19 คร่า 19 ชีวิต
เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันพุธที่ 20 กรกฎาคม 2565 ผู้ป่วยรายใหม่ (รักษาตัวใน รพ.) จำนวน 2,886 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยในประเทศ 2,884 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 2 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,342,419 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
หายป่วยกลับบ้าน 2,029 ราย หายป่วยสะสม 2,343,131 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 23,179 ราย
เสียชีวิต 19 ราย เสียชีวิตสะสม 9,352 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 851 ราย
*เนื่องจากตั้งแต่ 1 มิ.ย.65 เป็นต้นมา มีการปรับระบบรายงาน โดยรายงานเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล จึงทำให้รายงานยอดผู้ป่วยสะสม มีจำนวนที่น้อยกว่ายอดผู้หายป่วยสะสม
ด่วน!! ไทยพบโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2.75 แล้ว 1 ราย ที่จังหวัดตรัง
https://www.nationtv.tv/news/378880335
ไทยพบโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2.75 แล้ว 1 ราย ที่จังหวัดตรัง จากการเก็บตัวอย่าง คาดหลบภูมิคุ้มกัน ดื้อวัคซีน
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล อัพเดตสถานการณ์โรคโควิด-19 เชื้อโอมิครอน และสายพันธุ์ย่อยที่พบใหม่ในประเทศไทย ระบุว่า ประเทศไทยพบเชื้อโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2.75 แล้ว 1 ราย ที่ จ.ตรัง จากการเก็บตัวอย่างโดยศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 12/1 ตรัง เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2565
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมและ upload ขึ้นบนฐานข้อมูลโควิดโลก (GISAID) เป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2565 มีการกลายพันธุ์ต่างไปจากไวรัสดั้งเดิม “อู่ฮั่น” ประมาณ 90 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ BA.2.75 อุบัติขึ้นครั้งแรกในอินเดีย ขณะนี้มีการแพร่ระบาดไปทั่วโลก นักวิทยาศาสตร์สามารถเก็บตัวอย่างถอดรหัสพันธุกรรมได้ 338 ราย โดย BA.2.75 กลายพันธุ์ไปถึง 100 ตำแหน่ง คาดว่าจะหลบภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์ก่อนได้ดี และดื้อต่อวัคซีนที่เตรียมจากไวรัสอู่ฮั่นดั้งเดิม และควรเลือกใช้ยาแอนติบอดีสังเคราะห์ (Monoclonal Antibody) ให้สอดคล้องกับโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยที่ผู้ป่วยติดเชื้ออยู่ แต่สิ่งที่น่าสังเกตคือการระบาดของ BA.2.75 ในประเทศอินเดีย ประเทศต้นกำเนิดเมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2565 มีการระบาดไม่ยาวนาน ขณะนี้ใกล้จะสงบลงแล้ว อาจสืบเนื่องมาจากในอินเดียมีการระบาดใหญ่ของ BA.2 มาก่อน ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นอาจทำให้การระบาดของ BA.2.75 ซึ่งกลายพันธุ์มาจาก BA.2 ไม่ขยายวงกว้าง ประเทศไทยเองก็มีการระบาดใหม่ของ BA.2 มาก่อนเช่นเดียวกัน
รัฐอ้ำอึ้งเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า เอกชนเสนอมาตรการ ABC ฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย
https://www.thairath.co.th/business/economics/2449520
นาย
พิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ตามที่ได้นำผู้ประกอบการภาคเอกชนท่องเที่ยว 20 ราย เข้าพบพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2565 เพื่อหารือข้อเสนอแนวทางการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศภายใต้มาตรการ ABC ฟื้นฟูประเทศและพลิกโฉมการท่องเที่ยว โดยทุกเรื่องทางนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนนำเข้าที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ต่อไป
ทั้งนี้ ข้อเสนอมาตรการ
