หรือแทบไม่มี!?
...เพราะยุคสมัยใหม่ นิยมศึกษาเรียนรู้ในลักษณะเป็นวิชาการ (เรียนทฤษฏีของวิชานั้น เรียนทฤษฎีของวิชานี้)
...เพราะยุคสมัยใหม่ เน้นใช้ปัญญา (ปัญญาในที่นี้ มิใช่ปัญญาเฉียบคมตัดกิเลส หรือปัญญารู้แจ้งความจริงของจักรวาล...แต่หมายถึง ความฉลาด/ตรรกะ/การใช้สมองพิจารณาขบคิด/ตรึกตรอง/วิตก วิจาร)...จึงไม่กล้าทุ่มเทชีวิตจิตใจ ยอมตาย เพื่อประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของศาสดา...ซึ่งแตกต่างจากยุคสมัยที่ใช้ศรัทธา (ความเชื่อ) นำ
...ข้อดีของยุคสมัยที่ใช้สมอง/ปัญญา นำ ก็คือ รอบรู้กว้างขวาง ไม่ลุ่มหลงงมงาย
...ข้อเสียของยุคสมัยที่ใช้สมอง/ปัญญา นำ ก็คือ คิดมาก...สงสัยอะไร ๆ ต่าง ๆ มาก...จนเสียเวลาไปครึ่งค่อนชีวิต หรือทั้งชีวิต ในการคิด คิด และคิด
***สุดท้าย ก็คล้ายกับคนที่ไม่มีความรู้อะไรเลย ไม่ได้อะไรเลย...แค่ได้ คิด...เกิดมาเพื่อ คิด!***
ผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านศาสนาเยอะ...แต่ผู้บรรลุเป้าหมายสูงสุดของศาสนา (ตามที่ศาสดาบอกสอนไว้) น้อย!?
...เพราะยุคสมัยใหม่ นิยมศึกษาเรียนรู้ในลักษณะเป็นวิชาการ (เรียนทฤษฏีของวิชานั้น เรียนทฤษฎีของวิชานี้)
...เพราะยุคสมัยใหม่ เน้นใช้ปัญญา (ปัญญาในที่นี้ มิใช่ปัญญาเฉียบคมตัดกิเลส หรือปัญญารู้แจ้งความจริงของจักรวาล...แต่หมายถึง ความฉลาด/ตรรกะ/การใช้สมองพิจารณาขบคิด/ตรึกตรอง/วิตก วิจาร)...จึงไม่กล้าทุ่มเทชีวิตจิตใจ ยอมตาย เพื่อประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของศาสดา...ซึ่งแตกต่างจากยุคสมัยที่ใช้ศรัทธา (ความเชื่อ) นำ
...ข้อดีของยุคสมัยที่ใช้สมอง/ปัญญา นำ ก็คือ รอบรู้กว้างขวาง ไม่ลุ่มหลงงมงาย
...ข้อเสียของยุคสมัยที่ใช้สมอง/ปัญญา นำ ก็คือ คิดมาก...สงสัยอะไร ๆ ต่าง ๆ มาก...จนเสียเวลาไปครึ่งค่อนชีวิต หรือทั้งชีวิต ในการคิด คิด และคิด
***สุดท้าย ก็คล้ายกับคนที่ไม่มีความรู้อะไรเลย ไม่ได้อะไรเลย...แค่ได้ คิด...เกิดมาเพื่อ คิด!***