มีเพื่อนรุ่นเดียวกัน ในแผนกวิทยาศาสตร์ทางภาพถ่าย และเทคโนโลยีทางการพิมพ์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ
กลับมาเยี่ยมบ้าน หลังไปต่อปริญญาโท และมีครอบครัวที่อเมริกากว่า 40 ปี
เพื่อนร่วมรุ่นที่ยังติดต่อกันได้ 7 คน จากทั้งหมด 10 คน จึงนัดกินข้าวกันที่ร้าน อัน อัน เหลา
ในซอยอารีย์ สุขุมวิท 26 คำนวณแล้ว นั่งรถประจำทางไปลงด้านถนนพระราม 4
ใกล้กว่าการนั่งรถไฟฟ้าบีทีเอสไปลงสถานีพร้อมพงศ์แล้วเดินเข้าซอยสุขุมวิท 26
นั่งรถประจำทางรถร้อนสูงวัยเสียครึ่งราคา 4 บาท ในขณะที่บีทีเอสครึ่งราคา 29 บาท
11.34 น.ลงรถที่หน้าโลตัส พระราม 4
นัดกันเที่ยงครึ่งยังมีเวลาเดินเล่น
แวะโลตัสดูสินค้าบางอย่าง เจอร้านอมรมีหลอดไฟกลมที่ต้องการ
กินเสร็จแล้วค่อยกลับมาซื้อ
ข้ามถนนพระราม 4 เข้าซอยอารีย์ สุขุมวิท 26
ซอยอารีย์อีกแห่ง คือ ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน
สิ่งที่เหมือนกันของทั้งสองซอย คือ รถไฟฟ้าบีทีเอสไปถึง
และมีร้านอาหารอร่อยหลายร้านทั้งสองซอย
เข้าซอยมาประมาณ 50 เมตร ทางซ้ายมือเห็นป้าย "อัน อัน เหลา" สีแดงเด่นชัด ในโครงการ เอ สแควรื
ส่วนทางด้านขวามือ คือ โครงการ เค วิลเลจ หลังบิ๊ซีเอ็กซตร้า พระราม 4
อัน อัน เหลา เดิมอยู่ที่ซอยทองหล่อ สุขุมวิท 55 ก่อนย้ายมาอยู่ในโครงการ เอ สแควร์
ประตูทางเข้าอยู่ทางด้านลานจอดรถ
มาถึงพร้อมกัน 3 คน นัดครั้งนี้ขาดไ 3 คน
คนหนึ่งเพิ่งเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวาย เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ถ้าครั้งนี้ไม่นัดกันคงไม่มีใครรู้ ส่วนอีก 2 คน ไม่มีใครเคยเจอตั้งแต่เรียนจบ
เข้าไปนั่งรอในร้าน ผ่านที่วัดอุณหภูมิเข้ามาในร้าน
นึกไม่ออกว่ากฏร้านอาหารห้องปรับอากาศรับลูกค้าได้ 50% ยกเลิกไปหรือยัง
ยังดีที่จองเป็นห้องไว้ ค่าความเป็นส่วนตัว 400 บาท
ระหว่างรอครบคนดูรายการอาหารไปก่อน
ประวัติร้าน
เพิ่งรู้ว่าร้านนี้มีต้นกำเนิดที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เมื่อปี พ.ศ.2523
จากนั้นขยายสาขาเข้ามากรุงเทพฯ โดยเริ่มต้นที่ซอยทองหล่อ ระหว่างซอยทองหล่อ 15 และ 17
ก่อนที่จะย้ายที่ตั้งปัจจุบันในโครงการ เอ สแตวร์ เปิดทุกวันตั้งแต่ 11.00-22.00 น.
