เขาคิดจะบอกเลิกฉัน เพราะเขาไม่ชอบอาหารรสเผ็ด -- ฉันนึกในขณะที่ตักพริกสีแดงสดใส่ช้อนของตนเอง
เขาเกลียดอาหารรสเผ็ด แต่ก็ขี้ขลาดเกินกว่าที่จะบอกฉันตรงๆ -- ฉันตักพริก กระเทียม และหมูสับใส่ช้อนตนเองคำโต จ้องมองมันนิ่ง -- พลันใบหน้าอันอ่อนโยนของเขาก็ปรากฏขึ้นในใจฉัน คิ้วหนานั่นโค้งตกลงมาเล็กน้อย ดวงตาคู่คมแดงก่ำ น้ำตาไหลอาบแก้มเป็นทางยาว ในขณะที่พยายามเช็ดน้ำมูก และกลั้นเสียงไอสำลักให้ไม่ดังเกินไป
นี่ไม่ใช่สภาพของผู้ชายที่ต้องการให้ใครมาเห็น
โดยเฉพาะคนรักของเรา
โดยเฉพาะฉัน
ตอนนั้นเองที่เสียงวิทยุดังมาจากทางหน้าร้าน พร้อมกับเสียงพูดคุยสัมภาษณ์ถ่ายทอดสด
“ได้ข่าวว่าคุณเลิกกับหวานใจแล้วหรือ” เสียงดีเจถามอย่างสงสัย “มีข่าวลือกันให้แซ่ด ว่าคุณหมดรักเธอไปนานแล้ว”
“ใครบอกคุณแบบนั้นกัน” เสียงเด็กหนุ่มถามกลับมา
“อย่างที่ผมบอก
ข่าวลือไงล่ะ” ดีเจหัวเราะ “คุณจะว่าไงกับข่าวนี้ -- ได้ข่าวว่าแฟนคลับคุณไม่ค่อยปลื้มหวานใจคนนี้ของคุณเท่าไหร่อยู่แล้วนี่จริงไหม ผมหมายถึงถ้าคุณกับหล่อนแอบคบกันอยู่
จริงๆน่ะนะ”
อีกฝ่ายเงียบไปเล็กน้อย
“ผมคิดว่าความสัมพันธ์ของคุณกับหล่อนคงไปด้วยกันได้ยาก คุณถึงมีข่าวลือ
อีกเรื่องแบบนั้น”
เสียงถอนหายใจดังกลับมา
“คุณรู้ใช่ไหมว่าผมกำลังพูดเรื่องอะไร -- ข่าวลืออีกเรื่องที่ว่า -- ข่าวที่คุณจูบกับลิต้า นักร้องสาวมาแรงคนนั้นน่ะ” ดีเจว่าต่อไป “เขาลือกันให้แซ่ดว่าพวกคุณแอบกิ๊กกัน”
ไม่มีเสียงตอบจากอีกฝ่าย
“เอาล่ะ เปลี่ยนคำถามดีกว่า” ดีเจรีบพูดก่อนที่ความเงียบจะดำเนินไปนานมากกว่านั้น “คุณชอบผู้หญิงแบบไหนกัน”
ยังคงไม่มีเสียงตอบกลับมาจากอีกฝ่าย
“ไม่เอาน่า นี่รายการสดนะ” ดีเจว่า
“ผมไม่รู้เหมือนกัน” เสียงอันเฉยชาของเด็กหนุ่มตอบกลับมา “ผมไม่รู้ว่าผมตอบไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น วันก่อนผมตอบเรื่องลิต้ากับสื่ออีกอย่าง แต่วันถัดมา สื่อกลับพาดหัวข่าวไปอีกอย่าง -- ผมไม่แน่ใจว่าถ้าผมตอบเรื่อง
