สวัสดีครับ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคนที่ได้แวะเข้ามาอ่านนะครับ ... สำหรับกระทู้นี้ผมได้มีโอกาสไปเที่ยว จังหวัดพิษณุโลก เมืองสองแคว ก็เลยไม่ลืมที่จะแวะทำบุญที่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร กราบ "พระพุทธชินราช" เพื่อเป็นศิริมงคลให้กับเราๆท่านๆ กันครับ ทั้งนี้ผมก็ไม่ลืมเก็บภาพสวยๆ แทรกเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆ มาฝากทุกๆคนกันครับ พร้อมแล้วเรามาเริ่มกันเลยครับ
หนึ่งในพระพุทธรูปที่ได้รับการยอมรับว่างดงามที่สุดในประเทศไทยก็จะมีชื่อ "พระพุทธชินราช" ติดอันดับอยู่ด้วยเสมอ พระพุทธชินราชนั้นประดิษฐานอยู่ ณ วิหารด้านตะวันตกในวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก
พระพุทธชินราชเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัยหล่อด้วยทองสำริด พุทธศิลป์ขององค์พระนั้นงดงามหาที่ติไม่ได้ เป็นฝีมือช่างชั้นสูงในสมัยนั้น พระวรกายอ่อนช้อยอวบอ้วนมีสังฆาฏิยาวปลายหยักเป็นเขี้ยวตะขาบ พระเนตรเรียวยาวได้สัดส่วน พระขนงโก่งโค้ง ปลายนิ้วพระหัตถ์ทั้ง 4 นิ้วเรียวยาวเสมอกัน (ทีฆงคุลี) ส่วนด้านบนพระเศียรมีพระเกตุมาลาเป็นเปลวเพลิงงดงามมาก
ลักษณะอย่างหนึ่งที่เด่นชัดของพระพุทธชินราชก็คือ ซุ้มเรือนแก้วที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งซุ้มเรือนแก้วนี้ทำด้วยไม้แกะสลักอย่างปราณีตงดงามมาก ว่ากันว่าซุ้มเรือนแก้วนี้สร้างขึ้นในภายหลังสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยสังเกตจากลักษณะลวดลายซึ่งสามารถระบุยุคสมัยได้
มีหลักฐานระบุว่าในปี พ.ศ. 2146 สมเด็จพระเอกาทศรถได้เสด็จแปรพระราชฐานมายังเมืองพิษณุโลก ในครั้งนั้นทรงมานมัสการพระพุทธชินราช และโปรดให้นำเครื่องราชูปโภคมาตีแผ่เป็นแผ่นทองคำเปลว และทำการลงรักปิดทององค์หลวงพ่อพระพุทธชินราช และหลังจากนั้นก็ได้มีการบูรณะซ่อมแซมทองคำเปลวที่หลุดออกบ้าง โดยทำการลงรักปิดทองเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ถ้าถามว่าใครเป็นผู้สร้างพระพุทธชินราชนั้น ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดนัก แต่ในพงศาวดารเหนือ ได้อ้างถึงกษัตริย์เชียงแสนพระนามพระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎกเป็นผู้สร้าง พร้อมกับการสร้างเมืองพิษณุโลกและพระพุทธรูปอีก 2 องค์ คือพระพุทธชินสีห์และพระศรีศาสดา
ครั้งนึงในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5 กรุงรัตนโกสินทร์) ทรงสถาปนาวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ขึ้นเป็นพระอารามหลวงประจำพระราชวังดุสิต และทรงมีพระราชประสงค์ที่จะอัญเชิญพระพุทธชินราชไปประดิษฐานเป็นพระประธาน ณ พระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ดังข้อความในพระราชปรารภ "เห็นพระพุทธลักษณะแห่งพระพุทธชินราชว่างาม หาพระพุทธรูปองค์ใดเปรียบมิได้ ครั้นเมื่อสร้างวัดเบญจมบพิตรขึ้น ได้พยายามหาพระพุทธรูปซึ่งจะเป็นพระประธาน ทั้งในกรุงแลหัวเมือง...ก็ไม่เป็นที่พอใจ จึงคิดเห็นว่าจะหาพระพุทธรูปองค์ใดให้สวยงามเสมอพระพุทธชินราชนั้นไม่มีแล้ว..."