เหมือนเคยไปกินที่ซอยทองหล่อครั้งหนึ่ง แต่นานมากจนจำไม่ได้
ปกติอาหารทางใต้จะมีรสร้อนแรง ที่มีชื่อเสียงทางด้านอาหารจีนถาคใต้
มีเพียงไม่กี่จังหวัด ที่เคยลอง คือ ที่จังหวัดตรัง และจังหวัดภูเก็ต
ส่วนอำเภอเบตงยังไม่เคยไปสักที รอสนามบินซึ่งสร้างนานแล้วเปิดใช้ก่อน
รายการอาหาร ที่ดึงดูดใจให้มาร้านนี้กัน
เพราะราคาเป็ดปักกิ่งตัวละ 350 บาท เนื้อเป็ดทำอาหารฟรีหนึ่งอย่าง
ต้องรอดูว่าเป็นเป็ดเป่าลมใต้หนังหั่นเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมทอดกรอบเหมือนบางร้านหรือเปล่า
อาหารแนะนำ สั่งก๋วยเตี๋ยวหลอดมากินเล่น
สั่งไก่เบตง สั่งเคาหยกเผือกแทนเคาหยดผักกาดดองแห้ง
วันนี้ไม่มีผักน้ำ อาหารทุกอย่างยกเว้นเป็ดปักกิ่ง มีสองถึงสี่ขนาด ตั้งแต่ S, M, L และ XL
เลือกสั่งจานเล็กทุกอย่าง จะได้สั่งได้หลาย ๆ อย่าง
ก่อนเพื่อนจะกลับอเมริกาหลังปีใหม่
มีคนเสนอให้หาร้านกินหมูหัน
ไม่ได้ถามว่าไก่แช่เหล้าใช้ไก่เบตงหรือเปล่า
อาหารทะเลมีหลายอย่าง
อาหารประเภทผัก ผักน้ำไม่มี พนักงานเสนอเป็นโต้วเหมี่ยแต่ไม่สั่ง
เบื่อพุทราทอดแล้ว อยากลองเผือกเกร็ดมังกร
สุดท้ายไม่ได้สั่งของหวาน สูงวัยกันแล้ว ต้องระวังเรื่องน้ำตาล
น้ำจิ้มมาตรฐานสองอย่าง
อาหารอย่างแรกที่มา ไวกว่าก๋วยเตี๋ยวหลอดของกินเล่นเสียอีก
เคาหยกเผือก ขนาดเล็ก 300 บาท หมั่นโถวนึ่ง 2 ลูก 80 บาท
เผือกหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมทอดบาง วางสลับกับหมูสามชั้นเปื่อยนึ่งมาร้อน ๆ
น้ำราดไม่หนักเค็มไม่หนักหวานลงตัว
บิหมั่นโถวเนื้อนุ่มจิ้มน้ำเคาหยกเข้ากันดี
เส้นใหญ่ราดหน้าทะเลจานเล็ก 300 บาท
เส้นผัดได้หอมกระทะ แต่เนื้อปลาทอดบางชิ้นไม่สด
ก๋วยเตี๋ยวหลอดขนาดกลาง
มาหลายคนจัดขนาดกลางมาให้เอง 200 บาท
โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว
แผ่นก๋วยเตี๋ยวหนาพอเหมาะ
ห่อไส้เนื้อไก่ผัดกับเห็ดหอมและหอมใหญ่
น้ำราดเค็มอ่อน ๆ
ไก่อบใบเตยขนาด M 400 บาท
ถือเป็นอาหารระลึกถึงวัยรุ่น นัดกินที่ไหนต้องสั่งจานนี้
โดยเฉพาะอดีตร้าน Dees ในซอยหลังสวน นั่งในสวนสลัวต้องสั่งทุกครั้ง
จนเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งกัดถูกขาแมลงสาบ นึกถึงทีไรสยองจนเลิกกิน
ไก่ชิ้นโตหมักจนนุ่ม ห่อด้วยใบเตยหอมแล้วทอด หอมเครื่องหมัก จิ้มกับซีอิ๊วดำโรยงา
