🇹🇭มาลาริน💙24มิ.ย.โควิดไทยอันดับ26โลก/ป่วยใหม่2,313คน หาย1,489คน ตาย16คน/สธ.จับตาโอมิครอนBA.4-BA.5/ถอดแมสยังมีเงื่อนไข


https://www.sanook.com/news/8581682/

https://www.thaipost.net/covid-19-news/151449/

เพี้ยนแคปเจอร์สธ.จับตาโอมิครอน BA.4-BA.5 หลังพบผู้ติดเชื้อ 181 ราย แนวโน้มอาจแพร่เร็วขึ้น


อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยไทยพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 รวมแล้ว 181 ราย ซึ่งมีแนวโน้มว่าอาจจะแพร่ได้เร็วขึ้น รวมถึงหลบภูมิคุ้นกันได้มากขึ้นด้วย

วันนี้ (24 มิ.ย.) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า จากระบบการเฝ้าระวังสายพันธุ์ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในช่วงวันที่ 18-22 มิ.ย. 65 พบว่า โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น โดยพบทั้งหมด 181 ราย ทั้งนี้ ยังพบในผู้เดินทางมาจากต่างประเทศมากกว่าในประเทศ
สำหรับข้อมูลของห้องปฏิบัติการ พบว่า BA.4 และ BA.5 มีการกลายพันธุ์ในตำแหน่ง L452R คล้ายสายพันธุ์เดลตา จากข้อมูลจนถึงปัจจุบันพบว่า ความสามารถในการแพร่เชื้อเพิ่มขึ้น และหลบภูมิคุ้มกันได้มากขึ้น แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอสำหรับความรุนแรงของโรค

“ในสัปดาห์นี้มีจำนวนตัวอย่างส่งตรวจมามาก จึงพบ BA.4 และ BA.5 เพิ่มจากสัปดาห์ก่อนมาก ซึ่งต้องดูแนวโน้มอีก 2-3 สัปดาห์ต่อเนื่อง ว่าแนวโน้มของไทยจริงๆ แล้วเป็นอย่างไร คนไข้อาการหนักจะถูกเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยขอความร่วมมือกรมการแพทย์ โรงพยาบาล ถ้าคนไข้อาการหนักให้ส่งตัวอย่างมาตรวจหาสายพันธุ์ ทั้งนี้ เห็นได้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโอมิครอน BA.4 และ BA.5 เพิ่มขึ้น แต่เป็นจำนวนไม่มาก จึงไม่อยากทำให้บรรยากาศของประเทศต้องเสียไป” นพ.ศุภกิจ กล่าว

นพ.ศุภกิจ กล่าวยืนยันว่า ระบบการเฝ้าระวังสายพันธุ์ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่มีทั้งการตรวจแบบรู้ผลเร็ว (Real-time RT-PCR) และตรวจแบบละเอียด (whole genome sequencing) ยังสามารถตรวจหาสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ได้หมด เพียงแต่การตรวจแบบเร็วยังไม่สามารถแยกได้ว่าเป็น BA.4 หรือ BA.5 ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความแตกต่างกันมาก

“ขณะนี้ยังต้องติดตามสถานการณ์ในประเทศว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าโอมิครอน BA.4 และ BA.5 จะแพร่ระบาดจนกลายเป็นโควิดระลอกใหม่ได้หรือไม่ เพราะทุกประเทศทั่วโลกมีการตรวจหาเชื้อลดลง ดังนั้น ตัวเลขที่รายงานเป็นทางการน่าจะต่ำกว่าสถานการณ์จริง ทั้งนี้ หากโรคไม่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นก็ไม่ส่งผลอะไร แต่หากโรคแพร่ระบาดเร็ว และมีความรุนแรงมากขึ้น ก็อาจต้องมีการทบทวนมาตรการ อย่างไรก็ดี ขณะนี้มาตรการของประเทศไทยยังใช้ได้อยู่ เพียงแต่ต้องเพิ่มการเฝ้าระวังที่เข้มงวดมากขึ้น” นพ.ศุภกิจ ระบุ

