JJNY : ตลาดสดเงียบ ไม่มีอาหารทะเลมาส่ง│ร้านขายอาหารทอดโอด│ส.ขนส่งสินค้าอีสานวอนทบทวนขึ้นดีเซล│ถึงคิวข้าวสารขึ้นราคา

ตลาดสดเงียบ ดีเซลขึ้นไม่มีอาหารทะเลมาส่ง หมูสามชั้นพุ่งโลละ 210 บาท
https://www.pptvhd36.com/news/สังคม/171209
  
 
บรรยากาศตลาดสดบางแห่ง ค่อนข้างเงียบเหงา แผงขายอาหารทะเล ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับขึ้นไปลิตรละ 2 บาท ขณะที่ราคาเนื้อหมูกลับมาแพงอีกครั้ง
 
จากการสำรวจสินค้าต่าง ๆ ในตลาดสดเทศบาลเมืองชัยภูมิ  พบว่ามีชาวบ้านมาจับจ่ายซื้อข้าวของไปประกอบอาหารค่อนข้างเงียบเหงาบางตากว่าทุกวันที่ผ่านมา จากการสอบถามบรรดาพ่อค้า แม่ค้าในตลาดสด บอกว่า หลังน้ำมันดีเซลขยับขึ้นลิตรละ 2 บาท ทำให้แผงขายอาหารทะเลได้ได้รับผลกระทบ ทั้งปลาหมึก กุ้ง หอยต่าง ที่เคยมีวางขายเต็มแผง วันนี้มีอาหารทะเลวางขายไม่ถึงครึ่งแผง อาหารทะเลที่วางขายจะเป็นของเหลือจากเมื่อวานที่ผ่านมา
 
ซึ่งบรรดาแม่ค้าแผงอาหารทะเลบอกว่า ไม่มีรถส่งอาหารทะเลจากมหาชัยมาส่งเนื่องจากค่าขนส่งแพง  ซึ่งหากอาหารทะเลรุ่นใหม่มาส่งแพงขึ้น ก็ต้องขยับราคาขายปลีกตามไปด้วย
 
เช่นเดียวกับราคาจำหน่ายหมูที่ตลาดสดบางลำภู เขตเทศบาลนครขอนแก่น หลังพบว่ามีการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซล ทำให้ราคาจำหน่ายหมู มีการปรับตัวตามขึ้นไปด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ราคาจำหน่ายหมูสามชั้น และสันคอหมู อยู่ที่กิโลกรัมละ 210 บาท ขณะที่หมูเป็นหน้าฟาร์มอยู่ที่กิโลกรัมละ 102 บาท หมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 180 บาท 
 
โดยสาเหตุที่หมูราคาสูงขึ้นนั้น ชัดเจนว่าเพราะน้ำมันแพง ทำให้ค่าขนส่งมีต้นทุนสูงขึ้น เช่นเดียวกันกับอาหารสัตว์ที่มีการปรับราคาขึ้นเช่นกัน จึงทำให้ภาพรวมราคาหมู จึงต้องทยอยปรับราคาสูงขึ้นอีกครั้ง 
  

  
ร้านขายอาหารทอดโอด น้ำมันพืชขยับขึ้นไม่พอ แก๊สยังขึ้นตาม แต่ขึ้นราคาขายไม่ได้
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3320547
 
ร้านขายอาหารทอดโอดน้ำมันพืชขยับขึ้นไม่พอแก๊สยังขึ้นตาม แต่ขึ้นราคาขายไม่ได้
 
วันที่ 2 พ.ค.65 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจราคาขายอาหารประเภททอดต่างๆ ใน ตลาดสดเทศบาลหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี ภายหลังจากที่ตอนนี้ราคาน้ำมันพืชนั้นเริ่มขยับราคาขึ้นมาเรื่อยๆสูงสุดที่ขวดละ 65-70 บาท และยังมีแนวโน้ม จะขยับราคาไปถึงขวดละ 75 บาท อีกด้วย และนอกจากราคาน้ำมันพืชที่ขยับราคาขึ้นมาแล้วนั้น ยังพบว่าตอนนี้ ราคาแก๊ส หุงต้ม และไก่สด ก็ขยับราคาเพิ่มขึ้นมาด้วยเช่นเดียวกัน
 
