“ ชม..ตกลงเธอเลิกกับนนท์แล้วใช่ไหม” รุจีเพื่อนสนิทที่สุดของฉัน ถามฉันตรงๆแบบไม่ต้องอ้อมค้อม เพราะทุกเรื่องของฉันรุจีจะรู้หมด เราไม่มีความลับต่อกัน ฉันนั่งก้มหน้าไม่ยอมตอบคำถามของรุจี ท่าทีและอาการของฉันทำให้รุจีต้องพูดต่อ
“ถ้าเธอทนนนท์ไม่ได้ที่เขามีหญิงอื่น ก็เลิกๆกันไปเถอะ เป็นฉันก็ทนไม่ได้เหมือนกัน ผู้ชายในโลกนี้ยังมีอีกเยอะ เชื่อฉันนะชม อย่าไปอาลัยอาวรณ์คนแบบนั้นเลย ปล่อยไปซะ ให้เขาไปที่ชอบที่ชอบเถอะนะ” รุจีพูดปลอบใจฉัน เพื่อให้ฉันตัดใจจากเขา และทำใจ
ฉันกำลังทำใจอยู่ พอได้ยินแบบนั้น น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ไหลพรากออกมา แบบเหมือนทำนบกั้นน้ำแตกก็มิปาน ไม่มีเสียงสะอื้น ไม่มีคำพร่ำพรรณนา มีแต่น้ำตาใสๆไหลออกมาล้นทะลักเบ้าตา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อกหักแบบนี้ เท่าที่จำได้เจอมาแล้ว 2 ครั้ง และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 อาการก็จะประมาณนี้ พูดง่ายๆว่าเริ่มจะชินกับการอกหัก
ฉันนั่งนิ่งสะกดจิต และเริ่มแผ่เมตตา ให้อภัยเขาคนนั้น จิตใจเริ่มผ่อนคลาย ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับเขาคนนั้น วนกลับมาในจิตใต้สำนึกของฉันอีกครั้ง ฉันรู้สึกสับสนอยู่ครู่หนึ่ง
สักพักก็จางหายไป ฉันหายใจเข้าลึกๆสองสามครั้ง แล้วลืมตาขึ้นมา มองไปข้างหน้า เจอใบหน้าของรุจี เธอกำลังจ้องมองหน้าฉันอย่างระยะประชิด
“ โอ้ย..ตกใจหมดเลย” ฉันสะดุ้งและร้องเสียงหลง เพราะไม่คิดว่ารุจีจะมาจ้องหน้าฉันใกล้ขนาดนั้น รุจีมักจะทำให้ฉันคลายเศร้าเสมอ ฉันมีปัญหาเรื่องรัก ก็เธอนี่แหละช่วยเหลือ
“ ฮ่าๆๆๆ...ชมทำใจได้แล้วใช่ไหมละ เธอหนะเก่งอยู่แล้วเรื่องตัดใจลา เป็นความสามารถเฉพาะตัวเธอจริงๆ” รุจีพูดชมฉันและแซวแบบแหย่ นิดๆ เพื่อให้ฉันหัวเราะ เพราะถ้าฉันหัวเราะออกมาเมื่อไหร่ แสดงว่าเริ่มทำใจได้
“ฮ่าๆๆๆ แล้วทุกอย่างก็จะผ่านไปเองแหละ คนเราจะไปจริงจังกับคนไม่จริงใจทำไม ใช่ไหม ฮ่าๆๆๆๆ...ฮ่าๆๆ” ฉันหัวเราะแบบไม่หยุด เพราะต้องการระบายความคับแค้นในใจให้ออกมาให้มากที่สุด มันเป็นวิธีที่ฉันถนัดมากที่จะช่วยจิตใจของฉันให้ผ่อนคลายจากความทุกข์
“รุจี..เราไปเที่ยวกันดีไหมเพื่อน เพื่อทำให้หัวใจฉันพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง “ ฉันชวนรุจีไปเที่ยวเพื่อปลดปล่อยความทุกข์ที่กำลังเกิดขึ้นในใจ
“ จะไปที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร บอกมาเลย ถ้าว่างฉันจะไปด้วย” รุจีพร้อมที่จะไปด้วย
“ ฉันว่าจะไปกรุงปรากนะ ช่วงคริสต์มาส หนาวสะใจดี อยากหนาวๆๆ ฮ่าๆๆ”