ผู้หญิงแบบที่ผมชอบไปแล้ว มันจะเกิดเรื่องไม่ดีตามมาหรือเปล่า”
“มันจะมีอะไรไม่ดีไปได้ ไม่เอาน่า พ่อหนุ่ม”
“ผมไม่รู้สิ บางทีคุณอาจจะบอกผมได้” เด็กหนุ่มว่า “ครั้งก่อนผมพกแยมโฮมเมดสตรอว์เบอร์รี่ไปเอง เพื่อทานกับสโคนที่ห้องพักโรงแรม แต่พวกสื่อก็พาดหัวข่าวว่าผมหมกมุ่นเรื่องลดน้ำหนัก”
“แล้วคุณไม่ได้หมกมุ่นเรื่องลดน้ำหนักหรือ” ดีเจถาม
“ไม่” เด็กชายตอบช้าๆ “ผมถึงกินแยมโฮมเมดสตรอว์เบอร์รี่กับสโคนไงล่ะ”
“ผมไม่เข้าใจ” ดีเจพูดด้วยน้ำเสียงสงสัย “คุณพกแยมโฮมเมดไปทุกที่เลยหรือ”
“แค่ขวดนี้น่ะครับ”
“นั่นแย่เลย คุณจะทำยังไง ถ้าแยมขวดนี้หมดล่ะ”
“ผมไม่รู้” เด็กหนุ่มตอบ “และผมกำลังรู้สึกว่าผมตอบคำว่า
ไม่รู้เยอะเกินไป”
“เอาอย่างนี้” ดีเจช่วย “คุณชอบผู้หญิงหุ่นแบบไหน เรียบร้อย หรือเปรี้ยวซ่า”
“ผมไม่รู้หรอก -- ผมไม่ทันได้คิด”
“จริงของคุณ คุณพูดคำว่า
ไม่รู้เยอะเกินไป” ดีเจหัวเราะ “รอคุณอายุสามสิบแบบผม คุณอาจจะได้คิดอะไรๆเกี่ยวกับผู้หญิงที่อยากจะคบเยอะแยะเลยล่ะ -- เอาล่ะ ไหนดูสิ ว่าผมจะช่วยอะไรคุณได้บ้าง -- คุณชอบผู้หญิงผอมหุ่นดี หรืออ้วนตุ๊ต๊ะ”
“ไม่รู้สิ” เด็กหนุ่มลังเล “แต่ผมไม่ชอบผู้หญิงกินเก่งเท่าไหร่ -- โดยเฉพาะอาหารเผ็ด”
ฉันหยุดชะงักไปเมื่อได้ยินบทสัมภาษณ์นั้น
การที่ผู้หญิงชอบกินมันผิดตรงไหน -- การที่ผู้หญิงหลงรักรสเผ็ดมันผิดยังไงกัน
“ผมเข้าใจ” ดีเจพูดเสียงเข้าอกเข้าใจ “ไม่ว่าใครก็ไม่อยากอยู่กับผู้หญิงกินเก่งตัวใหญ่ยักษ์เจ้าเนื้อ ที่มีกลิ่นพริกแรงๆหรอกจริงไหม”
เสียงวิทยุเงียบไปในตอนนั้น พร้อมกับเสียงหนึ่งที่ดังขึ้น
“วิทยุเก่าๆนั่นชอบเปิดปิดเองอยู่เรื่อย น่ารำคาญจริงๆ” ชายร่างสูงใหญ่บ่น วางรีโมตลงบนเคาน์เตอร์เหล็กอย่างไม่ทะนุถนอมใดๆ ก่อนที่จะสะบัดเรือนผมสีดำเข้มของตนให้เข้าที่
“หยุดกินเดี๋ยวนี้ โซอี้” ชายร่างสูงใหญ่อีกคนบอก พร้อมกับดึงช้อนไปจากมือฉัน
ฉันดึงช้อนนั้นกลับมา จนพริกกระเด็นไปทั่วโต๊ะ
เพียะ!
