สภาเดินหน้าถกแก้รธน.วาระ 2 เลิศรัตน์ ฟันธงมีคนร้องศาลรัฐธรรมนูญแน่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6582673
รัฐสภาเดินหน้าถกแก้รธน.ฉบับกมธ.ปรับปรุงใหม่ เลิศรัตน์ เชื่อมีคนร้องศาลรัฐธรรมนูญแน่ ภท.ลอยตัว ยันไม่ได้ร่วมแแก้ไขร่างใหม่
เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 25 ส.ค. 2564 ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา มีนาย
ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อจากที่ค้างไว้เมื่อวันที่ 24 ส.ค. โดยเป็นวาระที่ประชุมต้องลงมติอนุญาตการแก้ไขเพิ่มเติมของคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ซึ่งมีการทบทวนเนื้อหาที่ยื่นไว้แล้ว
ก่อนลงมติ นาย
ไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธาน กมธ. พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ (ฉบับที่…) พ.ศ… (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91 ว่าด้วยระบบเลือกตั้ง) รัฐสภา ชี้แจงรายงานของกมธ.ที่มีการแก้ไขใหม่ว่า มีการปรับปรุงและแก้ไขโดยเพิ่มเติมเพียงมาตรา 86 ที่ตามบทบัญญัติเดิมเขียนจำนวนส.ส.ไว้ 350 เขต ในมาตรา 86 เขียนไว้ใน 3 จุด ทางกมธ.เห็นว่า มีคำขอแปรญัตติมาให้จัด 350 เขต เป็น 400 เขต กมธ.จึงแก้ไขมาตรานี้
ส่วนมาตราอื่นที่ปรากฎตามเอกสารเดิม และเพิ่มบทเฉพาะกาล ไม่นำบทตามรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมมาใช้บังคับการเลือกตั้งซ่อม เว้นแต่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป
ทั้งนี้ นายชวน ได้ถามที่ประชุมว่า สมาชิกจะขัดข้องหรือไม่ที่ประธานกมธ. จะขออนุญาตนำรัฐธรรมนูญ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อเข้าพิจารณา
พล.อ.
เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว. อภิปรายว่า การที่กมธ.มีมติอย่างฉุกละหุก เพื่อขอแก้ไขร่างซึ่งตัดไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง เพื่อเสนอให้สมาชิกรัฐสภาพิจารณา ตนไม่แน่ใจว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกต้องหรือไม่ อาจจะไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญแน่นอน
การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้มีคนยื่นศาลแน่นอน จาก 2 มาตราเพื่อนำมาบังคับใช้กับรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เปลี่ยนแปลงจำนวนและวิธีการได้มาซึ่งส.ส. ท่านจะโดนกับดักของกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญอีก ดังนั้น การแก้ไขของกมธ. ควรพิจารณาในที่ประชุม ไม่ใช่ใช้มติกมธ.แก้ไขเปลี่ยนแปลง แล้วให้ที่ประชุมรัฐสภาอนุญาต ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา
