อึ้ง! ไทย พบ สปายแวร์ ‘เพกาซัส’ ว่อนมือถือกลุ่มชุมนุมต่อต้านรัฐ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3459701
อึ้ง! ไทย พบ สปายแวร์ ‘เพกาซัส’ ว่อนมือถือกลุ่มชุมนุมต่อต้านรัฐ
เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ‘
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล’ รายงานว่า ว่าประเทศไทยต้องสอบสวนอย่างรอบด้าน ต่อการใช้ ‘
สปายแวร์เพกาซัส’ ที่ล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว เนื่องจากพบว่า มีสปายแวร์ถูกติดตั้งอยู่ในโทรศัพท์ของนักกิจกรรมหลายสิบคน หลังจากมีการรายงานชิ้นใหม่พบว่าบุคคล 30 คน ตกเป็นเป้าหมาย หรือได้รับผลกระทบจากซอฟต์แวร์ที่อันตราย ซึ่งถือว่าเป็นการยืนยันเป็นครั้งแรกว่ามีการใช้สปายแวร์นี้ในประเทศ จากการวิเคราะห์ในเชิงเทคนิค
รายงานว่าที่จัดทำร่วมกันระหว่างโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) Digital Reach และ Citizen Lab ได้พบการใช้สปายแวร์ตั้งแต่ปี 63 – 64 และส่งผลกระทบต่อแกนนำคนสำคัญของการชุมนุมประท้วงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูปครั้งใหญ่ทางการเมืองและเศรษฐกิจ รวมทั้งนักวิชาการและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนซึ่งได้วิจารณ์รัฐบาลไทยอย่างเปิดเผย
“การค้นพบเกิดขึ้นหลังจากบริษัทแอปเปิลได้ส่งข้อความเตือนนักกิจกรรมชาวไทยจำนวนมากว่า พวกเขาตกเป็นเป้าหมายของสปายแวร์เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 โดยแผนก Security Lab ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล สามารถยืนยันอย่างเป็นอิสระในรายงานนี้ได้ว่า จากการวิเคราะห์ทางนิติเวช มีการพบสปายแวร์นี้ในห้ากรณี”
เอเทียน เมเนียร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเผยว่า ปัจจุบันเราได้เพิ่มประเทศไทยเข้าไปในรายชื่อประเทศที่มีการสอดแนมประชาชน ซึ่งจำนวนรายชื่อของประเทศต่างๆ ยังคงมีการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การที่ประชาชนออกมาเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงโดยสงบ แสดงความเห็น และวิจารณ์นโยบายของรัฐบาล อาจส่งผลให้เกิดการสอดแนมที่ล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเสรีภาพด้านการแสดงออก ความเป็นส่วนตัว และความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยของบุคคล
ควรระลึกด้วยว่า ข้อมูลเป็นเพียงข้อค้นพบเบื้องต้น แต่ขอบเขตความพยายามสอดแนมข้อมูลอาจกว้างขวางและส่งผลกระทบรุนแรงมากกว่านี้
ข้อมูลในรายงานมีการตรวจพบสปายแวร์เพกาซัสในโทรศัพท์ของแกนนำผู้ชุมนุมประท้วงในไทย รวมไปถึง
อานนท์ นำภา เบนจา อะปัญ และ
ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ
รุ้ง ซึ่งตกเป็นเป้าหมายการดำเนินคดีอาญาที่ไม่เหมาะสมในหลายข้อหา อันเป็นผลมาจากการใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ
