โรค (ร้าย) จากสัตว์ (เลี้ยง)


พูดถึงสัตว์เลี้ยง พี่หมอว่าเพื่อน ๆ หลาย ๆ คน ตอนนี้คงเป็นทาสน้องหมา น้องแมวกันบ้างไม่มากก็น้อย นอกจากน้องหมาน้องแมวแล้ว ก็มีน้องอีกหลายชนิดที่นิยมเลี้ยงกัน อย่างเช่น น้องกระต่าย น้องนก  เพราะการเลี้ยงสัตว์มีประโยชน์หลาย ๆ อย่าง ความน่ารักของน้อง ๆ ก็ช่วยให้คลายเครียดได้ด้วย แต่ก็อย่าลืมระมัดระวังกันด้วยนะครับ เพราะสัตว์บางชนิดก็มีโอกาสนำเอาโรคมาสู่คนได้ พี่หมอแนะนำให้ลองศึกษาข้อมูลกันดูว่าจะเลี้ยงน้อง ๆ เหล่านั้นยังไงให้ปลอดภัยทั้งสัตว์และคนเลี้ยง และวันนี้พี่หมอก็มีความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับโรคต่าง ๆ ที่มากับสัตว์ ทั้งจากสัตว์เลี้ยงและไม่ใช่สัตว์เลี้ยง ไปดูกันครับ
🐕โรคจากน้องหมา
โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies)
          แม้จะชื่อโรคพิษสุนัขบ้าแต่ความจริงแล้วสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดสามารถเป็นพาหะได้ เช่น สุนัข แมว หนู กระรอก กระต่าย เป็นต้น โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ แต่หากมีการติดเชื้อแล้วอัตราการเสียชีวิตจะสูงมากเกือบ 100% เลยครับ
อาการในสุนัข
          สุนัขที่มีภาวะพิษสุนัขบ้าจะมีอาการ เช่น พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง กระวนกระวาย ไม่ยอมดื่มน้ำ (กลัวน้ำ ) ก้าวร้าว สามารถกัดหรือจู่โจมได้โดยไม่ต้องมีสิ่งเร้าหรือถูกยุแหย่ อาเจียนหรือสำรอก กรามห้อย ลิ้นแห้ง ขาแข็งเมื่อเดินหรือวิ่ง 
อาการในคน
          ผู้ที่ติดเชื้อในช่วงแรกจะมีอาการ ไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัว กระสับกระส่าย หลังจากนั้นจะมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง ไวต่อสิ่งกระตุ้น เช่น เสียงและแสง เพ้อคลั่ง เห็นภาพหลอน กลืนลำบาก น้ำลายย้อย กลัวน้ำ ชัก อัมพาตตามร่างกาย อาจซึมลงจนเกิดภาวะโคม่า ภาวะหายใจล้มเหลว เกิดความผิดปกติด้านความดันโลหิตและการเต้นของหัวใจ จนกระทั่งหัวใจหยุดเต้นและเสียชีวิตได้ โดยอาการทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 10 วัน นับจากวันที่มีอาการเริ่มแรก
การติดต่อ
          การติดต่อเกิดได้จากการการถูกกัด ข่วน สัมผัสน้ำลายหรือสารคัดหลั่งของสัตว์ที่ติดเชื้อในบริเวณที่มีแผลเปิดหรือเนื้อเยื่อที่ฉีกขาด การถูกเลียหรือน้ำลายของสัตว์ที่ติดเชื้อกระเด็นถูกบริเวณเยื่อบุตาและปาก การรับประทานเนื้อสัตว์ที่ติดเชื้อโดยไม่ปรุงสุก เป็นต้น
การป้องกัน
          หลีกเลี่ยงการสัมผัสสุนัขที่ไม่รู้จัก โดยเฉพาะสุนัขที่มีพฤติกรรมผิดปกติ ผู้ที่เลี้ยงสุนัขควรนำสุนัขไปฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าอย่างสม่ำเสมอ หากถูกสัตว์กัด ข่วน หรือเลียบริเวณแผลหรือเยื่อบุ ควรไปพบแพทย์เพื่อดูแลแผลและฉีดวัคซีนและ/หรือเซรุ่มป้องกันพิษสุนัขบ้า หลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์ที่ตายโดยไม่ทราบสาเหตุโดยไม่ปรุงให้สุก 
อาชีพที่มีโอกาสถูกสัตว์กัดหรือข่วน เช่น พนักงานห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวกับสัตว์ บุรุษไปรษณีย์ สัตวแพทย์ ผู้ดูแลสัตว์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าก่อนที่จะถูกกัด 
การรักษา
          ควรพบแพทย์หากมีอาการดังกล่าวหลังถูกสัตว์กัด ข่วน หรือเลียบริเวณแผลหรือเยื่อบุ โดยเชื้อสามารถฟักตัวได้นานถึง 1 ปี
 