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ขณะนี้สายพันธุ์โอมิครอนเป็นสายพันธุ์หลักของการระบาดทั่วโลก และประเทศไทย ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดให้ BA.4 และ BA.5 เป็นสายพันธุ์ที่ต้องจับตาดู (VOC Lineages Under Monitoring: VOC-LUM) นอกจากนี้ ยังมีอีก 4 ตัว คือ BA.2.12.1, BA.2.9.1, BA.2.11 และ BA.2.13 เนื่องจากโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยทั้ง 6 ตัว มีการกลายพันธุ์ที่ตำแหน่ง L452R เช่นเดียวกับ B.1.617.2 หรือสายพันธุ์เดลตา ซึ่งความน่ากังวล คือ เชื้ออาจลงปอดได้

สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก ขณะนี้หลายประเทศพบการเพิ่มจำนวน (Growth Rate) ของ BA.5 เพิ่มขึ้น (พบใน 62 ประเทศ) ส่วน BA.4 (พบใน 58 ประเทศ) และ BA.2.12.1 (พบใน 69 ประเทศ) มีแนวโน้มลดลง ส่วนข้อมูล (รหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม) โควิดโลก “GISAID” ระบุว่า ขณะนี้ทั่วโลกพบโอมิครอน BA.4 สะสม 14,655 ราย และ BA.5 สะสม 31,577 ราย ซึ่งทั้งสองตัวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น



“ถ้าข้อมูลสถานการณ์ทั่วโลกถูกต้อง อีกไม่นานเราคงจะพบการแพร่ระบาดของโอมิครอน BA.5 ทั่วโลกรวมทั้งไทย และในอนาคตก็อาจจะเจอ BA.4 เพิ่มขึ้นด้วย ถึงแม้จะมีบางข้อมูลระบุว่า BA.4 มีแนวโน้มลดลง 

ขณะที่ WHO ระบุชัดเจนว่า โอมิครอน BA.4 และ BA.5 มีการแพร่เร็วขึ้น (Growth Advantage) เมื่อเทียบกับโอมิครอน BA.2 และที่สำคัญ คือ แอนติบอดีที่จะทำลายฤทธิ์ของเชื้อใช้ได้น้อยลง หรือทั้งสองตัวสามารถสู้แอนติบอดีได้ดีกว่า BA.2 นอกจากนี้ ยารักษายังตอบสนองน้อยลงด้วย อย่างไรก็ดี เรื่องความรุนแรงของสายพันธุ์ย่อยทั้งสองนั้น ยังต้องรอผลสรุปอีกครั้ง

“UK Health Security Agency สังเกตว่า โอมิครอน BA.4 และ BA.5 เมื่อเทียบกันแล้ว แพร่เร็วกว่าในประเทศสหราชอาณาจักร, สหรัฐฯ และแอฟริกา ส่วนประเทศฝรั่งเศส และเยอรมนี อยู่ระดับใกล้เคียงกัน ขณะที่เนเธอร์แลนด์, เดนมาร์ก และโปรตุเกส ระบาดน้อยกว่า BA.2” นพ.ศุภกิจ กล่าว

อย่างไรก็ดี มีผลการศึกษาว่า กลุ่มที่เคยติดเชื้อโอมิครอน BA.1 สามารถติดเชื้อโอมิครอน BA.4 และ BA.5 ซ้ำได้ โดยจากการทดสอบภูมิคุ้มกัน (NT activity) ของเซรั่มที่ได้จากคนที่เคยติดเชื้อ BA.1 กับเชื้อ BA.4 และ BA.5 พบว่า คนที่ไม่เคยได้รับวัคซีนเลย ภูมิคุ้มกันจะลดลงประมาณ 7 เท่า ส่วนคนที่ได้รับวัคซีน ภูมิคุ้มกันจะลดลงประมาณ 3 เท่า แสดงให้เห็นว่าการฉีดวัคซีนยังคงมีความจำเป็นอยู่

ดังนั้น การมารับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อให้มีภูมิคุ้มกันสูงมากพอยังมีความจำเป็น รวมถึงมาตรการการป้องกันตนเองที่เหมาะสม เช่น การล้างมือ และสวมหน้ากากอนามัย เป็นต้น

