JJNY : 6in1 “ยิ่งลักษณ์”ชวนถ่ายรูป│ขึ้นไม่พักเลย!│โอดคาร์ซีตราคาพุ่ง│เชื่อมั่นชายแดนใต้ทรุด│หาดใหญ่ไม่ฟื้น│ชัชชาติ ยืน1

“ยิ่งลักษณ์” ชวนถ่ายรูปคู่กับอดีตนายกฯ ชี้ภาพโดนใจ รับเลยเสื้อยืด Tony Woodsome -เสื้อยืดสีดำรูปปู
https://www.matichon.co.th/politics/news_3338015
 

  
“ยิ่งลักษณ์” ชวนถ่ายรูปคู่กับอดีตนายกฯ ชี้ภาพโดนใจ รับเลยเสื้อยืด Tony Woodsome -เสื้อยืดสีดำรูปปู หมดเขต 17 พ.ค.นี้ 
  
จากกรณีที่ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้จัดกิจกรรม “ถ่ายภาพเออาร์กับพี่โทนี่” และ “ถ่ายภาพเออาร์กับยิ่งลักษณ์” โดยผ่าน “www.ถ่ายรูปเออาร์กับพี่โทนี่.com” และ “www.ถ่ายรูปกับยิ่งลักษณ์.com” นั้น
  
ล่าสุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้โพสต์ข้อความพร้อมคลิปผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า 
 
ช่วงวันหยุดสงกรานต์ได้เห็นหลายคนพาพี่โทนี่และดิฉันไปถ่ายรูปด้วยตามสถานที่ต่างๆ มาแล้วด้วยเทคโนโลยี AR คราวนี้เราสองคนได้เพิ่มลูกเล่นให้ได้สนุกกันอีกค่ะ ลองมาถ่ายรูปคู่กับดิฉันหรือพี่โทนี่ในอิริยาบถที่หลากหลายมากขึ้น
  
สำหรับผู้ที่ร่วมกิจกรรม “ถ่ายภาพเออาร์กับพี่โทนี่” และ “ถ่ายภาพเออาร์กับยิ่งลักษณ์” ทีมงานได้เตรียมเสื้อยืด Tony Woodsome และเสื้อยืดสีดำรูปปูไว้ อย่างละ 50 ตัวเพื่อมอบให้กับเจ้าของรูปที่มีแอ๊กชั่นโดนใจที่สุด 100 ท่าน ใครอยากได้เสื้อพี่โทนี่ก็ถ่ายรูปกับโทนี่ ใครอยากได้เสื้อยืดปูก็ถ่ายรูปกับดิฉันได้ ด้วยการกดตามลิงค์ด้านบนได้เลยค่ะ
  
จากนั้นส่งรูป พร้อม ชื่อ ที่อยู่ของท่านมาที่ Email : ARThaksinYingluck@gmail.com ภายในวันอังคารที่ 17 พฤษภาคม รูปไหนได้รับการคัดเลือก ทีมงานจะติดต่อกลับพร้อมส่งเสื้อไปค่ะ
 
https://www.facebook.com/Y.Shinawatra/posts/551917216303646
 

 
ขึ้นไม่พักเลย! เผย ราคาไก่-หมูเป็นทะลุ100 ข้าวหอม-ข้าวเหนียว พุ่งยกแผง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7043549
 
พุ่งไม่หยุด ไก่สด ขึ้น 5 บาท-หมูเป็น ขึ้นอีก 1 บาท ทะลุ 100 แล้ว เผย ข้าวหอม-ข้าวเหนียว ขึ้นยกแผง ด้าน ผัก ยังแพงต่อเนื่อง เช็กราคาสินค้าเลย
 
วันที่ 11 พ.ค.2565 รายงานข่าวจาก กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ แจ้งถึงราคาขายปลีกสินค้าอาหารสด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ประจำวันที่ 10 พ.ค. เปรียบเทียบกับวันที่ 9 พ.ค.2565 ว่า ข้ามคืนเดียวผักสดหลายชนิดปรับราคาเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากผลผลิตเสียหายจากความร้อน สลับพายุฝน เช่น ขึ้นฉ่าย คัด ปรับขึ้น 10 บาท/กก. เป็น 90-100 บาท/กก., ผักกาดหอม คัด ปรับขึ้น 10 บาท/กก. เป็น 60-65 บาท/กก.
 
