ปัจจุบันประเทศกรีซกำลังเผชิญกับวิกฤต "Overtourism" (การท่องเที่ยวที่มากเกินไป) ปัญหาหลักคือ ค่าครองชีพและค่าเช่าที่พักพุ่งสูง โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวอย่างซานโตรินีและเอเธนส์ เนื่องจากบ้านเรือนถูกเปลี่ยนเป็นที่พักเช่าระยะสั้น (Airbnb) ทำให้อำนาจซื้อและคุณภาพชีวิตของคนท้องถิ่นลดลง รัฐบาลกรีซตอบสนองด้วยมาตรการต่างๆ เช่น การจำกัดจำนวนผู้เข้าชมอะโครโพลิส และ ควบคุมเรือสำราญ รวมถึงการเพิ่มภาษีและการควบคุมการเช่าระยะสั้น เพื่อมุ่งสู่การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
จากปัญหาการท่องเที่ยวที่มากเกินไปของกรีซทำให้กระแสต่อต้านนักท่องเที่ยวของประชาชนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น การประท้วงและการแสดงออกทางสาธารณะ การเคลื่อนไหว "หาดเป็นของสาธารณะ" เพราะถูกโรงแรมยึดหาดไปตั้งเตียงสำหรับแขกจนชาวกรีกไม่เหลือที่ให้ใช้งานฟรี รวมทั้งไม่สามารถท่องเที่ยวในประเทศของตนเองได้เพราะแพงเกินจะจ่ายไหว
ประเทศไทยมีความเสี่ยงสูงที่จะประสบปัญหาเดียวกัน เพราะมี การพึ่งพาการท่องเที่ยวสูง และนักท่องเที่ยว กระจุกตัว ในเมืองหลัก (ภูเก็ต, กรุงเทพฯ, เชียงใหม่) ปัญหานี้ทำให้ค่าเช่าในพื้นที่ดังกล่าวสูงขึ้น และสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อมทางทะเล (เช่น ปะการัง) แม้ไทยจะมีมาตรการจำกัดการเข้าชมในอุทยานบ้าง แต่ความจำเป็นในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิดอาจทำให้ปัญหา Overtourism เร่งตัวขึ้นอีกครั้ง
ประเทศไทยยังไม่เกิดวิกฤต Overtourism ระดับชาติในตอนนี้ เนื่องจาก จำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวมยังไม่กลับไปถึงจุดสูงสุดเดิม ก่อนโควิด-19 ทำให้แรงกดดันผ่อนคลายลงชั่วคราว อีกปัจจัยคือ ขนาดประเทศที่ใหญ่กว่า ทำให้สามารถกระจายนักท่องเที่ยวได้ดีกว่ากรีซ และมีการใช้ มาตรการจำกัดในพื้นที่เปราะบาง (เช่น อุทยานทางทะเล) เพื่อป้องกันความเสียหายเชิงนิเวศวิทยา อย่างไรก็ตาม ปัญหาค่าครองชีพสูงและแออัดได้เกิดขึ้นแล้วในระดับ ท้องถิ่น เช่น ภูเก็ตและเกาะต่าง ๆ
ทุกวันนี้เมื่อเห็นนักท่องเที่ยวหลั่งไหลกันเข้ามาเที่ยวไทยจนล้นสนามบินสุวรรณภูมิ ใจหนึ่งก็ดีใจที่ยังมีนักท่องเที่ยวมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และสัดส่วนการพึ่งพาการท่องเที่ยวไทยสูงถึง 1 ใน 5 ของ GDP แต่อีกใจหนึ่งก็อดกังวลไม่ได้ว่าถ้าถึงจุด Overtourism จนทำค่าครองชีพสูง คนไทยคงได้ซื้อของแพงกันถ้วนหน้า ประเทศไทยอาจจะโชคดีกว่ากรีซที่ขนาดประเทศใหญ่กว่า แต่กระแสท่องเที่ยวไทยที่ชาวต่างชาติช่วยรีวิวเชิงบวกต่อประเทศไทยในโซเชียลมีเดีย ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อาจทำให้ประเทศไทยถึงจุด Overtourism ในอนาคตก็เป็นได้