“วันนี้ ราชกิจจานุเบกษาประกาศแล้วว่าไม่บังคับสวมหน้ากาก เชื่อว่าหลายคนมีประสบการณ์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาว่าการสวมหน้ากากช่วยลดอาการหวัด ถ้าอยู่คนเดียว หรือที่ที่ไม่มีคนก็สามารถถอดหน้ากากได้ แต่ถ้าต้องอยู่ในที่ที่คนเยอะๆ ก็ควรใส่หน้ากากอยู่ เพราะสามารถป้องกันได้หลายโรค โดยเฉพาะผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ” นพ.ศุภกิจ กล่าว

ทางด้าน นพ.อาชวินทร์ โรจนวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กล่าวว่า สำหรับการตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ยืนยันว่ายังสามารถตรวจหาเชื้อได้ทุกสายพันธุ์ รวมทั้งโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ด้วย นอกจากนี้ ผู้ที่พบว่าติดเชื้อโควิดนั้น ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตรวจหาสายพันธุ์ทุกคน

https://www.sanook.com/news/8581994/

เพี้ยนปักหมุด"สาธิต" แจงราชกิจจาฯ ประกาศถอดแมสก์ตามสมัครใจ ย้ำยังมีเงื่อนไข เมื่อเว้นระยะห่าง-สถานที่เสี่ยงยังต้องสวม



"สาธิต" แจงราชกิจจาฯ ประกาศถอดแมสก์ตามสมัครใจ แต่ยังขอให้ทำตามคำแนะนำ คือ เมื่อเว้นระยะห่างจากผู้อื่นได้ ส่วนสถานที่หรือพื้นที่เสี่ยงยังควรต้องสวม เพื่อป้องกันโรค ด้านกรมอนามัยย้ำพนักงานให้บริการใกล้ชิดยังต้องสวมหน้ากากตามข้อกำหนด

เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้สวมหน้ากากอนามัยตามความสมัครใจ ว่า กรมอนามัยได้ออกคำแนะนำ ให้ความรู้ประชาชนถึงพื้นที่หรือสถานที่ที่สามารถเปิดหน้ากากได้ตามสมัครใจ โดยเน้นย้ำว่ายังต้องเว้นระยะห่างจากผู้อื่น และยังแนะนำให้สวมหน้ากากเมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มีข้อจำกัด ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อโควิดช่วงนี้อาจจะไม่มาก แต่ก็พบว่าเริ่มสูงขึ้น เนื่องจากอาจมีการผ่อนคลายกิจกรรม เช่น สถานบันเทิง ฉะนั้น อยากให้คำแนะนำแก่ประชาชนว่า ขอให้ทุกคนเคร่งครัดตามคำแนะนำของกรมอนามัยทั้งในส่วนที่ถอดหน้ากากได้ หรือคำแนะนำในส่วนที่ยังควรต้องใส่อยู่ เพื่อป้องกันการติดเชื้อได้ แม้การติดเชื้อจะอาการไม่รุนแรง แต่อย่าลืมว่าบางส่วนอาจเป็นลองโควิดที่เรื้อรังด้วย การไม่ติดเชื้อจึงดีที่สุด

"ขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในการถอดหน้ากากอนามัยด้วยความสมัครใจในสถานที่ต่างๆ ตามคำแนะนำ และควรใส่หน้ากากในสถานที่มีความเสี่ยง เป็นเรื่องที่ควรตระหนักให้ดี" นายสาธิตกล่าวและว่า ส่วนโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 BA.5 ขณะนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ก็ติดตามข้อมูลอยู่ แต่ยังไม่มีรายงานที่ชัดเจนว่ามีความรุนแรงขึ้น ดังนั้นเราจะต้องติดตามตัวเลขผู้ติดเชื้อรวมถึงอาการของผู้ป่วยว่ามีความรุนแรงขึ้นหรือไม่ต่อไป
เมื่อถามว่ายังคงต้องเข้มงวดเรื่องใส่หน้ากากในกลุ่มผู้สัมผัสอาหารและร้านอาหารหรือไม่ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยกำหนดสถานที่และกิจกรรมว่า พนักงานและผู้บริการที่ต้องใกล้ชิดผู้คน ให้สวมหน้ากากตลอดเวลาที่ให้บริการ ถ้าไม่ให้บริการอาจไม่ต้องสวม งานที่ไม่ต้องสัมผัสใกล้ชิดผู้มารับบริการก็อาจไม่ต้องสวม ทั้งนี้ กลุ่ม 608 ที่ไม่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ ผู้ติดเชื้อและผู้สัมผัสเสี่ยงสูงให้สวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่อจำเป็นต้องอยู่ร่วมกับบุคคลอื่น สำหรับประชาชนทั่วไป หากเป็นสถานที่ภายนอกอาคาร ที่โล่งแจ้ง ถอดหน้ากากได้ แต่ยังควรสวมหน้ากากเมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่น โดยไม่สามารถเว้นระยะห่าง มีความแออัด มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก หรือมีการระบายอากาศไม่ดี เช่น ขนส่งสาธารณะ ตลาด สนามกีฬา หรือสถานที่แสดงดนตรีที่มีผู้ชม


