นักแสดงนำ #อีมินกิ #คิมจีวอน #อีเอล #ซนซอกกู 16 ตอน #Netflix
แนวชีวิต โรแมนติก ดรามา
ชีวิตธรรมดาๆ ที่ไม่มีวันสมบูรณ์ทุกด้าน "ธรรมชาติของความอยากมี อยากเป็น" วนเวียนหมกมุ่นอยู่อย่างนั้น บางคนไม่รู้ตัว บางคนรู้ตัวแต่ยอมรับที่จะอยู่กับสภาพเดิมๆนั้น บางคนอยากหลุดพ้นอยากมีอิสรภาพแต่เป็นคำถามที่ต้องค้นหาคำตอบว่า อิสรภาพนั้น มีอยู่จริงหรือไม่ แต่ไม่ว่าคำตอบคืออะไร อย่างน้อยให้เริ่มต้นที่ "ปัญหาของความอยากนั้นคืออะไร"
อยากมีคนรักที่ไม่เฮงซวย อยากรวย อยากได้รับรักดีๆจากใครซักคน อยากหลุดพ้นจากวงจรชีวิตน่าเบื่อในที่ทำงาน ตัวอย่างชีวิต 3 คนพี่น้องในวัยทำงาน หนุ่มสาวธรรมดาๆที่ต้องเดินทางไปทำงานวันละหลายชั่วโมง จากคยองกีไปโซล ใช้ชีวิตกับความน่าเบื่อที่จำเจแต่มีความฝัน "อยากมี อยากเป็น" และเกี่ยวข้องกับชายหนุ่มปริศนาที่ไม่ได้มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบแต่เข้ามาเติมเต็มกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตกันและกัน
ความน่าเบื่อจำเจที่แฝงความสุขในชีวิตอย่างไม่รู้ตัว ดูแล้วน่าอิจฉา ความเรียบง่ายที่ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวกันทุกวัน เลิกงานกลับมาบ้านมักมีปาร์ตี้เล็กๆกับเพื่อนบ้านที่โตด้วยกันมา กับพี่น้อง ดื่มเหล้าปรับทุกข์พูดคุยกันแบบเปิดเผย ไม่อายที่จะเล่าเรื่องขำๆให้กันฟัง ได้เป็นตัวของตัวเอง ได้มีช่วงเวลาของการไม่ต้องใส่หน้ากาก สนทนากันด้วยเรื่องสัพเพเหระ เป็นความสุขที่หลายครอบครัว หรือใครหลายคนที่จากบ้านเกิดมาทำงานในเมืองใหญ่ขาดหาย
แต่ความสุขนั้นไม่เพียงพอเมื่อทุกคนโตขึ้นถึงเวลาที่จะมีชีวิตในแบบของตัวเอง และเป็นธรรมชาติที่ทุกคนมีความฝัน "อยากมี อยากเป็น" และความอยากนั้นช่างธรรมดาเหลือเกิน อยากมีแฟน อยากมีคนเชิดชูพูดให้กำลังใจให้ฮึดสู้ อยากรวย หมกมุ่นในเรื่องธรรมดาๆที่ใครๆก็เป็นกัน และเป็นตัวอย่างชีวิตของ 3 พี่น้องที่เดินหน้าเข้าหาความอยากนั้น จนได้รับรัก ได้พุ่งเข้าหารัก ได้เจ็บปวดกับความรัก ได้สูญเสียคนรัก ได้สัมผัสความรวย ได้หาหนทางสนองความอยากมีอยากเป็นของตัวเองจนเจอ แต่โลกและสัจธรรมได้ค่อยๆสอนว่า แล้วความ "อยากมี อยากเป็น" นั้น มันสิ้นสุดได้จริงๆเหรอ
**รักเรื่องนี้มากมาย รักการจับประเด็นง่ายๆแต่ทำได้ยากมาสื่อสารกับคนดู การเขียนบทที่พูดคุยกันสัพเพเหระแต่สวยงาม ให้ต้องหยุดทุกอย่างเพื่อตั้งใจฟังเพื่อนๆในวงเหล้านั่งคุยกัน พี่น้องเถึยงทะเลาะปรึกษากันแบบเปิดเผย ถ้าจะต้องกลับมาดูเรื่องนี้อีกรอบ เหตุผลคือ กลับมาดูว่าทุกตัวละครคุยอะไรกัน อีกครั้ง..