แต่รัชกาลที่ 5 ทรงเกรงว่าเมื่อราษฎรชาวพิษณุโลกทราบข่าวจะพากันเศร้าโศกเหมือนครั้งที่สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ โปรดให้อัญเชิญพระพุทธชินสีห์ลงไปประดิษฐานยังกรุงเทพมหานคร และในเวลาไล่เลี่ยกันก็มีการอัญเชิญพระศรีศาสดาลงไปประดิษฐานยัง กรุงเทพมหานครเช่นเดียวกัน จึงมีพระราชดำริที่จะหล่อพระพุทธชินราช (จำลอง) ขึ้นแทน การหล่อพระพุทธชินราชจำลองนั้นทำขึ้นในปี พ.ศ. 2444 หล่อ ณ บริเวณเดิม (โพธิ์ 3 เส้า) ที่มีการหล่อพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา เมื่อการหล่อแล้วเสร็จจึงอัญเชิญพระพุทธชินราช (จำลอง) ลงแพแล้วล่องลงมายังกรุงเทพมหานคร และได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานเป็นพระประธาน ณ พระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม จนถึงปัจจุบัน
ความงดงามของพระพุทธชินราชนั้นถูกกล่าวขานไปทั่วโลก ปัจจุบันในแต่ละวันจะมีทั้งคนไทย และชาวต่างชาติเดินทางมากราบนมัสการ และมาชืนชมความงดงามองค์หลวงพ่อพระพุทธชินราช กันอยู่เสมอตลอดทั้งวัน ซึ่งการเข้าไปกราบหลวงพ่อพระพุทธชินราชนั้น "ขอให้ทุกๆท่านแต่งกายสุภาพ ไม่นุ่งสั้น ไม่ใส่เสื้อสายเดี่ยว หรือเสื้อผ้าที่เปิดเผยเนื้อหนังร่ายกายมากนัก และข้อสำคัญคือ ห้ามยืนถ่ายรูปในพระวิหารโดยเด็ดขาด" ขอให้ทุกๆท่านปฏิบัติตามกฎของที่วัดด้วยนะครับ และหากท่านใดมาเยือนเมืองพิษณุโลกสองแคว แล้วก็อย่าลืมมากราบหลวงพ่อพระพุทธชินราชนะครับ
แผนที่ครับสำหรับคนที่สนใจครับ
*** สุดท้ายหาเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชอบอ่านข้อมูลเรื่องราวเกี่ยวกับการท่องเที่ยววัดในมุมมองต่างๆที่น่าสนใจ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หน้าเพจ "พาไปวัด" ตามลิงค์ด้านล่างนี้เลยครับรับรองว่าไม่ผิดหวังครับ ***
เพจพาไปวัด : https://www.facebook.com/papaiwatofficial/
เว็บไซต์พาไปวัด : https://www.papaiwat.com
พาไปวัด..พาไปกราบ "พระพุทธชินราช" พระพุทธรูปที่งดงามที่สุดในประเทศไทยองค์หนึ่ง วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.พิษณุโลก
หนึ่งในพระพุทธรูปที่ได้รับการยอมรับว่างดงามที่สุดในประเทศไทยก็จะมีชื่อ "พระพุทธชินราช" ติดอันดับอยู่ด้วยเสมอ พระพุทธชินราชนั้นประดิษฐานอยู่ ณ วิหารด้านตะวันตกในวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก
พระพุทธชินราชเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัยหล่อด้วยทองสำริด พุทธศิลป์ขององค์พระนั้นงดงามหาที่ติไม่ได้ เป็นฝีมือช่างชั้นสูงในสมัยนั้น พระวรกายอ่อนช้อยอวบอ้วนมีสังฆาฏิยาวปลายหยักเป็นเขี้ยวตะขาบ พระเนตรเรียวยาวได้สัดส่วน พระขนงโก่งโค้ง ปลายนิ้วพระหัตถ์ทั้ง 4 นิ้วเรียวยาวเสมอกัน (ทีฆงคุลี) ส่วนด้านบนพระเศียรมีพระเกตุมาลาเป็นเปลวเพลิงงดงามมาก