อีกฝ่ายตีมือฉันดังลั่น
“เธอต้องหยุดกิน เธอต้องหยุด” ลิลลี่พูดเสียงแข็ง ดวงตาสีน้ำตาลฉายความขุ่นเคืองออกมาอย่างไม่ปิดบัง
ฉันเองก็ไม่พอใจอย่างเปิดเผยยิ่งกว่า
“ฉันพักทานมื้อเที่ยงไม่ได้แล้วงั้นหรือ” ฉันถามลิลลี่ ไม่แยแสว่าจะกำลังพูดอยู่กับนายจ้างตนเองหรือไม่ “ฉันเข้าใจว่าข้อตกลงในการว่าจ้าง คือฉันสามารถกินมื้อเที่ยงได้ฟรีเสียอีก”
“ใช่ เธอได้กินอาหารไทยร้านเราฟรีแน่” ลิลลี่พยักหน้ารับ “แต่ปัญหาคือเธอกินมากกว่ามื้อเที่ยง”
“และเธอกำลังกินจานของลูกค้าอยู่” โรซี่ว่าต่อ ขณะพยักหน้าไปทางหน้าร้าน
ฉันไม่สนใจจะมองตามสายตาคู่นั้น “คุณหมายความว่าอย่างไรกันที่ว่าฉันกิน
มากกว่ามื้อเที่ยง”
“ไม่เอาน่า” ลิลลี่กลอกตา รอน้ำมันในกระทะร้อน จากนั้นจึงโยนหมูสับที่โรซี่ส่งมาให้ตามลงไป คลุกเคล้ามันไปมาอย่างชำนาญ “คนอะไร กินกะเพราหมูสับ ไม่ใส่พริกกับกระเทียม ฉันไม่อยากจะเชื่อลูกค้าคนนี้เลย -- และพูดก็พูด อาหารในตู้เย็นเราหายไปในทุกครั้งที่เราปิดร้าน มีใครบางคนขโมยอาหารเราไปจากตู้เย็นทุกคืน!”
“ฉันไม่ได้ขโมย --”
“ใช่ และมันทำให้ฉันต้องถ่อไปซื้อหมู กับพริกกระเทียม ก่อนที่ลูกค้าช่วงเย็นจะมา!” โรซี่พูดเสียงแข็งบ้าง จนแวบหนึ่งเสียงที่ถูกเปล่งออกมานั้นกลับมาแหบห้าวดั่งเดิมอย่างลืมตัว
“ใจเย็น ที่รัก” ลิลลี่เตือน ขณะใส่ซอสถั่วเหลือง และน้ำมันหอยลงไปปรุง ท่อนแขนที่เขย่ากระทะนั้นปูดเป็นเส้นเลือดขึ้นมาอย่างชัดเจน “เดี๋ยวคนเขารู้กันหมดว่าเธอแมนแค่ไหน”
โรซี่ฟังคำเตือนเพื่อนตนเอง เธอใช้เวลาปรับอารมณ์เล็กน้อย ก่อนที่จะเปล่งเสียงเล็กๆออกมาใหม่ว่า “ฉันจะไปซื้อเสบียงเพิ่ม”
ลิลลี่ใส่ใบกะเพราลงไปผัดกับหมูในกระทะ ออกแรงเขย่ากระทะด้วยท่อนแขนอันแข็งแรงอีกครั้ง ก่อนที่จะเทลงในจานอย่างสวยงาม จนกลิ่นอันหอมฟุ้งพัดเข้าเต็มหน้าฉัน
ตอนนั้นเองที่ฉันทุบโต๊ะดังโครม!
ลิลลี่กับโรซี่สะดุ้งพร้อมกัน
“ฉันไม่ได้ขโมย!” ฉันเกือบจะตะคอก
“ที่รัก” โรซี่ยกมือทาบอก มองฉันอย่างตื่นตะลึง “ตกลง เธอไม่ใช่ขโมย -- อย่าหัวเสียไปเลยนะ”
“เราจะตามหาหัวขโมยนั่นให้ได้” ลิลลี่พึมพัม
“ฉันไม่รับหน้าที่นั้นหรอกนะ” ฉันพูดทันที
คราวนี้ลิลลี่มองฉันอย่างตื่นตะลึงบ้าง “เกิดอะไรขึ้นกับเธอ ที่รัก” เธอถาม “ทำไมถึงดูอารมณ์ฉุนเฉียวแบบนี้”
ทว่าโรซี่สังเกตเห็นอะไรบางอย่างจากสีหน้าฉันได้
“ไม่ เธอไม่ได้หัวเสีย” โรซี่พูดช้าๆ “เธอกำลังเศร้าต่างหาก”
คำพูดของโรซี่ราวกับจะแทงเข้าไปในกลางอกฉัน ฉันหลับตา สัมผัสได้ถึงหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มลงมาช้าๆ
“เขาทิ้งฉัน” ฉันกระซิบ
เสียงอุทานดังมาจากลิลลี่และโรซี่อย่างพร้อมเพรียงกัน “คุณพระ!” พวกเธอร้องออกมา จากนั้นจึงโน้มตัวข้ามเคาน์เตอร์มาตบบ่าฉันแน่น
“เข้มแข็งไว้นะ โซอี้” ลิลลี่บอก “เธอจะผ่านความขมขื่นและเจ็บปวดนี้ไปได้”
“ใช่ๆ” โรซี่สำทับทันที ขณะบีบบ่าฉันแน่น “เธอจะแข็งแกร่งขึ้น”
เขาทิ้งฉัน เพราะเขาเกลียดการที่ฉันกินเผ็ด
เขาไม่มีความสุขในทุกครั้งที่เราทานอาหารด้วยกัน แล้วเขาต้องจบลงในสภาพน้ำหูน้ำตาไหลน่าเกลียดๆแบบนั้น
มันเป็นเพราะฉันกับพริกหลายเม็ดเหล่านั้น
แต่ใครทานอาหารไทยรสเผ็ด แบบไม่เผ็ดบ้างล่ะ!