เป็ดปักกิ่ง 2 ตัว ตัวละ 350 บาท
แม้จะไม่ได้แล่โชว์ที่โต๊ะเหมือนเป็ดปักกิ่งราคาแพง
แต่จากลักษณะชิ้นหนังเป็ด เป็นการใช้ปังตอแล่จากตัวเป็ดไม่ใช่เป่าลมถอดหนังเอาไปทอด
เป็นรายการขายดีที่คนแล่ ๆ วันละหลายสิบตัว จนชำนาญไร้มันไร้เนื้อติดหนัง
เป็ดปักกิ้งเมืองไทย ถือเป็นเป็ดปักกิ่ง ที่อร่อยกว่าปักกิ่งต้นตำรับที่แล่ติดเนื้อ
แต่หมูหันแบบฮ่องกงของร้านเอี้ยวไถ่ ที่แล่หนังติดเนื้อ และมีน้ำราดอยู่ด้านล่างกลับอร่อย
แผ่นโรตีให้มามากแต่หนาไปนิด
วางหนังเป็ดตามด้วยแตงกวาหั่นแท่งและต้นหอม
ที่นี่ไม่ทำแหวนพริกชี้ฟ้าแดงสวมต้นหอม
ราดด้วยนำจิ้มข้นหนืดที่หวานน้อย
จากนั้นใช้ตะเกียบคีบแผ่นแป้งทับม้วนทั้งหมดใส่ปากแทนการใช้มือ
ตามมาแทบจะพร้อมกัน คือ
จานเนื้อเป็ดที่เลือกทำเมียงหนึงตัว ส่วนอีกตัวผักพริกเกลือ
เป็ดปักกิ่งไม่ด่างพร้อย แต่มาตกม้าตายสองจานนี้ ที่ทั้งโต๊ะลงความเห็นว่าน่าผิดหวัง
เมี่ยงควรจะมีรสเผ็ดนิด ๆ เปรี้ยวหน่อย ๆ แต่มาแบบขาดรส
ระดับภัตตาคาร ผักกาดหอมขอบเหลืองไม่สวย
เนื้อเป็ดปักกิ่งผัดพริกเกลือกินไม่หมด
ไก่เบตงขนาดกลาง 320 บาท
เนื้อไก่เลาะกระดูกไม่ให้รำคาญใจ วางส่วนติดหนังไว้ด้านบน
ราดด้วยน้ำซีอิ๊วปรุงรส โรยกระเทียมเจียว แต่งหน้าด้วยผักชี
เนื้อไก่แน่นนุ่ม หนังไก่บางไร้มันกรุบกรอบ
อร่อยโดยไม่ต้องพึ่งน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวพริกตำ
มีค่าบริการ 10% มีค่าห้องเล็กเล่นซ่อนหาไม่ได้ 400 บาท
มื้อนัดเจอเพื่อนจากอเมริกาครั้งแรก ในรอบกว่า 40 ปี เป็นเงิน 3,299 บาท
อุตส่าห์หิ้วข้ามน้ำข้ามทะเลมาฝากเพื่อนเมืองไทย
ลูกพลับปลูกเองหลังบ้าน ลูกเล็กแต่กรอบหวานอร่อย
ส่วนช็อกโกแลตที่เห็นว่าเป็นยี่ห้อดังของที่โน่นไม่ได้ชิม
ไม่รู้อีกกี่ปีถึงจะได้เจอกันอีก ก่อนกลับให้พนักงานช่วยถ่ายรูปหมู่ที่หน้าร้าน
ก่อนกลับข้ามไปซื้อหลอดนีออนกลมที่โลตัส แล้วนั่งรถประจำทางสายเดิมจ่ายครึ่งราคากลับบ้าน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ได้ที่เพจ "เที่ยวไปกินไป by laser"
https://th-th.facebook.com/เที่ยวไปกินไป-by-laser-458383970993701
ที่เอาไว้รวบรวมเรื่องเที่ยวเรื่องกิน ที่สั้นเกินกว่าจะนำมาลงเป็นบทความ
