JJNY : ค้างจ่ายอื้อ ปกส. ส.ว.ข้องใจ│ชี้ท่องเที่ยวฟื้นแค่25%│พื้นที่ปลูกข้าวเสียหายกว่า1ล.ไร่│ตลาดสายลมจอยโละขายสินค้า

รัฐบาลค้างจ่ายอื้อ เงินกองทุนประกันสังคม ส.ว.ข้องใจ ไม่ทำตามกฎหมาย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6710167
  
 
พรเพชร ป้องรัฐบาล หลังส.ว.ตั้งคำถาม ส่อทำผิดกฎหมาย ค้างจ่ายเงินเข้ากองทุนประกันสังคม พบปี 65 รัฐบาลไม่ชำระหนี้ค้างเก่า อ้างใช้เงินแก้โควิด-19
  
เมื่อวันที่ 2 พ.ย.2564 ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมวุฒิสภา มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณารายงานของผู้สอบบัญชี และรายงานการเงินกองทุนประกันสังคม สำนักงานประกันสังคม (สปส.) สำหรับปีสิ้นสุด วันที่ 31 ธ.ค. 2562 ซึ่งกระทรวงแรงงาน ได้เสนอให้วุฒิสภาพิจารณา ปรากฎว่าระหว่างการพิจารณา มีส.ว.ตั้งคำถามเกี่ยวกับกรณี รัฐบาลค้างจ่ายเงินสมทบให้กองทุนประกันสังคม โดยพบว่าค้างจ่ายจำนวนมาก
  
นางบุปผา พันธุ์เพ็ง รองเลขาธิการ สปส. ชี้แจงว่า ยอมรับว่ารัฐบาลมียอดค้างชำระเงินสมทบในปี 2562 กว่า 100,299 ล้านบาท แต่ในปี 2563 และปี 2564 รัฐบาลได้จัดสรรเงินสมทบให้กองทุนประกันสังคม มากกว่าเงินสมทบที่ต้องชำระ โดยปี 2563 ชำระเกิน 1.9 หมื่นล้านบาท และปี 2564 ชำระเกิน 1.3 หมื่นล้านบาท รวมเป็นเงินที่ชำระเกิน 3.3 หมื่นล้านบาท ทำให้หนี้ค้างชำระที่สะสมมาจากหลายรัฐบาล คงเหลือ 66,647 ล้านบาท และปี 2564 รัฐบาลค้างจ่าย 6,600 ล้านบาท แต่ในปี 2565 รัฐบาลไม่ได้ชำระหนี้ค้างเก่า เนื่องจากจำเป็นใช้เงินไปบริหารภารกิจเร่งด่วน เพื่อจัดการโควิด-19
   
นางบุปผา กล่าวด้วยว่า สำหรับการปรับลดงบประมาณที่ต้องจ่ายสมทบให้กองทุนประกันสังคม ไม่กระทบสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตนโดยตรง เพราะกองทุนฯ มีเงินสะสมเพียงพอ แต่จะกระทบโดยอ้อม เพราะเงินที่ค้างจ่ายกองทุนฯ ไม่สามารถนำไปลงทุน เพื่อให้ได้ผลตอบแทน ทำให้รายได้ที่ได้จากการลงทุนลดลง ตามสัดส่วนเงินที่ค้างจ่าย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ากองทุนฯ มีความมั่นคงในการจ่ายสิทธิประโยชน์ให้ประชาชน
  
นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน ส.ว. ตั้งคำถามว่า สรุปคือยังค้างจ่าย กรณีค้างจ่ายเงินสมทบของรัฐบาลที่ต้องเป็นไปตามกฎหมาย หากไม่จ่าย ไม่ตั้งงบประมาณจ่าย ถือว่าไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ลูกจ้างเสียสิทธิประโยชน์
  
หากจ่ายครบ ดอกผลอยู่ในกองทุนประกันสังคม หากไม่จ่าย เท่ากับไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย จะเอาผิดใคร ตั้งแต่รัฐบาลถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ตนไม่ทราบว่า ผู้เสียหาย คือผู้ประกันตนจะสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษผู้ที่เกี่ยวข้องได้หรือไม่อย่างไร ขอให้ประธาน ช่วยพิจารณา
  