🐱โรคจากน้องแมว
โรคท็อกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis)
          เกิดจากเชื้อโปรโตซัว Toxoplasma gondii โดยระยะที่แพร่เชื้อคือระยะไข่หรือไอโอซิสต์ ซึ่งจะอยู่ในอุจจาระของแมวที่ติดเชื้อ โดยโรคนี้จะมีอันตรายมากในหญิงตั้งครรภ์เนื่องจากสามารถทำให้เกิดการแท้งหรือการพิการในทารกได้ครับ
อาการในแมว
          แมวที่มีการติดเชื้อจะมีอาการอ่อนแรง มีไข้สูง สั่น ท้องเสีย เบื่ออาหาร กระวนกระวาย หายใจลำบาก เสียงร้องผิดปกติ ควบคุมการทรงตัวไม่ได้ 
อาการในคน
- ในผู้ที่ไม่ได้ตั้งครรภ์และมีภูมิคุ้มกันปกติมักไม่แสดงอาการ โดยผู้ป่วย 10-20% อาจพบ ไข้ ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ มีผื่นที่ผิวหนัง แต่มักจะหายเองได้โดยไม่ต้องทำการรักษา 
- ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องอาจทำให้เกิดอาการทางสมอง อัมพาตครึ่งซีก เยื่อบุผนังลูกตาอักเสบ และถึงขั้นเสียชีวิตได้ 
- ในหญิงตั้งครรภ์ หากมีการติดเชื้อในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ อาจทำให้เกิดการแท้งและการเสียชีวิตของทารกในครรภ์ได้
การติดต่อ
          เกิดจากการรับประทานอาหารที่ดิบหรือปรุงไม่สุก อาหารที่ปนเปื้อนปรสิตในระยะไข่หรือไอโอซิสต์จากอุจจาระของแมว การติดต่อจากแม่สู่ลูกในระหว่างตั้งครรภ์ มีการพบว่าอาจเกิดจากการรับเลือดหรือปลูกถ่ายอวัยวะแต่โอกาสเกิดขึ้นน้อยมากครับ
การป้องกัน
          หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารดิบหรือปรุงไม่สุก ล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสแมวและก่อนรับประทานอาหาร ควรแยกการเลี้ยงแมวให้เป็นสัดส่วนไม่ให้มีการปนเปื้อนกับบริเวณรับประทานอาหาร ทำความสะอาดกล่องหรือบริเวณถ่ายอุจจาระของแมวเป็นประจำ และพาแมวไปพบสัตวแพทย์หากแมวมีอาการผิดปกติ
การรักษา
          ควรพบแพทย์เพื่อรับยารักษา
 