ด้านนาย
ณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ไม่เห็นด้วยและไม่ยอมรับการบังคับใช้ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 37 เนื่องจากข้อ 37 ต้องเป็นกรณีการถอนญัตติหรือระเบียบการประชุมวาระนี้ออกไปก่อน อีกทั้งในรายงานพบว่า กรณีของผู้แปรญัตติยังมีข้อความที่ผิดอยู่ ฉะนั้น ถ้าจะอ้างการดำเนินการในวันนี้ต่อไป เป็นไปได้หรือไม่ที่จะใช้ข้อบังคับการประชุม ข้อ 37 ซึ่งไม่ใช่การยอมรับหรือเดินหน้า แต่ถอนญัตติแล้วนำกลับไปแก้ไขให้สมบูรณ์ เพื่อป้องกันการมีปัญหาระยะยาวสำหรับสมาชิกทุกคน
ขณะที่นาย
ศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ชี้แจงว่า ตนพร้อมด้วยส.ส.ซึ่งทำหน้าที่อยู่ในกมธ. ไม่ได้เข้าประชุมเมื่อวันที่ 24 ส.ค. ซึ่งเรียกประชุมด่วน เนื่องจากเห็นว่าการประชุมไม่ได้ดำเนินการชอบด้วยข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ดังนั้น ขอให้บันทึกว่าถูกหรือผิด แต่พรรคภูมิใจไทยไม่ได้ร่วมด้วย
จากนั้นนาย
ชวน ชี้แจงยืนยันว่า เมื่อกมธ.แก้ไขเปลี่ยนแปลง ต้องขออนุญาตการแก้ไขจากที่ประชุมรัฐสภา ข้อ 37 จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติ ผลปรากฎว่า เสียงข้างมาก 357 เสียงเห็นด้วยให้กมธ.แก้ไข ไม่เห็นด้วย 42 เสียง งดออกเสียง 86 เสียง ก่อนเข้าสู่การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ (ฉบับที่..) พ.ศ…. ในวาระที่ 2
หมอสุภัทร เผยความในใจ หลังพ่ายศึก ATK ฟาดประมูลซื้อ 8.5 ล้านชิ้น แต่แพงกว่าเมืองนอกเท่าตัว
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6582414
หมอสุภัทร เผยความในใจ หลังพ่ายศึก ATK ถามมีที่ไหนในโลก ประมูลซื้อของ 8.5 ล้านชิ้น แพงกว่าขายที่เมืองนอกเป็นเท่าตัว ฟาดระบบราชการ
วันที่ 25 ส.ค.64 นพ.
สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จ.สงขลา ในฐานะประธานชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก นพ.
สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ความว่า
ความในใจของผม…หลังพ่ายศึก ATK
ค่ำคืนนี้ (24 สิงหาคม 2564) เป็นวันที่ผมได้พักมากกว่าทุกวันตั้งแต่ 2 สิงหาคม 2564 ที่ผมขึ้นกรุงเทพเข้าร่วมปฏิบัติการแพทย์ชนบทบุกกรุงแล้วก็ตามมาด้วยศึก ATK จนวันนี้ นายกฯประยุทธ์กลับลำ พลิกมติ ครม.ให้จัดซื้อจัดจ้างได้โดยไม่ต้องใช้มาตรฐานองค์การอนามัยโลก ยกแรกศึกนี้ก็เหมือนแพทย์ชนบทกำลังพ่ายศึก ATK
ศึกครั้งนี้สั้นๆแต่เข้มข้น เริ่ม 10 ถึง 24 สิงหาคม 2564 เป็น 2 สัปดาห์แห่งการเดินเกมส์เพื่อสู้กับอำนาจรัฐ อำนาจรัฐที่ระดมมาทุกองคพยพเพื่อจะปกป้องระเบียบวิธีการจัดซื้อจัดจ้างที่ไร้ประสิทธิภาพของรัฐ
คือจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบทีไรได้แต่ของถูกราคาแพง เงินภาษีประชาชนไม่ถูกใช้อย่างคุ้มค่า แน่นอนว่าเราสู้ไม่ไหว กับองคาพยพของระบบราชการที่ไม่สนใจสาระ
ความล้มเหลวสำคัญของกรณี ATK 8.5 ล้านชุดครั้งนี้ ง่ายๆสั้นๆคือ ความเดิม สธ.และ สปสช.สนใจการจัดซื้อ ATK คุณภาพสูงให้โรงพยาบาลใช้ตรวจเชิงรุกและเผื่อแจกให้กลุ่มเสี่ยงกลับไปตรวจตนเองและญาติที่บ้านได้ จึงมีการกำหนดราคากลางที่ 120 บาทเพราะหวังจะได้เกรดดีที่มีมาตรฐานองค์การอนามัยโลก
แต่พอถึงขั้นตอนการจัดซื้อจริง ซึ่งเป็นหน้าที่ของ รพ.ราชวิถีและองค์การเภสัชกรรม มีการตัดคำว่ามาตรฐานองค์การอนามัยโลกออกไป คือลดสเป็คโดยอ้างว่าเพื่อไม่ให้ล็อคสเป็ค แต่กลับไม่ลดราคากลางลงมาด้วย ตอนนั้น สปสช.ก็คงคิดไม่ทัน ผลก็คือเราก็ได้ผู้ชนะการประมูลที่เสนอราคาต่ำสุดที่ 70 บาท เป็นเกรด home use ไม่ใช่ professional use ตามที่เคยตั้งใจไว้
ที่สำคัญ มันเป็นเรื่องตลกที่น่าเศร้าสำหรับประเทศไทย ยี่ห้อที่ประมูลได้ขายปลีกในห้างที่อเมริกาชิ้นละ 1 USD ที่ยุโรปขาย 0.85 ยูโร หรือราว 33 บาท ในเวปอาลีบาบาก็ขาย 1 ล้านชิ้นในราคา 1 USD และยังสามารถต่อรองได้
แต่เมืองไทยซื้อทีเดียว 8.5 ล้านชิ้นแต่ได้ราคาชิ้นละ 70 บาท ระบบราชการไทยและผู้บริหารของทั้ง ศบค. สธ. สปสช. อย. อภ.สารพัดองค์กรตัวย่อรวมทั้งรัฐบาล ช่างไม่รู้สึกรู้สาเลยหรือกับระบบระเบียบราชการที่กลไกที่ไร้ประสิทธิภาพที่จัดซื้อจัดจ้างทีไรได้แต่ของถูกราคาแพง
ผลประโยชน์และการคอรับชั่นใต้โต๊ะมีไหมนั้น ผมไม่รู้ (คิดว่าไม่มี) แต่ความไร้ประสิทธิภาพของกลไกการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐนั้นเด่นชัดมาก ผมจะไม่ออกมาคัดค้านเลย หากการประมูลครั้งนี้องค์การเภสัชกรรมลดสเป็คแล้วให้เป็นเกรด home use มาตรฐาน อย.ไทยแล้ว มีการลดราคากลางลงมาให้สมเหตุสมผลด้วย แต่นี้ลดแต่สเป็คโดยไม่ลดราคากลาง อันนี้ไม่เอื้อเอกชนก็แสดงถึงความไร้สำนึกพื้นฐานในการปกป้องภาษีประชาชน
พวกเราแพทย์ชนบททำงานในโรงพยาบาลชุมชน งบน้อยใช้สอยประหยัดจะได้ดูแลผู้ป่วยได้มากคนที่สุด แต่ดูภาพใหญ่ ยิ่งตอกย้ำว่า ประเทศชาติเราคงไปไม่รอด ไปได้ไม่ไกล
ส่วนอีกประเด็นที่ผมเรียนรู้นั้น ผมพบว่า ผมยังไม่นิ่งพอกับบรรดาไอโอและนักวิชาการอีกฝ่ายที่ออกมาเป็นชุดเพื่อโจมตีผมและแพทย์ชนบท ผมอยากจะชี้แจงและตอบโต้ แต่โชคดีที่พี่ๆห้ามไว้ บอกว่าให้มั่นคงในการต่อสู้ให้ตรงประเด็นหลัก อย่าไปเสียสมาธิกับคนที่หาเรื่องใส่ความเรา ภูเขาทองสูงตระหง่านสวยงาม จะมีหมามา.......บ้างก็เป็นธรรมดา
ศึก ATK แม้ยกแรกแพทย์ชนบทเราจะพ่ายแพ้ แต่ผมและเพื่อนสมาชิกแพทย์ชนบทยังมีกำลังใจดีมาก เพราะภารกิจของเรานั้นไม่ใช่เรื่องแพ้ชนะ
