ตลาดลงมากองล่าง ถ้าไม่เจอข่าวลบอะไรใหม่ในเดือนนี้
พี่หรั่งก็ออกของไปมากแล้ว คงเก็บตังค์ไปนั่งนับเงิน แล้วมาลุยใหม่ปีหน้า
เหลือแต่พี่กอง ปอบ ย่อย ลุยกันเอง
ตัวพี่กองคงไม่กล้ากดหุ้นลงไปให้พังกว่านี้ถ้าไม่มีปัจจัยลบใหม่ เดี๋ยว nav ไม่งาม
ลงไปก็มีย่อยคอยเป็นป๋ารับหุ้นให้ตลอดทาง
ถ้าพี่กองดันขึ้นไปย่อยก็พร้อมขาย พี่กองก็คงไม่สปอร์ตพอดันกลับขึ้นไปไกล
นอกจากอยากเช็ดหน้าต่างให้สะอาดๆตอนไว้ท้ายๆปีเพื่อแต่ง nav
สรุป คือ ครึ่งเดือนหลัง น่าจะเข้าโหมด ไซเวรรรร กันแล้วละมั้งฮะ
ปัจจัยลบที่น่าจะพาตลาดลงอีกวูบคงเป็นเห็นโอไมครอนเข้าประเทศ แล้วตามด้วยปิดประเทศ
ซึ่งถ้าลงด้วยข่าวนี้ ผมว่า มันคือโอกาสซื้ออยู่นะฮะ
อีกอันก็รอไฟเซอร์ โมเดิร์นนาพูดถึงวัคซีนตัวปัจจุบันเอาโอไมครอนอยู่มั้ย
รวมถึงความรุนแรงของพี่แกเป็นยังไง
ปีหน้าตลาดน่าจะยากกว่าปีนี้อีก มีปัจจัยลบเพิ่มขึ้นอย่าง เฟดที่แต่ก่อนคือตัวช่วยตลาดหุ้น
กำลังจะเปลี่ยนเป็นปัจจัยลบแทน
เงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น เฟดก็จะหาทางสกัดเงินเฟ้อไปเรื่อยๆ
ในขณะที่นโยบายการคลังของป๋าไบเดนงบการลงทุนพัฒนาประเทศจะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้เกิดเงินเฟ้อแทน
ทำไมมองแบบนั้น เพราะงบลงทุนพัฒนาประเทศขนาดใหญ่ ย่อมสร้างแรงกระเพื่อมต่อความต้องการพวกวัสดุก่อสร้างได้เยอะแน่ๆ
พวกโครงการพลังงานสะอาดน่าจะได้ประโยชน์เต็มๆจากการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด
ค่าจ้างแรงงานสหรัฐน่าจะขึ้นรัวๆ(ตอนนี้ก็สูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่) ราคาอสังหาจะขึ้นเรื่อยๆ
ผลคือ เงินเฟ้อจาก cost push น่าจะมาเรื่อยๆ ค่าครองชีพสูงขึ้นแม้รายได้จะมากขึ้น แต่จะรู้สึกกำลังซื้อลดอยู่ดี
ส่วนตัวยังมองว่า หุ้นกลุ่ม real sector ปีหน้าน่าจะดี ขึ้นดอกยังไงก็น่าจะดีกับแบงก์อยู่มั้ง
แต่กลุ่มเช่าซื้อ ลีซซิ่งแข่งดุ จะอยู่ยังไงในภาวะดอกขาขึ้น
บ้านเรามีเรื่องกม. ถ้าไม่มีอะไรผิดแผน เช่น โควิดระบาดหนักต้องปิดเมือง น่าจะได้ยินข่าวลต.กลางๆปี
ใกล้เข้าช่วงพักผ่อนของตลาดหรือยัง
พี่หรั่งก็ออกของไปมากแล้ว คงเก็บตังค์ไปนั่งนับเงิน แล้วมาลุยใหม่ปีหน้า
เหลือแต่พี่กอง ปอบ ย่อย ลุยกันเอง
ตัวพี่กองคงไม่กล้ากดหุ้นลงไปให้พังกว่านี้ถ้าไม่มีปัจจัยลบใหม่ เดี๋ยว nav ไม่งาม
ลงไปก็มีย่อยคอยเป็นป๋ารับหุ้นให้ตลอดทาง
ถ้าพี่กองดันขึ้นไปย่อยก็พร้อมขาย พี่กองก็คงไม่สปอร์ตพอดันกลับขึ้นไปไกล
นอกจากอยากเช็ดหน้าต่างให้สะอาดๆตอนไว้ท้ายๆปีเพื่อแต่ง nav
สรุป คือ ครึ่งเดือนหลัง น่าจะเข้าโหมด ไซเวรรรร กันแล้วละมั้งฮะ
ปัจจัยลบที่น่าจะพาตลาดลงอีกวูบคงเป็นเห็นโอไมครอนเข้าประเทศ แล้วตามด้วยปิดประเทศ
ซึ่งถ้าลงด้วยข่าวนี้ ผมว่า มันคือโอกาสซื้ออยู่นะฮะ
อีกอันก็รอไฟเซอร์ โมเดิร์นนาพูดถึงวัคซีนตัวปัจจุบันเอาโอไมครอนอยู่มั้ย
รวมถึงความรุนแรงของพี่แกเป็นยังไง
ปีหน้าตลาดน่าจะยากกว่าปีนี้อีก มีปัจจัยลบเพิ่มขึ้นอย่าง เฟดที่แต่ก่อนคือตัวช่วยตลาดหุ้น
กำลังจะเปลี่ยนเป็นปัจจัยลบแทน
เงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น เฟดก็จะหาทางสกัดเงินเฟ้อไปเรื่อยๆ
ในขณะที่นโยบายการคลังของป๋าไบเดนงบการลงทุนพัฒนาประเทศจะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้เกิดเงินเฟ้อแทน
ทำไมมองแบบนั้น เพราะงบลงทุนพัฒนาประเทศขนาดใหญ่ ย่อมสร้างแรงกระเพื่อมต่อความต้องการพวกวัสดุก่อสร้างได้เยอะแน่ๆ
พวกโครงการพลังงานสะอาดน่าจะได้ประโยชน์เต็มๆจากการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด
ค่าจ้างแรงงานสหรัฐน่าจะขึ้นรัวๆ(ตอนนี้ก็สูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่) ราคาอสังหาจะขึ้นเรื่อยๆ
ผลคือ เงินเฟ้อจาก cost push น่าจะมาเรื่อยๆ ค่าครองชีพสูงขึ้นแม้รายได้จะมากขึ้น แต่จะรู้สึกกำลังซื้อลดอยู่ดี
ส่วนตัวยังมองว่า หุ้นกลุ่ม real sector ปีหน้าน่าจะดี ขึ้นดอกยังไงก็น่าจะดีกับแบงก์อยู่มั้ง
แต่กลุ่มเช่าซื้อ ลีซซิ่งแข่งดุ จะอยู่ยังไงในภาวะดอกขาขึ้น
บ้านเรามีเรื่องกม. ถ้าไม่มีอะไรผิดแผน เช่น โควิดระบาดหนักต้องปิดเมือง น่าจะได้ยินข่าวลต.กลางๆปี