JJNY : "หมอธีระ"เตือน"เปิดปท."│อนุมัติขยายกรอบเพดานหนี้เป็น70%│‘พท.’จวกแนวคิด รบ.เพี้ยน│‘โรม’เผย‘ก้าวไกล’ยังไม่เคาะสูตร

"หมอธีระ" เตือน "เปิดประเทศ" หากพลาดมาอาจเจ็บสาหัสและส่งผลกระทบยาวนาน
https://www.springnews.co.th/news/815977
 
 
หมอธีระ เตือนไทยยังเสี่ยงเกินไปที่จะเปิดประเทศ หากพลาดอาจส่งผลกระทบระยะยาว พร้อมยกตัวอย่าง สิงคโปร์ เจอการระบาดซ้ำที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิม แม้ประชากรฉีดวัคซีนแล้ว 80%
 
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน) โดยระบุว่า..

ด้วยความซับซ้อนของระบบสังคมที่เป็นอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดที่ยังรุนแรงต่อเนื่องดังที่เห็นในปัจจุบัน
 
ทิศทางนโยบายที่มุ่งหน้าไปสู่การเปิดท่องเที่ยว เปิดประเทศ โดยที่มีโรคระบาดในพื้นที่ และระบบสนับสนุนที่จำเป็นยังมีข้อจำกัด ทั้งการเข้าถึงบริการตรวจคัดกรองโรคมาตรฐาน การใช้วิธีตรวจทางเลือก (ATK) ที่อาจมีความไวไม่มากนักและเสี่ยงต่อการเกิดผลลบปลอมได้ รวมถึงเรื่องวัคซีน ทั้งเรื่องชนิดที่ใช้ และปริมาณที่ยังไม่เพียงพอหรือครอบคลุม
 
 ความเสี่ยงต่อการระบาดที่ทวีความรุนแรงขึ้นย่อมมีสูง ดังจะเห็นได้จากหลากหลายพื้นที่ที่กำลังเผชิญอยู่
 
 ปัจจัยข้างต้นจะนำไปสู่ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรม ที่จะมากขึ้นเรื่อยๆ หากการระบาดเป็นไปอย่างต่อเนื่องหรือรุนแรงขึ้น และจะนำไปสู่ผลกระทบทุกมิติ ทั้งเรื่องสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม
 
สิ่งที่ต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิดคือ ทั่วโลกขณะนี้มีการระบาดที่ชะลอตัวลงชัดเจน แต่จะเห็นได้ว่าประเทศต่างๆ ส่วนใหญ่ที่ได้เรียนรู้จากสงครามนี้มาเกือบสองปี มักจะเลือกตาเดินแบบระมัดระวังในการเปิดใช้ชีวิตและเปิดประเทศ โดยเน้นให้จัดการควบคุมโรคให้มีจำนวนการติดเชื้อลดลงให้ได้ และเน้นการใช้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง และฉีดให้ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ในสังคมเสียก่อน

 บางประเทศฉีดครอบคลุมไปนานกว่า 6 เดือนก็เจอระบาดซ้ำจนต้องมาฉีดเข็มกระตุ้นซ้ำเพราะความรู้ปัจจุบันชี้ให้เห็นว่าระดับภูมิคุ้มกันจะค่อยๆ ลดลงตามเวลาที่ผ่านไป หลังฉีดกระตุ้นก็พบว่าสามารถคุมโรคระบาดได้ดีขึ้นชัดเจน เช่น อิสราเอล สหรัฐอาหรับอีมิเรตส์
 
 จะมีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่พยายามประกาศว่าจะใช้ชีวิตท่ามกลางโรคระบาด หรือ Living with COVID-19 เช่น สิงคโปร์ ไทย เป็นต้น โดยล่าสุดก็เห็นชัดเจนว่าสิงคโปร์ประสบการระบาดซ้ำที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิมมาก แม้ได้รับวัคซีนกันไปกว่า 80% ของประชากรก็ตาม
 
 หันมามองไทยเรา จำเป็นต้องประเมินและยอมรับความจริงว่า หลายเรื่องยังไม่พร้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ระบาดที่เป็นหลักหมื่นเช่นนี้ และเรื่องวัคซีนที่ไม่เพียงพอไม่ครอบคลุม จึงเสี่ยงเกินไปที่จะเปิดเมือง เปิดประเทศ
 
