เราแต่งงานมาประมาณได้ 3ปี อยู่ก่อนแต่งอีก 1ปีค่ะ เราก็มีปัญหาชีวิตคู่ที่ไม่แตกต่างจากคู่อื่นคือ สามีไม่ค่อยส่งการบ้านส่วนเราก็อยากตรวจเหลือเกินพอทวงเข้าบ่อยๆมันก็พาลให้เป็นเรื่องที่ทั้งคู่เสียอารมณ์ หลายคนคงคิดว่าแล้วทำไมถึงยังแต่งงานกันทั้งที่เรื่องนี้เข้ากันไม่ได้ มันก็เพราะช่วงที่คบกันแรกๆอะไรมันก็ใหม่ไปหมดต่างคนต่างเป็นกลิ่นใหม่ของกันและกันแค่สะกิดไฟราคะมันก็หลอมเรารวมกันได้ ละเราก็ดันไม่ได้ทำใจเผื่อไว้เลยมันก็เลยเป็นความเฟลเป็นความเซ็ง แล้วหลังๆมันกลายเป็นปัญหาหลักที่ชวนทะเลาะกันตลอดโดยที่ไม่มีอะไรดีขึ้น
เราเริ่มตระหนักถึงปัญหาที่มันเริ่มใหญ่ขึ้นจนอาจจะทำให้เราสองคนไปต่อกันไม่ได้ สามีบอกเราว่าเขาจะไปหาหมอเช็คฮอร์โมนเพศชายว่ามีความผิดปรกติอะไรไหม แต่พอเข้าได้ไปปรึกษา คุณพยาบาลแนะนำให้เข้าไปหาจิตแพทย์แทนดีกว่าเพราะร่างกายเขายังมีการตื่นตัวตอนเช้าเป็นปรกติ เราสองคนก็พยายามที่จะหานักจิตบำบัดและอยากลงไปลึกกว่านั้นคือ sex therapist แต่ก็ไม่สามารถที่จะหาได้เลย(ถ้าใครรู้จักหลังไมค์มาบอกบุญหน่อยนะคะ) เราก็รู้สึกว่านี่เรามาถึงทางตันอีกแล้วนะถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลงอะไรผลลัพธ์ก็จะเหมือนเดิม และไม่ต้องจินตนาการเลยว่าจุดจบชีวิตคู่คงจะมาถึงในไม่ช้า
เรามาลองดูอีกสักตั้งในเมื่อเราไม่สามารถจะหาที่ปรึกษาได้ในตอนนี้ เราก็จะมาพยายามเข้าใจตัวเอง และเข้าใจตัวสามี การเข้าใจเป็นเรื่องไม่ยากมากแต่การจะแสดงออกให้มันไม่ซ้ำกับรอยเดิมนี่บอกเลยว่ายากสุดๆ เราจะขอเขียนเป็นข้อๆเผื่อเพื่อนจะได้อ่านแบบไม่ลายตา
1. เราสังเกตตัวสามีว่าเวลาเราเป็นฝ่ายเริ่มก่อน หรือจู่โจมเขา เขาจะรู้สึกเหมือนโดนคุกคามนั่นทำให้ร่างกายเขาเกร็งละก็หมดฟีลลิ่ง แต่การจะรอแต่สามีเป็นฝ่ายเริ่มนั่นมันก็ทำให้เราห่อเหี่ยวใจเหมือนกัน เราเลยลองการบอกล่วงหน้าอย่างเช่นตอนเย็นใกล้ๆเลิกงาน ก็จะแชทบอกว่าวันนี้เตรียมตัวไว้นะ เขาก็จะรู้ตัวล่วงหน้าการรู้สึกถูกคุกคามก็จะน้อยลง แต่อันนี้มันก็แล้วแต่คู่นะคะบางคู่ก็ชอบแบบเซอร์ไพร์ ซึ่งที่จริงเราแอบชอบแบบนั้นมากกว่า 555555 แต่ก็นะเราต้องหาตรงกลาง
2. เรากลับมาสังเกตตัวเองว่าอะไรทำให้เราหัวเสียขนาดนั้นเวลาโดนปฎิเสธ มันมี 2 อย่างหลักๆ อย่างแรกเราผูกคุณค่าของตัวเองไว้กับเรื่องนี้ เวลาที่เราโดนปฎิเสธมันเหมือนกับเราโดนปฎิเสธตัวตนทั้งหมดแล้วก็เฮิร์ท ส่วนอีกเหตผลคือเราชอบเล่นบทเป็นเหยื่อ เราไม่รู้ว่าจะเรียกว่า fetish ได้ไหม อย่างเวลาเราโดนปฎิเสธเราจะรู้สึกเสียใจแต่ในทางเดียวกันคือเราตื่นตัวทางเพศมากขึ้น หลายๆครั้งที่เราโดนปฏิเสธลึกๆเราแอบดีใจพอสามีเห็นเราเสียใจเขาก็จะมาปลอบเราก็ร็สึกดี และนั่นแหละลูปนรก เราพูดกับสามีตรงๆเรื่องนี้และเราก็พูดกับสามีว่า โอเคเราจะเบรคไซเคิลนี้ เรายังสนุกกับบทบาทนี้แต่มันทำให้ความสัมพันธ์เราไม่เฮลตี้
