ทำยังไงให้พ่อแม่เลิกเล่นการพนันได้คะ??

คือเราจะขอเล่าเรื่องเกี่ยวกับปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในบ้านตามหัวข้อก่อนนะคะ(แต่ที่จริงมันมีหลายปัญหามากกกกที่อยากจะเล่า) คือพ่อกับแม่เราเป็นคนที่ค่อยข้างที่จะติดการพนัน การเล่นไพ่ เล่นไฮโลตามงานศพมากเลยค่ะ เป็นมานานมากตั้งเเต่สมัยวัยรุ่นเลยมั้งค่ะ ตั้งเเต่เราจำความได้เลย เราไม่เคยได้อยู่กับพ่อแม่เลย ส่วนมากเราจะอยู๋กับเมียอีกคนของพ่อเรา(พ่อเรามีเมียสองคนค่ะ เเม่เราเป็นคนที่สอง ก็คือ แม่เราเป็นเมียน้อยนั่นแหละค่ะ แต่ไม่รู้ว่าอยู่ด้วยกันได้ไงแบบมีสองคน แต่สองบ้านก็ไปมาหาสู่กันปกติค่ะ รักกันดีอยู่ด้วยกันได้ แต่ส่วนมากพ่อเราจะมาอยู่กับแม่เรามากกว่า เพราะตอนที่มาเจอกับเเม่เรา เราคิดว่าทางเมียหลวงน่าจะอายุมากพอสมควรค่ะ และลูกๆเขาก็โตหมดเเล้วด้วย เหมือนเราเป็นลูกหลงอ่ะค่ะ แบบอยู่ๆเราก็โผล่มา) แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็นค่ะ เราอยู่กับเมียหลวงของพ่อเราตั้งเเต่ยังไม่เข้าโรงเรียนเลยค่ะ เพราะพ่อแม่เราไปเล่นไพ่ตลอด ตอนกลางวันเราไม่รู้ค่ะว่าเขาไปไหนกัน แต่พ่อจะบอกกับเราเสมอว่า เมียหลวงของพ่อเป็นคนเลี้ยงเรามาตั้งเเต่เด็ก เขารักเรามากกกกเลยนะคะ เรารู้สึกจากใจเลย ว่าเมียหลวของพ่อเรารักเรามากกว่าเเม่เราสะอีก เขาจะถามหาเราตลอด คอยให้เงินตลอด ตอนเราไปทำงานเขาก็จะบ่นตลอดทำไมไม่มาหาเลย ไม่มานอนด้วยเลย(แต่ตอนนี้เมียหลวงเขาอายุ75ปีแล้วค่ะ นอนติดเตียงป่วยหลายโรค เราก็เเวะไปหาอยู่เรื่อยๆ ไปป้อนข้าวค่ะ เพราะตอนที่เราป้อนข้าวแก แกกินได้เยอะกว่าปกติ) นั่นแหละค่ะ เราก็อยู่กับเขามาตลอดตั้งเเต่ก่อนเข้าโรงเรียน พอเข้าโรงเรียน เราก็มีบางค่ะที่จะมาอยู่กับแม่ เพราะต้องรอขึ้นรถโรงเรียนที่บ้าน เรารู้สึกว่าเราเริ่มมีปมในใจ ตั้งเเต่เรียนอนุบาลนี่แหละค่ะ พอเราเรียนอนุบาลเริ่มเข้าอนุบาล3 เราก็เริ่มที่จะรู้เรื่องเเล้ว แกก็ไปเล่นไพ่ตลอดค่ะ ถ้าวันไหนแกไปเล่น แกจะเอาเราฝากไว้กับป้ากับลุงค่ะ เราก็ร้องตามทุกวันค่ะ ร้องจนหลับเลย บางวันเราก็ขอยานอนหลับจากป้ามากินค่ะ(ตอนขอยาป้ามากินเราไม่รู้นะคะ ว่าตอนช่วงไหนของชีวิต แต่เราจำได้ว่าขอมากินจริงค่ะ) 