กรณีอยู่ภายในอาคารให้สวมหน้ากาก สามารถถอดได้ในกรณีที่อยู่คนเดียว หากอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นที่ไม่ได้อาศัยอยู่ที่พำนักเดียวกัน ต้องสามารถเว้นระยะห่างได้ ไม่รวมกลุ่มแออัด ให้อยู่ในที่ระบายอากาศได้ดี และกรณีมีกิจกรรมที่จำเป็น ต้องถอดหน้ากาก เช่น รับประทานอาหาร ออกกำลังกาย บริการบริเวณใบหน้า ศิลปะการแสดง เป็นต้น โดยให้ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เมื่อกิจกรรมนั้นเสร็จสิ้น ควรสวมหน้ากากทันที

สำหรับสถานที่ประกอบกิจการหรือกิจกรรมกำหนดเงื่อนไข ดังนี้ 1.ผู้ให้บริการ ขอให้สวมหน้ากากตลอดเวลาขณะให้บริการ โดยได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์และเข็มกระตุ้น ให้ตรวจ ATK เมื่อมีอาการหรือมีความเสี่ยง ส่วนผู้ติดเชื้อ ให้งดมาปฏิบัติงาน และผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงไปทำงานได้ แต่ให้แยกพื้นที่กับผู้อื่น 2.สถานที่ให้ปฏิบัติตามหลักของสุขาภิบาล และอนามัยสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด โดยจัดให้มีอุปกรณ์และสถานที่ล้างมือ อย่างเพียงพอ มีการทำความสะอาด มีการจัดการของเสีย ส้วมและสิ่งปฏิกูลเป็นไปตามมาตรฐาน พื้นที่สัมผัส/อุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกัน ให้ทำความสะอาดอย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง จัดให้มีการระบายอากาศ และกำหนดความจุคนในอาคาร ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด

"อากาศในประเทศไทยค่อนข้างร้อน แต่หลังมีประกาศให้ถอดหน้ากากได้ตามความสมัครใจ ส่วนใหญ่เราก็ยังเห็นคนสวมหน้ากากอยู่ เพื่อความปลอดภัยและคนส่วนใหญ่ก็เริ่มคุ้นชิน และการที่ให้คนถอดหน้ากากแบบมีเงื่อนไข เพื่อเป็นการเตือนประชาชนว่าเรายังมีความเสี่ยง และเป็นการคุ้มครองสิทธิของผู้ที่ยังอยากสวมหน้ากาก ไม่ให้ถูกเลือกปฏิบัติ หรือถูกบลูลีว่าเป็นคนป่วย หรือคนในบ้านไม่สบาย การออกมาตรการแบบกลางๆ ให้ปฏิบัติโดยสมัครใจแต่มีเงื่อนไข ก็จะได้สามารถเปลี่ยนผ่านระยะนี้ไปได้ เชื่อว่า หากพบว่าการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ แล้ว ทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น อาการรุนแรงหรือเสียชีวิตเพิ่มขึ้น เชื่อว่าประชาชนจะหันกลับมาขันน็อตปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดอีกครั้ง แต่คงไม่มีมาตรการควบคุมเข้มงวดเหมือนในอดีต" นพ.สุวรรณชัยกล่าว

https://mgronline.com/qol/detail/9650000060226

...ติดตามข่าวโควิดวันนี้ค่ะ

ติดเชื้อใหม่มากกว่าหายป่วยอีกวันหนึ่งค่ะ

สธ.จับตาโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย แนวโน้มอาจแพร่เร็ว

การถอดแมสยังมีเงื่อนไขอาจต้องสวมใส่บางสถานการณ์ค่ะ

....✌️💕✌️💕
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่