แทนที่จะรับฟังและร่วมมือกับผู้ชุมนุมประท้วง นักวิชาการ และนักปกป้องสิทธิมนุษยชน กลับใช้การสอดแนมที่ล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวเพื่อคุกคาม ข่มขู่ โจมตี และเพื่อทำลายขวัญกำลังใจ รวมไปถึงการสร้างบรรยากาศที่น่าหวาดกลัวในสังคม ข้อค้นพบใหม่ครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่น่าตกใจว่า ทางการสามารถใช้วิธีการอันมิชอบมากเพียงใดเพื่อควบคุมการแสดงความเห็นต่างโดยสงบ โดยมีบริษัท NSO Group จากประเทศอิสราเอล บริษัทที่อยู่เบื้องหลังเพกาซัสอ้างว่า พวกเขาขายสินค้าให้กับหน่วยข่าวกรองและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลเท่านั้น
รัฐต่างๆ มีพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่เพียงต้องเคารพสิทธิมนุษยชน หากยังต้องคุ้มครองให้ปลอดพ้นจากการปฏิบัติมิชอบของบุคคลที่สาม รวมทั้งบริษัทเอกชน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องให้มีข้อตกลงระดับโลกเพื่อยุติการขาย ส่งมอบ และใช้สปายแวร์ จนกว่าจะมีการกำหนดมาตรการควบคุมและคุ้มครองสิทธิ เพื่อกำกับดูแลการใช้งานของสปายแวร์อย่างเหมาะสม
ทางการไทย ต้องดำเนินการสอบสวนอย่างเป็นอิสระ อย่างทันที รอบด้าน และมีประสิทธิภาพ ต่อการใช้สปายแวร์เพกาซัส และใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เพื่อสนับสนุนการมีส่วนร่วมของพลเมือง มาตรการเช่นนี้ต้องครอบคลุมถึงการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่สนับสนุนการสอดแนมของรัฐ รวมทั้งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และพระราชบัญญัติข่าวกรองแห่งชาติ ให้มีเนื้อหาสอดคล้องกับกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ รวมทั้งการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันเพื่อคุ้มครองสิทธิความเป็นส่วนตัว และสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ
แพทย์ชนบท ยัน 'ยาโควิด' ขาดแคลนหนัก รพ.ยืมกันพัลวัน จี้สธ.เลิกหลอกยอดติดเชื้อ
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_3459938
แพทย์ชนบท งัดหลักฐาน ไลน์ร้อนฉ่า ‘ยาโควิด’ ขาดแคลนหนัก รพ.ยืมกันพัลวัน จี้สธ.เลิกหลอกยอดติดเชื้อ ท้าองค์การเภสัชกรรมโชว์หลักฐาน หลังบอกมีส่งรพ.ตลอด ไม่ขาดแคลน
เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
“แม้องค์การเภสัชจะบอกว่าฟาวิมีพอ แต่ความจริงยังขาดแคลนหนัก
ฟาวิพิราเวียร์ และ โมลนูพิราเวียร์ ขาดแคลนอย่างหนัก ไลน์โรงพยาบาลร้อนฉ่า หยิบยืมฟาวิกันพัลวัน คนหนึ่งต้องใช้ฟาวิอย่างต่ำ 50 เม็ด หรือถ้าเป็นโมลนูพิราเวียก็คนละอย่างต่ำ 40 เม็ด
โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่ง เหลือฟาวิ 2,477 เม็ดใช้ได้เพียง 49 ราย โดยต้องอยู่ให้ถึงอย่างน้อย 22 กรกฎาคม 65 หรืออีก 5 วันของจึงจะมา แปลว่าใช้ได้วันละไม่เกิน 10 คน