กระชายขาว คละ ปรับขึ้น 5 บาท/กก. เป็น 35-45 บาท/กก., ต้นหอม คัด ปรับขึ้น 5 บาท/กก. เป็น 65-75 บาท/กก., ผักกวางตุ้ง คัด ปรับขึ้น 5 บาท/กก. เป็น 35-40 บาท/กก., ผักกาดขาว (ลุ้ย) คัด ปรับขึ้น 5 บาท/กก. เป็น 35-40บาท/กก. และ กุ้ง ขาว ขนาด 80 ตัว/กก. ปรับขึ้น 5 บาท/กก. เป็น 135 บาท/ก.ก. เนื่องจากผลผลิตที่ได้ขนาดตามที่ตลาดต้องการออกสู่ตลาดลดลง เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาสภาพอากาศที่ร้อนจัด สลับกับมีพายุฝนเกษตรกรจึงชะลอการเลี้ยง
 
ไก่สด เนื้ออกล้วน ปรับขึ้น 5 บาท/กก. เป็น 85-95 บาท/กก. ส่วนสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม ปรับขึ้น 1 บาท/กก. เป็น 100-101 บาท/กก. เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของสุกร ผลผลิตจึงออกสู่ตลาดลดลง ในขณะที่ความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นหลังจากภาครัฐมีนโยบายเปิดประเทศเต็มรูปแบบ และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ใกล้เริ่มเปิดการเรียนการสอน ประกอบกับ ต้นทุนด้านอาหารสัตว์และค่าขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 
รายงานข่าวจากกรมการค้าภายในแจ้งถึงราคาขายส่งข้าวสาร ประจำวันที่ 10 พ.ค.2565 เปรียบเทียบกับวันที่ 9 พ.ค.2565 พบว่า ข้าวสารหลายรายการปรับราคาสูงขึ้น เช่น ข้าวเหนียว กข. 6 ปรับขึ้น 50 บาท/กระสอบ (100ก.ก.) เป็น 1,830-1,850บาท/กระสอบ, ข้าวเหนียว ข้าวใหม่ ปรับขึ้น 50 บาท/กระสอบ เป็น 2,180-2,200 บาท/กระสอบ
 
ข้าวเหนียว 10% เมล็ดยาว ปรับขึ้น 50 บาท/กระสอบ เป็น 2,010-2,030บาท/กระสอบ, ข้าวเหนียว 10% เมล็ดยาว ข้าวใหม่ ปรับขึ้น 50 บาท/กระสอบ เป็น 2,030-2,050บาท/กระสอบ, ข้าวเหนียว 10% เมล็ดคละ ปรับขึ้น 50 บาท/กระสอบ เป็น 1,810-1,830 บาท/กระสอบ, ข้าวเหนียว 10% เมล็ดคละ ข้าวใหม่ ปรับขึ้น 50 บาท/กระสอบ เป็น 1,830-1,850บาท/กระสอบ
 
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 ปรับขึ้น50 บาท/กระสอบ เป็น 3,070-3,080 บาท/กระสอบ, ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ปรับขึ้น 50 บาท/กระสอบ เป็น 2,990-3,000บาท/กระสอบ และข้าวหอมมะลิ ภาคเหนือตอนล่าง ปรับขึ้น 50 บาท/กระสอบ เป็น 2,740-2,750บาท/กระสอบ
   

 
แม่เพลีย! เพจดัง โอด 'คาร์ซีต' ราคาพุ่ง สองวันขึ้นเกือบ 3 พัน แนะรัฐช่วยเหลือ-อย่าผลักภาระ
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_7043513
  