🐇โรคจากกระต่าย
โรคไข้กระต่าย หรือ โรคทูลารีเมีย (Tularemia)
          เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Francisella tularensis แม้จะชื่อโรคไข้กระต่ายแต่ก็มีสัตว์อื่น ๆ ที่สามารถเป็นแหล่งโรคได้เช่นกันครับ เช่น สัตว์ประเภทสัตว์ฟันแทะ แกะ นก สุนัข แมว 
อาการในสัตว์
          สัตว์ที่เป็นโรคนี้มักไม่มีอาการจึงทำให้ยากต่อการสังเกต
อาการในคน
          ขึ้นกับช่องทางในการติดต่อรับเชื้อ 
- หากติดเชื้อทางผิวหนังหรือเยื่อบุ จะทำให้เกิดบาดแผลบริเวณผิวหนังมีการอักเสบติดเชื้อ ต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้แผลบวม โต​ เจ็บ ไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย หากนำมือที่สัมผัสสัตว์ที่เป็นโรคมาสัมผัสตาก็อาจทำให้เกิดการระคายเคือง แสบตา ตาอักเสบ ตาบวม แดง มีขี้ตา ตาไวต่อแสง ต่อมน้ำเหลืองบริเวณหน้าใบหูบวมโตได้ หากรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อก็อาจมีอาการเจ็บคอ แผลในปาก อาเจียน ท้องเสียได้
- หากติดเชื้อทางการหายใจ จะมีไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ท้องเสีย ปวดกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อ ไอแห้ง ๆ ในรายที่มีปอดอักเสบจะมีอาการไอ เจ็บหน้าอก มีเสมหะหรือเสมหะปนเลือด ภาวะหายใจล้มเหลวจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
การติดต่อ
          โรคนี้สามารถติดต่อได้จากพาหะประเภทสัตว์ขาข้อ เช่น ยุง เห็บ หมัด เหลือบกวาง ไร ซึ่งดูดเลือดสัตว์เลี้ยงที่เป็นโรคและนำมาติดต่อ ถูกสัตว์ข่วน สัมผัสกับผิวหนังหรือขนของสัตว์ที่ป่วย หายใจหรือรับประทานอาหารหรือน้ำที่มีเชื้อแบคทีเรียปนเปื้อน สูดดมแบคทีเรียที่ปนเปื้อนอยู่ในดิน 
การป้องกัน
          สวมถุงมือก่อนสัมผัสสัตว์และล้างมือหลังสัมผัสสัตว์เลี้ยงประเภทสัตว์ฟันแทะและก่อนรับประทานอาหาร รักษาความสะอาดของสัตว์อย่างสม่ำเสมอ กำจัดยุงและสัตว์ขาข้ออื่น ๆ ที่เป็นพาหะของโรค สวมหน้ากากป้องกันใบหน้าขณะทำสวน ขุดดิน เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการสูดดมเชื้อที่ปนเปื้อนในดิน
การรักษา
          หากมีอาการผิดปกติควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะและแยกโรคอื่น ๆ ที่อาจเป็นสาเหตุ
 
🐁โรคจากหนู 
โรคไข้ฉี่หนู หรือโรคเลปโตสไปโรซิส (Leptospirosis)
          เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Leptospira ซึ่งจะพบมากในบริเวณที่อากาศอุ่นชื้น บริเวณที่มีน้ำขังหรือชื้นแฉะอาการในคน แม้จะชื่อโรคไข้ฉี่หนู แต่สัตว์อื่น ๆ ที่สามารถเป็นพาหะรังโรคได้เช่นกันครับ เช่น โค แกะ สุกร สุนัข 
อาการ
          ระยะแรก จะมีอาการไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ ตาแดง อ่อนเพลีย ปวดท้อง คลื่นไส้ ไอ เจ็บคอ ตัวเหลืองตาเหลือง ตับอักเสบ 
          ระยะที่สอง เกิดประมาณ 30 วันหลังระยะแรก จะเป็นช่วงที่มีการขับเชื้อออกจากร่างกายทางปัสสาวะ โดยจะมีไข้ ปวดกล้ามเนื้อ หายใจลำบาก อาจมีตัวเหลืองตาเหลือง ตับอักเสบได้
การติดต่อ
          สามารถติดต่อได้โดยแบคทีเรียไชผ่านผิวหนังที่แช่หรือย่ำน้ำเป็นเวลานาน การรับประทานอาหารและน้ำที่มีการปนเปื้อน การแพร่กระจายในอากาศ การสัมผัสผิวหนังที่มีบาดแผล การมีเพศสัมพันธ์ การให้นมบุตร และการถูกสัตว์ที่เป็นโรคกัด
การป้องกัน
          สวมถุงมือก่อนสัมผัสสัตว์และล้างมือหลังสัมผัสสัตว์และก่อนรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงการสัมผัสแหล่งที่มีน้ำขังด้วยนะครับ
การรักษา
          หากมีอาการผิดปกติควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยยาปฏิชีวนะและแยกโรคอื่น ๆ ที่อาจเป็นสาเหตุ
 