มันเป็นแบบนี้มาค่อยข้างนานนนมาก เป็นสิบๆปีเลย จนเรารู้สึกว่าเราขาดความรักจากพ่อแม่ไปแล้ว แบบว่าเลิกเรียนมาตอนอนุบาลอาบน้ำกินข้าวเสด แม่ก็จะยื่นผ้าห่มให้เรา เราก็จะรู้ทันทีเลยค่ะ ว่า โอเคต้องไปนอนบ้านป้าอีกแล้ว เราก็จะเดินหอบผ้าห่มมาเลยค่ะ พอมานอนแล้วเราก็ร้องตามประสาเด็กค่ะ พอใกล้เช้าหรือประมาณตี5 ป้าก็จะปลุกค่ะ(บ้านชุมชนต่างจังหวัดตื่นเช้าเป็นเรื่องปกติค่ะ) พอป้าปลุกเราก็จะเดินมาบ้านเราค่ะ ซึ่งห่างจากบ้านป้าไม่ถึง20ก้าว พอมาถึงบ้านอันดับเเรกคือมองรถก่อนเลยค่ะ ถ้าเห็นรถแสดงว่ากลับมาแล้ว ถ้าไม่เห็นเราก็ต้องเดินกลับไปบ้านป้าค่ะ ไปรอจนกว่าจะมา มันเป็นยังงี้มาจนป1 2 3 4 5 6 ระหว่างนั้นแกก็จะไปเล่นตลอด เเต่เราไม่ไปนอนบ้านป้าเเล้ว เราจะอยู่คนเดียวค่ะ กับหมา ตั้งเเต่ป 4 (บางคนอาจจะคิดว่าป 4 นี่ ยังเด็กมาก เเต่คือตอนป 4 เราตัวใหญ่มากค่ะ ยังกะป 6 เลยเขาคงคิดว่าเราอยู่คนเดียวได้มั้งค่ะ555) เราก็เริ่มอยู่คนเดียวมานับตั้งเเต่นั้นค่ะ เเกก็พากันไปเล่นไพ่ เล่นไฮโลทุกวัน ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่เข้าใจค่ะว่า งานศพอะไรจะทุกวัน ตายกันบ่อยเนาะจะตายอะไรกันนักหนา(คิดตามประสาเด็กแหละค่ะ) บางวันถ้าไม่อยู่คนเดียว เขาก็จะพาเราไปนอนที่บ้านเมียหลวงค่ะประมาณ1ทุ่มก็จะขี่มอไซร์ไปส่ง แล้วเขาก็จะไปเล่นกัน พอประมาณตี4 เขาก็จะมาเคาะบ้านค่ะ มาเรียกเรา เราก็จะลุกหอบผ้าห่มเปิดประตูออกมาขึ้นมอไซร์ แล้วก็จะอัดกันมาบ้านค่ะ แล้วตอนนั้นหน้าหนาวด้วย คือมันทรมานมากค่ะ เป็นเด็กที่ต้องตื่นเช้าตี4ตี5เพื่อขึ้นมอไซ มาบ้านเเล้วยังต้องมาอาบน้ำแต่งตัวไปเรียนอีก ถ้าแกมารับช้า เราก็ตามระเบียบค่ะ สายแทบจะไม่ทันรถรับส่งแทบจะไปเรียนไม่ทัน จนเราเริ่มบอกว่าไม่ไปนอนบ้านเมียหลวงแล้ว เพราะเราจะไปเรียนไม่ทัน ยอมนอนอยู่บ้านคนเดียวดีกว่า(ตอนเด็กๆสมัยนั้น เราเชื่อว่าหลายคนเป็นแบบเรา คือจะกลัวครูมากกว่าพ่อแม่ แบบกลัวจะไปเรียนไม่ทัน กลัวตื่นสายไม่ทันรถรับส่ง เพราะถ้าไม่ทันรถรับส่ง ก็ต้องให้พ่อแม่ไปส่งที่โรงเรียนแทน เราเรียนโรงเรียนคริสต์ค่ะ แบบอสัมชัญแบบนั้นเลย แต่อยู่ต่างจังหวัด ค่าเทอมก็800ต่อเทอมค่ะตอนนั้นที่เราเรียน เป็นโรงเรียนที่ปิด ไม่สามารถเอามอไซร์ไปได้ จะมีเฉพาะรถรับส่งเท่านั้น ซึ่งถ้าเราไม่ทันเราก็จะต้องรอรถรับส่งรอบ2ซึ่งสายมากประมาณ9โมงเลย เพราะพ่อแม่เราไม่ยอมไปส่ง แม่เราขับรถบนถนนใหญ่ไม่เป็น ส่วนพ่อเราไม่สนค่ะ ว่าเราจะไปเรียนหรือว่าไม่ไป จนเราร้องไห้เลยค่ะ เพราะกลัวสายส่งงานไม่ทันกลัวโดนครูตี พอเราร้องก็โมโหใส่เรา เราก็ทำอะไรไม่ได้) พอเรากลับบ้านเลิกเรียนเราต้องทำเองทุกๆอย่างตั้งเเต่ซักผ้า รีดผ้า พ่อแม่เราไม่รีดให้นะคะ เพราะแกรีดไม่เป็น เราเลยต้องลองผิดลองถูกทำเองทุกอย่าง