ชอบรายละเอียดในบทที่ค่อยๆสื่อสารถึงแก่นของเรื่อง เช่น การเริ่มต้นชมรมอิสรภาพในที่ทำงานนางเอก ประชุมสมาชิกที่มีอยู่ 3 คนด้วยการไม่นั่งประจันหน้ากันแต่คุยกันได้ ให้อิสระในการพูดอย่างเปิดเผยแบบเป็นตัวของตัวเอง และจะไม่มีการแนะนำ ปรึกษา สมาชิกทั้ง 3 แค่มาฟังให้อิสระสมาชิกในการพูดความในใจของตัวเอง คิดไม่ถึงว่าการไม่ต้องปลอบใจจะให้อิสรภาพได้จริงในการระบายและได้ไตร่ตรองปัญหาด้วยตัวเอง , การสื่อสารความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ที่ต้องการได้รับการยอมรับอย่างมีรอยยิ้ม ฟินไปกับความเรียบง่ายของความรัก แต่มีคนมายืนรอที่สถานีรถไฟฟ้าทุกวัน มันมีรอยยิ้ม มันสุขใจ มันน่าอิจฉา มันเป็นความรู้สึกว่า แค่นี้ก็ได้นะ แค่นี้ก็ยิ่งกว่าคำปลอบใจใดๆที่อยากได้ยิน แค่เห็นการสบตากันก็มีความสุขล้นเหลือ
นักแสดงเก่งมากทุกคน แต่ละคนเล่นเหมือนเขียนบทเอง บุคลิกชัดเจนมีความเป็นส่วนตัวและมีเสน่ห์มากมาย แต่ถ้าให้เลือกชอบที่สุดคือ บทลูกชายคนกลางของอีมินกิ เก่งมาก แสดงบุคลิกแตกต่างจากเรื่องอื่นๆเป็นคนละคน แววตาทุกข์ สุข ตื่นเต้น เศร้า โกรธ ส่งอารมณ์สำคัญให้เรื่องราวมีความรู้สึกชัดเจนกับความอยากได้สวยงามมากมาย แต่พอนึกถึงคุณกู (ซนซอกกู) ก็ใจละลายกับเสน่ห์เหลือล้นสายตามองแบบกินใจในหลายอารมณ์ คิมจีวอนเก่งมากสื่อถึงความรู้สึกอยากได้อิสรภาพ เป็นตัวอย่างของคนที่รู้ตัวว่าต้องหลุดพ้นให้ได้ และก็ปล่อยวาง ยอมรับได้เมื่อคนรักมีเงื่อนไขว่า ถ้า ...... เราก็เลิกกันนะ และอีแอล ในบทพี่สาวตรงไปตรงมา ชัดเจนกับความรู้สึกของตัวเอง พุ่งเข้าหารักแม้รู้ว่าต้องเจ็บปวด แสดงได้เก่งมีเสน่ห์มากๆ เป็นตัวอย่างของคนที่ไม่ต้องการอิสรภาพแต่ต้องการรักต่อไปแม้ต้องเจ็บปวด
ดูเรื่องนี้แล้วเหมือนได้อะไรอีกอย่าง การมองเห็นชีวิตคนอื่น ไม่ต้องใช้ประสบการณ์ตัวเองในการตัดสิน ไม่ต้องคิดแทน ไม่ต้องรู้ไปมากกว่าที่เค้าอยากให้รู้ เหมือนบท อยากบอกแค่นี้ก็รู้แค่นี้ ไม่ต้องคิดอยากเปลี่ยนแปลงอะไร ชีวิตของเขาไม่ใช่ของเรา ทุกคนมีหนทางของตัวเองให้เดินไป แต่ก็ได้ข้อคิดดีๆ ให้สะกิดใจได้บ้างว่า บางเรื่องที่เราหมกมุ่น เราอยากเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เราอยากมีอะไรโน่นนี่ มันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าอยากหลุดพ้น หาปัญหาให้เจอซะก่อน แล้วค่อยๆคลี่คลายกันไป เช่นนางเอกและพี่ชาย เบื่อที่ทำงานก็เปลี่ยนงานซะก็รู้สึกอิสระขึ้นมา
หลากหลายความดีงามที่น่ายกย่องของเรื่องนี้ ชื่นชมผู้กำกับ ชื่นชมทุกคน สร้างเรื่องเรียบง่ายแต่ยากและทำได้ดี และทำให้มีความอยาก ...อยากเขียนจดหมายหาคนเขียนบท พัคแฮยอง อยากพรั่งพรูคำชื่นชม และอยากขอบคุณที่ทำให้รู้ว่า "เวลาเจอคนที่ใช่ ไม่ได้ทำให้ใจเต้น แต่ทำให้ใจสงบ บอกกับตัวเองว่า อือ..คนคนนี้นี่เอง" อ่อ... มันเป็นเช่นนี้นี่เอง