“ ไม่ได้เลยเพื่อนช่วงนั้น ฉันต้องไปจีน ไปสัมมนาที่เซี่ยงไฮ้ ช่วงอื่นไม่ได้เหรอ” รุจีอยากไปด้วยแต่ไม่ว่าง ถ้าเธอว่างเธอจะไปด้วยตลอด
“ไม่เป็นไรจ้า ฉันอยากไปช่วงนั้น ลางานแล้วด้วย กะไปสัก 10 วัน เที่ยวกรุงปรากเมืองสุดแสนโรแมนติค เผื่อจะได้เจอหนุ่มคนใหม่มั้งไงจ้า”
ฉันอยากจะลืมเขาคนนั้นให้เร็วที่สุด และไปผ่อนคลายหาความสุขใส่ตัว จิตใจจะได้เบิกบาน ไม่หดหู่คิดวนไปวนมา เดี๋ยวสติแตก
“ ฮ่าๆๆๆ ขอให้สมหวังนะแม่ชมดาวคนน่ารัก ขอให้ได้เจอหนุ่มคนใหม่ที่ใช่และที่ชอบ เห็นปุ๊บชอบปั๊บเลยนะ” รุจีอวยพรให้ได้พบหนุ่มคนใหม่ รุจีอยากเห็นฉันกลับมาร่าเริงเหมือนเดิม
ถ้ามีคนใหม่มาแทนที่ความทุกข์ใจเรื่องคนเก่าก็คงจะเลือนหายไปจนไม่เหลือเยื่อใย แล้วสิ่งดีๆก็จะได้เข้ามาในชีวิตอีกครั้ง
ถึงท่าอากาศยานวาตสลัฟ ฮาเวล เรียบร้อย ฉันไม่รีบร้อนเที่ยว อยากเที่ยวแบบชิวๆต้องไปรถสาธารณะ ใช้เวลา 1 ชั่วโมงไปถึงตัวเมืองกรุงปราก ได้นั่งมองข้างทาง
ช่วงนี้เป็นฤดูหนาว ข้างทางแห้งแล้ง ต้นไม้มีเปลือกสีดำ ใบไม้ร่วงหมดต้น เห็นแต่กิ่งก้านสีดำ มองดูงามตาไปอีกแบบ ถ้ามองเป็นแนวศิลปะ อุณหภูมิตอนนี้ 3 องศาเซลเซียส หนาวเย็นถูกใจจริงๆ
ฉันจองที่พักแถวโอลด์ทาวน์ เพราะแถวนี้จะมีบาร์ คลับ และมีแหล่งบันเทิงยามค่ำคืนมากมาย ฉันเป็นแนวสายชิมเครื่องดื่มอยู่แล้ว ต้องหาที่พักที่เหมาะสม จะได้นั่งดื่มไวน์และฟังเพลงเบาๆ ท่ามกลางความหนาวเหน็บ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ ชอบๆๆๆ
ฉันเข้าที่พักต้องขอพักก่อนเพราะเดินทางมาไกลเหลือเกิน ข้ามทวีปจากเอเชียมาถึงยุโรปเลย ได้นอนหลับสักตื่น ก็จะมีแรงพร้อมเดินเที่ยวตามแผนที่วางเอาไว้
กรุงปราก เป็นเมืองหลวงที่สุดแสนโรแมนติคของประเทศสาธารณรัฐเช็ก เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล อยู่ในภูมิภาคยุโรปกลางและเป็นประเทศที่มีภูมิอากาศแบบผสม เหมาะที่จะมาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
กรุงปรากเป็นเมืองมรดกโลกของสาธารณรัฐเช็ก มีแม่น้ำวัลตาวา เป็นแม่น้ำสายสำคัญที่หล่อเลี้ยงมาแต่โบราณ ด้วยความสวยงามและเงียบสงบ จึงได้รับสมญานามว่าเป็นดินแดนมงกุฏแห่งยุโรป
วันนี้จะได้มาพิสูจน์ละว่าจริงดังคำสมญานามหรือไม่ ถึงฉันจะมากรุงปรากเป็นครั้งแรก แต่ฉันได้ศึกษาข้อมูลมาไว้เยอะ เพียงแต่รอมาสัมผัสจริง
ครั้งหนึ่งเคยวางแผน จะมาฮันนีมูนที่กรุงปรากนี่แหละ แต่ความฝันนั้นพังทลายไปแล้ว เลยถือโอกาสมาเยือนที่นี่ เผื่อจะได้เจอใครบางคนที่รอฉันอยู่ที่นี่ก็อาจเป็นไปได้ เริ่มฝันกลางวัน ท่ามกลางความหนาวเหน็บของกรุงปราก
“พอๆ... อย่าไปคิดถึงมันอีกเลย เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันจบไป อย่าคิดวนอีก” ฉันเตือนตัวเองตลอด