ศึก ATK แล้วเลิก แต่เพื่อใช้กรณี ATK สะท้อนให้สังคมเห็นถึงระบบราชการอันเส็งเคร็งที่ต้องการการรื้อใหญ่ นี่ต่างหากที่เป็นภารกิจหลักของเรา
มีที่ไหนในโลกที่ประมูลซื้อของ 8.5 ล้านชิ้น แล้วซื้อได้ในราคาต่อชิ้นที่แพงกว่าซื้อชิ้นเดียวจากห้างในเยอรมันถึง 2 เท่า มีแต่ประเทศไทยอันเป็นที่รักของเรานี่แหละ
https://www.facebook.com/supathasuwannakit/posts/1042641406274653
จ่าพิชิต อธิบายชัด ตาบอด ไม่ต้องควักลูกตาเสมอไป แจงปมใบรับรองแพทย์
https://www.matichon.co.th/politics/news_2903491
จ่าพิชิต อธิบายชัด ตาบอด ไม่ต้องควักลูกตาเสมอไป แจงปมใบรับรองแพทย์
จากกรณี “ไฮโซลูกนัท” หรือ นาย
ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย ได้รับบาดเจ็บบริเวณดวงตาขณะเข้าร่วมการชุมนุม “
ม็อบทะลุฟ้า” เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ต้องเข้ารับการรักษาและมีรายงานในเวลาต่อมาว่าอาการรุนแรงถึงขั้นด้านขวาบอด ก่อนที่นาย
สิระ เจนจาคะ จะออกมาท้าขอดูใบรับรองแพทย์ ระบุหากตาบอดจริงจะให้เงิน 1 ล้านบาท กระทั่ง นาย
ธนัตถ์ นำใบรับรองแพทย์ที่ระบุว่า “
ตาขวาบอด” มาเปิดเผย อย่างไรก็ตามนายสิระยังคงข้องใจใบรับรองแพทย์ดังกล่าว โดยอ้างว่าหากตาบอดจริงแพทย์จะต้องควักลูกตาออกมา และอ้างว่าถามความเห็นจาก แพทย์หญิงคุณหญิง
พรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภามาแล้ว
ล่าสุดเฟซบุ๊กแฟนเพจ Drama-addict ของ “จ่าพิชิต” หรือ นพ.
วิทวัส ศิริประชัย ได้โพสต์ข้อความอธิบายเกี่ยวกับประเด็นเรื่องการควักลูกตา และ ใบรับรองแพทย์เอาไว้ โดยระบุว่า
อ้อ ไม่จำเป็นต้องควักลูกตาออกเสมอไปนะครับถ้าตาบอด
คือการผ่าตัดควักลูกตาออก เราเรียกว่า Enucleation
ปรกติจะทำในกรณีที่ 1.มะเร็งในลูกตา
2. ตาบอดแล้วมีอาการปวดตารุนแรง
3.ลูกตาฝ่อ
4.ลูกตาติดเชื้อและไม่ตอบสนองต่อยาปฎิชีวนะ
บลาๆ
ถ้าเป็นตาบอดที่ไม่ได้มีอาการปวดรุนแรง ก็ไม่ต้องควักลูกตาออกก็ได้นะครับ สนใจอ่านเอกสารข้อบ่งชี้ได้ตามนี้ครับ
https://medinfo.psu.ac.th/smj2/30_2_2012/06_orapan.pdf
นอกจากนี้ยังโพสต์ข้อความเกี่ยวกับกรณีใบรับรองแพทย์ที่ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ กล่าวถึงไว้ด้วยว่า
เพิ่มเติมประเด็นใบรับรองแพทย์ที่คุณหมอพรทิพย์ให้สัมภาษณ์ คืองี้ครับ ที่ของคุณลูกนัทเอามาให้ดูเนี่ย อันนั้นคือใบรับรองแพทย์ ที่หมอจะลงผลการวินิจฉัย ว่าป่วยเป็นโรคอะไร มารักษาที่ รพ วันไหนถึงวันไหน บลาๆ อะไรทำนองนี้ ซึ่งก็คือ ใบรับรองแพทย์ แบบที่เราขอตามปรกติ และการลงวินิจฉัยว่า Blindness , Right eye นั้นเป็นศัพท์แพทย์ ถูกต้องแล้ว คือเป็นการระบุโรคตามระบบฐานข้อมูล ICD10
