สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาวพันทิป
วันนี้เราจะมาแชร์ Roadtrip ไปเที่ยวน่าน ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร สถานที่ต่างๆ ที่เราแวะ
Ps. โร้ดทริปนี้เราไปเที่ยวมาตั้งแต่มีนาคม 2021 แล้ว แต่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมเขียนนี่นา T T
ทั้งนี้ทั้งนั้น เราจดการเดินทางของเราทุกอย่างไว้ในสมุดบันทึก รายละเอียดทุกอย่างจึงยังครบถ้วน
Ps2. ภาพที่เราใช้ เป็นภาพที่เราถ่ายเอง ภาพที่พักไม่ได้รับการตกแต่งใดๆ ทั้งสิ้น
เพื่อให้ทุกคนเห็นสถานที่จริง ไร้การโฆษณาใดๆ ทั้งสิ้น และเราจ่ายเงินเองทุกบาททุกสตางค์
สถานที่ใดที่เราชม คือดีจริง ไม่อวย แต่ถ้าไม่ดี เราจะบอกว่าไม่ดี
ตรงไปตรงมาค่ะ
โอเค เรามาเริ่มการเดินทางกันเลยดีกว่า
วันแรกของทริปเรา เราออกเดินทางช่วงบ่ายๆ ไปนอนที่ 'ชินะปุระ'
โรงแรมชินะปุระ คือโรงแรมเชิงท่องเที่ยวแนวประวัติศาสตร์ของเมืองพิษณุโลกที่เต็มไปด้วยเรื่องราวสมัยสุโขทัย ล้านนา อยุธยา
คำว่า 'ชินะปุระ' นั้น หมายถึง เมืองแห่งผู้ชนะ หรือ เมืองแห่งชินราช
โรงแรมแห่งนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากสงครามระหว่างสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาและพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์แห่งล้านนาในเวลานั้น อีกประการหนึ่งที่สำคัญคือในอดีตเมืองพิษณุโลกนี้เคยเป็นเมืองหน้าด่านระหว่างสุโขทัย อยุธยาและล้านนามาหลายร้อยปีนั่นจึงทำให้สถาปัตยกรรมต่างๆ ของโรงแรมชินะปุระออกมาเป็นการผสมผสานกันอย่างชัดเจน
ชั้น 2 โซน reservation desk มีพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กตั้งอยู่ เราสามารถเดินชมเพลินๆได้เลยค่ะ
ขนาดโรงแรมไม่ใหญ่ พื้นที่ค่อนข้างจำกัด สระว่ายน้ำเล็กม๊ากกกกกกกกกกกกกก ได้แค่ลงไปนั่งจุ้มปุ๊ก
ห้องของเราเป็น Deluxe Type
ภายในห้องตกแต่งสวย มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย ขนาดห้องไม่เล็กมาก และข้าวของเครื่องใช้ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้อย่างครบครัน
คืนนี้เราก็นอนหลับฝันดีราตรีสวัสดิ์
วันที่ 2 เรา check-out จากโรงแรมประมาณ 11 โมงเข้า
แวะไหว้พระที่วัดใหญ่ หรือ 'วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร'
พระพุทธชินราช เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของเมืองพิษณุโลกมาเป็นเวลานาน
มีการสันนิษฐานว่าพระพุทธชินราชสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1900 ตรงกับรัชสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) พระมหากษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย พร้อมกับพระพุทธชินสีห์ พระศรีศาสดา และพระเหลือ พระพุทธชินราชได้รับการยอมรับว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดองค์หนึ่งและยังเป็นพระพุทธรูปที่นิยมจำลองกันมากที่สุดในประเทศไทย
ประวัติโดยสังเขป
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ไม่มีหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นก่อนสมัยสุโขทัย และเป็นพระอารามหลวงมาแต่เดิม เพราะได้พบหลักฐานศิลาจารึกสุโขทัยมีความว่า พ่อขุนศรีนาวนำถมทรงสร้างพระทันตธาตุสุคนธเจดีย์ ...