แม่เพลีย! เพจดัง โอด ‘คาร์ซีต’ ราคาพุ่ง ผ่านไปสองวัน ขึ้นมา 3 พันบาท แนะออกมาตรการช่วยเหลือผู้ปกครอง อย่าผลักภาระให้ปชช. ชี้เมืองนอก ราคาถูกกว่ามาก
  
กรณี ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565 เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีใจความสำคัญ ให้ผู้ที่อยู่ในรถยนต์ ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่งตลอดเวลาในขณะขับรถยนต์ โดยเฉพาะ คนโดยสารที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องจัดให้นั่งในที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก หรือนั่งในที่นั่งพิเศษสำหรับเด็กเพื่อป้องกันอันตราย หรือมีวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ โดยมีผลบังคับใช้วันที่ 5 กันยายน นี้
 
ต่อเรื่องนี้ เฟซบุ๊กเพจ เลี้ยงลูกอย่างมีความสุข by mommy Arpan โพสต์ข้อความถึงราคาคาร์ซีตที่เพิ่มขึ้นหลังประกาศดังกล่าว ระบุว่า 
  
เกินไปมากอ่ะ เราจะเปลี่ยน car seat ให้พสุเพราะโตแล้ว จะเปลี่ยนมาใช้เหมือนของพระพาย
  
ตอนนั้นเราซื้อของพระพายแค่ 5,400 เองของเด็กโต จะซื้อรุ่นเดียว สีเดียวกันเป๊ะๆเลย !
สองวันก่อน 6,3xxx วันนี้ 8,9xx !!! เพื่อ!!
 
เห็นด้วยกันกฎหมายนะ เราเองก็ใช้ตลอด แรกเกิด -8 ปีแล้ว ไม่เคยไม่ใช้
  
แต่รบ.ต้องออกมาตรการช่วยเหลือผู้ปกครองด้วย ของแพงขึ้นแบบนี้มันไม่แฟร์อ่ะ ควรลดภาษีนำเข้า ลดราคาของบ้างก็ดีนะ แคมเปญลด แลก เอาอันเก่ามาแลก ซื้อรถแถมคาร์ซีส หรือลงทะเบียนแจกให้คนที่ลงทะเบียนผ่านรัฐ เพื่อช่วยกันช่วงแรกๆมันควรมีอ่ะ!
 
Car seat ตอนลูกเราเล็กๆ เคยโดน 39,xxx ต่อชิ้น โตมาอีกหน่อย 17,xxx ต่อชิ้น …. แล้วเราลูกสอง คิดดูสิ
ผลักภาระให้ปชช. ทั้งนั้นเลย ที่ญี่ปุ่น/ หรือ ยุโรปถูกกว่ามากจริงๆ ฝากไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยนะคะ แย่มากเลยแบบนี้ !
 
ออกกฎหมายมา แต่ควรออกมาตรการ support และแก้ไขปัญหาฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าด้วยค่ะ !
แม่เพลีย!
 
https://www.facebook.com/happymommyarpan/posts/3056575841223152
 

 
ค่าครองชีพ-โควิด กระทบดัชนีความเชื่อมั่นจังหวัดชายแดนใต้ ไตรมาส1 ทรุด
https://www.prachachat.net/economy/news-928788
 
“พาณิชย์” จับมือ ศอ.บต. สำรวจดัชนีความเชื่อมั่นจังหวัดชายแดนใต้ เผยไตรมาส 1 ปี 65 ความเชื่อมั่นอยู่ที่ 52.32 ลดจากไตรมาส 4 ปี 64 ที่ 53.49 เหตุคนกังวลปัญหาค่าครองชีพ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ
 
วันที่ 11 พฤษภาคม 2565 นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และ สนค. ได้ร่วมกันจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นจังหวัดชายแดนใต้ เป็นรายไตรมาส เพื่อให้มีเครื่องชี้วัดความเชื่อมั่นและใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่
 