ฉันสะบัดหัวสองสามครั้ง เพื่อให้ลืมๆเรื่องที่เจ็บปวดไป คิดไปก็รังแต่จะเจ็บจี๊ดๆขึ้นในใจ
ออกเที่ยวดีกว่า ความโรแมนติคของกรุงปราก อาจจะทำให้ฉันมีความสุขมากขึ้น ลืมความเจ็บปวดที่ไม่อยากจะเจอบ่อยๆ
ถึงสะพานชาร์ลส์แล้ว ฉันตั้งใจมาที่นี่เพราะเป็นสะพานหินเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเป็นประวัติศาสตร์ สะพานทอดตัวยาวข้ามแม่น้ำวัลตาวามีความยาว 621 เมตร กว้าง 10 เมตร จุดเด่นของสะพานนี้คือมีรูปปั้นสไตล์บาโรก ทั้งหมด 30 รูป
และมีรูปปั้นที่นิยมที่สุดคือรูปปั้นของเซนต์จอห์น เนโปมุข มีความเชื่อต่อๆกันมาว่าถ้าใครได้สัมผัสแล้ว จะได้รับความโชคดีมาสู่ตัวคนที่ได้สัมผัส และคนที่สัมผัสจะได้กลับมากรุงปรากอีกครั้ง
“ฉันต้องไปสัมผัสรูปปั้นนั้นให้ได้ เผื่อจะโชคดีดังคำล่ำลือ” ฉันพยายามมองหารูปปั้นนั้น โดยเริ่มไล่ดูไปทีละรูปๆ เดินเล่นไปเรื่อยๆ สูดอากาศสดชื่นจากแม่น้ำวัลตาวา ริมสะพานชาร์ลส์มีของที่ระลึกแปลกๆมากมายให้ได้เดินชม ทำให้เพลิดเพลินมาก
วันนี้คนมาท่องเที่ยวกันเยอะ นักท่องเที่ยวเดินเต็มสะพาน และนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ไม่ใช่คนในประเทศเท่านั้น จะเป็นคนมาจากประเทศเพื่อนบ้านเยอะ เนื่องจากกรุงปราก เป็นเมืองที่ใครๆก็อยากจะมาเที่ยวชมความงาม และยิ่งเป็นช่วงคริสต์มาสด้วยแล้ว มีบรรยากาศที่สนุกสนานมาก แค่คิดก็รู้สึกตื่นเต้นล่ะ
อากาศเย็นสบาย ลมพัดโชย แสงแดดอ่อนๆยามบ่ายแก่ๆ ช่างมีความสุขจริงๆ ฉันเดินไปเรื่อยๆ
เจอแล้วรูปปั้นเซนต์จอห์น เนโปมุข คนยืนรอเพื่อไปสัมผัสกันเยอะเลย ถ้ายืนรอเพื่อตั้งใจสัมผัสอย่างจริงจังคงอีกนาน เกรงว่าจะช้า ฉันเดินใกล้เข้าไปเผื่อมีช่องให้เข้าไปได้แตะนิดหนึ่งก็ยังดี จะได้ไม่ต้องรอนาน
ฉันเดินเข้าไป มีคนกลุ่มใหญ่แห่กันมาเพื่อจะเข้ามาสัมผัสรูปปั้น ฉันเดินหลบอย่างเร็ว ทำให้เซไปแตะขาของรูปปั้นเซนต์จอห์น เนโปมุข อย่างไม่ได้ตั้งใจ อะฮ่ะ..ได้แตะแล้ว รอดูผลว่าจะโชคดีจริงหรือเปล่า
หลังจากนั้นตาฉันเหลือบไปเห็นศิลปินนักวาดรูปคนหนึ่ง ที่ตั้งบูธอยู่บนสะพาน ริมฝั่งซ้ายของสะพานถัดจากรูปปั้นเซนต์จอห์น เนโปมุข
ภาพที่ฉันเห็นตอนนั้น เหมือนภาพในฝันมันหยุดนิ่งอยู่พักหนึ่ง ภาพนั้นศิลปินหนุ่มคนนั้น กำลังตั้งใจวาดรูปเหมือนของลูกค้าคนหนึ่ง เขาขะมักเขม้นวาดราวกับว่าเขากำลังวาดอยู่คนเดียวบนสะพาน อยู่ในโลกของเขาคนเดียว ในขณะที่ผู้คนนักท่องเที่ยวเดินเที่ยวเกะกะเต็มสะพาน
แสงแดดยามบ่ายแก่ๆ สาดส่องมาที่ใบหน้าของเขา ผมหยักศกสลวยรับกับใบหน้าของเขา ท่าทางที่กำลังมีความสุขที่ได้วาดรูปของเขา ฉันเห็นแล้วโดนใจมาก เป็นภาพที่สามารถสะกดจิตฉันให้ตกอยู่ในภวังค์ได้ ฉันยืนดูเขาวาดรูปนานแค่ไหนไม่รู้ตัว