โรงพยาบาลชุมชนในจังหวัดหนึ่งก็ได้จัดสรรโมลนูพิราเวียมาแก้ขัดช่วงฟาวิขาดแคลน ได้จัดสรรมาก่อนแห่งละ 120 เม็ด (ใช้ได้กับผู้ป่วย 3 คนเอง
ที่องค์การเภสัชกรรมบอกว่ามีส่งตลอดไม่ขาดแคลนนั้น เป็นเพียงการแถลงแถไปเรื่อยหรือเปล่า ถ้าส่งโรงพยาบาลต่างๆจริงก็เอาหลักฐานมาดูหน่อยนะ สังคมจะได้เชื่อมั่น
สาเหตุที่ยาขาดแคลนเพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ สธ.หลอกตัวเองนั่นแหละ มีข้อสังเกตเหมือนกับว่า จะมีการเน้นควบคุมเลขไม่เน้นควบคุมโรคทุกครั้งเลยที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ฟาวิและโมลนูขาดแคลนหนักมาก ขอผู้ป่วยเข้าใจ แพทย์จำต้องจ่ายยาที่มีน้อยนิดให้กับคนที่จำเป็นที่สุดก่อนเท่านั้น”
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid0scDpcPP6pHd1V4WuHPp9K4e7UzgH9Zfrue6GXsrSLUhD8ZPCe2Gh6F5RZ9nTNiE3l&id=142436575783508
ส.ค้าปลีก เผย 1 ส.ค. มาม่า แจ้งขึ้นราคา 1 บาท ชี้ น้ำมันปาล์ม ควรไม่เกิน 40 บาท
https://www.khaosod.co.th/economics/news_7167725
ส.ค้าปลีก เผย 1 ส.ค. มาม่า แจ้งขึ้นราคา 1 บาท ชี้แนวโน้มราคาผลปาล์มสดและกลไกลตลาดในขณะนี้ น้ำมันปาล์ม ควรปรับลดอยู่ที่ไม่เกิน 40 บาท/ขวด
วันที่ 18 ก.ค.65 นาย
สมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งอย่างไม่เป็นทางการ จากตัวแทนส่งสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ตรามาม่าว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2565 บริษัทจะมีการปรับขึ้นราคาจำหน่ายปลีก มาม่าซองละ1บาท คือปรับจาก 6บาท/ซอง เป็น 7 บาท/ซอง แต่ยังไม่ได้รับหนังสือขอแจ้งปรับราคาอย่างเป็นทางการจากบริษัท
ทั้งนี้เป็นคนละส่วนกับช่วงก่อนหน้านี้ที่ทางบริษัทมีการปรับสูตร เพื่อตั้งราคาจำหน่ายปลีกใหม่ที่ 8 บาท/ซอง ซึ่งถือเป็นทางออกของผู้ผลิตที่ถูกบีบจากกกระทรวงพาณิชย์ไม่ให้ปรับขึ้นราคา
สำหรับน้ำมันปาล์มขวดนั้น ขณะนี้ปรับลดราคาลงต่อเนื่อง เฉลี่ยอยู่ที่ขวดละ 60 บาท ปลายๆ ตามราคาผลปาล์มสดที่ลดลง หากมองถึงแนวโน้มราคาผลปาล์มสดและกลไกลตลาดในขณะนี้ ราคาควรจะต้องปรับลดลงมาอีกมาอยู่ที่ไม่เกิน 40 บาท/ขวด เนื่องจากประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตปาล์มได้เอง เมื่อราคาผลปาล์มลดลงน้ำมันปาล์มต้องลดลงตามด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ราคาเคยอยู่ที่ขวดละไม่ถึง40 บาท ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองนั้นคาดว่าราคาจะปรับลดลงตามน้ำมันปาล์ม
'กองทัพ' แจง เบนซ์ S500 บิ๊กทหาร ไม่เรียกรถประจำตำแหน่ง เรียก 'รถควบคุมสั่งการ'
https://www.matichon.co.th/politics/news_3460319
‘กองทัพ’ แจง เบนซ์ S500 บิ๊กทหาร ไม่เรียกรถประจำตำแหน่ง เรียก ‘รถควบคุมสั่งการ’
เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม จากกรณีที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร ในฐานะ กมธ. สัดส่วนพรรคเสรีรวมไทย อภิปรายการเข้าชี้แจงการของบประมาณในส่วนกระทรวงกลาโหม ของเหล่าทัพ พุ่งเป้าไปที่ค่าใช้จ่ายของนายทหารระดับสูง โดยขอทราบรายละเอียดเงินตอบแทนพิเศษทหารระดับพันเอก (พิเศษ) ขึ้นไป จนถึงระดับนายพล ว่ามีอัตราการจ่ายอย่างไร และจ่ายอยู่จำนวนกี่นาย รวมงบประมาณเท่าใด ขณะเดียวกันนายสมชัย ยังอ้างว่าได้รับจดหมายจากกำลังพลส่งมาให้และขออ่านสอบถาม เพื่อให้เหล่าทัพต่างๆ ชี้แจง ระบุว่าได้รับการแจ้งจากคนในกองทัพว่า ปัจจุบันทุกเหล่าทัพมีการเช่ารถยนต์ให้ผู้บริหารระดับสูง รวม 36 คน เช่น ปลัดกระทรวงกลาโหม รองปลัดฯ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และที่ปรึกษากองทัพ โดยรถที่เช่า เป็นรถเบนซ์ S500 และ S400 ซึ่งในจดหมายดังกล่าวตั้งข้อสังเกตว่าการเช่ารถให้ผู้บริหารกองทัพมีหลักเกณฑ์เหมือนหน่วยราชการอื่นทั่วไปหรือไม่ที่จะมีการกำหนดวงเงิน ค่าเช่า และจำนวนซีซีของรถยนต์ เทียบกับตำแหน่งต่างๆ ซึ่งตนอยากได้รับคำชี้แจงจากกองทัพ
ล่าสุด นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร กมธ.งบประมาณปี 2566 โพสต์ข้อความกรณีการเข้าชี้แจงการของบประมาณในส่วนกระทรวงกลาโหม ของเหล่าทัพ โดยระบุว่า
คำตอบจากกองทัพ มีดังนี้
1. รถเบนซ์ S500 ที่นายทหารระดับสูงใช้ ไม่ใช่รถประจำตำแหน่ง แต่เรียกว่า “รถควบคุมการสั่งการ” เป็นรถสมรรถนะสูง ที่ใช้งบปกติจัดซื้อ โดยต้องทำการตกลงกับสำนักงบประมาณเป็นรายการไป
2. ส่วนอัตราค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนค่ารถประจำตำแหน่งของนายทหาร มีอัตราตามกฎเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง คือ พันเอกพิเศษ 25,400 บาท พลตรี 31,800 บาท พลโทขึ้นไป 41,000 บาท เป็นอัตราที่จ่ายตามปกติ ประเด็นอภิปรายต่อของผม คือ
1. แปลว่า นายทหารระดับสูงจะมีรถ 2 คัน คันหนึ่งเป็นรถประจำตำแหน่งตาม spec. ราชการ อีกคันเป็นรถหรู เรียกว่า รถควบคุมการสั่งการ จึงขอให้ส่งจำนวนรถควบคุมสั่งการทั้งหมดที่มีว่ามีจำนวนเท่าใด และจัดซื้อโดยเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณใดบ้าง
2. แม้อัตราค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนรถประจำตำแหน่งจะเป็นไปตามระเบียบราชการ แต่การเทียบตำแหน่งของกองทัพกับพลเรือน ทำให้กองทัพมีจำนวนตำแหน่งที่ต้องจ่ายมากกว่ามาก เช่น กระทรวง มีปลัดกระทรวง ได้ 1 คน แต่กองทัพตีเทียบเท่าพลโท ขึ้นไป ดังนั้น เท่ากับกองทัพสามารถเบิกในอัตราปลัดกระทรวงได้ หลายร้อยคน ถือเป็นความเหลื่อมล้ำในราชการอย่างมาก
3. ขอเอกสาร กำลังพลในตำแหน่ง พลตรี พลโท พลเอก ที่มีในปัจจุบัน แยกเป็นที่มีหน่วยงานรองรับ และที่เป็นตำแหน่งลอย เช่น ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ว่ามีจำนวนเท่าไร เป็นเอกสารด้วย
สมชัย ศรีสุทธิยากร
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid0GVfwWGixRMFmL2aPLt2njhr1kDfycRmibhVBJ5KNZmMszx3yuRSy77vo31BRsa4Yl