ปัญหานี้ยังไม่เกิดขึ้นในประเทศไทยก็จริง แต่ถ้าเกิดขึ้นก็เป็นปัญหาใหญ่เกินกว่าที่ประชาชนคนธรรมดาอย่างเราจะแก้ไขได้ คงต้องฝากรัฐบาลในอนาคต ผมเอาข้อมูลเหล่านี้นำมาให้อ่าน เผื่อว่าจะไปถึงผู้ที่จะมาบริหารบ้านเมืองในอนาคตช่วยพิจารณาเรื่องนี้ด้วย หรือใครมีไอเดียดีๆ มาช่วยกันแชร์ที่นี่ก็ได้นะครับ
ประเทศกรีซเจอปัญหาค่าครองชีพสูงเพราะนักท่องเที่ยวมากเกินไป แล้วเมื่อไหร่จะถึงคิวประเทศไทย
จากปัญหาการท่องเที่ยวที่มากเกินไปของกรีซทำให้กระแสต่อต้านนักท่องเที่ยวของประชาชนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น การประท้วงและการแสดงออกทางสาธารณะ การเคลื่อนไหว "หาดเป็นของสาธารณะ" เพราะถูกโรงแรมยึดหาดไปตั้งเตียงสำหรับแขกจนชาวกรีกไม่เหลือที่ให้ใช้งานฟรี รวมทั้งไม่สามารถท่องเที่ยวในประเทศของตนเองได้เพราะแพงเกินจะจ่ายไหว
ประเทศไทยมีความเสี่ยงสูงที่จะประสบปัญหาเดียวกัน เพราะมี การพึ่งพาการท่องเที่ยวสูง และนักท่องเที่ยว กระจุกตัว ในเมืองหลัก (ภูเก็ต, กรุงเทพฯ, เชียงใหม่) ปัญหานี้ทำให้ค่าเช่าในพื้นที่ดังกล่าวสูงขึ้น และสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อมทางทะเล (เช่น ปะการัง) แม้ไทยจะมีมาตรการจำกัดการเข้าชมในอุทยานบ้าง แต่ความจำเป็นในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิดอาจทำให้ปัญหา Overtourism เร่งตัวขึ้นอีกครั้ง
ประเทศไทยยังไม่เกิดวิกฤต Overtourism ระดับชาติในตอนนี้ เนื่องจาก จำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวมยังไม่กลับไปถึงจุดสูงสุดเดิม ก่อนโควิด-19 ทำให้แรงกดดันผ่อนคลายลงชั่วคราว อีกปัจจัยคือ ขนาดประเทศที่ใหญ่กว่า ทำให้สามารถกระจายนักท่องเที่ยวได้ดีกว่ากรีซ และมีการใช้ มาตรการจำกัดในพื้นที่เปราะบาง (เช่น อุทยานทางทะเล) เพื่อป้องกันความเสียหายเชิงนิเวศวิทยา อย่างไรก็ตาม ปัญหาค่าครองชีพสูงและแออัดได้เกิดขึ้นแล้วในระดับ ท้องถิ่น เช่น ภูเก็ตและเกาะต่าง ๆ
ทุกวันนี้เมื่อเห็นนักท่องเที่ยวหลั่งไหลกันเข้ามาเที่ยวไทยจนล้นสนามบินสุวรรณภูมิ ใจหนึ่งก็ดีใจที่ยังมีนักท่องเที่ยวมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และสัดส่วนการพึ่งพาการท่องเที่ยวไทยสูงถึง 1 ใน 5 ของ GDP แต่อีกใจหนึ่งก็อดกังวลไม่ได้ว่าถ้าถึงจุด Overtourism จนทำค่าครองชีพสูง คนไทยคงได้ซื้อของแพงกันถ้วนหน้า ประเทศไทยอาจจะโชคดีกว่ากรีซที่ขนาดประเทศใหญ่กว่า แต่กระแสท่องเที่ยวไทยที่ชาวต่างชาติช่วยรีวิวเชิงบวกต่อประเทศไทยในโซเชียลมีเดีย ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อาจทำให้ประเทศไทยถึงจุด Overtourism ในอนาคตก็เป็นได้
ปัญหานี้ยังไม่เกิดขึ้นในประเทศไทยก็จริง แต่ถ้าเกิดขึ้นก็เป็นปัญหาใหญ่เกินกว่าที่ประชาชนคนธรรมดาอย่างเราจะแก้ไขได้ คงต้องฝากรัฐบาลในอนาคต ผมเอาข้อมูลเหล่านี้นำมาให้อ่าน เผื่อว่าจะไปถึงผู้ที่จะมาบริหารบ้านเมืองในอนาคตช่วยพิจารณาเรื่องนี้ด้วย หรือใครมีไอเดียดีๆ มาช่วยกันแชร์ที่นี่ก็ได้นะครับ