จนกระทั่งจิตกรหนุ่มคนนั้นวาดรูปเสร็จ และวาดรูปให้ลูกค้าคนต่อไป
ฉันเดินตรงไปและหยุดยืนดูเขาวาดรูปอย่างไม่รู้ตัวว่ามาได้อย่างไร เหมือนกำลังถูกมนต์สะกด พักใหญ่เขาก็วาดเสร็จ ลูกค้าพอใจในฝีมือเขามาก ชื่นชมและขอบคุณกันเป็นการใหญ่
เขาเห็นฉันเข้าไปยืนดูนานแล้ว เขาจึงถามฉันว่าสนใจจะให้เขาวาดรูปให้ไหม
ฉันตื่นจากภวังค์ นานแค่ไหนไม่รู้เลย ไม่ทราบว่าจิตรกรได้สังเกตเห็นฉันหรือเปล่า
“คุณคิดราคาเท่าไหร่ค่ะ” ฉันถามจิตรกรคนนั้น แบบไม่ได้ตั้งใจถามจริง
“คุณมาจากประเทศทางเอเชียใช่ไหมครับ” จิตรกรคนนั้นถามฉัน และยิ้มให้
“ ใช่ค่ะ คุณลองทายดูซิว่าฉันมาจากประเทศอะไร ฉันจะให้โอกาสคุณทาย 3 ครั้ง ถ้าคุณทายถูกฉันจะใช้บริการจากคุณค่ะ”
ฉันเล่นเกมกับจิตรกรคนนั้น เพราะดูท่าทางเขาเป็นมิตรและสุภาพ หน้าตาหล่อเหลา
ท่าทางน่ารักของเขาตรงสเปคฉันเลย ทำให้ฉันอยากผูกมิตรด้วย เพราะฉันมาเที่ยวคนเดียว และจะอยู่ที่กรุงปรากอีกเกือบอาทิตย์
กำลังคิดหาเพื่อนพาเที่ยว เพื่อจะโชคดีได้เพื่อนพาเที่ยว ในใจก็แอบปลื้มเขาอยู่เต็มๆ อิอิ..แต่ต้องเก็บอาการหน่อย
“ ฮ่าๆๆ โอเคเลยครับ ผมขอทายเป็นประเทศฟิลิปปินส์” เขายอมเล่นเกมกับฉัน เพราะถ้าทายผิดเขาก็ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ถ้าเขาทายถูก เขาจะได้มีรายได้เพิ่มอีก
“ ไม่ใช่ค่ะ คุณมีโอกาสอีก 2 ครั้งนะค่ะ” ฉันก็ลุ้นให้เขาทายถูก เพื่อจะได้ชวนเที่ยวด้วย ฮ่าๆๆ ดูเขาตั้งใจมากเลย ที่จะทายให้ถูก
“ ประเทศอินโดนีเซียครับ” เขายิ้มแบบลุ้นๆว่าจะทายถูกหรือเปล่า
“ไม่ใช่ค่ะ คุณมีโอกาสครั้งสุดท้ายแล้วค่ะ เชียร์นะค่ะ” ฉันก็ลุ้นพอๆกับเขานั่นแหละ ถ้าเขาทายถูก ฉันก็จะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเขา ได้นั่งมองเขาวาดรูปจนกว่าจะเสร็จ
ฉันเริ่มทอดสะพาน ฮ่าๆๆๆ สะพานจะหักกลางอากาศหรือเปล่าไม่รู้ ต้องรอลุ้นกันต่อไป
เขามองหน้าฉันอย่างวิเคราะห์ แววตาจริงจัง ฉันก็อมยิ้มให้เล็กน้อย เขาหลับตาลงและพูดกับตัวเอง
เขาเอามือข้างขวากำไว้ที่หัวใจหน้าอกข้างซ้ายของเขา และพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่มั่นใจมากว่า
“ประเทศไทยครับ” เขาพูดจบ แต่เขายังหลับตาและเขาเอามือปิดหูของเขาไว้ทั้งสองข้าง เขาคงไม่อยากได้ยินคำตอบสุดท้ายที่เขาทายออกไป เขาแสดงอาการลุ้นหนักมาก
ฉันใจเต้นแรงเมื่อเขาทายถูก เพราะในใจฉันก็ลุ้นอยากให้เขาทายถูก และท่าทีของเขาที่ทำแบบนั้น เหมือนเขาจะคิดอะไรอยู่หรือมีประสบการณ์อะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทายออกมา ได้แต่คาดเดาเท่านั้น