หรือ อยู่ระหว่างรวบรวมเป็นบทความที่สมบูรณ์ ที่อาจใช้เวลาหลายปี
#กินตามอาสาม #อร่อยตามอาสาม #ตามรอยอาสาม #เที่ยวกับอาสาม
[CR] เที่ยวไปกินไป by laser @ อัน อัน เหลา
กลับมาเยี่ยมบ้าน หลังไปต่อปริญญาโท และมีครอบครัวที่อเมริกากว่า 40 ปี
เพื่อนร่วมรุ่นที่ยังติดต่อกันได้ 7 คน จากทั้งหมด 10 คน จึงนัดกินข้าวกันที่ร้าน อัน อัน เหลา
ในซอยอารีย์ สุขุมวิท 26 คำนวณแล้ว นั่งรถประจำทางไปลงด้านถนนพระราม 4
ใกล้กว่าการนั่งรถไฟฟ้าบีทีเอสไปลงสถานีพร้อมพงศ์แล้วเดินเข้าซอยสุขุมวิท 26
นั่งรถประจำทางรถร้อนสูงวัยเสียครึ่งราคา 4 บาท ในขณะที่บีทีเอสครึ่งราคา 29 บาท
11.34 น.ลงรถที่หน้าโลตัส พระราม 4
นัดกันเที่ยงครึ่งยังมีเวลาเดินเล่น
แวะโลตัสดูสินค้าบางอย่าง เจอร้านอมรมีหลอดไฟกลมที่ต้องการ
กินเสร็จแล้วค่อยกลับมาซื้อ
ข้ามถนนพระราม 4 เข้าซอยอารีย์ สุขุมวิท 26
ซอยอารีย์อีกแห่ง คือ ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน
สิ่งที่เหมือนกันของทั้งสองซอย คือ รถไฟฟ้าบีทีเอสไปถึง
และมีร้านอาหารอร่อยหลายร้านทั้งสองซอย
เข้าซอยมาประมาณ 50 เมตร ทางซ้ายมือเห็นป้าย "อัน อัน เหลา" สีแดงเด่นชัด ในโครงการ เอ สแควรื
ส่วนทางด้านขวามือ คือ โครงการ เค วิลเลจ หลังบิ๊ซีเอ็กซตร้า พระราม 4
อัน อัน เหลา เดิมอยู่ที่ซอยทองหล่อ สุขุมวิท 55 ก่อนย้ายมาอยู่ในโครงการ เอ สแควร์
ประตูทางเข้าอยู่ทางด้านลานจอดรถ
มาถึงพร้อมกัน 3 คน นัดครั้งนี้ขาดไ 3 คน
คนหนึ่งเพิ่งเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวาย เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ถ้าครั้งนี้ไม่นัดกันคงไม่มีใครรู้ ส่วนอีก 2 คน ไม่มีใครเคยเจอตั้งแต่เรียนจบ
เข้าไปนั่งรอในร้าน ผ่านที่วัดอุณหภูมิเข้ามาในร้าน
นึกไม่ออกว่ากฏร้านอาหารห้องปรับอากาศรับลูกค้าได้ 50% ยกเลิกไปหรือยัง
ยังดีที่จองเป็นห้องไว้ ค่าความเป็นส่วนตัว 400 บาท
ระหว่างรอครบคนดูรายการอาหารไปก่อน
ประวัติร้าน
เพิ่งรู้ว่าร้านนี้มีต้นกำเนิดที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เมื่อปี พ.ศ.2523
จากนั้นขยายสาขาเข้ามากรุงเทพฯ โดยเริ่มต้นที่ซอยทองหล่อ ระหว่างซอยทองหล่อ 15 และ 17
ก่อนที่จะย้ายที่ตั้งปัจจุบันในโครงการ เอ สแตวร์ เปิดทุกวันตั้งแต่ 11.00-22.00 น.
