ขายดีจนเจ๊ง‼️จะป้องกันอย่างไร⁉️🤔
เป็นไปได้ด้วยเหรอ⁉️ ว่าการขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจะทำให้ธุรกิจคุณเจ๊งได้!!!
คำตอบก็คือ เป็นไปได้แน่นอนครับ…
ทว่าจะเป็นรูปแบบไหนบ้างล่ะ แล้วสาเหตุเกิดจากอะไร จะมีวิธีแก้ไขอย่างไรกันดี⁉️
👉เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาอ่านบทความนี้คงเป็นผู้ประกอบการที่ล้วนอยากจะประสบความสำเร็จกันทั้งนั้น โดยให้คุณลองสังเกตจากผู้ประกอบการและนักธุรกิจหน้าใหม่ที่เกิดขึ้นมามากมายพร้อมไอเดียที่พรั่งพรู ที่ทำให้เกิดเทรนด์และกระแสการใช้สินค้าและบริการใหม่ ๆ เกิดขึ้น หรือสามารถสร้างผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของคนกลุ่มเป้าหมายใหญ่ได้จนขายดีเทน้ำเทท่า
แต่ก็ไม่วายที่อยู่ ๆ ธุรกิจที่สร้างขึ้นจะเจ๊งไปต่อหน้าต่อตาได้ จึงทำให้ผู้ประกอบการหลาย ๆ ท่าน เป็นกังวลและพยายามหาสาเหตุว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น วันนี้ผมอยากจะมาแชร์เทคนิคที่ว่า ขายดีจนเจ๊ง‼️จะป้องกันอย่างไร และเพราะอะไรมาดูกันครับ…👇👇
ปัญหาหลัก ๆ ของการ “ขายดีจนเจ๊ง” ที่คนส่วนใหญ่รู้แต่ไม่ได้ใสใจก็คงเป็นเรื่องของ “การดูแต่ยอดขาย แต่ไม่ได้ดูค่าใช้จ่าย “ทั้งหมด” ที่เกิดขึ้น” ซึ่งในความเป็นจริงที่ว่า “ยอดขาย” ว่าสำคัญแล้ว แต่เรื่องของการบริหารจัดการ “ต้นทุน ค่าใช้จ่าย” สำคัญยิ่งกว่า เป็นที่มาของการทำธุรกิจแล้วเกิดข้อสงสัยว่าทำไมยิ่งขายดีก็ยิ่งติดลบ แม้ว่าเราจะขายสินค้าแพงกว่าราคาที่ซื้อมาก็ตาม แต่ไม่มีกำไรเลย เพราะเท่าที่รู้มาส่วนใหญ่แล้วผู้ประกอบการหรือนักธุรกิจมักจะคิดแค่เรื่องต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับตัวสินค้า จนลืมต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารกิจการ นั่นเอง
👉โดยที่ผมจะยกตัวอย่างให้คุณเข้าใจได้ง่าย ๆ อาทิเช่น คุณขายสินค้าบริการอะไรสักอย่าง
💡คุณมียอดขายทั้งปีอยู่ที่ 10 ล้านบาท และได้หักต้นทุนสินค้าไปแล้ว 8 ล้านบาท ฉะนั้น กำไรที่ได้ขั้นต้นก็จะอยู่ที่ 2 ล้านบาท
🌟ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่คิดแค่ว่าต้นทุนเท่าไหร่และต้องไปขายอย่างไรเพื่อให้มีกำไร เมื่อบวกลบกลบหนี้ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกนิดหน่อยอย่างไรก็ได้กำไรสุทธิเหลือเฟือ ทว่าสิ่งเหล่านี้คุณแค่คิดไปเอง เพราะค่าใช้จ่ายที่แท้จริงมันมีมากกว่านั้น เผลอ ๆ คุณอาจติดลบไปเลยก็เป็นได้
⭕สมมุติว่า ผู้ประกอบการบางรายอาจจะคำนวณว่า หากเขาขายของที่ลูกค้าสั่งและให้จัดส่งทั้งหมด จะได้กำไร 50,000 บาท แต่เขาอาจจะลืมไปว่ามันยังมีต้นทุนส่วนอื่น ๆ อีกเช่น ค่าน้ำมันรถ ค่าขนส่ง ค่าแรงพนักงาน ซึ่งก็ถือว่าเป็นต้นทุนเช่นกัน เมื่อไม่มีการบริหารการจัดการที่ดี ไป ๆ มา ๆ คำนวณค่าใช้จ่ายรวมต้นทุนสินค้าออกมาอยู่ที่ 55,000 บาท ถ้าเป็นแบบนี้ต่อให้ขายดีแค่ไหน ก็ไม่มีทางกำไรได้เลยคุณว่าจริงไหม