เสื้อผ้าก็มีเเค่1ชุด ถ้าวันไหนที่ต้องใส่ชุดนักเรียนติดๆกัน ก้ต้องซักแล้วปั่นแห้ง แล้วเอามารีดเลย รีดแบบเปียกๆนั่นเเหละค่ะ ควันนี่ขันอย่างกับย่างไก่555 พ่อแม่เราก็มีหน้าที่อย่างเดียวคือไปเล่นไพ่ เล่นไฮโลค่ะ เราเริ่มอยู่คนเดียวตั้งเเต่ป 4 อยู่กับหมาค่ะ ดูโทรทัศน์ ทำการบ้านทำอะไรไปเรื่อย ตอนนั้นยังไม่มีโทรศัพท์ใช้นะคะ เราก็อยู่ตามประสา ถึงเวลาก็นอนค่ะตอนเเรกๆ เราก็กลัวบ้างค่ะ พอเริ่มนานไปๆ เราก็เริ่มชินค่ะ นี่คือเหตุผลที่เราคิดว่า เราเริ่มมีโลกส่วนตัวสูงตั้งเเต่ตอนนั้นเลย เราไม่ค่อยมีเพื่อนด้วยค่ะ พ่อแม่เราไม่ปล่อยให้ไปไหนเลย เราอยู่เเต่บ้าน ไม่เคยได้ออกไปเล่นกับเพื่อนหรือว่าไม่มีเพื่อนมาเล่นกับเรา(เราคิดว่าตอนนั้น ที่เราไม่มีเพื่อนก็เพราะว่า เราเรียนไม่ค่อยเก่งค่ะ ดูโง่ เป็นคนที่ดูดุเลยไม่ค่อยมีใครกล้าเล่นด้วย ไม่มีโทรศัพท์ใช้ติดต่อเพื่อนๆ เวลาเพื่อนพูดอะไรกัน เราก็เหมือนเสนอหน้าอ่ะค่ะ55แบบไปฟังด้วย เเต่ไม่รู้เรื่องกับเขา เลยรู้สึกว่าถอยออกมาดีกว่า) เราก็เลยอยู่คนดียวมาตลอดเลย ใช้ชีวิตคนเดียว พ่อแม่เราก็ตามสเต็บค่ะ ไปเล่นไฮโลเช้าถึงจะกลับเงินจะให้เราตั้งเเต่ตอนกลางคืนค่ะ วางไว้แบบว่า นี่นะเงินไปเรียน เราก็จะไม่พูดค่ะแบบเเค่พยักหน้าให้เเก แกก็จะไปเลยยอ่ะค่ะ ไม่ถามเราด้วย ว่าเป็นไงบ้างมีงานมีการบ้านอะไรไหม ไม่เคยซัพพอตเราเรื่องเรียนเลย พอเริ่มขึ้นม1 ม2 ม3 มันก็ต้องมีค่ารายงานเข้ามาค่ะ แต่แกก็จะด่าค่ะว่างานอะไรเยอะเเยะนักหนา เหมือนแกไม่เข้าใจอ่ะค่ะว่าการเรียนมันต้องมีอะไรบ้าง ให้เราเรียนไปเฉยๆกะจะให้เราจบเเค่ม3 แต่พี่สาวเรา ที่เป็นลูกของเมียหลวงเขาเเนะนำให้เราเรียนค่ะ เป็นธุระให้ทุกอย่างเลย ทั้งเป็นผู้ปกครองให้ด้วยในทำเอกสารต่างๆในเรื่องการเรียน การกู้เงินเรียนด้วยค่ะ ซึ่งตอนนี้เราก็กู้เงินเรียนอยู่) พอเราเริ่มเข้ามาเรียนอีกที่นึง เริ่มรู้สึกว่าเรามีอิสระมากขึ้น เราออกมาอยู่หอพักคนเดียวเลยค่ะ เรารู้สึกว่าเรามีความสุขมาก ในการใช้ชีวิตคนเดียว ชอบอยู่คนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียว ไม่ต้องการใคร เป็นไข้ก็ต้องดูแลตัวเอง ไปหาหมอเองเช็ดตัวเอง ทำทุกๆอย่างด้วยตัวเอง หางานทำด้วยเรียนไปด้วย ก็มีความสุขดีค่ะ พอเรียนไปได้สักพัก เราก็ย้ายกลับมาอยู่บ้านอีกครั้งค่ะ เพราะช่วงโควิดต้องเรียนออนไลน์ ตอนนี้เราก็อายุ20แล้วค่ะ อีก4เดือน เราจะจบแล้ว เรารู้สึกดีใจมากที่จะจบสักทีเราจะได้หนีไปให้ไกลจากจุดๆนี้ เราไม่อยากมาทนแล้วมันมีปัญหามากมายเข้ามา