🕊โรคจากนกและสัตว์ปีก
โรคไข้หวัดนก
          เกิดจากเชื้อไวรัส Influenzae A โดยสัตว์จำพวกสัตว์ปีกหลายชนิดสามารถเป็นพาหะนำโรคนี้ได้ ไม่เฉพาะนกเท่านั้น
อาการในสัตว์ปีก
          จะมีอาการตายฉับพลัน ไก่จะบวมน้ำ หงอนและเหนียงมีสีคล้ำ เลือดออกใต้ผิวหนังและหน้าแข้ง
อาการในคน
          มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ทั่วไปโดยมีไข้สูง ท้องเสีย อาเจียน ปวดท้อง ตาแดง หากอาการรุนแรงอาจทำให้เสียชีวิตได้
การติดต่อ
          สัมผัสกับอุจจาระหรือซากสัตว์ที่ติดเชื้อหรือสัตว์ที่ป่วย การรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อ
การป้องกัน
          ต้องล้างมือให้สะอาดก่อนปรุงและรับประทานอาหาร รับประทานสัตว์ปีกและไข่ที่สุกและสะอาดเท่านั้นครับ 
 
🦟ยุง 
          อันนี้คงไม่ใช่สัตว์เลี้ยงนะครับ แต่มันสามารถนำโรคมาสู่คนได้หลายโรคเลยที่เดียว ตอนสมัยเรียน พี่หมอชอบท่องว่า “ยุงลาย ไข้เลือดออก ยุงก้นปล่อง ไขมาลาเรีย” (มีใครเคยท่องแบบพี่หมอมั้ยครับ 55) นอกจากนี้ยังมี โรคเท้าช้าง ไข้ปวดข้อยุงลาย (ชิคุนกุนย่า) และโรคไข้สมองอักเสบจากยุงรำคาญ พี่หมอขอยกเอาโรคไข้เลือดออกมาเล่าให้ฟังนะครับ
ไข้เลือดออก
          ไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี่ (Dengue virus) มี 4 สายพันธุ์ 
อาการในคน
          ผู้ป่วยในระยะไข้จะมีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เป็นอยู่ประมาณ 1-4 วัน และหลังจากนั้นจะเป็นช่วงไข้ลง ซื่งผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถหายเป็นปกติได้โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน แต่มีผู้ป่วยประมาณ 10% ที่อาจมีอาการรุนแรง เช่น มีอาการรั่วของพลาสม่าในเลือด เกลือดเลือดต่ำ เลือดออกง่าย เกิดภาวะช็อก เสียชีวิต เป็นต้น
การติดต่อ
          เกิดจากถูกยุงลายกัด
การป้องกัน
          ป้องกันและกำจัดยุงลายในบริเวณบ้าน ทำลายแหล่งน้ำขัง หลีกเลี่ยงการถูกยุงกัด โรคไข้เลือดออกป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนนะครับ ซึ่งจะสามารถป้องกันการเกิดโรคไข้เลือดออก ลดความรุนแรงของโรค และลดอัตราการนอนโรงพยาบาลได้ด้วยครับ
 
          เป็นไงกันบ้างครับ ความรู้ที่พี่หมอนำมาฝากในกระทู้นี้ คงจะทำให้เพื่อน ๆ รู้วิธีการป้องกันโรคที่อาจจะเกิดจากสัตว์ที่เราเลี้ยงไว้ เมื่อเลี้ยงเขาแล้ว ก็ต้องดูแลน้อง ๆ ให้ดีนะครับ พาไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่สามารถป้องกันได้ นอกจากจะป้องกันโรคที่จะเกิดกับสัตว์เลี้ยงของเราแล้ว ยังป้องกันตัวเพื่อน ๆ เองด้วยนะครับ แค่นี้ก็แฮปปี้ทั้งคนละสัตว์แล้ว คราวหน้าพี่หมอจะมีอะไรดี ๆ มาฝากอีก อย่าลืมติดตามด้วยนะครับ ^_^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่