JJNY : 5in1 พท.ไม่ทิ้งคนรากหญ้า│แม่ค้ากล้วยทอดวอนช่วยปชช.│เขียงหมูยะลาขึ้นราคา│ร้านลูกชิ้นดังปิดชั่วคราว│IMFเตือนเอเซีย

'ชนินทร์' สะท้อนปัญหา 'สมัชชาคนจน' ย้ำ 'เพื่อไทย' ไม่ทิ้งคนรากหญ้า
https://voicetv.co.th/read/mGgFkIHa2
 
 
รองโฆษกเพื่อไทย สะท้อนปัญหาสมัชชาคนจน ย้ำพรรคฯไม่ทิ้งคนรากหญ้า หลังรัฐบาลประยุทธ์ ปล่อยตามยถากรรมนาน 8 ปี เกษตรกร ทิ้งอาชีพ หารายได้อื่นประทังชีวิต
 
ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เข้าร่วมรับฟังปัญหาพี่น้องเกษตรกร ในเวทีสัญจรสมัชชาคนจนครั้งที่ 2 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ จัดโดยสมัชชาคนจน 
 
ชนินทร์ กล่าวว่า ผู้เข้าร่วมเสวนาได้สะท้อนปัญหาความเดือดร้อนว่าตลอด 8 ปีที่ผ่านมาการบริหารงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ทำร้ายและทำลาย เกษตรกรอย่างมหาศาล ปัจจุบันจำนวนครัวเรือนเกษตรกรในประเทศไทยมีจำนวนลดลงเรื่อยๆ มีรายได้ไม่เพียงพอเลี้ยงชีพ เกษตรกรผู้เฒ่าผู้แก่ต่างผลักดันลูกหลานให้ไปทำอาชีพอื่น เพราะอาชีพเกษตรกรถูกทำให้ไม่มีเกียรติ ไร้คุณค่า ปัจจุบันเกษตรกรไทยกว่า 70% ไม่สามารถเลี้ยงชีพได้ด้วยรายได้จากการทำเกษตร ต้องพึ่งพารายได้หลักจากงานบริการแทน จนอาจกล่าวได้ว่า ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรในยุค พล.อ.ประยุทธ์ “ถูกบังคับให้จน” จนทั้งรายได้ที่ตกต่ำ และจนทั้งโอกาสที่จะลืมตาอ้าปาก ไม่สามารถพัฒนาอาชีพของตัวเอง เพราะรัฐบาลไม่มีศักยภาพเพียงพอในการหาตลาดให้กับสินค้าเกษตร จึงทำให้ผลผลิตทางการเกษตรต้องรอการขายให้กับตลาดภายในประเทศเพียงอย่างเดียว สินค้าเกษตรที่รอเวลาขายไม่ได้ ก็ต้องยอมรับความเสียหาย เช่น ผัก ผลไม้ และสินค้าเกษตรอื่นท่ีถึงฤดูการเก็บเกี่ยวจำเป็นต้องขาย หากขายไม่ได้ก็ต้องทิ้ง ในขณะเดียวกันชาวนาซึ่งเป็นเกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศ ต้องเก็บข้าวค้างยุ้งฉาง ไม่สามารถขายได้ เพราะราคาข้าวตกต่ำ มูลค่าการส่งออกตกต่ำลงเรื่อยๆจนแพ้เวียดนามาหลายปี และรัฐบาลยังล้มเหลวในการควบคุมต้นทุนการผลิตให้เกษตรกร ปล่อยให้ราคาปุ๋ย น้ำมันเชื้อเพลิง และอาหารสัตว์ พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนคล้ายกับการ “สร้างกับดักทางการเกษตร” เพราะเมื่อต้นทุนพุ่งสูงแต่ราคาผลผลิตตกต่ำ สุดท้ายบาปกรรมตกที่เกษตรกร คือยิ่งทำยิ่งเจ๊ง ทั้งนี้ ทางเครือข่ายเกษตรกรได้ฝากข้อเรียกร้องให้ทางภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหาต้นทุนการผลิต สิทธิ์ในการบริหารจัดการแหล่งน้ำและเมล็ดพันธุ์ต่างๆโดยชุมชนเอง ตลอดจนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเพิ่มเติมสิทธิของพี่น้องเกษตรกรให้เสมอภาคกับอาชีพอื่นๆ
 
ชนินทร์ ยืนยันกับพี่น้องเกษตรกรว่า จากการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 ของพรรคเพื่อไทยในวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยยืนยันจุดยืนเคียงข้างพี่น้องรากหญ้าทั่วประเทศ สิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาให้เกษตรกร โดย
 