เวลาผ่านไป 3 นาที เขาลืมตาขึ้น และมองมาที่ฉัน แววตาเขาเหมือนคาดหวัง
บังเอิญพบรัก...ที่กรุงปราก ตอน 1
“ถ้าเธอทนนนท์ไม่ได้ที่เขามีหญิงอื่น ก็เลิกๆกันไปเถอะ เป็นฉันก็ทนไม่ได้เหมือนกัน ผู้ชายในโลกนี้ยังมีอีกเยอะ เชื่อฉันนะชม อย่าไปอาลัยอาวรณ์คนแบบนั้นเลย ปล่อยไปซะ ให้เขาไปที่ชอบที่ชอบเถอะนะ” รุจีพูดปลอบใจฉัน เพื่อให้ฉันตัดใจจากเขา และทำใจ
ฉันกำลังทำใจอยู่ พอได้ยินแบบนั้น น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ไหลพรากออกมา แบบเหมือนทำนบกั้นน้ำแตกก็มิปาน ไม่มีเสียงสะอื้น ไม่มีคำพร่ำพรรณนา มีแต่น้ำตาใสๆไหลออกมาล้นทะลักเบ้าตา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อกหักแบบนี้ เท่าที่จำได้เจอมาแล้ว 2 ครั้ง และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 อาการก็จะประมาณนี้ พูดง่ายๆว่าเริ่มจะชินกับการอกหัก
ฉันนั่งนิ่งสะกดจิต และเริ่มแผ่เมตตา ให้อภัยเขาคนนั้น จิตใจเริ่มผ่อนคลาย ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับเขาคนนั้น วนกลับมาในจิตใต้สำนึกของฉันอีกครั้ง ฉันรู้สึกสับสนอยู่ครู่หนึ่ง
สักพักก็จางหายไป ฉันหายใจเข้าลึกๆสองสามครั้ง แล้วลืมตาขึ้นมา มองไปข้างหน้า เจอใบหน้าของรุจี เธอกำลังจ้องมองหน้าฉันอย่างระยะประชิด
“ โอ้ย..ตกใจหมดเลย” ฉันสะดุ้งและร้องเสียงหลง เพราะไม่คิดว่ารุจีจะมาจ้องหน้าฉันใกล้ขนาดนั้น รุจีมักจะทำให้ฉันคลายเศร้าเสมอ ฉันมีปัญหาเรื่องรัก ก็เธอนี่แหละช่วยเหลือ
“ ฮ่าๆๆๆ...ชมทำใจได้แล้วใช่ไหมละ เธอหนะเก่งอยู่แล้วเรื่องตัดใจลา เป็นความสามารถเฉพาะตัวเธอจริงๆ” รุจีพูดชมฉันและแซวแบบแหย่ นิดๆ เพื่อให้ฉันหัวเราะ เพราะถ้าฉันหัวเราะออกมาเมื่อไหร่ แสดงว่าเริ่มทำใจได้
“ฮ่าๆๆๆ แล้วทุกอย่างก็จะผ่านไปเองแหละ คนเราจะไปจริงจังกับคนไม่จริงใจทำไม ใช่ไหม ฮ่าๆๆๆๆ...ฮ่าๆๆ” ฉันหัวเราะแบบไม่หยุด เพราะต้องการระบายความคับแค้นในใจให้ออกมาให้มากที่สุด มันเป็นวิธีที่ฉันถนัดมากที่จะช่วยจิตใจของฉันให้ผ่อนคลายจากความทุกข์
“รุจี..เราไปเที่ยวกันดีไหมเพื่อน เพื่อทำให้หัวใจฉันพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง “ ฉันชวนรุจีไปเที่ยวเพื่อปลดปล่อยความทุกข์ที่กำลังเกิดขึ้นในใจ
“ จะไปที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร บอกมาเลย ถ้าว่างฉันจะไปด้วย” รุจีพร้อมที่จะไปด้วย
“ ฉันว่าจะไปกรุงปรากนะ ช่วงคริสต์มาส หนาวสะใจดี อยากหนาวๆๆ ฮ่าๆๆ”
“ ไม่ได้เลยเพื่อนช่วงนั้น ฉันต้องไปจีน ไปสัมมนาที่เซี่ยงไฮ้ ช่วงอื่นไม่ได้เหรอ” รุจีอยากไปด้วยแต่ไม่ว่าง ถ้าเธอว่างเธอจะไปด้วยตลอด
