เทคนิคถนอมสายตา
1. แว่นกันแดด
เลือกแว่นกันแดดที่กรองแสง UV ที่มีประสิทธิภาพพอเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์
2. โอเมก้า 3 และไฟโตนิวเทรียนต์
เลือกบริโภคอาหารที่อุดมด้วย Omega 3 และ Phytonutrients เป็นประจำ
เพื่อลดการอักเสบระดับเซลล์ เสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
3. ตรวจสายตาปีละครั้ง
โดยเฉพาะผู้มีโรคประจำตัว ที่เสี่ยงต่อการมีจอประสาทตาเสื่อม เพื่อหาทางป้องกันและรักษาให้ทันเวลา
4. พบแพทย์เมื่อพบปัญหาสายตา
สังเกตตัวเองเมื่อรู้สึกว่าการโฟกัสวัตถุเริ่มไม่ชัด ปวดตา ตามัว ไม่ควรปล่อยไว้จนลุกลาม
5. ใช้หลัก 20:20:20
เมื่อมองมือถือหรือคอมฯ ครบ 20 นาที ให้เปลี่ยนไปมองสิ่งอื่น
ที่ห่างจากตัว 20 ฟุต หรือประมาณ 7 เมตร และพักสายตาโดยการเปลี่ยนโฟกัสตาทุกๆ 20 วินาที
5 ไลฟ์สไตล์ทำร้ายดวงตา
1. ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ปริมาณมาก
ทำให้ระบบประสาทและสมองเสื่อมง่าย และทำให้เส้นปนะสาทรอบดวงตาเสื่อมก่อนวัย
2. แสงสีฟ้า (Blue Light)
แสงสีฟ้าจากจอมือถือหรือคอมพิวเตอร์ ทำให้จอประสาทตาเสื่อมได้
3. ยาต้านซึมเศร้า ยาเครียด ยาขับปัสสาวะ
ยาจำพวกนี้ส่งผลต่อการควบคุมกล้ามเนื้อ โดยเฉพสะกล้ามเนื้อรอบดวงตา ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนล้า ระยะสายตายาวขึ้นเพราะโฟกัสได้ไม่ดี
4. คนในครอบครัวมีประวัติโรคตา
เช่น โรคต้อหิน โรคต้อกระจก เป็นต้น
5. ตัวช่วยเพิ่มสวยดวงตา
เช่น เทปกาวติดตาสองชั้น คอนแทคเลนส์
โดยการใช้สิ่งเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เพ่งมากเกินไป อาจทำให้กะระยะผิด แพทย์จึงไม่แนะนำให้ใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
5 กลุ่มโรคที่ส่งผลต่อสายตา
1. กลุ่มโรคโลหิตจาง
อาจมีภาวะแทรกซ้อนทำให้การทำงานของระบบหลอดเลือดไม่สมดุล ส่งผลให้กล้ามเนื้อทุกส่วนทำงานไม่สมบูรณ์ จึงจำเป็นต้องเสริมธาตุเหล็กและกรดโฟลิก (Vitamin B9)
2. กลุ่มผู้เลี่ยงเนื้อสัตว์
อาจขาดโปรตีนจำเป็นหรือปริมาณไม่มากพอไปซ่อทแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ
3.กลุ่มโรคหัวใจ
หัวใจมีการไหลเวียนเลือดไม่ดี ทำให้เลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อต่างๆ ของร่างกายและส่วนต่างๆ ไม่สมดุล ส่งผลให้กล้ามเนื้อ รวมถึงกล้ามเนื้อตาไม่แข็งแรง
4. กลุ่มโรคเบาหวาน
เบาหวานมักมีอาการความดันโลหิตสูง และส่งผลถึงความดันในดวงตาและตายาวก่อนวัย
5. กลุ่มโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน
การทำงานของกล้ามเนื้อบกพร่อง และอาจทำให้สายตายาวไวกว่าคนทั่วไปได้
ขอบคุณข้อมูลจาก
อาจารย์นายแพทย์สมบูรณ์ รุ่งพรชัย (2019, ธันวาคม 16). นิตยสารชีวจิต. 509 (22). 38-39.
