หายไปนาน รู้สึกคิดถึงเพื่อน ๆ นักอ่านนักเขียนชาวพันทิป เอางานมาให้อ่านกันเรื่องหนึ่งค่ะ เป็นเรื่องเล่าหลอน ๆ ของลิ ขอสงวนลิขสิทธิ์นะคะ ไม่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ทางช่องทางไหน โดยไม่ขอคนเขียนก่อนค่ะ
ผีดอนแม่ม่าย
โดย...ล. วิลิศมาหรา
ผมเป็นคนภาคกลาง แต่ด้วยบุพเพสันนิวาสหรือเป็นคู่กรรมอะไรก็ตาม ผมได้ภรรยาเป็นคนอีสาน จึงมาเป็นเขยอยู่ที่นี่กับยุพาเมียสาวของผม ยุพาเป็นสาวอีสานที่มีความสวยแบบบ้าน ๆ แต่ถูกใจผมมาก ผมได้ย้ายจากบ้านเกิดไปอยู่กับเธอที่ดินแดนแห่งเสียงแคน
บ้านของยุพาอยู่ในชนบท จะเรียกว่าบ้านนอกก็ไม่ผิด เพราะพ่อแม่เธอหรือพ่อตาแม่ยายของผมนั่นแหละ รวมทั้งญาติพี่น้องทุกคน ต่างมีอาชีพทำไร่ทำนา และมีบ้านช่องอยู่แถวกลางทุ่งนานั่นเอง อยู่กินกันแบบพอเพียง แต่หมู่บ้านไม่ถึงกับกันดาร บ้านพ่อตาผมอยู่ใกล้แม่น้ำ ยิ่งฤดูน้ำฝนมีน้ำหลาก จึงมีน้ำท่าใช้พอเพียงกับการบริโภคและทำไร่ทำนา
ผมโชคดีหน่อยที่เมียผมเป็นลูกสาวคนเดียว จึงไม่เดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัย เราอยู่กันสี่คน คือผมกับเมีย และพ่อตาแม่ยาย บ้านช่องของพ่อตานับว่ากว้างขวางดีอยู่ ผมช่วยพ่อตาทำไร่ทำนา แม้ตอนแรก ๆ จะไม่ถนัดทำนาแบบภาคอีสาน แต่อยู่ไปทำไปก็ชินไปเอง
ในฤดูฝนอันชุ่มฉ่ำ ต้นข้าวในนาเริ่มเจริญเติบโต มองไปทางไหนก็เห็นเป็นทิวข้าวเขียวขจีสวยงาม กิจกรรมอย่างหนึ่งของคนในชนบทแห่งนี้คือ พอฝนตกทีไรก็จะมีมหกรรมจับกบ คืนหนึ่ง ฝนที่ตกตั้งแต่ตอนเย็นยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก คำใสเพื่อนบ้านของผมคนหนึ่ง มาพบผมที่ร้านเหล้าในหมู่บ้าน มันเอ่ยปากชวนให้ไปจับกบด้วยกันที่กลางทุ่งนา เพราะฝนตกแบบนี้กบมันจะออกจากโพรงมาผสมพันธุ์กัน ผมตอบตกลงมันไป เพราะมาอาศัยอยู่บ้านพ่อตา ถ้าขี้เกียจเขาคงไม่ชอบใจเอาแน่ ถึงแม้ผมจะไม่เคยจับกบมาก่อน และไม่คุ้นเคยกับอุปกรณ์จับกบทั้งหลาย อีกทั้งไม่ค่อยออกจากบ้านในตอนกลางคืน ซึ่งคำใสก็ได้อธิบายวิธีจับกบโดยละเอียด ค่ำวันนั้นผมจึงเตรียมตัวใส่เสื้อกันฝน มีไฟฉายชนิดติดหน้าผาก และข้องใส่กบใบเขื่อง ร้อยเชือกมาผูกไว้ที่เอว ไม่นาน คำใสก็มาเรียกให้ลงบ้านไปหา เมียผมมองแล้วแซวยิ้ม ๆ ว่า ท่าทางของผมดูทะมัดทะแมงดี สงสัยคงจับกบได้มาเต็มข้องอย่างแน่นอน ผมยักคิ้วให้เธอ
ฝนยังตกพรำ ๆ ผมพร้อมคำใสขี่รถมอเตอร์ไซค์พากันมาที่ทุ่งนา เราเดินลุยลงไปในท้องทุ่งที่มีต้นข้าวขึ้นสูงถึงเกือบอก เดินไปตามคันนา คำใสหันมาบอกผมว่า ถ้าเดินตามกันแบบนี้ไม่มีทางได้กบหรอก ต้องแยกย้ายกันไป ดังนั้นผมจึงแยกกับมัน ส่องไฟฉายที่ติดหน้าผากดูตามคันนา เดินไปอย่างช้า ๆ หลายครั้งที่ผมเห็นแสงสะท้อนกลับมาเข้าตา เพราะแสงไฟฉายส่องไปกระทบดวงตาของกบเขียด แต่ด้วยความไม่ชำนาญ พวกมันจึงโดดหนีไปเสียก่อนที่ผมจะทันได้จับมัน บางครั้งแสงสะท้อนกลับมา พอเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็กลายเป็นแมงมุมไป ผมลุยสายฝนไปตามคันนา หันไปมองทางด้านข้าง เห็นแสงไฟฉายของคำใสอยู่ไกล ๆ สงสัยว่ามันคงได้กบเขียดไปหลายตัวแล้ว ส่วนผมได้เขียดเพียงไม่กี่ตัว ผมไม่ยอมแพ้ ต้องจับกบให้ได้สักตัว เอาไปอวดเมียเพื่อลบคำสบประมาท