“ไม่เป็นไรจ้า ฉันอยากไปช่วงนั้น ลางานแล้วด้วย กะไปสัก 10 วัน เที่ยวกรุงปรากเมืองสุดแสนโรแมนติค เผื่อจะได้เจอหนุ่มคนใหม่มั้งไงจ้า”
ฉันอยากจะลืมเขาคนนั้นให้เร็วที่สุด และไปผ่อนคลายหาความสุขใส่ตัว จิตใจจะได้เบิกบาน ไม่หดหู่คิดวนไปวนมา เดี๋ยวสติแตก
“ ฮ่าๆๆๆ ขอให้สมหวังนะแม่ชมดาวคนน่ารัก ขอให้ได้เจอหนุ่มคนใหม่ที่ใช่และที่ชอบ เห็นปุ๊บชอบปั๊บเลยนะ” รุจีอวยพรให้ได้พบหนุ่มคนใหม่ รุจีอยากเห็นฉันกลับมาร่าเริงเหมือนเดิม
ถ้ามีคนใหม่มาแทนที่ความทุกข์ใจเรื่องคนเก่าก็คงจะเลือนหายไปจนไม่เหลือเยื่อใย แล้วสิ่งดีๆก็จะได้เข้ามาในชีวิตอีกครั้ง
ถึงท่าอากาศยานวาตสลัฟ ฮาเวล เรียบร้อย ฉันไม่รีบร้อนเที่ยว อยากเที่ยวแบบชิวๆต้องไปรถสาธารณะ ใช้เวลา 1 ชั่วโมงไปถึงตัวเมืองกรุงปราก ได้นั่งมองข้างทาง
ช่วงนี้เป็นฤดูหนาว ข้างทางแห้งแล้ง ต้นไม้มีเปลือกสีดำ ใบไม้ร่วงหมดต้น เห็นแต่กิ่งก้านสีดำ มองดูงามตาไปอีกแบบ ถ้ามองเป็นแนวศิลปะ อุณหภูมิตอนนี้ 3 องศาเซลเซียส หนาวเย็นถูกใจจริงๆ
ฉันจองที่พักแถวโอลด์ทาวน์ เพราะแถวนี้จะมีบาร์ คลับ และมีแหล่งบันเทิงยามค่ำคืนมากมาย ฉันเป็นแนวสายชิมเครื่องดื่มอยู่แล้ว ต้องหาที่พักที่เหมาะสม จะได้นั่งดื่มไวน์และฟังเพลงเบาๆ ท่ามกลางความหนาวเหน็บ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ ชอบๆๆๆ
ฉันเข้าที่พักต้องขอพักก่อนเพราะเดินทางมาไกลเหลือเกิน ข้ามทวีปจากเอเชียมาถึงยุโรปเลย ได้นอนหลับสักตื่น ก็จะมีแรงพร้อมเดินเที่ยวตามแผนที่วางเอาไว้
กรุงปราก เป็นเมืองหลวงที่สุดแสนโรแมนติคของประเทศสาธารณรัฐเช็ก เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล อยู่ในภูมิภาคยุโรปกลางและเป็นประเทศที่มีภูมิอากาศแบบผสม เหมาะที่จะมาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
กรุงปรากเป็นเมืองมรดกโลกของสาธารณรัฐเช็ก มีแม่น้ำวัลตาวา เป็นแม่น้ำสายสำคัญที่หล่อเลี้ยงมาแต่โบราณ ด้วยความสวยงามและเงียบสงบ จึงได้รับสมญานามว่าเป็นดินแดนมงกุฏแห่งยุโรป
วันนี้จะได้มาพิสูจน์ละว่าจริงดังคำสมญานามหรือไม่ ถึงฉันจะมากรุงปรากเป็นครั้งแรก แต่ฉันได้ศึกษาข้อมูลมาไว้เยอะ เพียงแต่รอมาสัมผัสจริง
ครั้งหนึ่งเคยวางแผน จะมาฮันนีมูนที่กรุงปรากนี่แหละ แต่ความฝันนั้นพังทลายไปแล้ว เลยถือโอกาสมาเยือนที่นี่ เผื่อจะได้เจอใครบางคนที่รอฉันอยู่ที่นี่ก็อาจเป็นไปได้ เริ่มฝันกลางวัน ท่ามกลางความหนาวเหน็บของกรุงปราก
“พอๆ... อย่าไปคิดถึงมันอีกเลย เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันจบไป อย่าคิดวนอีก” ฉันเตือนตัวเองตลอด
ฉันสะบัดหัวสองสามครั้ง เพื่อให้ลืมๆเรื่องที่เจ็บปวดไป คิดไปก็รังแต่จะเจ็บจี๊ดๆขึ้นในใจ
