น้องสาวสามีจะมาอยู่ด้วยในบ้านแบบไม่ขออนุญาติเรา

เราซื้อบ้านร่วมกับสามีได้ไม่นานนี้ค่ะ จ่ายค่าผ่อนบ้านคนละครึ่งค่ะ
ปัจจุบันในบ้านมีผู้อาศัยคือ เรา สามี ลูกชาย และแม่เราค่ะ (แม่เรามาช่วยเลี้ยงลูกให้)
บ้านเรามี 3 ห้องนอน คือห้องเรากับสามี ห้องลูก(ยายนอนกับลูกเราค่ะ) ส่วน1ห้องที่เหลือ เราเอาไว้เป็นห้องพระและรับแขกค่ะ
เราเคยมาตั้งกระทู้แล้วว่า เราค่อนข้างอึดอัดที่สามีชวนน้องมาอยู่ด้วย เพราะตอนเช่าหออยู่ด้วยกันน้องสามีค่อนข้างอึดอัดเรื่องไม่รักษาความสะอาดของน้อง
ในกระทู้เก่า หลายๆท่านแนะนำให้เราบอกสามีไปตรงๆ (ซึ่งเราก็ทำตามค่ะ รวบรวมความกล้าแล้วบอกสามีไป) ว่าเราไม่โอเคมากๆ ถ้าน้องสามีจะมาอยู่ร่วมกัน
ตอนนั้นที่พูด สามีโกรธค่ะ ขึ้นเสียง บอกเราเห็นแก่ตัวค่ะ ด่าเรา และพูดว่างั้นKuจะไม่ชวนน้องมาอยู่แล้ว (ในเชิงประชดอะค่ะ)

แต่ไม่นานมานี้ เราต้องตกใจเหมือนฟ้าผ่า
เมื่อน้องสามีมาเริ่มงานใหม่ใกล้บ้านเราค่ะ เป็นงานบัญชีที่โฮมออฟฟิศหมู่บ้านติดกับเรา
แล้วคำพูดต่อมาคือ กำลังหารถขนของ มาอยู่บ้านเรา 
เราอึ้งไป ไม่ขอเราหน่อยหรอ ทำไมถึงได้ข้ามไปเรื่องหารถขนของมาบ้านเราเลยล่ะ
หรือว่าน้องคุยตกลงกับแฟนแล้ว ซึ่งแฟนก็ ไม่เล่าอะไรให้เราฟังเลย ทั้งเรื่องงานของน้อง และเรื่องที่น้องจะย้ายเข้ามา
ทั้งสองคนให้เรามารู้อีกทีตอนจะย้ายมาแล้วอ่ะค่ะ

ตอนนี้คงปฏิเสธอะไรไม่ได้แล้ว 
เราก็แค่ยอมรับสภาพ และตั้งกติกาการอยู่ร่วมกันค่ะ
เราลองลิสต์มาแล้วเพื่อจะให้แฟนคุยกับน้องก่อนการเข้ามาอยู่ค่ะ  กำลังนั่งทบทวนอยู่หลายรอบค่ะว่าควรพูดไหม หรือควรให้แฟนพูดไหม พูดแบบไหนถึงจะได้ผลและไม่เป็นเชิงบังคับเกินไป เดี๋ยวจะเริ่มต้นครอบครัวด้วยความบาดหมางกับน้องสามี มันคงไม่ดีแน่ และเรื่องคงรู้ถึงหูแม่สามีในด้านที่ไม่ดีเท่าไหร่ละแบบนั้น
กฎเราที่คิดไว้ของการอยู่ร่วมกัน
หลักๆเลยคือ การไม่พาเพื่อนมานอนค้างบ้านเราค่ะ 
(ก่อนหน้านี้ น้องสามีอาศัยบ้านน้าชายอยู่ค่ะ 
น้องพาเพื่อนมานอนที่บ้านน้าชายบ่อย) ซึ่งเราไม่อนุญาตให้ทำแบบนั้นหากเป็นบ้านของเรา
เราเป็นห่วงเรื่องของโรคติดต่อ RSV โควิด โรคต่างๆ ที่จะมาสู้ลูกของเรา เรื่องความปลอดภัยของทรัพย์สินในบ้านด้วย เราไม่อยากมาคอยระวัง