(มีต่อ)
เรื่องหลอน...ผีดอนแม่ม่าย
ผีดอนแม่ม่าย
โดย...ล. วิลิศมาหรา
ผมเป็นคนภาคกลาง แต่ด้วยบุพเพสันนิวาสหรือเป็นคู่กรรมอะไรก็ตาม ผมได้ภรรยาเป็นคนอีสาน จึงมาเป็นเขยอยู่ที่นี่กับยุพาเมียสาวของผม ยุพาเป็นสาวอีสานที่มีความสวยแบบบ้าน ๆ แต่ถูกใจผมมาก ผมได้ย้ายจากบ้านเกิดไปอยู่กับเธอที่ดินแดนแห่งเสียงแคน
บ้านของยุพาอยู่ในชนบท จะเรียกว่าบ้านนอกก็ไม่ผิด เพราะพ่อแม่เธอหรือพ่อตาแม่ยายของผมนั่นแหละ รวมทั้งญาติพี่น้องทุกคน ต่างมีอาชีพทำไร่ทำนา และมีบ้านช่องอยู่แถวกลางทุ่งนานั่นเอง อยู่กินกันแบบพอเพียง แต่หมู่บ้านไม่ถึงกับกันดาร บ้านพ่อตาผมอยู่ใกล้แม่น้ำ ยิ่งฤดูน้ำฝนมีน้ำหลาก จึงมีน้ำท่าใช้พอเพียงกับการบริโภคและทำไร่ทำนา
ผมโชคดีหน่อยที่เมียผมเป็นลูกสาวคนเดียว จึงไม่เดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัย เราอยู่กันสี่คน คือผมกับเมีย และพ่อตาแม่ยาย บ้านช่องของพ่อตานับว่ากว้างขวางดีอยู่ ผมช่วยพ่อตาทำไร่ทำนา แม้ตอนแรก ๆ จะไม่ถนัดทำนาแบบภาคอีสาน แต่อยู่ไปทำไปก็ชินไปเอง
ในฤดูฝนอันชุ่มฉ่ำ ต้นข้าวในนาเริ่มเจริญเติบโต มองไปทางไหนก็เห็นเป็นทิวข้าวเขียวขจีสวยงาม กิจกรรมอย่างหนึ่งของคนในชนบทแห่งนี้คือ พอฝนตกทีไรก็จะมีมหกรรมจับกบ คืนหนึ่ง ฝนที่ตกตั้งแต่ตอนเย็นยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก คำใสเพื่อนบ้านของผมคนหนึ่ง มาพบผมที่ร้านเหล้าในหมู่บ้าน มันเอ่ยปากชวนให้ไปจับกบด้วยกันที่กลางทุ่งนา เพราะฝนตกแบบนี้กบมันจะออกจากโพรงมาผสมพันธุ์กัน ผมตอบตกลงมันไป เพราะมาอาศัยอยู่บ้านพ่อตา ถ้าขี้เกียจเขาคงไม่ชอบใจเอาแน่ ถึงแม้ผมจะไม่เคยจับกบมาก่อน และไม่คุ้นเคยกับอุปกรณ์จับกบทั้งหลาย อีกทั้งไม่ค่อยออกจากบ้านในตอนกลางคืน ซึ่งคำใสก็ได้อธิบายวิธีจับกบโดยละเอียด ค่ำวันนั้นผมจึงเตรียมตัวใส่เสื้อกันฝน มีไฟฉายชนิดติดหน้าผาก และข้องใส่กบใบเขื่อง ร้อยเชือกมาผูกไว้ที่เอว ไม่นาน คำใสก็มาเรียกให้ลงบ้านไปหา เมียผมมองแล้วแซวยิ้ม ๆ ว่า ท่าทางของผมดูทะมัดทะแมงดี สงสัยคงจับกบได้มาเต็มข้องอย่างแน่นอน ผมยักคิ้วให้เธอ
ฝนยังตกพรำ ๆ ผมพร้อมคำใสขี่รถมอเตอร์ไซค์พากันมาที่ทุ่งนา เราเดินลุยลงไปในท้องทุ่งที่มีต้นข้าวขึ้นสูงถึงเกือบอก เดินไปตามคันนา คำใสหันมาบอกผมว่า ถ้าเดินตามกันแบบนี้ไม่มีทางได้กบหรอก ต้องแยกย้ายกันไป ดังนั้นผมจึงแยกกับมัน ส่องไฟฉายที่ติดหน้าผากดูตามคันนา เดินไปอย่างช้า ๆ หลายครั้งที่ผมเห็นแสงสะท้อนกลับมาเข้าตา เพราะแสงไฟฉายส่องไปกระทบดวงตาของกบเขียด แต่ด้วยความไม่ชำนาญ พวกมันจึงโดดหนีไปเสียก่อนที่ผมจะทันได้จับมัน บางครั้งแสงสะท้อนกลับมา พอเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็กลายเป็นแมงมุมไป ผมลุยสายฝนไปตามคันนา หันไปมองทางด้านข้าง เห็นแสงไฟฉายของคำใสอยู่ไกล ๆ สงสัยว่ามันคงได้กบเขียดไปหลายตัวแล้ว ส่วนผมได้เขียดเพียงไม่กี่ตัว ผมไม่ยอมแพ้ ต้องจับกบให้ได้สักตัว เอาไปอวดเมียเพื่อลบคำสบประมาท
(มีต่อ)