1. หาตลาดเร่งระบายสินค้า
 
2. ควบคุมต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรทันที 
 
3. ส่งเสริมการพัฒนาการเกษตรอย่างเป็นระบบ ด้วยการพัฒนาสายพันธุ์ นำเทคโนโลยี AI เข้ามาร่วมวางแผนการทำการเกษตร 
 
4. ส่งเสริมการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร เพื่อเพิ่มมูลค่าและยืดอายุสินค้าสำหรับสับเปลี่ยนขายผลผลิตนอกฤดู 
 
5. แก้ไขปัญหาไม่มีที่ดินทำกินและขาดเงินทุนในการพัฒนาอาชีพ
 
“ผลงาน พล.อ.ประยุทธ์เป็นที่ประจักษ์ว่า อยู่มาจะครบ 8ปี ไม่เคยแก้ไขปัญหาเกษตรกรได้สักเรื่อง เกษตรกรจนลงเรื่อยๆ อีกทั้งปล่อยม็อบชาวนาเคว้งหน้ากระทรวงการคลังกว่า 2 เดือน นับเป็นยุคมืดที่เกษตรกรไทยถูกปฏิบัติอย่างไร้เกียรติ หากรัฐบาลเพื่อไทยได้กลับมาบริหาร เราจะพลิกฟื้นความมั่งคั่งให้เกษตรกรไทย พัฒนาการเกษตรให้ทันสมัย ให้เกษตรกรไทยกลับมาภาคภูมิใจได้อีกครั้ง” ชนินทร์ กล่าว
  

 
แม่ค้ากล้วยทอด วอนรัฐช่วย ปชช. วัตถุดิบพาเหรดขึ้นราคา หลังก๊าซหุงต้มปรับสูงขึ้น
https://www.matichon.co.th/region/news_3310132
 
แม่ค้ากล้วยทอด วอนรัฐช่วย ปชช. วัตถุดิบพาเหรดขึ้นราคา หลังก๊าซหุงต้มปรับสูงขึ้น
 
เมื่อวันที่ 26 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่กระทรวงพลังงานปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) เดือนละ 1 บาทต่อกิโลกรัม เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายน 2565 ส่งผลให้ราคาก๊าซหุงต้มขยับจาก 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ในเดือนเมษายน อยู่ที่ 333 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม, เดือนพฤษภาคม อยู่ที่ 348 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม และเดือนมิถุนายน อยู่ที่ 363 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ซึ่งทั้งหมดเป็นราคากลาง
 
ที่ร้านสมบูรณ์ สโตร์ ตั้งอยู่เลขที่ 488 ถ.หน้าเมือง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเปิดจำหน่ายถังแก๊สและรับเปลี่ยนเติมแก๊ส พบว่าได้มีการปรับราคาขึ้นตามที่รัฐบาลประกาศพร้อมค่าขนส่งอยู่ที่ถังขนาด 48 กก.ราคา 1073 บาท ถังขนาด 15 กก. ราคา 365 บาท ถังขนาด 11.5 กก. และ 13.5 กก. อยู่ที่ราคา 332/334 บาท ถังขนาด 7 กก. อยู่ที่ราคา 200/260 บาท และถังขนาด 4 กก. อยู่ที่ราคา 155/175 บาทต่อถัง
 
นายสมบูรณ์ ดวงดีทวีทรัพย์ อายุ 75 ปี เจ้าของร้านสมบูรณ์ สโตร์ กล่าวว่า ขณะนี้ทางร้านได้มีการปรับราคาขึ้นตามที่รัฐบาลประกาศ เป็นเวลา3เดือน ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ราคาขึ้นนั้นมองว่า อยู่กับสถานการณ์โลกเช่นสงคราม จะส่งผลต่อราคามีความผันผวนปรับราคาขึ้น ซึ่งตลอดที่ผ่านมานั้น ราคาแก๊สจะมีแต่เพิ่มขึ้นไม่มีลด แต่ก็ต้องชื่นชมรัฐบาลในการบริหารจัดการเรื่องราคาที่มีกองทุนน้ำมันฯคอยซัพพอร์ตให้ราคาไม่พุ่งสูง โดยไทยนั้นถือว่าราคาแก๊สLPG ถูกกว่าทุกประเทศในแถบเพื่อนบ้าน ซึ่งก็ทำได้เพียงภาวนาไม่ให้ราคาขึ้นอีก
 