ตาเดินนี้ หากเดินพลาดจะมีโอกาสส่งผลกระทบยาวนานและหนักหนาสาหัส
 
สำหรับประชาชนอย่างพวกเราทุกคน ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ป้องกันตัวเสมอ
 
ใส่หน้ากากนะครับ สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า สำคัญมาก 
 
ด้วยรักและห่วงใย
 
https://www.facebook.com/thiraw/posts/10223145507818538
 


นายกฯอนุมัติขยายกรอบเพดานหนี้เป็น70%
https://www.bangkokbiznews.com/news/961156

คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานอนุมัติขยายกรอบเพดานหนี้สาธารณะจากไม่เกิน 60% เป็นไม่เกิน 70%ต่อจีดีพี
 
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันนี้ (20 กันยายน 2564) คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้มีมติเห็นชอบให้มีการทบทวนกรอบสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จากเดิมที่กำหนดไว้ ต้องไม่เกิน 60% เป็น ต้องไม่เกิน 70%
 
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่ทางการคลังให้กับรัฐบาล และไม่เป็นอุปสรรคหากรัฐบาลมีความจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อดำเนินนโยบายการคลังในระยะปานกลาง โดยยังคงมีความสามารถในการชำระหนี้อยู่ในเกณฑ์ดี
 
การทบทวนกรอบสัดส่วนการบริหารหนี้สาธารณะในครั้งนี้เป็นไปตามความในมาตรา 50 แห่ง พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ที่กำหนดให้มีการทบทวนสัดส่วนต่างๆ อย่างน้อยทุกสามปี  
  

 
‘เพื่อไทย’ จวกแนวคิด รบ.เพี้ยน หลัง ครม.ขยายเพดานต่างชาติครองห้องชุด เตือนระวังถูกครหาขายชาติ
https://www.matichon.co.th/politics/news_2948512
 
‘เพื่อไทย’ ขอ รบ.คิดใหม่ หลัง ครม.ขยายเพดานต่างชาติครองห้องชุดเพิ่มจาก 49% เป็น 70-80%
 
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 20 กันยายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรค พท. กล่าวถึงกรณีที่ ครม.มีมติเห็นชอบปรับหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการถือครองที่ดินในไทยและขยายเพดานให้ชาวต่างชาติถือครองห้องชุดในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจาก 49% เป็น 70-80% และการปรับหลักเกณฑ์ให้ต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในประเทศได้ ในราคาตั้งแต่ 10-15 ล้านบาทขึ้นไป โดยอ้างว่าเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ว่าอยากถามว่าสิ่งที่ทำไป แท้จริงแล้วเพื่อต้องการเอื้อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติที่มีบ้านค้างสต๊อกขายไม่ออก จากการบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลวหรือไม่ แล้วคนไทยได้ประโยชน์อย่างไร
  
นายชนินทร์กล่าวว่า สิ่งที่ทำยิ่งเป็นการตอกยํ้าความเหลื่อมลํ้าให้คนที่มีเงินเท่านั้นที่จะมีบ้าน ในขณะที่ปัจจุบันยังมีคนไทยไม่มีบ้านอยู่ถึง 5.87 ล้านครัวเรือน รัฐควรเอาเวลาไปคิดหามาตรการให้ช่วยเหลือคนเหล่านี้ หากคิดไม่ออกก็นำเอามาตรการในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาใช้ อย่างโครงการ “บ้านหลังแรก” ที่คืนภาษีให้ผู้ซื้อบ้าน หรือทางออกอื่นๆ ในการดึงดูดชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย เช่น การให้สิทธิการเช่า 99 ปี, การผ่อนคลายข้อจำกัดเรื่องวีซ่า ที่รัฐบาลก็ได้ดำเนินการอยู่ จึงอยากให้รัฐบาลคิดใหม่ เพราะมาตรการนี้นอกจากจะไม่ช่วยดึงดูดนักลงทุนต่างชาติแล้ว อาจถูกครหาว่าขายชาติขายแผ่นดินเอาได้
  
“เป็นอีกครั้งที่แนวคิดของรัฐบาลผิดเพี้ยน หาเงินเข้าประเทศไม่เป็น เอาแต่อ้าแขนรอทุนใหญ่ด้วยการยื่นผลประโยชน์แบบต่างตอบแทนให้ กรรมสิทธิ์ในที่ดินให้ไปแล้ว ไม่สามารถเอาคืนกลับมาได้ง่ายๆ” นายชนินทร์กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่