ส่วนใบที่คุณหมอพรทิพย์พูดถึง ที่ว่าเป็นใบชันสูตรที่จะบันทึกข้อมูลการบาดเจ็บนั่นเพื่อใช้ในกระบวนการยุติธรรม มันเป็นเอกสารอีกใบ คือเอกสารบันทึกข้อมูลทางนิติเวชน่ะครับ อันนั้นถ้าเขาไปแจ้งความตำรวจเพื่อดำเนินคดี เด๋วก็จะมีใบนี้ส่งมาให้คุณหมอที่รักษาเขาลงข้อมูลอีกที ซึ่งแบบนั้นมันก็จะต้องลงบันทึกโดยละเอียด ว่ามีลักษณะแผลที่ไหน ลักษณะแผลเป็นยังไง แผลน่าจะเกิดจากอะไร บลาๆ เพื่อใช้ประกอบในกระบวนการยุติธรรม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เอกสารที่เอามาโชว์ในตอนแรก ก็คือใบรับรองแพทย์ที่หมอลงวินิจฉัยให้ตามภาษาแพทย์ ตามปรกติน่ะครับ ไม่ได้มีอะไรผิดปรกติอะไรเลย
พูดง่ายๆคือ ใบรับรองแพทย์ทั่วไป กับ ใบรับรองความเห็นของแพทย์ที่จะใช้ประกอบข้อมูลทางนิติเวชในกระบวนการยุติธรรม นั่นเอง
https://www.facebook.com/DramaAdd/posts/10160010636518291
https://www.facebook.com/DramaAdd/posts/10160010433248291
JJNY : สภาเดินหน้าถกแก้รธน.│หมอสุภัทรเผยความในใจหลังพ่ายศึกATK│จ่าพิชิตอธิบายชัดตาบอด│สภาพัฒน์ชี้ไตรมาส2ว่างงานพุ่ง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6582673
เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 25 ส.ค. 2564 ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อจากที่ค้างไว้เมื่อวันที่ 24 ส.ค. โดยเป็นวาระที่ประชุมต้องลงมติอนุญาตการแก้ไขเพิ่มเติมของคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ซึ่งมีการทบทวนเนื้อหาที่ยื่นไว้แล้ว
ก่อนลงมติ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธาน กมธ. พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ (ฉบับที่…) พ.ศ… (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91 ว่าด้วยระบบเลือกตั้ง) รัฐสภา ชี้แจงรายงานของกมธ.ที่มีการแก้ไขใหม่ว่า มีการปรับปรุงและแก้ไขโดยเพิ่มเติมเพียงมาตรา 86 ที่ตามบทบัญญัติเดิมเขียนจำนวนส.ส.ไว้ 350 เขต ในมาตรา 86 เขียนไว้ใน 3 จุด ทางกมธ.เห็นว่า มีคำขอแปรญัตติมาให้จัด 350 เขต เป็น 400 เขต กมธ.จึงแก้ไขมาตรานี้
ส่วนมาตราอื่นที่ปรากฎตามเอกสารเดิม และเพิ่มบทเฉพาะกาล ไม่นำบทตามรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมมาใช้บังคับการเลือกตั้งซ่อม เว้นแต่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป
ทั้งนี้ นายชวน ได้ถามที่ประชุมว่า สมาชิกจะขัดข้องหรือไม่ที่ประธานกมธ. จะขออนุญาตนำรัฐธรรมนูญ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อเข้าพิจารณา
พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว. อภิปรายว่า การที่กมธ.มีมติอย่างฉุกละหุก เพื่อขอแก้ไขร่างซึ่งตัดไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง เพื่อเสนอให้สมาชิกรัฐสภาพิจารณา ตนไม่แน่ใจว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกต้องหรือไม่ อาจจะไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญแน่นอน
การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้มีคนยื่นศาลแน่นอน จาก 2 มาตราเพื่อนำมาบังคับใช้กับรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เปลี่ยนแปลงจำนวนและวิธีการได้มาซึ่งส.ส. ท่านจะโดนกับดักของกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญอีก ดังนั้น การแก้ไขของกมธ. ควรพิจารณาในที่ประชุม ไม่ใช่ใช้มติกมธ.แก้ไขเปลี่ยนแปลง แล้วให้ที่ประชุมรัฐสภาอนุญาต ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา
ด้านนายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ไม่เห็นด้วยและไม่ยอมรับการบังคับใช้ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 37 เนื่องจากข้อ 37 ต้องเป็นกรณีการถอนญัตติหรือระเบียบการประชุมวาระนี้ออกไปก่อน อีกทั้งในรายงานพบว่า กรณีของผู้แปรญัตติยังมีข้อความที่ผิดอยู่ ฉะนั้น ถ้าจะอ้างการดำเนินการในวันนี้ต่อไป เป็นไปได้หรือไม่ที่จะใช้ข้อบังคับการประชุม ข้อ 37 ซึ่งไม่ใช่การยอมรับหรือเดินหน้า แต่ถอนญัตติแล้วนำกลับไปแก้ไขให้สมบูรณ์ เพื่อป้องกันการมีปัญหาระยะยาวสำหรับสมาชิกทุกคน
ขณะที่นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ชี้แจงว่า ตนพร้อมด้วยส.ส.ซึ่งทำหน้าที่อยู่ในกมธ. ไม่ได้เข้าประชุมเมื่อวันที่ 24 ส.ค. ซึ่งเรียกประชุมด่วน เนื่องจากเห็นว่าการประชุมไม่ได้ดำเนินการชอบด้วยข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ดังนั้น ขอให้บันทึกว่าถูกหรือผิด แต่พรรคภูมิใจไทยไม่ได้ร่วมด้วย
จากนั้นนายชวน ชี้แจงยืนยันว่า เมื่อกมธ.แก้ไขเปลี่ยนแปลง ต้องขออนุญาตการแก้ไขจากที่ประชุมรัฐสภา ข้อ 37 จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติ ผลปรากฎว่า เสียงข้างมาก 357 เสียงเห็นด้วยให้กมธ.แก้ไข ไม่เห็นด้วย 42 เสียง งดออกเสียง 86 เสียง ก่อนเข้าสู่การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ (ฉบับที่..) พ.ศ…. ในวาระที่ 2
หมอสุภัทร เผยความในใจ หลังพ่ายศึก ATK ฟาดประมูลซื้อ 8.5 ล้านชิ้น แต่แพงกว่าเมืองนอกเท่าตัว
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6582414
หมอสุภัทร เผยความในใจ หลังพ่ายศึก ATK ถามมีที่ไหนในโลก ประมูลซื้อของ 8.5 ล้านชิ้น แพงกว่าขายที่เมืองนอกเป็นเท่าตัว ฟาดระบบราชการ