Rules of thumb เทคนิคการถนอมสายตา
1. แว่นกันแดด
เลือกแว่นกันแดดที่กรองแสง UV ที่มีประสิทธิภาพพอเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์
2. โอเมก้า 3 และไฟโตนิวเทรียนต์
เลือกบริโภคอาหารที่อุดมด้วย Omega 3 และ Phytonutrients เป็นประจำ เพื่อลดการอักเสบระดับเซลล์ เสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
3. ตรวจสายตาปีละครั้ง
โดยเฉพาะผู้มีโรคประจำตัว ที่เสี่ยงต่อการมีจอประสาทตาเสื่อม เพื่อหาทางป้องกันและรักษาให้ทันเวลา
4. พบแพทย์เมื่อพบปัญหาสายตา
สังเกตตัวเองเมื่อรู้สึกว่าการโฟกัสวัตถุเริ่มไม่ชัด ปวดตา ตามัว ไม่ควรปล่อยไว้จนลุกลาม
5. ใช้หลัก 20:20:20
เมื่อมองมือถือหรือคอมฯ ครบ 20 นาที ให้เปลี่ยนไปมองสิ่งอื่น ที่ห่างจากตัว 20 ฟุต หรือประมาณ 7 เมตร และพักสายตาโดยการเปลี่ยนโฟกัสตาทุกๆ 20 วินาที
5 ไลฟ์สไตล์ทำร้ายดวงตา
1. ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ปริมาณมาก
ทำให้ระบบประสาทและสมองเสื่อมง่าย และทำให้เส้นปนะสาทรอบดวงตาเสื่อมก่อนวัย
2. แสงสีฟ้า (Blue Light)
แสงสีฟ้าจากจอมือถือหรือคอมพิวเตอร์ ทำให้จอประสาทตาเสื่อมได้
3. ยาต้านซึมเศร้า ยาเครียด ยาขับปัสสาวะ
ยาจำพวกนี้ส่งผลต่อการควบคุมกล้ามเนื้อ โดยเฉพสะกล้ามเนื้อรอบดวงตา ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนล้า ระยะสายตายาวขึ้นเพราะโฟกัสได้ไม่ดี
4. คนในครอบครัวมีประวัติโรคตา
เช่น โรคต้อหิน โรคต้อกระจก เป็นต้น
5. ตัวช่วยเพิ่มสวยดวงตา
เช่น เทปกาวติดตาสองชั้น คอนแทคเลนส์
โดยการใช้สิ่งเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เพ่งมากเกินไป อาจทำให้กะระยะผิด แพทย์จึงไม่แนะนำให้ใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
5 กลุ่มโรคที่ส่งผลต่อสายตา
1. กลุ่มโรคโลหิตจาง
อาจมีภาวะแทรกซ้อนทำให้การทำงานของระบบหลอดเลือดไม่สมดุล ส่งผลให้กล้ามเนื้อทุกส่วนทำงานไม่สมบูรณ์ จึงจำเป็นต้องเสริมธาตุเหล็กและกรดโฟลิก (Vitamin B9)
2. กลุ่มผู้เลี่ยงเนื้อสัตว์
อาจขาดโปรตีนจำเป็นหรือปริมาณไม่มากพอไปซ่อทแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ
3.กลุ่มโรคหัวใจ
หัวใจมีการไหลเวียนเลือดไม่ดี ทำให้เลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อต่างๆ ของร่างกายและส่วนต่างๆ ไม่สมดุล ส่งผลให้กล้ามเนื้อ รวมถึงกล้ามเนื้อตาไม่แข็งแรง
4. กลุ่มโรคเบาหวาน
เบาหวานมักมีอาการความดันโลหิตสูง และส่งผลถึงความดันในดวงตาและตายาวก่อนวัย
5. กลุ่มโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน
การทำงานของกล้ามเนื้อบกพร่อง และอาจทำให้สายตายาวไวกว่าคนทั่วไปได้
ขอบคุณข้อมูลจาก
อาจารย์นายแพทย์สมบูรณ์ รุ่งพรชัย (2019, ธันวาคม 16). นิตยสารชีวจิต. 509 (22). 38-39.