ส่วนพ่อแม่เราตั้งเเต่เรากลับมาก็ไปเล่นไพ่ทุกวันค่ะ ทุกวันจริงๆ ตื่นมานี่ เราจะไม่เจอใครเเล้วนะคะ คือเจอแต่หมากับแมวค่ะ ที่อยู่เป็นเพื่อน พ่อแม่เราจะได้เจอหน้าเขาก็คือค่ำค่ะ บางวันก็ไม่เจอเลย เพราะว่าไม่กลับ เราก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าเขาเอาเงินที่ไหนมาเล่นนักหนา ทั้งที่บ่นกับเราทุกวันว่าไม่มีเงิน แต่ก็เห็นไปเล่นตลอด เล่นมาพอเสียก็มาทะเลาะกัน พอทะเลาะก็ลามมาถึงเราค่ะว่าอยู่เเต่บ้านไม่ทำอะไร อยู่เปลืองไฟเปล่าๆ ทั้งที่เราตื่นมา เราเรียน พอตกเย็นเราก็จะหุงข้าว ล้างจานรอ ถ้าค่ำมากจริงๆแล้วเขายังไม่กลับมา แล้วเรายังพอมีเงินอยู่ เราก็จะไปซื้อปลาป๋องหรือไข่มาทำกับข้าวไว้รอค่ะ เเต่ก็ไม่วายหาเรื่องมาด่าเราค่ะ เราเลยยิ่งเก็บตัวหนักเข้าไปใหญ่ จนเราคิดว่าเราเป็นโรคซึมเศร้าเเล้วหรือเปล่านะ เราอยากอยู่คนเดียว ไม่อยากให้ใครมายุ่งด้วย จนเรารู้สึกว่าเราไม่มีพ่อแม่เราก็สามารถอยู่คนเดียวได้สบายมากค่ะ ขอเเค่มีเงิน เพราะว่าถ้ามีพ่อแม่เเล้วต้องเป็นแบบนี้ เราขออยู่คนเดียวดีกว่าค่ะ ไม่ต้องมาเจอบ่นเจอด่าด้วย พอเขาพากันกลับมาจากเล่นไพ่ เขาจะถามหาข้าวทันทีค่ะ ว่าวันนี้มีอะไรกินบ้าง พอเราไม่ได้ทำก็ด่าเลยค่ะ ว่าไม่ร็จักทำอะไรรอเลย!!! โตสะเปล่า!!!! คือจะให้เราทำอะไรรอ เงินเราก็ไม่มี เงินที่มีที่ได้จากการฝึกงานเราก็เอาให้แกหมด แล้วแกเอาไปไหน แต่ถ้าวันไหนที่ทำ แล้วแกกลับมายังทำไม่เสร็จ เขาก็จะด่าเหมือนเดิมค่ะว่า ทำอะไรชักช้าป่านี้ยังไม่เสร็จหิวข้าวจะตายห่าแล้ว!!!! คือสรุปเราจะทำหรือไม่ทำเราก็เจอด่าหมดใช่ไหมค่ะ เขาไปเล่นทุกวันเขาปล่อยเราทิ้งเราอยู่บ้านคนเดียว เรารู้สึกเคว้งแบบบอกไม่ถูกค่ะ แบบโลกนี้มีเราคนเดียว จนมันเป็นแบบนี้เรื่อยๆเราอยู่บ้านเฝ้าบ้านเหมือนหมาทั้งวันค่ะ ไม่เคยได้ไปไหนมาไหนเลย ไม่มีเพื่อนด้วย พอจะไปไหนมาไหนยังไม่ออกถึงซอยหน้าบล้านเลยค่ะ โทรตามด่าว่า หาเเต่เรื่งออกนอกบ้านเนาะ!!!! จะไปไหนนักหนา แต่ที่จริงเเล้วเราไม่ได้ไปไหนเลย เราอยู่เเต่บ้าน แล้วพวกแกละไปไหน เคยอยู่สนใจความรู้สึกเราไหม เคยถามไถ่เราไหมว่าเรารู้สึกยังไง เราพูดไปแกก็ไม่เข้าใจเรา กลับมาบอกว่าเรานิสัยไม่ดีมาด่าเราอีกว่าเราทำไมเป็นแบบนี้ ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้ เราอยากจะสวนไปเลยค่ะว่าเพราะใครล่ะที่ทำให้เราเป็นแบบนี้ ก็ในครอบครัวมันเป็นแบบนี้ไงเราถึงเป็นแบบนี้ ครอบครัวกดดันทุกอย่าง เพราะพ่อแม่ติดพนัน