ขณะที่ร้านขายกล้วยทอดรถพ่วงข้าง ขายในเขตเทศบาลนครขอนแก่น นางสาววนิศรากรก์ แห้วดี 48 ปี ชาวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า เรื่องราคาแก๊สหุงต้มขึ้นราคานั้นทราบว่าขึ้น แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจว่าขึ้นเท่าไหร่ เพราะตนเองมีอาชีพขายกล้วยทอด มันทอด และขนมไข่เต่า จำเป็นต้องซื้อมาใช้ทุกวัน ซึ่งตนเองจะเลือกวิธีนำถังแก๊สไปเติมเอง เต็มถังจะอยู่ที่ประมาณ 450 บาท เป็นถังขนาด 15 กก. แต่ที่ร้านหากเปลี่ยนถังราคา 365 บาท จะได้ไม่เต็มเท่าเติมเองและเชื่อว่านำไปเติมเองจะคุ้มกว่าเปลี่ยนถังที่ร้านและไม่ใช่เฉพาะแก๊สที่ขึ้นราคา วัตถุดิบในการทำทุกอย่างต่างยกพาเหรดกันขึ้นราคาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นมันที่มีการขึ้นราคาต่อเนื่องโดยเฉพาะปีนี้ รวมทั้งน้ำมันปาล์มที่ใช้ทอด น้ำตาล แป้ง และอื่นๆ ทำให้ทางร้านต้องปรับตัวโดยจำเป็นต้องลดจำนวนชิ้นลงเมนูละ 1 ชิ้น แต่ราคา 20บาทเท่าเดิม ไม่เช่นนั้นตนเองก็สู้ไม่ไหว หากจะไปเพิ่มราคาก็เห็นใจลูกค้าที่ต้องซื้อแพงขึ้น

อยากให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้องและราคาสินค้าให้สมเหตุสมผลกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะตนเองก็ไม่รู้จะไปประกอบอาชีพอะไรเพราะทำอาชีพมีมาตั้งแต่ต้นแล้ว
 

 
เขียงหมูยะลา ปรับขึ้นราคา กก.ละ 220 บาท ปชช.เดือดร้อน วอนรัฐแก้ไขโดยด่วน
https://www.matichon.co.th/region/news_3310344
 
เขียงหมูยะลา ปรับขึ้นราคา กก.ละ 220 บาท ปชช.เดือดร้อน วอนรัฐแก้ไขโดยด่วน
 
เมื่อวันที่ 26 เมษายา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เขียงหมู ในเขตเทศบาลเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา พบว่าราคาเนื้อหมูมีการปรับขึ้นราคามา 2 วันแล้ว สืบเนื่องจากราคาหมูหน้าฟาร์มปรับราคาขึ้นอยู่ที่กิโลกรัมละ 100 บาท ทำให้ต้องปรับราคาเนื้อหน้าเขียงขึ้นตามไปด้วย ในขณะเดียวกันบรรดาร้านขายหมูปิ้งบางร้านปรับราคาขึ้นไม้ละ 6 บาท แต่บางร้านยังคงขายราคาไม้ละ 5 บาท เพราะเห็นใจประชาชนที่ต้องมาแบกภาระหลายอย่างในช่วงนี้
 
โดยหมูสามชั้น และสันคอ ปรับราคาขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 220 บาท เนื้อสันในกิโลกรัมละ 220 บาท เนื้อสันนอก กิโลกรัมละ 220 บาท เนื้อแดงกิโลกรัมละ 200 บาท หมูบด กิโลกรัมละ 200 บาท ซี่โครง กิโลกรัมละ 200 บาท ส่งผลให้เขียงหมูในตลาดแห่งนี้เงียบเหงา ประชาชนสู้ราคาไม่ไหว ประกอบกับในพื้นที่จังหวัดยะลา ยังมีการระบาดของเชื้อโควิด–19 พบผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่องในทุกๆ วัน จึงทำให้ประชาชน ไม่กล้าออกมาเดินตลาด ยอดการซื้อเนื้อหมูกลับมาลดลงอีกครั้ง
 
แม่ค้าแผงหมูสด กล่าวว่า สาเหตุที่ราคาหมูปรับขึ้น เป็นเพราะค่าอาหารสัตว์ปรับราคาขึ้น ทำให้หมูหน้าฟาร์มต้องปรับราคาขึ้นตาม ซึ่งตอนนี้ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มที่อำเภอหาดใหญ่ อยู่ที่ประมาณ 98 บาท บวกเพิ่มค่าขนส่งกิโลกรัมละ 5บาท รวมแล้วก็ 103 บาทแล้ว แต่สหกรณ์เบตงหมูเป็นยังอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 100 บาทอยู่ แต่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นเช่นกัน ซึ่งตอนนี้บรรดาประชาชนที่มาซื้อต่างเดือดร้อนที่สุด แล้วก็ไม่มีกำลังซื้อ ทำให้ยอดขายลดลงจากวันละ หมู 5 ตัวตอนนี้เหลือวันละ 1 ตัว ตลอดจนร้านอาหารที่มีความต้องการบริโภคมากขึ้น เพราะเปิดประเทศและเริ่มที่จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ หลังมีการผ่อนคลาย ขณะที่ราคาวัตถุดิบอาหารอื่นๆ เช่น ผัก น้ำมันพืช ไข่ไก่ก็มีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
 