A : Accelerate Travel & Tourism Spending เร่งรัดให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น โดยเสนอให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าเป็นการชั่วคราวถึงสิ้นปี 2565 และขอขยายระยะเวลาพำนักออกไปเป็น 45 วัน นายกฯมอบหมายให้ไปหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ มาตรการ
B : Booster Shot เพื่อหมุดหมายในการฟื้นประเทศ “เราฟื้นด้วยกัน” โดยส่งเสริมให้สายการบินเพิ่มความถี่และจำนวนที่นั่งตามแผนการบินระหว่างประเทศและในประเทศให้กลับมาไม่น้อยกว่า 50% และการโรด์โชว์ในประเทศต่างๆ กระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวไทย สนับสนุนการเดินทางศึกษาดูงานและอบรมในต่างจังหวัด นายกฯมอบหมายให้ ททท.ไปหารือเรื่องการจัดหางบกับสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ส่วนมาตรการ C : Cost-effectiveness สร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิผล ลดต้นทุน เพิ่มสภาพคล่อง ส่งเสริมขีดความสามารถในระยะยาว โดยผ่อนผัน แก้ไขระเบียบ คำสั่ง หรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้องเป็นการชั่วคราว ซึ่งจะหารือกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นาย
ชัยพฤกษ์ ทองคำ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) กล่าวว่า พอใจการเข้าพบนายกรัฐมนตรี 80% แต่ข้อเสนอเรื่องยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า นายกฯยังไม่ได้ฟันธงมา จะขอไปคุยกับกระทรวงการต่างประเทศอีกที แต่แนวโน้มน่าจะยาก และนายกฯมองว่าการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าบริษัททัวร์อาจไม่ได้นำไปลดค่าทัวร์แต่อย่างใด แต่ในส่วนข้อเสนอขยายเวลาพำนักในไทยน่าจะได้ และได้เสนอหากมีการทำวีซ่าในรูปแบบ Multiple หรือเข้าออกได้หลายครั้งในการท่องเที่ยวแนวชายแดน และกลับมาท่องเที่ยวพำนักต่อที่ประเทศไทย.
JJNY : ป่วยใหม่ 2,886 คร่า 19│พบ BA.2.75 1 ราย ที่ตรัง│รัฐอ้ำอึ้งเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า│สุทิน เผยวันแรกซักฟอกดีเกินคาด
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_3462907
เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันพุธที่ 20 กรกฎาคม 2565 ผู้ป่วยรายใหม่ (รักษาตัวใน รพ.) จำนวน 2,886 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยในประเทศ 2,884 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 2 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,342,419 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
หายป่วยกลับบ้าน 2,029 ราย หายป่วยสะสม 2,343,131 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 23,179 ราย
เสียชีวิต 19 ราย เสียชีวิตสะสม 9,352 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 851 ราย
*เนื่องจากตั้งแต่ 1 มิ.ย.65 เป็นต้นมา มีการปรับระบบรายงาน โดยรายงานเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล จึงทำให้รายงานยอดผู้ป่วยสะสม มีจำนวนที่น้อยกว่ายอดผู้หายป่วยสะสม
ด่วน!! ไทยพบโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2.75 แล้ว 1 ราย ที่จังหวัดตรัง
https://www.nationtv.tv/news/378880335
ไทยพบโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2.75 แล้ว 1 ราย ที่จังหวัดตรัง จากการเก็บตัวอย่าง คาดหลบภูมิคุ้มกัน ดื้อวัคซีน
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล อัพเดตสถานการณ์โรคโควิด-19 เชื้อโอมิครอน และสายพันธุ์ย่อยที่พบใหม่ในประเทศไทย ระบุว่า ประเทศไทยพบเชื้อโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2.75 แล้ว 1 ราย ที่ จ.ตรัง จากการเก็บตัวอย่างโดยศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 12/1 ตรัง เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2565