ออกเที่ยวดีกว่า ความโรแมนติคของกรุงปราก อาจจะทำให้ฉันมีความสุขมากขึ้น ลืมความเจ็บปวดที่ไม่อยากจะเจอบ่อยๆ
ถึงสะพานชาร์ลส์แล้ว ฉันตั้งใจมาที่นี่เพราะเป็นสะพานหินเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเป็นประวัติศาสตร์ สะพานทอดตัวยาวข้ามแม่น้ำวัลตาวามีความยาว 621 เมตร กว้าง 10 เมตร จุดเด่นของสะพานนี้คือมีรูปปั้นสไตล์บาโรก ทั้งหมด 30 รูป
และมีรูปปั้นที่นิยมที่สุดคือรูปปั้นของเซนต์จอห์น เนโปมุข มีความเชื่อต่อๆกันมาว่าถ้าใครได้สัมผัสแล้ว จะได้รับความโชคดีมาสู่ตัวคนที่ได้สัมผัส และคนที่สัมผัสจะได้กลับมากรุงปรากอีกครั้ง
“ฉันต้องไปสัมผัสรูปปั้นนั้นให้ได้ เผื่อจะโชคดีดังคำล่ำลือ” ฉันพยายามมองหารูปปั้นนั้น โดยเริ่มไล่ดูไปทีละรูปๆ เดินเล่นไปเรื่อยๆ สูดอากาศสดชื่นจากแม่น้ำวัลตาวา ริมสะพานชาร์ลส์มีของที่ระลึกแปลกๆมากมายให้ได้เดินชม ทำให้เพลิดเพลินมาก
วันนี้คนมาท่องเที่ยวกันเยอะ นักท่องเที่ยวเดินเต็มสะพาน และนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ไม่ใช่คนในประเทศเท่านั้น จะเป็นคนมาจากประเทศเพื่อนบ้านเยอะ เนื่องจากกรุงปราก เป็นเมืองที่ใครๆก็อยากจะมาเที่ยวชมความงาม และยิ่งเป็นช่วงคริสต์มาสด้วยแล้ว มีบรรยากาศที่สนุกสนานมาก แค่คิดก็รู้สึกตื่นเต้นล่ะ
อากาศเย็นสบาย ลมพัดโชย แสงแดดอ่อนๆยามบ่ายแก่ๆ ช่างมีความสุขจริงๆ ฉันเดินไปเรื่อยๆ
เจอแล้วรูปปั้นเซนต์จอห์น เนโปมุข คนยืนรอเพื่อไปสัมผัสกันเยอะเลย ถ้ายืนรอเพื่อตั้งใจสัมผัสอย่างจริงจังคงอีกนาน เกรงว่าจะช้า ฉันเดินใกล้เข้าไปเผื่อมีช่องให้เข้าไปได้แตะนิดหนึ่งก็ยังดี จะได้ไม่ต้องรอนาน
ฉันเดินเข้าไป มีคนกลุ่มใหญ่แห่กันมาเพื่อจะเข้ามาสัมผัสรูปปั้น ฉันเดินหลบอย่างเร็ว ทำให้เซไปแตะขาของรูปปั้นเซนต์จอห์น เนโปมุข อย่างไม่ได้ตั้งใจ อะฮ่ะ..ได้แตะแล้ว รอดูผลว่าจะโชคดีจริงหรือเปล่า
หลังจากนั้นตาฉันเหลือบไปเห็นศิลปินนักวาดรูปคนหนึ่ง ที่ตั้งบูธอยู่บนสะพาน ริมฝั่งซ้ายของสะพานถัดจากรูปปั้นเซนต์จอห์น เนโปมุข
ภาพที่ฉันเห็นตอนนั้น เหมือนภาพในฝันมันหยุดนิ่งอยู่พักหนึ่ง ภาพนั้นศิลปินหนุ่มคนนั้น กำลังตั้งใจวาดรูปเหมือนของลูกค้าคนหนึ่ง เขาขะมักเขม้นวาดราวกับว่าเขากำลังวาดอยู่คนเดียวบนสะพาน อยู่ในโลกของเขาคนเดียว ในขณะที่ผู้คนนักท่องเที่ยวเดินเที่ยวเกะกะเต็มสะพาน
แสงแดดยามบ่ายแก่ๆ สาดส่องมาที่ใบหน้าของเขา ผมหยักศกสลวยรับกับใบหน้าของเขา ท่าทางที่กำลังมีความสุขที่ได้วาดรูปของเขา ฉันเห็นแล้วโดนใจมาก เป็นภาพที่สามารถสะกดจิตฉันให้ตกอยู่ในภวังค์ได้ ฉันยืนดูเขาวาดรูปนานแค่ไหนไม่รู้ตัว