เหมือนเคยไปกินที่ซอยทองหล่อครั้งหนึ่ง แต่นานมากจนจำไม่ได้
ปกติอาหารทางใต้จะมีรสร้อนแรง ที่มีชื่อเสียงทางด้านอาหารจีนถาคใต้
มีเพียงไม่กี่จังหวัด ที่เคยลอง คือ ที่จังหวัดตรัง และจังหวัดภูเก็ต
ส่วนอำเภอเบตงยังไม่เคยไปสักที รอสนามบินซึ่งสร้างนานแล้วเปิดใช้ก่อน
รายการอาหาร ที่ดึงดูดใจให้มาร้านนี้กัน
เพราะราคาเป็ดปักกิ่งตัวละ 350 บาท เนื้อเป็ดทำอาหารฟรีหนึ่งอย่าง
ต้องรอดูว่าเป็นเป็ดเป่าลมใต้หนังหั่นเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมทอดกรอบเหมือนบางร้านหรือเปล่า
อาหารแนะนำ สั่งก๋วยเตี๋ยวหลอดมากินเล่น
สั่งไก่เบตง สั่งเคาหยกเผือกแทนเคาหยดผักกาดดองแห้ง
วันนี้ไม่มีผักน้ำ อาหารทุกอย่างยกเว้นเป็ดปักกิ่ง มีสองถึงสี่ขนาด ตั้งแต่ S, M, L และ XL
เลือกสั่งจานเล็กทุกอย่าง จะได้สั่งได้หลาย ๆ อย่าง
ก่อนเพื่อนจะกลับอเมริกาหลังปีใหม่
มีคนเสนอให้หาร้านกินหมูหัน
ไม่ได้ถามว่าไก่แช่เหล้าใช้ไก่เบตงหรือเปล่า
อาหารทะเลมีหลายอย่าง
อาหารประเภทผัก ผักน้ำไม่มี พนักงานเสนอเป็นโต้วเหมี่ยแต่ไม่สั่ง
เบื่อพุทราทอดแล้ว อยากลองเผือกเกร็ดมังกร
สุดท้ายไม่ได้สั่งของหวาน สูงวัยกันแล้ว ต้องระวังเรื่องน้ำตาล
น้ำจิ้มมาตรฐานสองอย่าง
อาหารอย่างแรกที่มา ไวกว่าก๋วยเตี๋ยวหลอดของกินเล่นเสียอีก
เคาหยกเผือก ขนาดเล็ก 300 บาท หมั่นโถวนึ่ง 2 ลูก 80 บาท
เผือกหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมทอดบาง วางสลับกับหมูสามชั้นเปื่อยนึ่งมาร้อน ๆ
น้ำราดไม่หนักเค็มไม่หนักหวานลงตัว
บิหมั่นโถวเนื้อนุ่มจิ้มน้ำเคาหยกเข้ากันดี
เส้นใหญ่ราดหน้าทะเลจานเล็ก 300 บาท
เส้นผัดได้หอมกระทะ แต่เนื้อปลาทอดบางชิ้นไม่สด
ก๋วยเตี๋ยวหลอดขนาดกลาง
มาหลายคนจัดขนาดกลางมาให้เอง 200 บาท
โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว
แผ่นก๋วยเตี๋ยวหนาพอเหมาะ
ห่อไส้เนื้อไก่ผัดกับเห็ดหอมและหอมใหญ่
น้ำราดเค็มอ่อน ๆ
ไก่อบใบเตยขนาด M 400 บาท
ถือเป็นอาหารระลึกถึงวัยรุ่น นัดกินที่ไหนต้องสั่งจานนี้
โดยเฉพาะอดีตร้าน Dees ในซอยหลังสวน นั่งในสวนสลัวต้องสั่งทุกครั้ง
จนเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งกัดถูกขาแมลงสาบ นึกถึงทีไรสยองจนเลิกกิน
ไก่ชิ้นโตหมักจนนุ่ม ห่อด้วยใบเตยหอมแล้วทอด หอมเครื่องหมัก จิ้มกับซีอิ๊วดำโรยงา
เป็ดปักกิ่ง 2 ตัว ตัวละ 350 บาท