“เพราะเด็กหนุ่มแบบเขา จะไม่หวั่นไหวกับเด็กสาวสุดฮอตได้ไงกัน!” ลิลลี่โพล่งออกมา
ตอนนั้นเองที่ฉันลืมตาขึ้น แล้วเงยหน้าขึ้นมองลิลลี่นิ่ง
“คุณพูดว่าอะไรนะ --”
เด็กหนุ่มแบบเขา จะไม่หวั่นไหวกับเด็กสาวสุดฮอตได้ไงกัน งั้นหรือ --
ตอนนั้นเองที่เพลงจากวิทยุหน้าร้านดังขึ้นอีกครั้ง
ใครๆต่างก็ต้องการเธอ
สาวๆต่างก็หลงรักเธอ
ไม่ว่าใครต่างก็อยากรู้ว่าการที่ได้ถูกเธอรักและสัมผัสนั้น มันจะเป็นความรู้สึกที่ดีเลิศขนาดไหนกันนะ*
“วิทยุเก่าๆนั่นเปิดเองอีกแล้ว!” ลิลลี่ร้องออกมา “ฉันจะซื้อเครื่องใหม่ คอยดูสิ!”
แล้วเพลงนั้นก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นอีกเพลงหนึ่งอย่างรวดเร็ว
หล่อนสวมรองเท้าส้นสูง
ส่วนฉันกลับใส่รองเท้าผ้าใบ
เธอเป็นถึงสาวฮอตของเมือง
แต่ฉันกลับเป็นเพียงสาวเฉิ่มเชยในร้านอาหาร*
FRIED EGG SONG : เพลงไข่ดาวที่รัก (2)
เขาเกลียดอาหารรสเผ็ด แต่ก็ขี้ขลาดเกินกว่าที่จะบอกฉันตรงๆ -- ฉันตักพริก กระเทียม และหมูสับใส่ช้อนตนเองคำโต จ้องมองมันนิ่ง -- พลันใบหน้าอันอ่อนโยนของเขาก็ปรากฏขึ้นในใจฉัน คิ้วหนานั่นโค้งตกลงมาเล็กน้อย ดวงตาคู่คมแดงก่ำ น้ำตาไหลอาบแก้มเป็นทางยาว ในขณะที่พยายามเช็ดน้ำมูก และกลั้นเสียงไอสำลักให้ไม่ดังเกินไป
นี่ไม่ใช่สภาพของผู้ชายที่ต้องการให้ใครมาเห็น
โดยเฉพาะคนรักของเรา
โดยเฉพาะฉัน
ตอนนั้นเองที่เสียงวิทยุดังมาจากทางหน้าร้าน พร้อมกับเสียงพูดคุยสัมภาษณ์ถ่ายทอดสด
“ได้ข่าวว่าคุณเลิกกับหวานใจแล้วหรือ” เสียงดีเจถามอย่างสงสัย “มีข่าวลือกันให้แซ่ด ว่าคุณหมดรักเธอไปนานแล้ว”
“ใครบอกคุณแบบนั้นกัน” เสียงเด็กหนุ่มถามกลับมา
“อย่างที่ผมบอก ข่าวลือไงล่ะ” ดีเจหัวเราะ “คุณจะว่าไงกับข่าวนี้ -- ได้ข่าวว่าแฟนคลับคุณไม่ค่อยปลื้มหวานใจคนนี้ของคุณเท่าไหร่อยู่แล้วนี่จริงไหม ผมหมายถึงถ้าคุณกับหล่อนแอบคบกันอยู่จริงๆน่ะนะ”
อีกฝ่ายเงียบไปเล็กน้อย
“ผมคิดว่าความสัมพันธ์ของคุณกับหล่อนคงไปด้วยกันได้ยาก คุณถึงมีข่าวลืออีกเรื่องแบบนั้น”
เสียงถอนหายใจดังกลับมา
“คุณรู้ใช่ไหมว่าผมกำลังพูดเรื่องอะไร -- ข่าวลืออีกเรื่องที่ว่า -- ข่าวที่คุณจูบกับลิต้า นักร้องสาวมาแรงคนนั้นน่ะ” ดีเจว่าต่อไป “เขาลือกันให้แซ่ดว่าพวกคุณแอบกิ๊กกัน”
ไม่มีเสียงตอบจากอีกฝ่าย
“เอาล่ะ เปลี่ยนคำถามดีกว่า” ดีเจรีบพูดก่อนที่ความเงียบจะดำเนินไปนานมากกว่านั้น “คุณชอบผู้หญิงแบบไหนกัน”