3. ไอ่สองข้อแรกเป็นเรื่องไม่ยากมากที่จะเข้าใจตัวเองสำหรับเรานะ แต่ยากจริงๆก็คือข้อนี้แหละคือการลองทำ อย่างแรกเราบอกเขาล่วงหน้าถ้าเขาพร้อมเริ่มเมื่อไหร่ก็ให้เขาเริ่มก่อนจะได้ไม่รู้สึกถูกคุกคาม แล้วแทนที่เราจะไปเอนจอยกับการโดนปฏิเสธเราก็เลือกว่าเอนจอยกับร่างกายของเขากับโมเม้นนั้น เหมือนมาค่อยๆเรียนรู้กันใหม่อีกรอบ เพราะช่วงที่คบกันแรกๆใช้แต่ฮอร์โมนนำทาง พอบุญเก่าหมดเนี่ยแหละถึงเวลาที่เราจะมารู้จักกันจริงๆ
ทั้งหมดที่เล่ามานี้เราก็ถือว่ายังไม่ได้แก้ปัญกาได้ซะทีเดียว แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่เราอยากมาแชร์ให้ฟัง ปัญหาที่คิดว่าไม่มีทางแก้ได้แน่ๆมันก็พอทีแสงแห่งความหวังนิดหนึ่งเราก็ดีใจ เราเคยถึงขั้นขอมีความสัมพันธ์แบบ open relationship แต่สามีไม่ยอมเราก็ยอมรับในการตัดสินใจของเขา ละหันหน้ามาเผิชญหน้ากับปัญหาไปด้วยกัน
เวลาที่เรารู้สีกโดดเดี่ยวกับเรื่องนี้ที่ไม่รู้จเล่าให้ใครฟังบางทีเราก็ชอบอ่านกระทู้ต่างๆ ฟีลแบบเราไม่ได้เผิชญหน้ากับปัญหานี้คนเดียวบนโลกนะอะไรประมาณนี้ มันก็ทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลงนิดหนึ่ง เพื่อนๆคนไหนผ่านมาอยากแวะมาแชร์ มาแชร์กันเลยนะ
ปล.เราไมได้ตั้งใจจะตั้งกระทู้เพื่อแบลมคุณสามีใดๆ เราแค่อยากมาพูดในมุมมองเรา เราอาจจะเขียนรายละเอียดไม่ได้ครบเพราะมันเยอะ เราไม่ได้มองว่าเป็นความผิดฝ่ายใดเราทั้งคู่ต่างต้องช่วยกัน
อยากจะแชร์ประสบการ์การรับมือความไม่เข้ากันของ sex กับสามีค่ะ
เราเริ่มตระหนักถึงปัญหาที่มันเริ่มใหญ่ขึ้นจนอาจจะทำให้เราสองคนไปต่อกันไม่ได้ สามีบอกเราว่าเขาจะไปหาหมอเช็คฮอร์โมนเพศชายว่ามีความผิดปรกติอะไรไหม แต่พอเข้าได้ไปปรึกษา คุณพยาบาลแนะนำให้เข้าไปหาจิตแพทย์แทนดีกว่าเพราะร่างกายเขายังมีการตื่นตัวตอนเช้าเป็นปรกติ เราสองคนก็พยายามที่จะหานักจิตบำบัดและอยากลงไปลึกกว่านั้นคือ sex therapist แต่ก็ไม่สามารถที่จะหาได้เลย(ถ้าใครรู้จักหลังไมค์มาบอกบุญหน่อยนะคะ) เราก็รู้สึกว่านี่เรามาถึงทางตันอีกแล้วนะถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลงอะไรผลลัพธ์ก็จะเหมือนเดิม และไม่ต้องจินตนาการเลยว่าจุดจบชีวิตคู่คงจะมาถึงในไม่ช้า
เรามาลองดูอีกสักตั้งในเมื่อเราไม่สามารถจะหาที่ปรึกษาได้ในตอนนี้ เราก็จะมาพยายามเข้าใจตัวเอง และเข้าใจตัวสามี การเข้าใจเป็นเรื่องไม่ยากมากแต่การจะแสดงออกให้มันไม่ซ้ำกับรอยเดิมนี่บอกเลยว่ายากสุดๆ เราจะขอเขียนเป็นข้อๆเผื่อเพื่อนจะได้อ่านแบบไม่ลายตา