ส่วนในพงศาวดารเหนือกล่าวไว้ว่า " ในราวพุทธศักราช ๑๙๐๐ พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก (พระมหาธรรมราชาลิไท) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ครองกรุงสุโขทัย ทรงมีศรัทธาเลื่อมใสในบวรพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังได้ทรงศึกษาพระไตรปิฎกและคัมภีร์ศาสนาอื่น ๆ จนช่ำชองแตกฉาน หาผู้ใดเสมอเหมือนได้ยาก พระองค์ได้ทรงสร้างวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ในฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่าน มีพระปรางค์อยู่กลาง มีพระวิหาร ๔ ทิศ มีพระระเบียง ๒ ชั้นและทรงรับสั่งให้ปั้นหุ่นหล่อพระพุทธรูปขึ้น ๓ องค์ เพื่อประดิษฐานเป็นพระประธานในพระวิหารทั้ง ๓ หลัง"
ต่อมาเมื่อ ปี พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯให้ยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร เมื่อ พ.ศ. 2458 ปัจจุบันจึงมีชื่อเต็มว่า วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร
ถัดจากวัดใหญ่ เรามุ่งหน้าสู่อุตรดิตถ์ เพื่อแวะทานอาหารกลางวันที่ร้าน Red Dragon
ร้านนี้เด่นอาหารจีนและน้ำชา การตกแต่งร้านจึงตกแต่งแบบจีน
ก๋วยจั๊บแห้ง รสชาตินัว กลมกล่อม (จานนี้ของเพื่อนเรา แต่เราแอบชิม ^ ^)
ผัดหมี่ฮกเกี๋ยน หมี่เส้นนุ่ม เนื้อกุ้งแน่นๆ เครื่องเยอะมากค่ะ รสชาติดี แต่มันไปหน่อย
Buddy บ๊วย & โซดา ไม่หวาน รสชาติซ่าโซดาและหวานเค็มบ๊วยแบบพอดี
ชา กลิ่นหอม ชุ่มคอดีค่ะ
เมื่อเราอิ่มท้อง เราก็มุ่งหน้าต่อไป
วัดพระธาตุช่อแฮ คือสถานที่ถัดมาที่เราแวะพักรถ แต่คนยังไม่พัก 555+
วัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวง เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดแพร่
ใครจะผ่านไป ผ่านมา ต้องมาแวะที่วัดนี้ ถ้าใครไม่ไปแสดงว่ามาไม่ถึงแพร่
... จนมีคำกล่าวว่า ถ้ามาเที่ยวจังหวัดแพร่ แต่ไม่ได้มานมัสการพระธาตุช่อแฮเหมือนไม่ได้มาจังหวัดแพร่
อีกทั้งวัดนี้เป็นวัดประจำปีของคนเกิดปีขาล
จากนั้น เราก็แวะ 'เสาหลักเมืองน่าน (วัดมิ่งเมือง)'
ประวัติ(ยาวกว่า)สังเขปเล็กน้อย
เสาหลักเมืองของจังหวัดน่านชาวพื้นเมืองจะเรียกเสาหลักเมืองว่า เสามิ่ง หรือเสามิ่งเมือง สร้างขึ้นโดยสมเด็จเจ้าฟ้าอัตถะวรปัญโญ เจ้าผู้ครองนครน่านองค์ที่ 57 โปรดให้ฝังเสาพระหลักเมืองน่านต้นปัจจุบันนี้เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2331 ณ สถานที่ที่ทรงเสี่ยงทาย คือที่ข้างวัดร้างเก่าซึ่งตั้งอยู่ห่างจากหอคำ (ปัจจุบันคือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน) โดยผู้รู้สันนิษฐานว่าวัดร้างนี้คือวัดห้วยไคร้ สมัยสุโขทัยแต่เดิมเสามิ่งเมืองมีลักษณะเป็นไม้สักทองขนาดใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 60 ซ.ม. สูงประมาณ 3 ม. หัวเสาเกลาเป็นรูปดอกบัวตูม ตัวเสาฝังลงกับพื้นโดยตรงไม่มีศาลครอบ จนกระทั่งในปี 2506 เมืองน่านได้เกิดน้ำท่วมใหญ่ แม่น้ำน่านไหลเข้าท่วมถึงเสามิ่งเมือง ตัวเสาอายุร้อยกว่าปีที่เริ่มผุกร่อนจึงโค่นล้มลง ต่อมาทางวัดมิ่งเมืองพร้อมด้วยพ่อค้าประชาชนชาวน่านจึงได้ร่วมกันนำเสามิ่งเมืองน่านต้นเดิมที่โค่นล้มลงนั้นมาเกลาแต่งใหม่ และสลักหัวเสาเป็นพระพรหมสี่หน้า รวมทั้งสร้างศาลทรงไทยจตุรมุขครอบเสามิ่งเมืองขึ้นเป็นครั้งแรก ในครั้งนั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ทรงเป็นองค์ประธานประกอบพิธีตั้งเสาหลักเมืองน่าน เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2516
หลังจากไหว้เสาหลักเมืองเรียบร้อย เราแวะฝากท้องที่ร้านเฮือนฮอม
เมนูมื้อเย็น
1. ปีกไก่ทอดเกลือ
อาหารทานเล่นรสชาติถูกปาก เค็มกำลังดี ตัดกับน้ำจิ้มหวานๆ
2. ปลากะพงซอสมะขาม
จานนี้ยกนิ้วโป้งสุดยอดให้เลยค่ะ แนะนำเลย
3. ยำผักหวาน
น้ำยำรสชาติเปรี้ยวหวานกำลังดี แซ่บพริกหน่อยๆ
4. แกงผักหวาน
เราไม่ได้ชิมเมนูนี้ เพราะเราไม่ทานไข่มดแดง แต่เป็นเมนูแนะนำของทางร้านนะคะ
ค่าใช้จ่ายอาหารรวม 525 บาท รวมน้ำเปล่า 1 ขวด
เมื่ออิ่มท้อง ตาก็เริ่มหนัก เรามุ่งหน้าสู่เมืองปัว
เพราะเพื่อนเราเลือกที่พักที่นั่น เลยต้องถ่างหนังตาหนักๆ ขับไปถึงปัว 5555+
กว่าจะถึงโรงแรมก็ปาไปเกือบ 3 ทุ่มค่ะ เพราะนั่งทานอาหารเย็นชิลไปหน่อย
โรงแรมคืนที่ 2 Homu Villa
การตกแต่งเป็นแบบญี่ปุ่น น้อยแต่มาก เน้นการใช้ไม้ไผ่เป็นหลัก
มีสระว่ายน้ำขนาดเล็กให้ว่ายเล่นพักผ่อน มีโซนน้ำตื้นสำหรับเด็กด้วย
ห้องที่เรานอนอยู่ชั้น 2 ตื่นเช้ามาจะเห็นวิวสวยๆ
"น่าน" ไง ไปอีกแล้วววววววว . . .