ยังคงไม่มีเสียงตอบกลับมาจากอีกฝ่าย
“ไม่เอาน่า นี่รายการสดนะ” ดีเจว่า
“ผมไม่รู้เหมือนกัน” เสียงอันเฉยชาของเด็กหนุ่มตอบกลับมา “ผมไม่รู้ว่าผมตอบไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น วันก่อนผมตอบเรื่องลิต้ากับสื่ออีกอย่าง แต่วันถัดมา สื่อกลับพาดหัวข่าวไปอีกอย่าง -- ผมไม่แน่ใจว่าถ้าผมตอบเรื่องผู้หญิงแบบที่ผมชอบไปแล้ว มันจะเกิดเรื่องไม่ดีตามมาหรือเปล่า”
“มันจะมีอะไรไม่ดีไปได้ ไม่เอาน่า พ่อหนุ่ม”
“ผมไม่รู้สิ บางทีคุณอาจจะบอกผมได้” เด็กหนุ่มว่า “ครั้งก่อนผมพกแยมโฮมเมดสตรอว์เบอร์รี่ไปเอง เพื่อทานกับสโคนที่ห้องพักโรงแรม แต่พวกสื่อก็พาดหัวข่าวว่าผมหมกมุ่นเรื่องลดน้ำหนัก”
“แล้วคุณไม่ได้หมกมุ่นเรื่องลดน้ำหนักหรือ” ดีเจถาม
“ไม่” เด็กชายตอบช้าๆ “ผมถึงกินแยมโฮมเมดสตรอว์เบอร์รี่กับสโคนไงล่ะ”
“ผมไม่เข้าใจ” ดีเจพูดด้วยน้ำเสียงสงสัย “คุณพกแยมโฮมเมดไปทุกที่เลยหรือ”
“แค่ขวดนี้น่ะครับ”
“นั่นแย่เลย คุณจะทำยังไง ถ้าแยมขวดนี้หมดล่ะ”
“ผมไม่รู้” เด็กหนุ่มตอบ “และผมกำลังรู้สึกว่าผมตอบคำว่าไม่รู้เยอะเกินไป”
“เอาอย่างนี้” ดีเจช่วย “คุณชอบผู้หญิงหุ่นแบบไหน เรียบร้อย หรือเปรี้ยวซ่า”
“ผมไม่รู้หรอก -- ผมไม่ทันได้คิด”
“จริงของคุณ คุณพูดคำว่าไม่รู้เยอะเกินไป” ดีเจหัวเราะ “รอคุณอายุสามสิบแบบผม คุณอาจจะได้คิดอะไรๆเกี่ยวกับผู้หญิงที่อยากจะคบเยอะแยะเลยล่ะ -- เอาล่ะ ไหนดูสิ ว่าผมจะช่วยอะไรคุณได้บ้าง -- คุณชอบผู้หญิงผอมหุ่นดี หรืออ้วนตุ๊ต๊ะ”
“ไม่รู้สิ” เด็กหนุ่มลังเล “แต่ผมไม่ชอบผู้หญิงกินเก่งเท่าไหร่ -- โดยเฉพาะอาหารเผ็ด”
ฉันหยุดชะงักไปเมื่อได้ยินบทสัมภาษณ์นั้น
การที่ผู้หญิงชอบกินมันผิดตรงไหน -- การที่ผู้หญิงหลงรักรสเผ็ดมันผิดยังไงกัน
“ผมเข้าใจ” ดีเจพูดเสียงเข้าอกเข้าใจ “ไม่ว่าใครก็ไม่อยากอยู่กับผู้หญิงกินเก่งตัวใหญ่ยักษ์เจ้าเนื้อ ที่มีกลิ่นพริกแรงๆหรอกจริงไหม”
เสียงวิทยุเงียบไปในตอนนั้น พร้อมกับเสียงหนึ่งที่ดังขึ้น
“วิทยุเก่าๆนั่นชอบเปิดปิดเองอยู่เรื่อย น่ารำคาญจริงๆ” ชายร่างสูงใหญ่บ่น วางรีโมตลงบนเคาน์เตอร์เหล็กอย่างไม่ทะนุถนอมใดๆ ก่อนที่จะสะบัดเรือนผมสีดำเข้มของตนให้เข้าที่
“หยุดกินเดี๋ยวนี้ โซอี้” ชายร่างสูงใหญ่อีกคนบอก พร้อมกับดึงช้อนไปจากมือฉัน
ฉันดึงช้อนนั้นกลับมา จนพริกกระเด็นไปทั่วโต๊ะ
เพียะ!