จากนั้นนายพรเพชร กล่าวว่ากองทุนประกันสังคม จะบอกว่ารัฐบาลผิดกฎหมายไม่ได้ คิดว่าหาก ส.ว.สงสัยปัญหาว่ารัฐบาลปฏิบัติถูกต้องหรือไม่ ให้ตั้งกระทู้ถาม หากไปถามเขาคงไม่กล้าตอบแบบนั้น นอกจากนี้ ในข้อสังเกตของส.ว. และกรรมาธิการ (กมธ.) ขอให้หน่วยงานรับไปดำเนินการ
  

 
“วิจัยกรุงศรี” ชี้ท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวระดับต่ำแค่ 25% ก่อนช่วงเกิดโควิด
https://www.matichon.co.th/economy/news_3022796
 
“วิจัยกรุงศรี” ชี้ท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวระดับต่ำแค่ 25% ก่อนช่วงเกิดโควิด
 
รายงานจากวิจัยกรุงศรี ระบุว่า การระบาดที่รุนแรงของโรคโควิด-19 จากสายพันธุ์เดลตา ฉุดเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ของปีกลับหดตัวอีกครั้ง และเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ โดยคาดว่าจีดีพี อาจหดตัวที่ -2.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว หรือ -1.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว สำหรับในไตรมาสสุดท้ายของปี คาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะทยอยฟื้นตัว หลังจากสถานการณ์การระบาดบรรเทาลง มีการฉีดวัคซีนมากขึ้น และมาตรการควบคุมการระบาดผ่อนคลายลง ล่าสุดทางการปรับลดพื้นที่ควบคุมสูงสุด (แดงเข้ม) เหลือ 7 จังหวัด จาก 23 จังหวัด และผ่อนคลายให้สามารถบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ในร้านได้ในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (สีฟ้า) 4 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา และกรุงเทพฯ เพื่อรองรับการเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
 
นอกจากนี้ ยังมีแรงหนุนจากมาตรการรัฐที่อัดวงเงินมากขึ้น เพิ่มการใช้จ่ายในประเทศในช่วงปลายปีนี้ อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังไม่ถ้วนหน้า และยังมีความเสี่ยงโดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวของไทยที่ยังฟื้นตัวช้ากว่าการท่องเที่ยวของโลกอยู่มาก โดยอ้างอิงจากข้อมูลจาก Agoda, TripAdvisor และ Expedia ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา พบว่ากิจกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก อยู่ที่ประมาณ 50% ของช่วงก่อนเกิดโควิด-19 แต่ท่องเที่ยวของไทยอยู่ที่ระดับต่ำเพียง 25% ของช่วงก่อนเกิดโควิด-19
  

 
“GISTDA” เผยพื้นที่ปลูกข้าวภาคกลาง-อีสานเสียหายแล้วกว่า 1 ล้านไร่ ระบุยังพบพื้นที่เสี่ยงอีกกว่า 9 แสนไร่
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_3022902

“GISTDA” เผยพื้นที่ปลูกข้าวภาคกลาง-อีสานเสียหายแล้วกว่า 1 ล้านไร่ ระบุยังพบพื้นที่เสี่ยงอีกกว่า 9 แสนไร่
 
GISTDA ใช้ข้อมูลภาพจากกลุ่มดาวเทียม Sentinel/ Radarsat/ Landsat วิเคราะห์พื้นที่ปลูกข้าวบริเวณภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงระหว่างวันที่ 25 ต.ค. – 2 พ.ย.64 พบว่าปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกข้าวที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขัง ทั้งสิ้น 1,189,406 ไร่ โดยจังหวัดนครสวรรค์ได้รับผลกระทบมากที่สุดอยู่ที่ 204,956 ไร่ นอกจากนี้ ยังคาดว่าจะมีพื้นที่ปลูกข้าวที่เสี่ยงว่าจะได้รับผลกระทบอีก 948,315 ไร่

ข้อมูลภาพจากดาวเทียมเหล่านี้ GISTDA จะส่งต่อให้กับหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบและที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้สนับสนุนการบริหารจัดการตามภารกิจ ทั้งด้านการวางแผน การติดตาม การประเมินสถานการณ์ และการฟื้นฟูความเสียหายต่อไป

ทั้งนี้ GISTDA ได้วางแผนและปรับแผนรับสัญญาณดาวเทียม เพื่อวิเคราะห์และติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง และสามารถตรวจสอบพื้นที่อื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ http://flood.gistda.or.th
 
#น้ำท่วม #จิสด้า #gistda #ก้าวสู่ปีที่21 #ดาวเทียม #พื้นที่ปลูกข้าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่