แม้จะไม่ได้แล่โชว์ที่โต๊ะเหมือนเป็ดปักกิ่งราคาแพง
แต่จากลักษณะชิ้นหนังเป็ด เป็นการใช้ปังตอแล่จากตัวเป็ดไม่ใช่เป่าลมถอดหนังเอาไปทอด
เป็นรายการขายดีที่คนแล่ ๆ วันละหลายสิบตัว จนชำนาญไร้มันไร้เนื้อติดหนัง
เป็ดปักกิ้งเมืองไทย ถือเป็นเป็ดปักกิ่ง ที่อร่อยกว่าปักกิ่งต้นตำรับที่แล่ติดเนื้อ
แต่หมูหันแบบฮ่องกงของร้านเอี้ยวไถ่ ที่แล่หนังติดเนื้อ และมีน้ำราดอยู่ด้านล่างกลับอร่อย
แผ่นโรตีให้มามากแต่หนาไปนิด
วางหนังเป็ดตามด้วยแตงกวาหั่นแท่งและต้นหอม
ที่นี่ไม่ทำแหวนพริกชี้ฟ้าแดงสวมต้นหอม
ราดด้วยนำจิ้มข้นหนืดที่หวานน้อย
จากนั้นใช้ตะเกียบคีบแผ่นแป้งทับม้วนทั้งหมดใส่ปากแทนการใช้มือ
ตามมาแทบจะพร้อมกัน คือ
จานเนื้อเป็ดที่เลือกทำเมียงหนึงตัว ส่วนอีกตัวผักพริกเกลือ
เป็ดปักกิ่งไม่ด่างพร้อย แต่มาตกม้าตายสองจานนี้ ที่ทั้งโต๊ะลงความเห็นว่าน่าผิดหวัง
เมี่ยงควรจะมีรสเผ็ดนิด ๆ เปรี้ยวหน่อย ๆ แต่มาแบบขาดรส
ระดับภัตตาคาร ผักกาดหอมขอบเหลืองไม่สวย
เนื้อเป็ดปักกิ่งผัดพริกเกลือกินไม่หมด
ไก่เบตงขนาดกลาง 320 บาท
เนื้อไก่เลาะกระดูกไม่ให้รำคาญใจ วางส่วนติดหนังไว้ด้านบน
ราดด้วยน้ำซีอิ๊วปรุงรส โรยกระเทียมเจียว แต่งหน้าด้วยผักชี
เนื้อไก่แน่นนุ่ม หนังไก่บางไร้มันกรุบกรอบ
อร่อยโดยไม่ต้องพึ่งน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวพริกตำ
มีค่าบริการ 10% มีค่าห้องเล็กเล่นซ่อนหาไม่ได้ 400 บาท
มื้อนัดเจอเพื่อนจากอเมริกาครั้งแรก ในรอบกว่า 40 ปี เป็นเงิน 3,299 บาท
อุตส่าห์หิ้วข้ามน้ำข้ามทะเลมาฝากเพื่อนเมืองไทย
ลูกพลับปลูกเองหลังบ้าน ลูกเล็กแต่กรอบหวานอร่อย
ส่วนช็อกโกแลตที่เห็นว่าเป็นยี่ห้อดังของที่โน่นไม่ได้ชิม
ไม่รู้อีกกี่ปีถึงจะได้เจอกันอีก ก่อนกลับให้พนักงานช่วยถ่ายรูปหมู่ที่หน้าร้าน
ก่อนกลับข้ามไปซื้อหลอดนีออนกลมที่โลตัส แล้วนั่งรถประจำทางสายเดิมจ่ายครึ่งราคากลับบ้าน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ได้ที่เพจ "เที่ยวไปกินไป by laser"
https://th-th.facebook.com/เที่ยวไปกินไป-by-laser-458383970993701
ที่เอาไว้รวบรวมเรื่องเที่ยวเรื่องกิน ที่สั้นเกินกว่าจะนำมาลงเป็นบทความ
หรือ อยู่ระหว่างรวบรวมเป็นบทความที่สมบูรณ์ ที่อาจใช้เวลาหลายปี
#กินตามอาสาม #อร่อยตามอาสาม #ตามรอยอาสาม #เที่ยวกับอาสาม
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น