ฝากความ จาก ตง ... “หมุ่ยจึงตงตัว รักตราบนิรันดร”
————————————————
มาถึงตอนนี้ อย่างแรกสุด คือ ขอขอบคุณท่านผู้อ่านทั้งที่แสดงตนคอมเม้นท์
และท่านผู้อ่านที่ติดตามอ่านเงียบๆ
นี่คือ นิยายเรื่องยาวเรื่องแรกของผม ที่ผ่านมามีแต่บทความ เรื่องสั้นๆ บทกลอน
Text Book ที่เคยทำมาบ้างนั้นถึงจะยาวสองสามร้อยหน้านั่นไม่นับว่าเป็นนิยาย
ด้วยไม่มีประสบการณ์เรื่องยาวมาก่อน จึงเกร็ง และกลัว
กว่าจะนั่งเรียบเรียง Timeline นึกย้อนถึงเหตุการณ์ต่างๆ
เพื่อนำมาทำสิ่งที่คนเขียนเรียก พล็อต ก็กินเวลากว่าสองสามปี
ต้องทบมวนกับหลักฐานต่างๆ เช่น ปฏิทินร้อยปี ว่า เวลาในเรื่องคลาดเคลื่อนผิดตรงไหนบ้าง
ทั้งเหตุการณ์เมื่อ ครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา 50 ปี
มันยาวนานมากพอที่จะทำให้เด็กหนุ่มคนนั้น ซึ่งเป็นคนแก่วันนี้ เลอะเลือน
อาจจำผิดจำถูก เช่น ชื่อของตลาดนั้นๆ ถนนสายนั้น ร้านอาหารนั้น โรงหนังนั้นๆ ฯลฯ
ที่ปัจจุบันกลายสภาพไป จนไม่เหลือเค้าเดิม
เอามาใส่ลงในไทม์ไลน์ด้วยความจำเลอะและเผลอเรอ
นี่ก็คือ เหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้การเริ่มต้นเขียนอย่างจริงจังใช้เวลานาน
กว่าจะกดแป้นพิมพ์ คำแรก ของบทแรก
คนทำอาหารจะรสชาดเป็นอย่างไร ย่อมอยากให้ผู้คนได้ลิ้มชิมรส
คนเขียนหนังสือเฉกเช่นเดียวกัน
เมื่อคิดเช่นนี้ จึงมองถึงองค์ประกอบต่างๆ
อย่างแรก :
คือความขัดแย้งเกี่ยวกับคนจีนสองภาษา ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามีจริง
และ “ตง” ก็เป็นคนหนึ่งที่เคยพบกับสภาพการณ์เช่นนั้น
ประการสอง :
คือ ความต้องการฟื้นฟูภาษาถิ่นของบรรพบุรุษซึ่งกำลังเลือนหาย
จึงได้นำเข้ามาแทรก ด้วยหวังว่า อาจเป็นจุดบันดาลใจให้ใครที่มีเชื้อสายเดียวกัน
หันมาสนใจภาษาของ กง เหน่
และทำให้คนทั่วไปรู้จักคนไฮ้หน่ำมากขึ้น
ประการสาม :
เป็นความรู้สึกส่วนตัว
คนจีนในไทยภาษาอื่น ปรากฏในนิยาย หนัง ละคร มากมาย
แต่กับคนไฮ้หน่ำ ผู้ประพันธ์ นักเขียน นักแต่งเพลง ผู้สร้างหนัง สร้างละคร
ต้งแต่อดีตเรื่อยมา....