อีกฝ่ายตีมือฉันดังลั่น
“เธอต้องหยุดกิน เธอต้องหยุด” ลิลลี่พูดเสียงแข็ง ดวงตาสีน้ำตาลฉายความขุ่นเคืองออกมาอย่างไม่ปิดบัง
ฉันเองก็ไม่พอใจอย่างเปิดเผยยิ่งกว่า
“ฉันพักทานมื้อเที่ยงไม่ได้แล้วงั้นหรือ” ฉันถามลิลลี่ ไม่แยแสว่าจะกำลังพูดอยู่กับนายจ้างตนเองหรือไม่ “ฉันเข้าใจว่าข้อตกลงในการว่าจ้าง คือฉันสามารถกินมื้อเที่ยงได้ฟรีเสียอีก”
“ใช่ เธอได้กินอาหารไทยร้านเราฟรีแน่” ลิลลี่พยักหน้ารับ “แต่ปัญหาคือเธอกินมากกว่ามื้อเที่ยง”
“และเธอกำลังกินจานของลูกค้าอยู่” โรซี่ว่าต่อ ขณะพยักหน้าไปทางหน้าร้าน
ฉันไม่สนใจจะมองตามสายตาคู่นั้น “คุณหมายความว่าอย่างไรกันที่ว่าฉันกินมากกว่ามื้อเที่ยง”
“ไม่เอาน่า” ลิลลี่กลอกตา รอน้ำมันในกระทะร้อน จากนั้นจึงโยนหมูสับที่โรซี่ส่งมาให้ตามลงไป คลุกเคล้ามันไปมาอย่างชำนาญ “คนอะไร กินกะเพราหมูสับ ไม่ใส่พริกกับกระเทียม ฉันไม่อยากจะเชื่อลูกค้าคนนี้เลย -- และพูดก็พูด อาหารในตู้เย็นเราหายไปในทุกครั้งที่เราปิดร้าน มีใครบางคนขโมยอาหารเราไปจากตู้เย็นทุกคืน!”
“ฉันไม่ได้ขโมย --”
“ใช่ และมันทำให้ฉันต้องถ่อไปซื้อหมู กับพริกกระเทียม ก่อนที่ลูกค้าช่วงเย็นจะมา!” โรซี่พูดเสียงแข็งบ้าง จนแวบหนึ่งเสียงที่ถูกเปล่งออกมานั้นกลับมาแหบห้าวดั่งเดิมอย่างลืมตัว
“ใจเย็น ที่รัก” ลิลลี่เตือน ขณะใส่ซอสถั่วเหลือง และน้ำมันหอยลงไปปรุง ท่อนแขนที่เขย่ากระทะนั้นปูดเป็นเส้นเลือดขึ้นมาอย่างชัดเจน “เดี๋ยวคนเขารู้กันหมดว่าเธอแมนแค่ไหน”
โรซี่ฟังคำเตือนเพื่อนตนเอง เธอใช้เวลาปรับอารมณ์เล็กน้อย ก่อนที่จะเปล่งเสียงเล็กๆออกมาใหม่ว่า “ฉันจะไปซื้อเสบียงเพิ่ม”
ลิลลี่ใส่ใบกะเพราลงไปผัดกับหมูในกระทะ ออกแรงเขย่ากระทะด้วยท่อนแขนอันแข็งแรงอีกครั้ง ก่อนที่จะเทลงในจานอย่างสวยงาม จนกลิ่นอันหอมฟุ้งพัดเข้าเต็มหน้าฉัน
ตอนนั้นเองที่ฉันทุบโต๊ะดังโครม!