ไม่เคยสนใจลูกพอลูกมีปัญหาก็กลับมาโทษลูกว่า ลูกนิสัยไม่ดีลูกสันดานไม่ดี สันดานเเย่ แต่พ่อแม่เคยดูตัวเองไหมว่าเป็นแบบอย่างที่ดีให้เราไหม ใช่เราโตพอที่จะคิดได้ เราถึงเป็นคนคิดมากจนแทบฆ่าตัวตายอยู่เเล้ว เราเก็บตัวมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ เราไม่เข้าสังคมกับใครเลย เราอยู่คนเดียว ไม่มีที่ปรึกษา ไม่มีเเม้กระทั่งเพื่อน มองหาครอบครัวก็เห็นเเต่หมากับแมว แล้วพ่อแม่เราละไปไหน ไม่เคยอยู่ข้างเราหรือเป็นกำลังใจให้เราในวันที่เรารู้สึกแย่ จนเราคิดว่าตอนนี้เราเป็นโรคซึมเศร้าแล้วเเน่ๆ เราคิดจนเราอยากฆ่าตัวตาย แต่พ่อแม่ก็ไม่เคยเข้าใจกลับมาพูดว่า จะเรียกร้องความสนใจไปถึงไหน คือเราไม่รู้จะอธิบายยังไง คือมันจุกอยู่ในอก มันพูดออกมาไม่ได้แต่มันรู้สึกว่าจุก มันไม่รู้จะทำยังไง ให้ใครสักคนเข้าใจหันไปทางไหนก็ไม่มีใครเลย เราอยู่คนเดียวจนพวกญาติๆหรือคนอื่นๆสงสารเรา ว่าทำไมพ่อแม่ปล่อยให้อยู่คนเดียวตั้งเเต่เด็ก ไม่ดูแลจนลูกเป็นคนที่มีปัญหาอารมณ์รุนเเรง จนเราคิดว่าตอนไหนเราจะเรียนจบเเล้วไปจากที่นี่สักที เราจะไปแบบไม่หันหลังกลับมาเลย ไม่ติดต่อไม่อะไรทั้งนั้น ใครจะว่าเราเนรคุณเราก็คงจะไม่สนใจอะไรแล้ว เพราะครอบครัวเเต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน คนที่บอกว่าเราเนรคุณพ่อแม่ ครอบครัวของคุณโตมาแบบเราหรือเปล่าล่ะ เจอแบบเราหรือเปล่า เพราะฉะนั้นครอบครัวไม่ใช่เซฟโซนที่ดีจริงๆค่ะ มันเเย่มากสำหรับเด็กคนนึงที่จะต้องโตมาแบบขาดความอบอุ่น บางคนที่ไม่เคยเข้ามาอยู่ในจุดเดียวกับเราก็อาจจะคิดว่า มันจะอะไรขนาดนั้นปลงสิ ยังไงก็พ่อแม่ผู้มีพระคุณ คือแล้วไงอ่ะผู้มีพระคุณแล้วไง คุณจะมาทำร้ายความรู้สึกเด็กคนนึงทำอะไรก็ได้เพียงเพราะว่าคุณเป็นผู้มีพระคุณงั้นเหรอเราว่ามันไม่ใช่ หรือบางคนอาจจะเห็นต่างแบบไหนก็แล้วเเต่นะคะ แต่เราคิดแบบนี้สำหรับความรู้สึกเราเราพยายามอดทนทุกๆๆอย่างที่เรารอวันจะได้ออกไปจากจุดๆนี้สักที เราคิดว่าถ้าเราออกไปจากจุดๆนี้ได้ชีวิตเราจะได้เกิดใหม่แน่นอนค่ะ แล้วเคยมีบางคนนะคะว่าเราว่าถ้าไม่มีพ่อแม่จะอยู่ยังไง ใช้ชีวิตได้เหรอคนเดียวอ่ะ เราก็อยากจะสวนไปเลยค่ะว่า ทำไมกูจะอยู่ไม่ได้ที่ผ่านมาตลอดเวลา20ปีเขาเคยอยู่กับกูไหม เขาทิ้งกูอยู่คนเดียว แก้ปัญหาคนเดียว ถึงตอนนี้ไม่มีเขากูก็อยู่ได้ แค่มีเงินก็พอไม่ต้องการอะไรแล้ว นอกจากความสุขนอกจากชีวิตที่ดีกว่านี้ ถ้าครอบครัวคือสิ่งที่ดีที่สุด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่