💡💡ฉะนั้น ค่าใช้จ่ายที่คุณคิดว่าเล็กน้อยนั้น เมื่อนำมาทำบัญชีจริง ๆ แล้วไม่ว่าจะเป็น ค่าจ้างพนักงาน ค่าขนส่ง ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่า ดอกเบี้ยธนาคาร และอีกมากมายที่ยังไม่ได้ลงรายละเอียด และยังไม่รวมกับค่าโฆษณาหรือการทำการตลาดให้ร้านค้าของคุณเป็นที่รู้จักอีกนะครับ ซึ่งสาเหตุทั้งหมดอาจจะเกิดมาจากคุณไม่ได้ใส่ใจหรือไปดูเรื่องค่าใช้จ่ายที่คุณได้จ่ายออกไปเรื่อย ๆ และไม่ได้คำนวณหรือคิดเผื่อไว้ในสินค้าและบริการที่คุณขายไป จนมารู้ตัวอีกทีก็คือ คุณแทบจะไม่มีกำไรเหลืออยู่เลย ทั้ง ๆ ที่ขายของดีมาตลอด จึงเป็นที่มาของคำว่า “ขายดีจนเจ๊ง” นั่นเอง
🌟🌟สุดท้ายนี้ ผมอยากจะบอกให้ผู้ประกอบการหรือนักธุรกิจที่กำลังมีความคิดที่ว่า อยากจะทำสินค้าหรือบริการอะไรสักอย่างที่เป็นของคุณเอง ให้คุณเริ่มทำบัญชีตั้งแต่ตอนนี้ได้เลยนะครับ เพราะถ้าหากในอนาคตธุรกิจของคุณขยับขยายใหญ่ขึ้นค่าใช้จ่ายก็จะยิ่งมากขึ้น รวมไปถึงการชำระภาษีอีกด้วย
💚ฉะนั้น เริ่มทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนดีกว่าครับ จะได้เป็นการจัดระบบระเบียบให้กับตัวคุณและธุรกิจให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป หรือว่าไม่จริง?! สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นมาได้ตามคอมเมนต์ด้านล่างนี้เลยนะครับ😊😊
============
วรัทภพ รชตนามวงษ์
ขายดีจนเจ๊ง‼️จะป้องกันอย่างไร⁉️🤔
เป็นไปได้ด้วยเหรอ⁉️ ว่าการขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจะทำให้ธุรกิจคุณเจ๊งได้!!!
คำตอบก็คือ เป็นไปได้แน่นอนครับ…
ทว่าจะเป็นรูปแบบไหนบ้างล่ะ แล้วสาเหตุเกิดจากอะไร จะมีวิธีแก้ไขอย่างไรกันดี⁉️
👉เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาอ่านบทความนี้คงเป็นผู้ประกอบการที่ล้วนอยากจะประสบความสำเร็จกันทั้งนั้น โดยให้คุณลองสังเกตจากผู้ประกอบการและนักธุรกิจหน้าใหม่ที่เกิดขึ้นมามากมายพร้อมไอเดียที่พรั่งพรู ที่ทำให้เกิดเทรนด์และกระแสการใช้สินค้าและบริการใหม่ ๆ เกิดขึ้น หรือสามารถสร้างผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของคนกลุ่มเป้าหมายใหญ่ได้จนขายดีเทน้ำเทท่า
แต่ก็ไม่วายที่อยู่ ๆ ธุรกิจที่สร้างขึ้นจะเจ๊งไปต่อหน้าต่อตาได้ จึงทำให้ผู้ประกอบการหลาย ๆ ท่าน เป็นกังวลและพยายามหาสาเหตุว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น วันนี้ผมอยากจะมาแชร์เทคนิคที่ว่า ขายดีจนเจ๊ง‼️จะป้องกันอย่างไร และเพราะอะไรมาดูกันครับ…👇👇