1. เราสังเกตตัวสามีว่าเวลาเราเป็นฝ่ายเริ่มก่อน หรือจู่โจมเขา เขาจะรู้สึกเหมือนโดนคุกคามนั่นทำให้ร่างกายเขาเกร็งละก็หมดฟีลลิ่ง แต่การจะรอแต่สามีเป็นฝ่ายเริ่มนั่นมันก็ทำให้เราห่อเหี่ยวใจเหมือนกัน เราเลยลองการบอกล่วงหน้าอย่างเช่นตอนเย็นใกล้ๆเลิกงาน ก็จะแชทบอกว่าวันนี้เตรียมตัวไว้นะ เขาก็จะรู้ตัวล่วงหน้าการรู้สึกถูกคุกคามก็จะน้อยลง แต่อันนี้มันก็แล้วแต่คู่นะคะบางคู่ก็ชอบแบบเซอร์ไพร์ ซึ่งที่จริงเราแอบชอบแบบนั้นมากกว่า 555555 แต่ก็นะเราต้องหาตรงกลาง
2. เรากลับมาสังเกตตัวเองว่าอะไรทำให้เราหัวเสียขนาดนั้นเวลาโดนปฎิเสธ มันมี 2 อย่างหลักๆ อย่างแรกเราผูกคุณค่าของตัวเองไว้กับเรื่องนี้ เวลาที่เราโดนปฎิเสธมันเหมือนกับเราโดนปฎิเสธตัวตนทั้งหมดแล้วก็เฮิร์ท ส่วนอีกเหตผลคือเราชอบเล่นบทเป็นเหยื่อ เราไม่รู้ว่าจะเรียกว่า fetish ได้ไหม อย่างเวลาเราโดนปฎิเสธเราจะรู้สึกเสียใจแต่ในทางเดียวกันคือเราตื่นตัวทางเพศมากขึ้น หลายๆครั้งที่เราโดนปฏิเสธลึกๆเราแอบดีใจพอสามีเห็นเราเสียใจเขาก็จะมาปลอบเราก็ร็สึกดี และนั่นแหละลูปนรก เราพูดกับสามีตรงๆเรื่องนี้และเราก็พูดกับสามีว่า โอเคเราจะเบรคไซเคิลนี้ เรายังสนุกกับบทบาทนี้แต่มันทำให้ความสัมพันธ์เราไม่เฮลตี้
3. ไอ่สองข้อแรกเป็นเรื่องไม่ยากมากที่จะเข้าใจตัวเองสำหรับเรานะ แต่ยากจริงๆก็คือข้อนี้แหละคือการลองทำ อย่างแรกเราบอกเขาล่วงหน้าถ้าเขาพร้อมเริ่มเมื่อไหร่ก็ให้เขาเริ่มก่อนจะได้ไม่รู้สึกถูกคุกคาม แล้วแทนที่เราจะไปเอนจอยกับการโดนปฏิเสธเราก็เลือกว่าเอนจอยกับร่างกายของเขากับโมเม้นนั้น เหมือนมาค่อยๆเรียนรู้กันใหม่อีกรอบ เพราะช่วงที่คบกันแรกๆใช้แต่ฮอร์โมนนำทาง พอบุญเก่าหมดเนี่ยแหละถึงเวลาที่เราจะมารู้จักกันจริงๆ
ทั้งหมดที่เล่ามานี้เราก็ถือว่ายังไม่ได้แก้ปัญกาได้ซะทีเดียว แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่เราอยากมาแชร์ให้ฟัง ปัญหาที่คิดว่าไม่มีทางแก้ได้แน่ๆมันก็พอทีแสงแห่งความหวังนิดหนึ่งเราก็ดีใจ เราเคยถึงขั้นขอมีความสัมพันธ์แบบ open relationship แต่สามีไม่ยอมเราก็ยอมรับในการตัดสินใจของเขา ละหันหน้ามาเผิชญหน้ากับปัญหาไปด้วยกัน
เวลาที่เรารู้สีกโดดเดี่ยวกับเรื่องนี้ที่ไม่รู้จเล่าให้ใครฟังบางทีเราก็ชอบอ่านกระทู้ต่างๆ ฟีลแบบเราไม่ได้เผิชญหน้ากับปัญหานี้คนเดียวบนโลกนะอะไรประมาณนี้ มันก็ทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลงนิดหนึ่ง เพื่อนๆคนไหนผ่านมาอยากแวะมาแชร์ มาแชร์กันเลยนะ
ปล.เราไมได้ตั้งใจจะตั้งกระทู้เพื่อแบลมคุณสามีใดๆ เราแค่อยากมาพูดในมุมมองเรา เราอาจจะเขียนรายละเอียดไม่ได้ครบเพราะมันเยอะ เราไม่ได้มองว่าเป็นความผิดฝ่ายใดเราทั้งคู่ต่างต้องช่วยกัน