JJNY : 5in1 อึ้ง!‘เพกาซัส’ว่อนกลุ่มต้านรัฐ│ยัน'ยาโควิด'ขาดแคลนหนัก│1ส.ค.มาม่าขึ้น1บ.│กองทัพแจงเบนซ์│ขยี้'ประยุทธ์'30ชม.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3459701
เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ‘แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล’ รายงานว่า ว่าประเทศไทยต้องสอบสวนอย่างรอบด้าน ต่อการใช้ ‘สปายแวร์เพกาซัส’ ที่ล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว เนื่องจากพบว่า มีสปายแวร์ถูกติดตั้งอยู่ในโทรศัพท์ของนักกิจกรรมหลายสิบคน หลังจากมีการรายงานชิ้นใหม่พบว่าบุคคล 30 คน ตกเป็นเป้าหมาย หรือได้รับผลกระทบจากซอฟต์แวร์ที่อันตราย ซึ่งถือว่าเป็นการยืนยันเป็นครั้งแรกว่ามีการใช้สปายแวร์นี้ในประเทศ จากการวิเคราะห์ในเชิงเทคนิค
รายงานว่าที่จัดทำร่วมกันระหว่างโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) Digital Reach และ Citizen Lab ได้พบการใช้สปายแวร์ตั้งแต่ปี 63 – 64 และส่งผลกระทบต่อแกนนำคนสำคัญของการชุมนุมประท้วงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูปครั้งใหญ่ทางการเมืองและเศรษฐกิจ รวมทั้งนักวิชาการและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนซึ่งได้วิจารณ์รัฐบาลไทยอย่างเปิดเผย
“การค้นพบเกิดขึ้นหลังจากบริษัทแอปเปิลได้ส่งข้อความเตือนนักกิจกรรมชาวไทยจำนวนมากว่า พวกเขาตกเป็นเป้าหมายของสปายแวร์เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 โดยแผนก Security Lab ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล สามารถยืนยันอย่างเป็นอิสระในรายงานนี้ได้ว่า จากการวิเคราะห์ทางนิติเวช มีการพบสปายแวร์นี้ในห้ากรณี”
เอเทียน เมเนียร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเผยว่า ปัจจุบันเราได้เพิ่มประเทศไทยเข้าไปในรายชื่อประเทศที่มีการสอดแนมประชาชน ซึ่งจำนวนรายชื่อของประเทศต่างๆ ยังคงมีการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การที่ประชาชนออกมาเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงโดยสงบ แสดงความเห็น และวิจารณ์นโยบายของรัฐบาล อาจส่งผลให้เกิดการสอดแนมที่ล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเสรีภาพด้านการแสดงออก ความเป็นส่วนตัว และความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยของบุคคล
ควรระลึกด้วยว่า ข้อมูลเป็นเพียงข้อค้นพบเบื้องต้น แต่ขอบเขตความพยายามสอดแนมข้อมูลอาจกว้างขวางและส่งผลกระทบรุนแรงมากกว่านี้
ข้อมูลในรายงานมีการตรวจพบสปายแวร์เพกาซัสในโทรศัพท์ของแกนนำผู้ชุมนุมประท้วงในไทย รวมไปถึงอานนท์ นำภา เบนจา อะปัญ และปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง ซึ่งตกเป็นเป้าหมายการดำเนินคดีอาญาที่ไม่เหมาะสมในหลายข้อหา อันเป็นผลมาจากการใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ
แทนที่จะรับฟังและร่วมมือกับผู้ชุมนุมประท้วง นักวิชาการ และนักปกป้องสิทธิมนุษยชน กลับใช้การสอดแนมที่ล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวเพื่อคุกคาม ข่มขู่ โจมตี และเพื่อทำลายขวัญกำลังใจ รวมไปถึงการสร้างบรรยากาศที่น่าหวาดกลัวในสังคม ข้อค้นพบใหม่ครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่น่าตกใจว่า ทางการสามารถใช้วิธีการอันมิชอบมากเพียงใดเพื่อควบคุมการแสดงความเห็นต่างโดยสงบ โดยมีบริษัท NSO Group จากประเทศอิสราเอล บริษัทที่อยู่เบื้องหลังเพกาซัสอ้างว่า พวกเขาขายสินค้าให้กับหน่วยข่าวกรองและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลเท่านั้น
รัฐต่างๆ มีพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่เพียงต้องเคารพสิทธิมนุษยชน หากยังต้องคุ้มครองให้ปลอดพ้นจากการปฏิบัติมิชอบของบุคคลที่สาม รวมทั้งบริษัทเอกชน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องให้มีข้อตกลงระดับโลกเพื่อยุติการขาย ส่งมอบ และใช้สปายแวร์ จนกว่าจะมีการกำหนดมาตรการควบคุมและคุ้มครองสิทธิ เพื่อกำกับดูแลการใช้งานของสปายแวร์อย่างเหมาะสม
ทางการไทย ต้องดำเนินการสอบสวนอย่างเป็นอิสระ อย่างทันที รอบด้าน และมีประสิทธิภาพ ต่อการใช้สปายแวร์เพกาซัส และใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เพื่อสนับสนุนการมีส่วนร่วมของพลเมือง มาตรการเช่นนี้ต้องครอบคลุมถึงการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่สนับสนุนการสอดแนมของรัฐ รวมทั้งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และพระราชบัญญัติข่าวกรองแห่งชาติ ให้มีเนื้อหาสอดคล้องกับกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ รวมทั้งการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันเพื่อคุ้มครองสิทธิความเป็นส่วนตัว และสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ
แพทย์ชนบท ยัน 'ยาโควิด' ขาดแคลนหนัก รพ.ยืมกันพัลวัน จี้สธ.เลิกหลอกยอดติดเชื้อ
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_3459938
แพทย์ชนบท งัดหลักฐาน ไลน์ร้อนฉ่า ‘ยาโควิด’ ขาดแคลนหนัก รพ.ยืมกันพัลวัน จี้สธ.เลิกหลอกยอดติดเชื้อ ท้าองค์การเภสัชกรรมโชว์หลักฐาน หลังบอกมีส่งรพ.ตลอด ไม่ขาดแคลน
เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
“แม้องค์การเภสัชจะบอกว่าฟาวิมีพอ แต่ความจริงยังขาดแคลนหนัก
ฟาวิพิราเวียร์ และ โมลนูพิราเวียร์ ขาดแคลนอย่างหนัก ไลน์โรงพยาบาลร้อนฉ่า หยิบยืมฟาวิกันพัลวัน คนหนึ่งต้องใช้ฟาวิอย่างต่ำ 50 เม็ด หรือถ้าเป็นโมลนูพิราเวียก็คนละอย่างต่ำ 40 เม็ด
โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่ง เหลือฟาวิ 2,477 เม็ดใช้ได้เพียง 49 ราย โดยต้องอยู่ให้ถึงอย่างน้อย 22 กรกฎาคม 65 หรืออีก 5 วันของจึงจะมา แปลว่าใช้ได้วันละไม่เกิน 10 คน