ที่เล่ามาทั้งหมด เราอยากระบาย สิ่งที่เกิดในใจตอนนี้คือความน้อยเนื้อต่ำใจค่ะ 
ความเป็นภรรยาสามีบ้านเรา ไม่ค่อยจะเท่าเทียมบ้านอื่นนัก ถึงจะพูดได้เต็มปากว่าสามีเป็นคนดี รักครอบครัว ไม่เจ้าชู้ ออกค่าใช้จ่ายในบ้านมากกว่าเราเสมอ
แต่เราเป็นภรรยาที่ต้องคล้อยตามในทุกเรื่อง ต้องอยู่ในภาวะจำยอมมาตลอด 
เพราะไม่อยากทะเลาะ ไม่อยากให้สามีโมโห ไม่อยากให้ลูกได้ยินคำพูดหยาบคายค่ะ 
เราน้อยใจจัง เรื่องการไม่ขออนุญาตเราเลยที่จะมาอยู่ ทั้งที่เราก็เป็นคนกู้บ้านหลังนี้คนเดียว และเราจ่ายค่าบ้านครึ่งหนึ่งทุกเดือน
เงินเดือนของเรา ทั้งหมดแบ่งเป็น
ค่าบ้าน   40%
ค่าวัตถุดิบพวกเนื้อสัตว์และผักมาประกอบอาหารในครอบครัว 30%
ค่าใช้จ่ายพวกของใช้ส่วนกลาง 10%
ให้คุณแม่ไว้ใช้ส่วนตัว เพราะคุณแม่ต้องขาดรายได้เนื่องจากมาช่วยเลี้ยงหลาน 20% 
เราไม่เหลือเงินเก็บส่วนตัวเลยค่ะ แล้วตอนนี้พวกวัตถุดิบก็ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นเพราะน้องแฟนจะมาอยู่ จะให้เรามาทำกินเองเฉพาะครอบครัวเรา แฟนบอกไม่ได้
และถ้าให้น้องช่วยค่าวัตถุดิบทำอาหารน้องก็ไม่ช่วย (แฟนน้องช่วยเฉพาะค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ะ)

น้องเงินเดือนเท่าเราเลย ทำไมถึงไม่ยอมจ่ายค่าเช่าห้อง ทำไมถึงจะมาอยู่กับเรา มากินกับเรา โดยช่วยค่าน้ำ ค่าไฟแค่นั้น
ความคิดเรามันแย่มากไหมคะ ที่รู้สึกว่า ขณะที่คนสองคน เงินเดือนเท่ากัน เรามัวประหยัดใส่เสื้อผ้าเก่าๆ มือถือเก่าๆ ทำกับข้าวกินอย่างประหยัด อยู่แต่บ้านไม่มีเงินไปเที่ยวไหน ไม่มีเงินเก็บ ส่วนอีกคน ไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอะไร ให้ค่าใช้จ่ายมันไปโหลตที่คนอื่น ไม่ต้องเสียค่าบ้าน ค่าเช่าห้อง เพื่อที่จะเหลือเงินไปเที่ยวทุกเดือน ใช้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ มีเสื้อผ้าใหม่ๆ
เราเอาความน้อยเนื้อต่ำใจนี้ออกไปไม่ได้จริงนะ
เรารู้สึกว่าแฟนเราส่งน้องเรียนปริญญาตรีจนจบ สามีหมดเงินเป็นแสนๆ ตอนนี้ทำงานแล้วควรต้องรับผิดชอบตัวเอง ไม่ใช่ให้สามีเราเลี้ยงดูเหมือนเด็กเล็กๆมันหมดภาระหน้าที่นั้นแล้ว
ส่วนอีกใจก็เข้าใจแฟนนะคะ ถ้าไม่ให้มาอยู่ก็จะตอบคุณแม่สามีไม่ได้ ว่าบ้านใกล้ที่ทำงานน้อง บ้านมีห้องนอนว่าง แต่ทำไมถึงไม่ให้น้องมาพักอยู่ด้วย 

เราย้อนนึกถึงตัวเอง เด็กต่างจังหวัดที่เข้ากรุงเทพมาเรียน จ่ายค่าหอทุกเดือน จนเรียนจบ ทำงาน จัดสรร ปันส่วน เงินเดือนเพื่อเจียดมาเป็นค่าเช่าห้อง เก็บเงินอย่างประหยัด ทำงานอย่างหนักเพื่อมีบ้าน เพื่อสร้างครอบครัว โดยที่เราไม่เคยสักครั้งที่จะรบกวนญาติอยู่ในกรุงเทพเลย เราไม่เคยไปขออยู่กับญาติ ไม่เคยขอเงินท่านค่าข้าว ค่าเทอม ไม่เคยเลย เราระลึกเสมอว่าทุกคนมีภาระหน้าที่ มีครอบครัวของตัวเองต้องดูแล และเราอึดอัดใจหากต้องไปรบกวนหรือเป็นภาระของญาติ 

สุดท้ายแล้วก็ได้แต่สงสัย ว่าน้องสามีนั้น จะมีสักนิดที่คิดว่าเราจะอึดอัดใจบ้างหรือไม่  

รบกวนข้อความเชิงบวก เชิงจิตวิทยาเพื่อปรับทัศนคติของตัวเราเองทีค่ะ ตอนนี้ใจมันฟ่อไปหมด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่