โดยจากการสอบถาม พ่อค้าขายลูกชิ้นทอดร้านใหญ่ในตลาด อย่าง ร้านตาหวาน ลูกชิ้นทอด เล่าว่า ตอนนี้ที่ร้านได้รับผลกระทบ จากราคาน้ำมันพืชที่ปรับราคาขึ้นมาด้วยเช่นเดียวกัน โดยปกติที่ร้านจะทอดลูกชิ้นขายอยู่ที่วันละ 30 กิโลกรัม แต่หลังจากที่น้ำมันปรับขึ้นราคาประกอบกับช่วงนี้ยอดขายลดลง ทำให้ที่ร้านต้องลดปริมาณการทอดทั้งลูกชิ้นและไส้กรอกลงมาเหลือที่วันละ 20 กิโล ใช้น้ำมันทอดวันละ 4 กิโล ตอนนี้ซื้อน้ำมันทอดอยู่ที่ถุงละ 65 บาท จากเดิม 60 บาท และยังขายอยู่ที่ราคาไม้ละ 5 บาทเท่าเดิม โชคดี ที่ตอนนี้ ลูกชิ้น ไส้กรอก และส่วนผสมที่ใช้ทำน้ำจิ้มยังไม่ขึ้นราคา ทำให้ยังคงถัวเฉลี่ย ต้นทุนไปได้ แต่ถึงแม้ราคาสินค้าจะปรับราคาขึ้นมาอีก ก็ยังคงต้องขายที่ไม้ละ 5 บาทเท่าเดิม เพราะถ้าขึ้นราคาไปมากกว่านี้ลูกค้าก็คงซื้อกันไม่ไหว เพราะทุกวันนี้ก็ซื้อกันน้อยลงมากอยู่แล้ว
 
นางสาวอำพา ปิยะทัศน์ เจ้าของร้านปลาทอดเจ๊แอน กล่าวว่า ตอนนี้ที่ร้านก็ซื้อน้ำมันที่ขยับขึ้นราคามาด้วยเช่นเดียวกัน จากเดิมเคยซื้อถุงละ 60-63 บาท เป็นถุงละ 65 บาท โดยที่ร้านจะใช้น้ำมันทอดปลาที่วันละ 2-3 ถุง แม้ตอนนี้จะยังแบกรับต้นทุนไม่มาก แต่หลังราคาน้ำมันรถปรับขึ้นมารอบนี้ ก็คาดว่าน้ำพืชน่าจะขยับขึ้นมาอีก แต่ที่ร้านก็คงจะขึ้นราคาปลาทอดไม่ได้ ยังคงขายปลาทอดที่จานละ 20-25 บาท เท่าเดิม เพราะถ้าขึ้นราคาไปมากกว่านี้ลูกค้าก็ซื้อกันไม่ไหว ช่วงนี้อาจจะยอมได้กำไรน้อยลงมาอีกหน่อย แต่เน้นที่ลูกค้าอยู่ได้เราอยู่ได้ นางสาวอำพาฯ กล่าว
 
ด้าน นางสาวกมลชนก บุญนาค แม่ค้าร้านขายไก่ทอด เล่าว่า ตอนนี้สินค้าที่ตนเองต้องซื้อขยับราคาขายขึ้นมาแทบทุกอย่าง ทั้ง น้ำมัน แป้ง แก๊ส ไก่ ต่างขยับราคาขึ้นมาพร้อมๆกัน อย่างราคาน้ำมันที่ใช้ทอดไก่ตอนนี้ จากที่ซื้อถุงละ 65 บาท ตอนนี้ร้านส่งแจ้งปรับล๊อตหน้าเป็น ราคา 75 บาท ส่วนน้ำมันถังก็ปรับขึ้นราคามาอีก 20 บาท/ถัง จากถังละ 340 บาท เป็น 360 บาท แป้งทอดกล่องละ 10 ถุง ขึ้นมาอีกกล่องละ 10 บาท เรียกได้ว่าตอนนี้ราคาสินค้าทุกอย่างไม่คงที่
 
“ทำให้เราคิดราคาต้นทุนต่อวันไม่ได้เลย ถ้าเฉลี่ย เป็นเดือนรวมแล้วก็ขึ้นไปเยอะพอสมควร อย่างราคาไก่สดตอนนี้ ขึ้นราคาทุก 3-4 วัน และตอนนี้ราคาไก่สดน่องเล็ก จากเคยซื้อกิโลกรัมละ 60 บาท ขยับขึ้นมาเป็นกิโลกรัมละ 75 บาท โครงไก่จากเดิมเคยซื้อถุงละ 100 กว่าบาท ตอนนี้กลายเป็น ถุงละ 250 บาทแล้ว รวมทั้ง ราคาแก๊สตอนนี้ก็ขึ้นตามมาด้วยเช่นเดียวกัน จากเดิมซื้อถังละ 340 บาท เป็น 360 บาท โดยตอนนี้ที่ร้านยังคงขายราคาเดิมไว้ให้ได้มากที่สุด มีเพียงบางตัวเท่านั้นที่ต้องขยับราคาขึ้น แต่ถ้าหากรอบหน้าราคาสินค้ายังปรับขึ้นมาอีกก็คงจะต้องปรับราคาขายขึ้นทุกรายการ เพราะอย่างน้ำมันนั้นที่ร้านจะใช้ที่วันละประมาณ 10 ขวด หรือมากสุดที่ 1 ลัง ( 12 ขวด) อยู่แต่อยู่ที่ยอดขายของแต่ละวันด้วยเช่นกัน” นางสาวกมลชนก  กล่าว



