คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
1) ถ้าให้เปลี่ยนชื่อเป็นของน้องในขณะที่ยังคงผ่อนอยู่นี้ = ขายบ้านให้น้อง น้องต้องไปกู้แบงค์เพื่อมาซื้อบ้าน จขกท = ต้องเสียค่าจดจำนอง 1% ของยอดจดจำนอง + ค่าใช้จ่ายในการยื่นกู้ เช่น ค่าประเมินบ้าน ค่าทำประกันชีวิต ค่าฯลฯ
2) กับผ่อนชำระให้ครบ แล้วโอนกรรมสิทธิ์จากทางธนาคารไปสู่น้องผมเลย = ขายบ้านให้น้อง โดยน้องไม่ต้องกู้แบงค์ = ไม่ต้องเสียค่าจดจำนอง และค่าใช้จ่ายในการยื่นกู้
ดังนั้น แบบ 1) เสียค่าใช้จ่ายมากกว่าครับ
แต่ทั้ง 2 แบบ ก็ต้องเสียค่าใช้จ่าย เหมือนกะการซื้อขายบ้านตามปกติ ได้แก่
- ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน 2.0% จากราคาประเมิน (บางเงื่อนไขจะได้โปรลดเหลือ 0.01% ลองเสริช google ดู)
- ค่าอากรแสตมป์ 0.5% หรือภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% จากราคาประเมิน ขึ้นอยู่กะว่าถือครองครบ 5 ปี หรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเกิน 1 ปี
รายละเอียดลองเสริช google ดู
- ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามขั้นบันไดจากราคาประเมิน หักค่าใช้จ่ายได้ 50%
2) กับผ่อนชำระให้ครบ แล้วโอนกรรมสิทธิ์จากทางธนาคารไปสู่น้องผมเลย = ขายบ้านให้น้อง โดยน้องไม่ต้องกู้แบงค์ = ไม่ต้องเสียค่าจดจำนอง และค่าใช้จ่ายในการยื่นกู้
ดังนั้น แบบ 1) เสียค่าใช้จ่ายมากกว่าครับ
แต่ทั้ง 2 แบบ ก็ต้องเสียค่าใช้จ่าย เหมือนกะการซื้อขายบ้านตามปกติ ได้แก่
- ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน 2.0% จากราคาประเมิน (บางเงื่อนไขจะได้โปรลดเหลือ 0.01% ลองเสริช google ดู)
- ค่าอากรแสตมป์ 0.5% หรือภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% จากราคาประเมิน ขึ้นอยู่กะว่าถือครองครบ 5 ปี หรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเกิน 1 ปี
รายละเอียดลองเสริช google ดู
- ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามขั้นบันไดจากราคาประเมิน หักค่าใช้จ่ายได้ 50%
แสดงความคิดเห็น
ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนชื่อผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์
จึงให้ผมเป็นผู้ยื่นกู้แทน แต่น้องเป็นคนผ่อนชำระเอง ซึ่งขณะนี้น้องก็ยังคงผ่อนชำระอยู่ตามปกติ
และผมมีความคิดว่า อยากจะโอนชื่อเข้าเป็นของน้องให้ถูกต้องไป
คำถามคือ
ถ้าให้เปลี่ยนชื่อเป็นของน้องในขณะที่ยังคงผ่อนอยู่นี้ กับผ่อนชำระให้ครบ แล้วโอนกรรมสิทธิ์จากทางธนาคารไปสู่น้องผมเลย
ค่าใช้จ่ายแบบไหนจะแพงกว่ากัน
โดยไม่มีเงื่อนไขกระตุ้นอะไรพิเศษจากรัฐบาลมากไปกว่านี้