ปัญหาหลัก ๆ ของการ “ขายดีจนเจ๊ง” ที่คนส่วนใหญ่รู้แต่ไม่ได้ใสใจก็คงเป็นเรื่องของ “การดูแต่ยอดขาย แต่ไม่ได้ดูค่าใช้จ่าย “ทั้งหมด” ที่เกิดขึ้น” ซึ่งในความเป็นจริงที่ว่า “ยอดขาย” ว่าสำคัญแล้ว แต่เรื่องของการบริหารจัดการ “ต้นทุน ค่าใช้จ่าย” สำคัญยิ่งกว่า เป็นที่มาของการทำธุรกิจแล้วเกิดข้อสงสัยว่าทำไมยิ่งขายดีก็ยิ่งติดลบ แม้ว่าเราจะขายสินค้าแพงกว่าราคาที่ซื้อมาก็ตาม แต่ไม่มีกำไรเลย เพราะเท่าที่รู้มาส่วนใหญ่แล้วผู้ประกอบการหรือนักธุรกิจมักจะคิดแค่เรื่องต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับตัวสินค้า จนลืมต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารกิจการ นั่นเอง
👉โดยที่ผมจะยกตัวอย่างให้คุณเข้าใจได้ง่าย ๆ อาทิเช่น คุณขายสินค้าบริการอะไรสักอย่าง
💡คุณมียอดขายทั้งปีอยู่ที่ 10 ล้านบาท และได้หักต้นทุนสินค้าไปแล้ว 8 ล้านบาท ฉะนั้น กำไรที่ได้ขั้นต้นก็จะอยู่ที่ 2 ล้านบาท
🌟ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่คิดแค่ว่าต้นทุนเท่าไหร่และต้องไปขายอย่างไรเพื่อให้มีกำไร เมื่อบวกลบกลบหนี้ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกนิดหน่อยอย่างไรก็ได้กำไรสุทธิเหลือเฟือ ทว่าสิ่งเหล่านี้คุณแค่คิดไปเอง เพราะค่าใช้จ่ายที่แท้จริงมันมีมากกว่านั้น เผลอ ๆ คุณอาจติดลบไปเลยก็เป็นได้
⭕สมมุติว่า ผู้ประกอบการบางรายอาจจะคำนวณว่า หากเขาขายของที่ลูกค้าสั่งและให้จัดส่งทั้งหมด จะได้กำไร 50,000 บาท แต่เขาอาจจะลืมไปว่ามันยังมีต้นทุนส่วนอื่น ๆ อีกเช่น ค่าน้ำมันรถ ค่าขนส่ง ค่าแรงพนักงาน ซึ่งก็ถือว่าเป็นต้นทุนเช่นกัน เมื่อไม่มีการบริหารการจัดการที่ดี ไป ๆ มา ๆ คำนวณค่าใช้จ่ายรวมต้นทุนสินค้าออกมาอยู่ที่ 55,000 บาท ถ้าเป็นแบบนี้ต่อให้ขายดีแค่ไหน ก็ไม่มีทางกำไรได้เลยคุณว่าจริงไหม
💡💡ฉะนั้น ค่าใช้จ่ายที่คุณคิดว่าเล็กน้อยนั้น เมื่อนำมาทำบัญชีจริง ๆ แล้วไม่ว่าจะเป็น ค่าจ้างพนักงาน ค่าขนส่ง ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่า ดอกเบี้ยธนาคาร และอีกมากมายที่ยังไม่ได้ลงรายละเอียด และยังไม่รวมกับค่าโฆษณาหรือการทำการตลาดให้ร้านค้าของคุณเป็นที่รู้จักอีกนะครับ ซึ่งสาเหตุทั้งหมดอาจจะเกิดมาจากคุณไม่ได้ใส่ใจหรือไปดูเรื่องค่าใช้จ่ายที่คุณได้จ่ายออกไปเรื่อย ๆ และไม่ได้คำนวณหรือคิดเผื่อไว้ในสินค้าและบริการที่คุณขายไป จนมารู้ตัวอีกทีก็คือ คุณแทบจะไม่มีกำไรเหลืออยู่เลย ทั้ง ๆ ที่ขายของดีมาตลอด จึงเป็นที่มาของคำว่า “ขายดีจนเจ๊ง” นั่นเอง
🌟🌟สุดท้ายนี้ ผมอยากจะบอกให้ผู้ประกอบการหรือนักธุรกิจที่กำลังมีความคิดที่ว่า อยากจะทำสินค้าหรือบริการอะไรสักอย่างที่เป็นของคุณเอง ให้คุณเริ่มทำบัญชีตั้งแต่ตอนนี้ได้เลยนะครับ เพราะถ้าหากในอนาคตธุรกิจของคุณขยับขยายใหญ่ขึ้นค่าใช้จ่ายก็จะยิ่งมากขึ้น รวมไปถึงการชำระภาษีอีกด้วย
💚ฉะนั้น เริ่มทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนดีกว่าครับ จะได้เป็นการจัดระบบระเบียบให้กับตัวคุณและธุรกิจให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป หรือว่าไม่จริง?! สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นมาได้ตามคอมเมนต์ด้านล่างนี้เลยนะครับ😊😊
============
วรัทภพ รชตนามวงษ์