ซึ่งจะกระทบต่อทั้งผู้ขายปลีก โดยเฉพาะรายย่อย ร้านอาหาร ตลอดจนผู้บริโภคที่มีค่าใช้จ่ายด้านอาหารต่อคนต่อเดือน เพิ่มขึ้นอีก ท่ามกลางภาวะที่ค่าใช้จ่ายด้านอื่น ๆ ก็เริ่มมีสัญญาณปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน โดยประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อหมูนั้นต่างบอกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ 300 บาท หากจะซื้อหมูเป็นกิโลเพื่อนำกลับไปทำอาหารก็แทบจะไม่มีเงินเหลือไว้ซื้ออย่างอื่นเลยด้วยซ้ำ เพราะหมูกิโลกรัมละ 220 เหลือ 80 บาทจะซื้อผัก หรืออย่างอื่นมาปรุงแทบไม่พอ
 
นอกจากนี้น้ำมันก็ขึ้นราคาอย่างต่อเนื่อง ข้าวของต่าง ๆ ก็ยังมาขึ้นราคาขยับตามอีก ซึ่งในตอนนี้สวัสดิการต่างๆ รัฐที่ช่วยเหลือประชาชนก็ไม่มี ทำให้ช่วงนี้ได้รับผลกระทบกันทั่วหน้า หากทางรัฐบาลยังไม่ปรับการขึ้นราคาหรือตรึงราคาไว้ค่าครองชีพของแต่ละคนก็จะไม่ไหว แทบจะอดตายกันอยู่ วอนให้รัฐบาลนั้นแก้ไขปัญหาโดยด่วนหรือไม่ก็จัดสวัสดิการต่างๆ เพื่อช่วยประชาชน
 

 
ราคาปลาเพิ่มขึ้นเท่าตัว ร้านลูกชิ้นดัง แบกต้นทุนไม่ไหว ปิดชั่วคราวทุกสาขา
https://www.thairath.co.th/news/society/2377796
 
ร้านลูกชิ้นปลาชื่อดัง ประกาศปิดบริการทุกสาขาชั่วคราว ตั้งแต่ 27 เม.ย. 65 เผย แบกรับต้นทุนไม่ไหว หลังราคาปลาปรับขึ้น 1 เท่าตัว
  
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กเพจ "ลูกชิ้นปลาบรรทัดทอง ที่1 จส.100" ซึ่งเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา ได้โพสต์ข้อความแจ้งลูกค้าของทางร้านว่า ขอหยุดขายทุกสาขาเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย. 65 เป็นต้นไป โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากราคาปลาในตลาดวันนี้ผันผวนเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เปิดร้านมาลูกชิ้นปลาบรรทัดทองมา ไม่เคยพบกับสถานการณ์แบบนี้มาก่อน
 
ตั้งแต่ก่อนสงกรานต์ ราคาปลาได้ขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหลังสงกรานต์ ราคาปลาเพิ่มมา 50% แต่ทางร้านยังแบกรับต้นทุนเพื่อขายให้ลูกค้าได้ แต่มาวันนี้ราคาปลาได้ปรับขึ้น 100% เพิ่มขึ้น 1 เท่าตัวจากราคาปกติ เมื่อคำนวณต้นทุนแล้วพบว่าไม่สามารถเปิดร้านขายได้
 
ทั้งนี้ ทางร้านไม่อยากเอาปลาเกรดต่ำที่ราคาถูกกว่านี้มาใช้ผลิตลูกชิ้นปลา เพราะไม่อยากลดคุณภาพให้ลูกค้าผิดหวัง และไม่อยากปรับราคาขายให้ลูกค้าแบกรับต้นทุนเพิ่มอีกเช่นกัน
 
จึงขอหยุดร้านทุกสาขาเป็นการชั่วคราว เพื่อดูสถานการณ์วันต่อวัน มีผลตั้งแต่วันพุธที่ 27 เมษายน 2565 เป็นต้นไป โดยจะแจ้งสถานการณ์ให้ลูกค้าทราบผ่านเพจ และ Line official ของทางร้าน.
  
ที่มาจาก : เฟซบุ๊ก ลูกชิ้นปลาบรรทัดทอง ที่1 จส.100
 
https://www.facebook.com/buntudthongpochana/posts/4502355989867308
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่