โดยได้ทำการสำรวจความคิดเห็นประชาชน จำนวน 32,739 คน ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
 
ผลสำรวจ พบว่า ไตรมาส 1 ปี 2565 ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวมอยู่ที่ 52.32 ลดลงจากไตรมาส 4 ปี 2564 ที่อยู่ที่ 53.49 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในปัจจุบัน อยู่ที่ 47.58 ลดจาก 49.82 และดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคต อยู่ที่ 56.94 ลดจาก 57.46
 
ปัจจัยที่ทำให้ความเชื่อมั่นลดลง มาจากความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจและด้านสังคมที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากความกังวลของประชาชนที่มีต่อปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นเป็นหลัก ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจ แต่ความเชื่อมั่นด้านความมั่นคงเพิ่มขึ้น
 
ส่วนผลการสำรวจปัญหาที่ประชาชนมีความกังวลมากที่สุด ยังคงเป็นปัญหาเรื่องค่าครองชีพ หรือสินค้าและบริการมีราคาสูง รองลงมา ได้แก่ ปัญหารายได้ตกต่ำ ซึ่งประชาชนมีความกังวลเพิ่มขึ้น และต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนจากภาครัฐด้านการลดภาระค่าครองชีพ และการมีงานทำและรายได้ รวมถึงการแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร
 
ทั้งนี้ เมื่อแยกเป็นรายจังหวัดชายแดนภาคใต้ พบว่า จังหวัดสตูลมีความเชื่อมั่นโดยรวมสูงสุด อยู่ที่ระดับ 57.03 รองลงมา ได้แก่ จังหวัดสงขลา ระดับ 53.36 นราธิวาส ระดับ 51.37 ปัตตานี ระดับ 51.22 และยะลา ระดับ 50.94
 
ผลจากการสำรวจที่ได้ ทำให้เห็นว่า ประชาชนใน 5 จังหวัดภาคใต้มีความกังวลปัญหาอะไร และต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลืออะไร ซึ่ง สนค. จะได้นำผลการสำรวจเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือ อย่างเรื่องการลดค่าครองชีพ กระทรวงพาณิชย์ก็มีมาตรการเข้าไปดูแลอยู่แล้ว การสร้างงาน สร้างรายได้ การดูแลราคาสินค้าเกษตร ก็ทำมาอย่างต่อเนื่อง แต่จะทำให้เข้มข้นและตรงจุดต่อไป”นายรณรงค์กล่าว
 
การสำรวจในครั้งนี้ ในด้านการเกษตร ประชาชนต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือในการส่งเสริมการผลิต ด้านเครื่องมือ ปุ๋ย พันธุ์พืช การตลาด เทคโนโลยี แรงงาน และแหล่งน้ำ ส่วนความสนใจการอาชีพ ต้องการให้ช่วยแนะนำ ให้ความรู้การทำอาหาร เบเกอรี่ ตัดเย็บเสื้อผ้า ช่างอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องดื่ม เสริมสวย นวดแผนไทย เป็นต้น
 
พลเรือตรีสมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า จะใช้ผลการสำรวจครั้งนี้ เป็นเข็มทิศนำทางที่จะเดินต่อไปข้างหน้า ปัญหาอะไรที่ดีขึ้น อย่างเรื่องความมั่นคง ก็จะขยายผลให้ดีขึ้นต่อไป หรือปัญหาที่ยังเป็นที่กังวล ก็จะต้องเร่งแก้ไข ที่เห็นได้ชัด
 
เช่น ค่าครองชีพ ราคาสินค้าแพง ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ก็ต้องเร่งแก้ไข และต้องมุ่งพัฒนาในภาคต่าง ๆ ให้ดีขึ้น ทั้งภาคการเกษตร การท่องเที่ยว อุตสาหกรรมครัวเรือน ที่จะต้องเข้าไปส่งเสริมและสนับสนุนต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่