จนกระทั่งจิตกรหนุ่มคนนั้นวาดรูปเสร็จ และวาดรูปให้ลูกค้าคนต่อไป
ฉันเดินตรงไปและหยุดยืนดูเขาวาดรูปอย่างไม่รู้ตัวว่ามาได้อย่างไร เหมือนกำลังถูกมนต์สะกด พักใหญ่เขาก็วาดเสร็จ ลูกค้าพอใจในฝีมือเขามาก ชื่นชมและขอบคุณกันเป็นการใหญ่
เขาเห็นฉันเข้าไปยืนดูนานแล้ว เขาจึงถามฉันว่าสนใจจะให้เขาวาดรูปให้ไหม
ฉันตื่นจากภวังค์ นานแค่ไหนไม่รู้เลย ไม่ทราบว่าจิตรกรได้สังเกตเห็นฉันหรือเปล่า
“คุณคิดราคาเท่าไหร่ค่ะ” ฉันถามจิตรกรคนนั้น แบบไม่ได้ตั้งใจถามจริง
“คุณมาจากประเทศทางเอเชียใช่ไหมครับ” จิตรกรคนนั้นถามฉัน และยิ้มให้
“ ใช่ค่ะ คุณลองทายดูซิว่าฉันมาจากประเทศอะไร ฉันจะให้โอกาสคุณทาย 3 ครั้ง ถ้าคุณทายถูกฉันจะใช้บริการจากคุณค่ะ”
ฉันเล่นเกมกับจิตรกรคนนั้น เพราะดูท่าทางเขาเป็นมิตรและสุภาพ หน้าตาหล่อเหลา
ท่าทางน่ารักของเขาตรงสเปคฉันเลย ทำให้ฉันอยากผูกมิตรด้วย เพราะฉันมาเที่ยวคนเดียว และจะอยู่ที่กรุงปรากอีกเกือบอาทิตย์
กำลังคิดหาเพื่อนพาเที่ยว เพื่อจะโชคดีได้เพื่อนพาเที่ยว ในใจก็แอบปลื้มเขาอยู่เต็มๆ อิอิ..แต่ต้องเก็บอาการหน่อย
“ ฮ่าๆๆ โอเคเลยครับ ผมขอทายเป็นประเทศฟิลิปปินส์” เขายอมเล่นเกมกับฉัน เพราะถ้าทายผิดเขาก็ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ถ้าเขาทายถูก เขาจะได้มีรายได้เพิ่มอีก
“ ไม่ใช่ค่ะ คุณมีโอกาสอีก 2 ครั้งนะค่ะ” ฉันก็ลุ้นให้เขาทายถูก เพื่อจะได้ชวนเที่ยวด้วย ฮ่าๆๆ ดูเขาตั้งใจมากเลย ที่จะทายให้ถูก
“ ประเทศอินโดนีเซียครับ” เขายิ้มแบบลุ้นๆว่าจะทายถูกหรือเปล่า
“ไม่ใช่ค่ะ คุณมีโอกาสครั้งสุดท้ายแล้วค่ะ เชียร์นะค่ะ” ฉันก็ลุ้นพอๆกับเขานั่นแหละ ถ้าเขาทายถูก ฉันก็จะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเขา ได้นั่งมองเขาวาดรูปจนกว่าจะเสร็จ
ฉันเริ่มทอดสะพาน ฮ่าๆๆๆ สะพานจะหักกลางอากาศหรือเปล่าไม่รู้ ต้องรอลุ้นกันต่อไป
เขามองหน้าฉันอย่างวิเคราะห์ แววตาจริงจัง ฉันก็อมยิ้มให้เล็กน้อย เขาหลับตาลงและพูดกับตัวเอง
เขาเอามือข้างขวากำไว้ที่หัวใจหน้าอกข้างซ้ายของเขา และพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่มั่นใจมากว่า
“ประเทศไทยครับ” เขาพูดจบ แต่เขายังหลับตาและเขาเอามือปิดหูของเขาไว้ทั้งสองข้าง เขาคงไม่อยากได้ยินคำตอบสุดท้ายที่เขาทายออกไป เขาแสดงอาการลุ้นหนักมาก
ฉันใจเต้นแรงเมื่อเขาทายถูก เพราะในใจฉันก็ลุ้นอยากให้เขาทายถูก และท่าทีของเขาที่ทำแบบนั้น เหมือนเขาจะคิดอะไรอยู่หรือมีประสบการณ์อะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทายออกมา ได้แต่คาดเดาเท่านั้น
เวลาผ่านไป 3 นาที เขาลืมตาขึ้น และมองมาที่ฉัน แววตาเขาเหมือนคาดหวัง