ลิลลี่กับโรซี่สะดุ้งพร้อมกัน
“ฉันไม่ได้ขโมย!” ฉันเกือบจะตะคอก
“ที่รัก” โรซี่ยกมือทาบอก มองฉันอย่างตื่นตะลึง “ตกลง เธอไม่ใช่ขโมย -- อย่าหัวเสียไปเลยนะ”
“เราจะตามหาหัวขโมยนั่นให้ได้” ลิลลี่พึมพัม
“ฉันไม่รับหน้าที่นั้นหรอกนะ” ฉันพูดทันที
คราวนี้ลิลลี่มองฉันอย่างตื่นตะลึงบ้าง “เกิดอะไรขึ้นกับเธอ ที่รัก” เธอถาม “ทำไมถึงดูอารมณ์ฉุนเฉียวแบบนี้”
ทว่าโรซี่สังเกตเห็นอะไรบางอย่างจากสีหน้าฉันได้
“ไม่ เธอไม่ได้หัวเสีย” โรซี่พูดช้าๆ “เธอกำลังเศร้าต่างหาก”
คำพูดของโรซี่ราวกับจะแทงเข้าไปในกลางอกฉัน ฉันหลับตา สัมผัสได้ถึงหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มลงมาช้าๆ
“เขาทิ้งฉัน” ฉันกระซิบ
เสียงอุทานดังมาจากลิลลี่และโรซี่อย่างพร้อมเพรียงกัน “คุณพระ!” พวกเธอร้องออกมา จากนั้นจึงโน้มตัวข้ามเคาน์เตอร์มาตบบ่าฉันแน่น
“เข้มแข็งไว้นะ โซอี้” ลิลลี่บอก “เธอจะผ่านความขมขื่นและเจ็บปวดนี้ไปได้”
“ใช่ๆ” โรซี่สำทับทันที ขณะบีบบ่าฉันแน่น “เธอจะแข็งแกร่งขึ้น”
เขาทิ้งฉัน เพราะเขาเกลียดการที่ฉันกินเผ็ด
เขาไม่มีความสุขในทุกครั้งที่เราทานอาหารด้วยกัน แล้วเขาต้องจบลงในสภาพน้ำหูน้ำตาไหลน่าเกลียดๆแบบนั้น
มันเป็นเพราะฉันกับพริกหลายเม็ดเหล่านั้น
แต่ใครทานอาหารไทยรสเผ็ด แบบไม่เผ็ดบ้างล่ะ!
“เพราะเด็กหนุ่มแบบเขา จะไม่หวั่นไหวกับเด็กสาวสุดฮอตได้ไงกัน!” ลิลลี่โพล่งออกมา
ตอนนั้นเองที่ฉันลืมตาขึ้น แล้วเงยหน้าขึ้นมองลิลลี่นิ่ง
“คุณพูดว่าอะไรนะ --”
เด็กหนุ่มแบบเขา จะไม่หวั่นไหวกับเด็กสาวสุดฮอตได้ไงกัน งั้นหรือ --
ตอนนั้นเองที่เพลงจากวิทยุหน้าร้านดังขึ้นอีกครั้ง
ใครๆต่างก็ต้องการเธอ
สาวๆต่างก็หลงรักเธอ
ไม่ว่าใครต่างก็อยากรู้ว่าการที่ได้ถูกเธอรักและสัมผัสนั้น มันจะเป็นความรู้สึกที่ดีเลิศขนาดไหนกันนะ*
“วิทยุเก่าๆนั่นเปิดเองอีกแล้ว!” ลิลลี่ร้องออกมา “ฉันจะซื้อเครื่องใหม่ คอยดูสิ!”
แล้วเพลงนั้นก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นอีกเพลงหนึ่งอย่างรวดเร็ว
หล่อนสวมรองเท้าส้นสูง
ส่วนฉันกลับใส่รองเท้าผ้าใบ
เธอเป็นถึงสาวฮอตของเมือง
แต่ฉันกลับเป็นเพียงสาวเฉิ่มเชยในร้านอาหาร*