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมและ upload ขึ้นบนฐานข้อมูลโควิดโลก (GISAID) เป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2565 มีการกลายพันธุ์ต่างไปจากไวรัสดั้งเดิม “อู่ฮั่น” ประมาณ 90 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ BA.2.75 อุบัติขึ้นครั้งแรกในอินเดีย ขณะนี้มีการแพร่ระบาดไปทั่วโลก นักวิทยาศาสตร์สามารถเก็บตัวอย่างถอดรหัสพันธุกรรมได้ 338 ราย โดย BA.2.75 กลายพันธุ์ไปถึง 100 ตำแหน่ง คาดว่าจะหลบภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์ก่อนได้ดี และดื้อต่อวัคซีนที่เตรียมจากไวรัสอู่ฮั่นดั้งเดิม และควรเลือกใช้ยาแอนติบอดีสังเคราะห์ (Monoclonal Antibody) ให้สอดคล้องกับโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยที่ผู้ป่วยติดเชื้ออยู่ แต่สิ่งที่น่าสังเกตคือการระบาดของ BA.2.75 ในประเทศอินเดีย ประเทศต้นกำเนิดเมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2565 มีการระบาดไม่ยาวนาน ขณะนี้ใกล้จะสงบลงแล้ว อาจสืบเนื่องมาจากในอินเดียมีการระบาดใหญ่ของ BA.2 มาก่อน ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นอาจทำให้การระบาดของ BA.2.75 ซึ่งกลายพันธุ์มาจาก BA.2 ไม่ขยายวงกว้าง ประเทศไทยเองก็มีการระบาดใหม่ของ BA.2 มาก่อนเช่นเดียวกัน
รัฐอ้ำอึ้งเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า เอกชนเสนอมาตรการ ABC ฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย
https://www.thairath.co.th/business/economics/2449520
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ตามที่ได้นำผู้ประกอบการภาคเอกชนท่องเที่ยว 20 ราย เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2565 เพื่อหารือข้อเสนอแนวทางการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศภายใต้มาตรการ ABC ฟื้นฟูประเทศและพลิกโฉมการท่องเที่ยว โดยทุกเรื่องทางนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนนำเข้าที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ต่อไป
ทั้งนี้ ข้อเสนอมาตรการ
A : Accelerate Travel & Tourism Spending เร่งรัดให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น โดยเสนอให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าเป็นการชั่วคราวถึงสิ้นปี 2565 และขอขยายระยะเวลาพำนักออกไปเป็น 45 วัน นายกฯมอบหมายให้ไปหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ มาตรการ
B : Booster Shot เพื่อหมุดหมายในการฟื้นประเทศ “เราฟื้นด้วยกัน” โดยส่งเสริมให้สายการบินเพิ่มความถี่และจำนวนที่นั่งตามแผนการบินระหว่างประเทศและในประเทศให้กลับมาไม่น้อยกว่า 50% และการโรด์โชว์ในประเทศต่างๆ กระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวไทย สนับสนุนการเดินทางศึกษาดูงานและอบรมในต่างจังหวัด นายกฯมอบหมายให้ ททท.ไปหารือเรื่องการจัดหางบกับสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ส่วนมาตรการ C : Cost-effectiveness สร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิผล ลดต้นทุน เพิ่มสภาพคล่อง ส่งเสริมขีดความสามารถในระยะยาว โดยผ่อนผัน แก้ไขระเบียบ คำสั่ง หรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้องเป็นการชั่วคราว ซึ่งจะหารือกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายชัยพฤกษ์ ทองคำ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) กล่าวว่า พอใจการเข้าพบนายกรัฐมนตรี 80% แต่ข้อเสนอเรื่องยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า นายกฯยังไม่ได้ฟันธงมา จะขอไปคุยกับกระทรวงการต่างประเทศอีกที แต่แนวโน้มน่าจะยาก และนายกฯมองว่าการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าบริษัททัวร์อาจไม่ได้นำไปลดค่าทัวร์แต่อย่างใด แต่ในส่วนข้อเสนอขยายเวลาพำนักในไทยน่าจะได้ และได้เสนอหากมีการทำวีซ่าในรูปแบบ Multiple หรือเข้าออกได้หลายครั้งในการท่องเที่ยวแนวชายแดน และกลับมาท่องเที่ยวพำนักต่อที่ประเทศไทย.