https://www.facebook.com/ReviewSeriesMoviesAsia เพจ บันทึกซีรีส์
รีวิว My Liberation Notes (2022) 5/5
แนวชีวิต โรแมนติก ดรามา
ชีวิตธรรมดาๆ ที่ไม่มีวันสมบูรณ์ทุกด้าน "ธรรมชาติของความอยากมี อยากเป็น" วนเวียนหมกมุ่นอยู่อย่างนั้น บางคนไม่รู้ตัว บางคนรู้ตัวแต่ยอมรับที่จะอยู่กับสภาพเดิมๆนั้น บางคนอยากหลุดพ้นอยากมีอิสรภาพแต่เป็นคำถามที่ต้องค้นหาคำตอบว่า อิสรภาพนั้น มีอยู่จริงหรือไม่ แต่ไม่ว่าคำตอบคืออะไร อย่างน้อยให้เริ่มต้นที่ "ปัญหาของความอยากนั้นคืออะไร"
อยากมีคนรักที่ไม่เฮงซวย อยากรวย อยากได้รับรักดีๆจากใครซักคน อยากหลุดพ้นจากวงจรชีวิตน่าเบื่อในที่ทำงาน ตัวอย่างชีวิต 3 คนพี่น้องในวัยทำงาน หนุ่มสาวธรรมดาๆที่ต้องเดินทางไปทำงานวันละหลายชั่วโมง จากคยองกีไปโซล ใช้ชีวิตกับความน่าเบื่อที่จำเจแต่มีความฝัน "อยากมี อยากเป็น" และเกี่ยวข้องกับชายหนุ่มปริศนาที่ไม่ได้มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบแต่เข้ามาเติมเต็มกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตกันและกัน
ความน่าเบื่อจำเจที่แฝงความสุขในชีวิตอย่างไม่รู้ตัว ดูแล้วน่าอิจฉา ความเรียบง่ายที่ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวกันทุกวัน เลิกงานกลับมาบ้านมักมีปาร์ตี้เล็กๆกับเพื่อนบ้านที่โตด้วยกันมา กับพี่น้อง ดื่มเหล้าปรับทุกข์พูดคุยกันแบบเปิดเผย ไม่อายที่จะเล่าเรื่องขำๆให้กันฟัง ได้เป็นตัวของตัวเอง ได้มีช่วงเวลาของการไม่ต้องใส่หน้ากาก สนทนากันด้วยเรื่องสัพเพเหระ เป็นความสุขที่หลายครอบครัว หรือใครหลายคนที่จากบ้านเกิดมาทำงานในเมืองใหญ่ขาดหาย
แต่ความสุขนั้นไม่เพียงพอเมื่อทุกคนโตขึ้นถึงเวลาที่จะมีชีวิตในแบบของตัวเอง และเป็นธรรมชาติที่ทุกคนมีความฝัน "อยากมี อยากเป็น" และความอยากนั้นช่างธรรมดาเหลือเกิน อยากมีแฟน อยากมีคนเชิดชูพูดให้กำลังใจให้ฮึดสู้ อยากรวย หมกมุ่นในเรื่องธรรมดาๆที่ใครๆก็เป็นกัน และเป็นตัวอย่างชีวิตของ 3 พี่น้องที่เดินหน้าเข้าหาความอยากนั้น จนได้รับรัก ได้พุ่งเข้าหารัก ได้เจ็บปวดกับความรัก ได้สูญเสียคนรัก ได้สัมผัสความรวย ได้หาหนทางสนองความอยากมีอยากเป็นของตัวเองจนเจอ แต่โลกและสัจธรรมได้ค่อยๆสอนว่า แล้วความ "อยากมี อยากเป็น" นั้น มันสิ้นสุดได้จริงๆเหรอ
**รักเรื่องนี้มากมาย รักการจับประเด็นง่ายๆแต่ทำได้ยากมาสื่อสารกับคนดู การเขียนบทที่พูดคุยกันสัพเพเหระแต่สวยงาม ให้ต้องหยุดทุกอย่างเพื่อตั้งใจฟังเพื่อนๆในวงเหล้านั่งคุยกัน พี่น้องเถึยงทะเลาะปรึกษากันแบบเปิดเผย ถ้าจะต้องกลับมาดูเรื่องนี้อีกรอบ เหตุผลคือ กลับมาดูว่าทุกตัวละครคุยอะไรกัน อีกครั้ง..