ให้บทบาทคนไฮ้หน่ำปรากฏเข้าฉาก แค่เพียง ตัวตลก ตัวประกอบฉาก
“ตง” จึงขออาสาเป็นเด็กหนุ่มไฮ้หน่ำคนแรกในเมืองไทย ในโลกวรรณกรรม นิยายเรื่องยาว
ไหนๆ ก็มาแล้ว ขอเป็นพระเอกเลย ก็แล้วกัน
===========================
ขอบคุณอีกครั้งครับทุกท่าน
ฝากความ จาก ตง ... “หมุ่ยจึงตงตัว รักตราบนิรันดร”
————————————————
มาถึงตอนนี้ อย่างแรกสุด คือ ขอขอบคุณท่านผู้อ่านทั้งที่แสดงตนคอมเม้นท์
และท่านผู้อ่านที่ติดตามอ่านเงียบๆ
นี่คือ นิยายเรื่องยาวเรื่องแรกของผม ที่ผ่านมามีแต่บทความ เรื่องสั้นๆ บทกลอน
Text Book ที่เคยทำมาบ้างนั้นถึงจะยาวสองสามร้อยหน้านั่นไม่นับว่าเป็นนิยาย
ด้วยไม่มีประสบการณ์เรื่องยาวมาก่อน จึงเกร็ง และกลัว
กว่าจะนั่งเรียบเรียง Timeline นึกย้อนถึงเหตุการณ์ต่างๆ
เพื่อนำมาทำสิ่งที่คนเขียนเรียก พล็อต ก็กินเวลากว่าสองสามปี
ต้องทบมวนกับหลักฐานต่างๆ เช่น ปฏิทินร้อยปี ว่า เวลาในเรื่องคลาดเคลื่อนผิดตรงไหนบ้าง
ทั้งเหตุการณ์เมื่อ ครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา 50 ปี
มันยาวนานมากพอที่จะทำให้เด็กหนุ่มคนนั้น ซึ่งเป็นคนแก่วันนี้ เลอะเลือน
อาจจำผิดจำถูก เช่น ชื่อของตลาดนั้นๆ ถนนสายนั้น ร้านอาหารนั้น โรงหนังนั้นๆ ฯลฯ
ที่ปัจจุบันกลายสภาพไป จนไม่เหลือเค้าเดิม
เอามาใส่ลงในไทม์ไลน์ด้วยความจำเลอะและเผลอเรอ
นี่ก็คือ เหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้การเริ่มต้นเขียนอย่างจริงจังใช้เวลานาน
กว่าจะกดแป้นพิมพ์ คำแรก ของบทแรก
คนทำอาหารจะรสชาดเป็นอย่างไร ย่อมอยากให้ผู้คนได้ลิ้มชิมรส
คนเขียนหนังสือเฉกเช่นเดียวกัน
เมื่อคิดเช่นนี้ จึงมองถึงองค์ประกอบต่างๆ
อย่างแรก :
คือความขัดแย้งเกี่ยวกับคนจีนสองภาษา ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามีจริง
และ “ตง” ก็เป็นคนหนึ่งที่เคยพบกับสภาพการณ์เช่นนั้น
ประการสอง :
คือ ความต้องการฟื้นฟูภาษาถิ่นของบรรพบุรุษซึ่งกำลังเลือนหาย
จึงได้นำเข้ามาแทรก ด้วยหวังว่า อาจเป็นจุดบันดาลใจให้ใครที่มีเชื้อสายเดียวกัน
หันมาสนใจภาษาของ กง เหน่
และทำให้คนทั่วไปรู้จักคนไฮ้หน่ำมากขึ้น
ประการสาม :
เป็นความรู้สึกส่วนตัว
คนจีนในไทยภาษาอื่น ปรากฏในนิยาย หนัง ละคร มากมาย
แต่กับคนไฮ้หน่ำ ผู้ประพันธ์ นักเขียน นักแต่งเพลง ผู้สร้างหนัง สร้างละคร
ต้งแต่อดีตเรื่อยมา....
ให้บทบาทคนไฮ้หน่ำปรากฏเข้าฉาก แค่เพียง ตัวตลก ตัวประกอบฉาก
“ตง” จึงขออาสาเป็นเด็กหนุ่มไฮ้หน่ำคนแรกในเมืองไทย ในโลกวรรณกรรม นิยายเรื่องยาว
ไหนๆ ก็มาแล้ว ขอเป็นพระเอกเลย ก็แล้วกัน
===========================
ขอบคุณอีกครั้งครับทุกท่าน