สมาคมขนส่งสินค้าอีสาน วอนรัฐทบทวนขึ้นราคาดีเซลอีกครั้ง
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3320537
 
สมาคมขนส่งสินค้าอีสาน วอนรัฐทบทวนขึ้นราคาดีเซลอีกครั้ง ขณะที่ผู้ประกอบการรถร่วมบริการโคราช เตรียมยื่น 2 ทางเลือกให้รัฐบาล
 
วันที่ 2 พฤษภาคม 2565  นายสมคิด กิ่งกรดกลาง นายกสมาคมขนส่งสินค้าภาคอีสาน กล่าวว่า ภายหลังจากที่คณะกรรมการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ กบน.มีมติเห็นชอบให้มีการปรับราคาน้ำมันดีเซลขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 32 บาทต่อลิตร โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 65 เป็นต้นไป และจะมีการปรับราคาขึ้นเป็นขั้นบันไดนั้น ก็ทำให้ผู้ประกอบการรถขนส่งสินค้าทั่วประเทศ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
 
ซึ่งสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ที่มีสมาคมขนส่งสินค้าทั่วประเทศเป็นสมาชิกอยู่ 10 สมาคม ก็ได้มีการส่งตัวแทนเดินทางไปยื่นหนังสือต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 28 เม.ย.65 ที่ผ่านมา โดยมีตัวแทนนายกฯ เป็นผู้เดินทางมารับหนังสือ เพื่อขอให้รัฐบาลได้ทบทวนนโยบายการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลอีกครั้ง เพราะตอนนี้ถ้ายังปล่อยให้ราคาน้ำมันดีเซลลอยตัวอยู่อย่างนี้ต่อไปอีก
  
ทางผู้ประกอบการรถขนส่งสินค้าต่างๆ ก็คงจะต้องขึ้นค่าขนส่งอย่างน้อย 20% เพื่อให้สอดคล้องกับราคาต้นทุนน้ำมันดีเซลที่สูงขึ้น โดยในสัปดาห์หน้าทางสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย จะเรียกสมาชิกทั้ง 10 สมาคม มาหารือเพื่อหาข้อสรุปว่าจะเอาอย่างไรต่อไปอีกครั้ง
 
ด้านนายชัยวัฒน์ วงศ์เบญจรัตน์ ผู้ประกอบการรถร่วมบริการ บริษัท นครชัยทัวร์ จำกัด กล่าวว่า สำหรับการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลของรัฐบาลในครั้งนี้ ก็ส่งผลให้ผู้ประกอบการรถร่วมบริการทั่วประเทศ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เพราะเดิมทีทางกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ก็พยายามขอความร่วมมือให้รถร่วมบริการทั้งหลาย ตรึงราคาค่าโดยสารไว้ ในอัตราราคาน้ำมันดีเซลที่ 27 บาท
 
แม้ว่าช่วงที่เกิดปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 หนักๆ ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดีเซลจะพุ่งสูงไปถึง 30 บาทแล้วก็ตาม แต่เราก็พยายามไม่ขึ้นราคา ยังคิดค่าโดยสารตามราคาน้ำมันดีเซลที่ 27 บาทอยู่เหมือนเดิม เพราะหวังว่าสถานการณ์จะไม่ยืดเยื้อ แต่ในขณะนี้รัฐบาลกลับปล่อยให้ราคาน้ำมันดีเซลลอยตัวทะลุ 32 บาท และยังปรับขึ้นเป็นขั้นบันไดไปอีก ทำให้ขณะนี้กลุ่มผู้ประกอบการรถร่วมบริการทั่วประเทศ ได้รับผลกระทบกันอย่างหนัก
 
ซึ่งสัปดาห์นี้กลุ่มผู้ประกอบการรถร่วมบริการในพื้นที่ จ.นครราชสีมา จะเดินทางไปหารือกับกลุ่มผู้ประกอบการรถร่วมบริการทั่วประเทศ ที่กรุงเทพมหานคร โดยจะยื่นข้อเสนอให้รัฐบาล 2 แนวทาง ได้แก่ 
 
1. ขอให้รัฐบาลใช้เงินช่วยอุดหนุนรถร่วมบริการป้ายเหลือง เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบเรื่องค่าต้นทุนน้ำมันที่สูง 
 
2. หากรัฐบาลยืนยันว่าจะไม่อุดหนุน ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด คือต้องให้รถร่วมบริการขึ้นค่าโดยสารตามต้นทุนราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งรัฐบาลจะต้องเลือกเอาแนวทางใดแนวทางหนึ่ง ที่เหมาะสมที่สุด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่