ชอบรายละเอียดในบทที่ค่อยๆสื่อสารถึงแก่นของเรื่อง เช่น การเริ่มต้นชมรมอิสรภาพในที่ทำงานนางเอก ประชุมสมาชิกที่มีอยู่ 3 คนด้วยการไม่นั่งประจันหน้ากันแต่คุยกันได้ ให้อิสระในการพูดอย่างเปิดเผยแบบเป็นตัวของตัวเอง และจะไม่มีการแนะนำ ปรึกษา สมาชิกทั้ง 3 แค่มาฟังให้อิสระสมาชิกในการพูดความในใจของตัวเอง คิดไม่ถึงว่าการไม่ต้องปลอบใจจะให้อิสรภาพได้จริงในการระบายและได้ไตร่ตรองปัญหาด้วยตัวเอง , การสื่อสารความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ที่ต้องการได้รับการยอมรับอย่างมีรอยยิ้ม ฟินไปกับความเรียบง่ายของความรัก แต่มีคนมายืนรอที่สถานีรถไฟฟ้าทุกวัน มันมีรอยยิ้ม มันสุขใจ มันน่าอิจฉา มันเป็นความรู้สึกว่า แค่นี้ก็ได้นะ แค่นี้ก็ยิ่งกว่าคำปลอบใจใดๆที่อยากได้ยิน แค่เห็นการสบตากันก็มีความสุขล้นเหลือ
นักแสดงเก่งมากทุกคน แต่ละคนเล่นเหมือนเขียนบทเอง บุคลิกชัดเจนมีความเป็นส่วนตัวและมีเสน่ห์มากมาย แต่ถ้าให้เลือกชอบที่สุดคือ บทลูกชายคนกลางของอีมินกิ เก่งมาก แสดงบุคลิกแตกต่างจากเรื่องอื่นๆเป็นคนละคน แววตาทุกข์ สุข ตื่นเต้น เศร้า โกรธ ส่งอารมณ์สำคัญให้เรื่องราวมีความรู้สึกชัดเจนกับความอยากได้สวยงามมากมาย แต่พอนึกถึงคุณกู (ซนซอกกู) ก็ใจละลายกับเสน่ห์เหลือล้นสายตามองแบบกินใจในหลายอารมณ์ คิมจีวอนเก่งมากสื่อถึงความรู้สึกอยากได้อิสรภาพ เป็นตัวอย่างของคนที่รู้ตัวว่าต้องหลุดพ้นให้ได้ และก็ปล่อยวาง ยอมรับได้เมื่อคนรักมีเงื่อนไขว่า ถ้า ...... เราก็เลิกกันนะ และอีแอล ในบทพี่สาวตรงไปตรงมา ชัดเจนกับความรู้สึกของตัวเอง พุ่งเข้าหารักแม้รู้ว่าต้องเจ็บปวด แสดงได้เก่งมีเสน่ห์มากๆ เป็นตัวอย่างของคนที่ไม่ต้องการอิสรภาพแต่ต้องการรักต่อไปแม้ต้องเจ็บปวด
ดูเรื่องนี้แล้วเหมือนได้อะไรอีกอย่าง การมองเห็นชีวิตคนอื่น ไม่ต้องใช้ประสบการณ์ตัวเองในการตัดสิน ไม่ต้องคิดแทน ไม่ต้องรู้ไปมากกว่าที่เค้าอยากให้รู้ เหมือนบท อยากบอกแค่นี้ก็รู้แค่นี้ ไม่ต้องคิดอยากเปลี่ยนแปลงอะไร ชีวิตของเขาไม่ใช่ของเรา ทุกคนมีหนทางของตัวเองให้เดินไป แต่ก็ได้ข้อคิดดีๆ ให้สะกิดใจได้บ้างว่า บางเรื่องที่เราหมกมุ่น เราอยากเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เราอยากมีอะไรโน่นนี่ มันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าอยากหลุดพ้น หาปัญหาให้เจอซะก่อน แล้วค่อยๆคลี่คลายกันไป เช่นนางเอกและพี่ชาย เบื่อที่ทำงานก็เปลี่ยนงานซะก็รู้สึกอิสระขึ้นมา
หลากหลายความดีงามที่น่ายกย่องของเรื่องนี้ ชื่นชมผู้กำกับ ชื่นชมทุกคน สร้างเรื่องเรียบง่ายแต่ยากและทำได้ดี และทำให้มีความอยาก ...อยากเขียนจดหมายหาคนเขียนบท พัคแฮยอง อยากพรั่งพรูคำชื่นชม และอยากขอบคุณที่ทำให้รู้ว่า "เวลาเจอคนที่ใช่ ไม่ได้ทำให้ใจเต้น แต่ทำให้ใจสงบ บอกกับตัวเองว่า อือ..คนคนนี้นี่เอง" อ่อ... มันเป็นเช่นนี้นี่เอง
https://www.facebook.com/ReviewSeriesMoviesAsia เพจ บันทึกซีรีส์