มีหลักฐานระบุว่าในปี พ.ศ. 2146 สมเด็จพระเอกาทศรถได้เสด็จแปรพระราชฐานมายังเมืองพิษณุโลก ในครั้งนั้นทรงมานมัสการพระพุทธชินราช และโปรดให้นำเครื่องราชูปโภคมาตีแผ่เป็นแผ่นทองคำเปลว และทำการลงรักปิดทององค์หลวงพ่อพระพุทธชินราช และหลังจากนั้นก็ได้มีการบูรณะซ่อมแซมทองคำเปลวที่หลุดออกบ้าง โดยทำการลงรักปิดทองเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ถ้าถามว่าใครเป็นผู้สร้างพระพุทธชินราชนั้น ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดนัก แต่ในพงศาวดารเหนือ ได้อ้างถึงกษัตริย์เชียงแสนพระนามพระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎกเป็นผู้สร้าง พร้อมกับการสร้างเมืองพิษณุโลกและพระพุทธรูปอีก 2 องค์ คือพระพุทธชินสีห์และพระศรีศาสดา
ครั้งนึงในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5 กรุงรัตนโกสินทร์) ทรงสถาปนาวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ขึ้นเป็นพระอารามหลวงประจำพระราชวังดุสิต และทรงมีพระราชประสงค์ที่จะอัญเชิญพระพุทธชินราชไปประดิษฐานเป็นพระประธาน ณ พระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ดังข้อความในพระราชปรารภ "เห็นพระพุทธลักษณะแห่งพระพุทธชินราชว่างาม หาพระพุทธรูปองค์ใดเปรียบมิได้ ครั้นเมื่อสร้างวัดเบญจมบพิตรขึ้น ได้พยายามหาพระพุทธรูปซึ่งจะเป็นพระประธาน ทั้งในกรุงแลหัวเมือง...ก็ไม่เป็นที่พอใจ จึงคิดเห็นว่าจะหาพระพุทธรูปองค์ใดให้สวยงามเสมอพระพุทธชินราชนั้นไม่มีแล้ว..."
แต่รัชกาลที่ 5 ทรงเกรงว่าเมื่อราษฎรชาวพิษณุโลกทราบข่าวจะพากันเศร้าโศกเหมือนครั้งที่สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ โปรดให้อัญเชิญพระพุทธชินสีห์ลงไปประดิษฐานยังกรุงเทพมหานคร และในเวลาไล่เลี่ยกันก็มีการอัญเชิญพระศรีศาสดาลงไปประดิษฐานยัง กรุงเทพมหานครเช่นเดียวกัน จึงมีพระราชดำริที่จะหล่อพระพุทธชินราช (จำลอง) ขึ้นแทน การหล่อพระพุทธชินราชจำลองนั้นทำขึ้นในปี พ.ศ. 2444 หล่อ ณ บริเวณเดิม (โพธิ์ 3 เส้า) ที่มีการหล่อพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา เมื่อการหล่อแล้วเสร็จจึงอัญเชิญพระพุทธชินราช (จำลอง) ลงแพแล้วล่องลงมายังกรุงเทพมหานคร และได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานเป็นพระประธาน ณ พระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม จนถึงปัจจุบัน
แผนที่ครับสำหรับคนที่สนใจครับ
*** สุดท้ายหาเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชอบอ่านข้อมูลเรื่องราวเกี่ยวกับการท่องเที่ยววัดในมุมมองต่างๆที่น่าสนใจ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หน้าเพจ "พาไปวัด" ตามลิงค์ด้านล่างนี้เลยครับรับรองว่าไม่ผิดหวังครับ ***
เพจพาไปวัด : https://www.facebook.com/papaiwatofficial/
เว็บไซต์พาไปวัด : https://www.papaiwat.com