โรงพยาบาลชุมชนในจังหวัดหนึ่งก็ได้จัดสรรโมลนูพิราเวียมาแก้ขัดช่วงฟาวิขาดแคลน ได้จัดสรรมาก่อนแห่งละ 120 เม็ด (ใช้ได้กับผู้ป่วย 3 คนเอง
ที่องค์การเภสัชกรรมบอกว่ามีส่งตลอดไม่ขาดแคลนนั้น เป็นเพียงการแถลงแถไปเรื่อยหรือเปล่า ถ้าส่งโรงพยาบาลต่างๆจริงก็เอาหลักฐานมาดูหน่อยนะ สังคมจะได้เชื่อมั่น
สาเหตุที่ยาขาดแคลนเพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ สธ.หลอกตัวเองนั่นแหละ มีข้อสังเกตเหมือนกับว่า จะมีการเน้นควบคุมเลขไม่เน้นควบคุมโรคทุกครั้งเลยที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ฟาวิและโมลนูขาดแคลนหนักมาก ขอผู้ป่วยเข้าใจ แพทย์จำต้องจ่ายยาที่มีน้อยนิดให้กับคนที่จำเป็นที่สุดก่อนเท่านั้น”
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid0scDpcPP6pHd1V4WuHPp9K4e7UzgH9Zfrue6GXsrSLUhD8ZPCe2Gh6F5RZ9nTNiE3l&id=142436575783508
ส.ค้าปลีก เผย 1 ส.ค. มาม่า แจ้งขึ้นราคา 1 บาท ชี้ น้ำมันปาล์ม ควรไม่เกิน 40 บาท
https://www.khaosod.co.th/economics/news_7167725
ส.ค้าปลีก เผย 1 ส.ค. มาม่า แจ้งขึ้นราคา 1 บาท ชี้แนวโน้มราคาผลปาล์มสดและกลไกลตลาดในขณะนี้ น้ำมันปาล์ม ควรปรับลดอยู่ที่ไม่เกิน 40 บาท/ขวด
วันที่ 18 ก.ค.65 นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งอย่างไม่เป็นทางการ จากตัวแทนส่งสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ตรามาม่าว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2565 บริษัทจะมีการปรับขึ้นราคาจำหน่ายปลีก มาม่าซองละ1บาท คือปรับจาก 6บาท/ซอง เป็น 7 บาท/ซอง แต่ยังไม่ได้รับหนังสือขอแจ้งปรับราคาอย่างเป็นทางการจากบริษัท
ทั้งนี้เป็นคนละส่วนกับช่วงก่อนหน้านี้ที่ทางบริษัทมีการปรับสูตร เพื่อตั้งราคาจำหน่ายปลีกใหม่ที่ 8 บาท/ซอง ซึ่งถือเป็นทางออกของผู้ผลิตที่ถูกบีบจากกกระทรวงพาณิชย์ไม่ให้ปรับขึ้นราคา
สำหรับน้ำมันปาล์มขวดนั้น ขณะนี้ปรับลดราคาลงต่อเนื่อง เฉลี่ยอยู่ที่ขวดละ 60 บาท ปลายๆ ตามราคาผลปาล์มสดที่ลดลง หากมองถึงแนวโน้มราคาผลปาล์มสดและกลไกลตลาดในขณะนี้ ราคาควรจะต้องปรับลดลงมาอีกมาอยู่ที่ไม่เกิน 40 บาท/ขวด เนื่องจากประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตปาล์มได้เอง เมื่อราคาผลปาล์มลดลงน้ำมันปาล์มต้องลดลงตามด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ราคาเคยอยู่ที่ขวดละไม่ถึง40 บาท ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองนั้นคาดว่าราคาจะปรับลดลงตามน้ำมันปาล์ม
'กองทัพ' แจง เบนซ์ S500 บิ๊กทหาร ไม่เรียกรถประจำตำแหน่ง เรียก 'รถควบคุมสั่งการ'
https://www.matichon.co.th/politics/news_3460319
‘กองทัพ’ แจง เบนซ์ S500 บิ๊กทหาร ไม่เรียกรถประจำตำแหน่ง เรียก ‘รถควบคุมสั่งการ’
เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม จากกรณีที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ในฐานะ กมธ. สัดส่วนพรรคเสรีรวมไทย อภิปรายการเข้าชี้แจงการของบประมาณในส่วนกระทรวงกลาโหม ของเหล่าทัพ พุ่งเป้าไปที่ค่าใช้จ่ายของนายทหารระดับสูง โดยขอทราบรายละเอียดเงินตอบแทนพิเศษทหารระดับพันเอก (พิเศษ) ขึ้นไป จนถึงระดับนายพล ว่ามีอัตราการจ่ายอย่างไร และจ่ายอยู่จำนวนกี่นาย รวมงบประมาณเท่าใด ขณะเดียวกันนายสมชัย ยังอ้างว่าได้รับจดหมายจากกำลังพลส่งมาให้และขออ่านสอบถาม เพื่อให้เหล่าทัพต่างๆ ชี้แจง ระบุว่าได้รับการแจ้งจากคนในกองทัพว่า ปัจจุบันทุกเหล่าทัพมีการเช่ารถยนต์ให้ผู้บริหารระดับสูง รวม 36 คน เช่น ปลัดกระทรวงกลาโหม รองปลัดฯ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และที่ปรึกษากองทัพ โดยรถที่เช่า เป็นรถเบนซ์ S500 และ S400 ซึ่งในจดหมายดังกล่าวตั้งข้อสังเกตว่าการเช่ารถให้ผู้บริหารกองทัพมีหลักเกณฑ์เหมือนหน่วยราชการอื่นทั่วไปหรือไม่ที่จะมีการกำหนดวงเงิน ค่าเช่า และจำนวนซีซีของรถยนต์ เทียบกับตำแหน่งต่างๆ ซึ่งตนอยากได้รับคำชี้แจงจากกองทัพ
ล่าสุด นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กมธ.งบประมาณปี 2566 โพสต์ข้อความกรณีการเข้าชี้แจงการของบประมาณในส่วนกระทรวงกลาโหม ของเหล่าทัพ โดยระบุว่า
คำตอบจากกองทัพ มีดังนี้
1. รถเบนซ์ S500 ที่นายทหารระดับสูงใช้ ไม่ใช่รถประจำตำแหน่ง แต่เรียกว่า “รถควบคุมการสั่งการ” เป็นรถสมรรถนะสูง ที่ใช้งบปกติจัดซื้อ โดยต้องทำการตกลงกับสำนักงบประมาณเป็นรายการไป
2. ส่วนอัตราค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนค่ารถประจำตำแหน่งของนายทหาร มีอัตราตามกฎเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง คือ พันเอกพิเศษ 25,400 บาท พลตรี 31,800 บาท พลโทขึ้นไป 41,000 บาท เป็นอัตราที่จ่ายตามปกติ ประเด็นอภิปรายต่อของผม คือ
1. แปลว่า นายทหารระดับสูงจะมีรถ 2 คัน คันหนึ่งเป็นรถประจำตำแหน่งตาม spec. ราชการ อีกคันเป็นรถหรู เรียกว่า รถควบคุมการสั่งการ จึงขอให้ส่งจำนวนรถควบคุมสั่งการทั้งหมดที่มีว่ามีจำนวนเท่าใด และจัดซื้อโดยเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณใดบ้าง
2. แม้อัตราค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนรถประจำตำแหน่งจะเป็นไปตามระเบียบราชการ แต่การเทียบตำแหน่งของกองทัพกับพลเรือน ทำให้กองทัพมีจำนวนตำแหน่งที่ต้องจ่ายมากกว่ามาก เช่น กระทรวง มีปลัดกระทรวง ได้ 1 คน แต่กองทัพตีเทียบเท่าพลโท ขึ้นไป ดังนั้น เท่ากับกองทัพสามารถเบิกในอัตราปลัดกระทรวงได้ หลายร้อยคน ถือเป็นความเหลื่อมล้ำในราชการอย่างมาก
3. ขอเอกสาร กำลังพลในตำแหน่ง พลตรี พลโท พลเอก ที่มีในปัจจุบัน แยกเป็นที่มีหน่วยงานรองรับ และที่เป็นตำแหน่งลอย เช่น ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ว่ามีจำนวนเท่าไร เป็นเอกสารด้วย
สมชัย ศรีสุทธิยากร
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid0GVfwWGixRMFmL2aPLt2njhr1kDfycRmibhVBJ5KNZmMszx3yuRSy77vo31BRsa4Yl