วันที่ 25 ส.ค.64 นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จ.สงขลา ในฐานะประธานชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ความว่า
ความในใจของผม…หลังพ่ายศึก ATK
ค่ำคืนนี้ (24 สิงหาคม 2564) เป็นวันที่ผมได้พักมากกว่าทุกวันตั้งแต่ 2 สิงหาคม 2564 ที่ผมขึ้นกรุงเทพเข้าร่วมปฏิบัติการแพทย์ชนบทบุกกรุงแล้วก็ตามมาด้วยศึก ATK จนวันนี้ นายกฯประยุทธ์กลับลำ พลิกมติ ครม.ให้จัดซื้อจัดจ้างได้โดยไม่ต้องใช้มาตรฐานองค์การอนามัยโลก ยกแรกศึกนี้ก็เหมือนแพทย์ชนบทกำลังพ่ายศึก ATK
ศึกครั้งนี้สั้นๆแต่เข้มข้น เริ่ม 10 ถึง 24 สิงหาคม 2564 เป็น 2 สัปดาห์แห่งการเดินเกมส์เพื่อสู้กับอำนาจรัฐ อำนาจรัฐที่ระดมมาทุกองคพยพเพื่อจะปกป้องระเบียบวิธีการจัดซื้อจัดจ้างที่ไร้ประสิทธิภาพของรัฐ
คือจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบทีไรได้แต่ของถูกราคาแพง เงินภาษีประชาชนไม่ถูกใช้อย่างคุ้มค่า แน่นอนว่าเราสู้ไม่ไหว กับองคาพยพของระบบราชการที่ไม่สนใจสาระ
ความล้มเหลวสำคัญของกรณี ATK 8.5 ล้านชุดครั้งนี้ ง่ายๆสั้นๆคือ ความเดิม สธ.และ สปสช.สนใจการจัดซื้อ ATK คุณภาพสูงให้โรงพยาบาลใช้ตรวจเชิงรุกและเผื่อแจกให้กลุ่มเสี่ยงกลับไปตรวจตนเองและญาติที่บ้านได้ จึงมีการกำหนดราคากลางที่ 120 บาทเพราะหวังจะได้เกรดดีที่มีมาตรฐานองค์การอนามัยโลก
แต่พอถึงขั้นตอนการจัดซื้อจริง ซึ่งเป็นหน้าที่ของ รพ.ราชวิถีและองค์การเภสัชกรรม มีการตัดคำว่ามาตรฐานองค์การอนามัยโลกออกไป คือลดสเป็คโดยอ้างว่าเพื่อไม่ให้ล็อคสเป็ค แต่กลับไม่ลดราคากลางลงมาด้วย ตอนนั้น สปสช.ก็คงคิดไม่ทัน ผลก็คือเราก็ได้ผู้ชนะการประมูลที่เสนอราคาต่ำสุดที่ 70 บาท เป็นเกรด home use ไม่ใช่ professional use ตามที่เคยตั้งใจไว้
ที่สำคัญ มันเป็นเรื่องตลกที่น่าเศร้าสำหรับประเทศไทย ยี่ห้อที่ประมูลได้ขายปลีกในห้างที่อเมริกาชิ้นละ 1 USD ที่ยุโรปขาย 0.85 ยูโร หรือราว 33 บาท ในเวปอาลีบาบาก็ขาย 1 ล้านชิ้นในราคา 1 USD และยังสามารถต่อรองได้
แต่เมืองไทยซื้อทีเดียว 8.5 ล้านชิ้นแต่ได้ราคาชิ้นละ 70 บาท ระบบราชการไทยและผู้บริหารของทั้ง ศบค. สธ. สปสช. อย. อภ.สารพัดองค์กรตัวย่อรวมทั้งรัฐบาล ช่างไม่รู้สึกรู้สาเลยหรือกับระบบระเบียบราชการที่กลไกที่ไร้ประสิทธิภาพที่จัดซื้อจัดจ้างทีไรได้แต่ของถูกราคาแพง
ผลประโยชน์และการคอรับชั่นใต้โต๊ะมีไหมนั้น ผมไม่รู้ (คิดว่าไม่มี) แต่ความไร้ประสิทธิภาพของกลไกการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐนั้นเด่นชัดมาก ผมจะไม่ออกมาคัดค้านเลย หากการประมูลครั้งนี้องค์การเภสัชกรรมลดสเป็คแล้วให้เป็นเกรด home use มาตรฐาน อย.ไทยแล้ว มีการลดราคากลางลงมาให้สมเหตุสมผลด้วย แต่นี้ลดแต่สเป็คโดยไม่ลดราคากลาง อันนี้ไม่เอื้อเอกชนก็แสดงถึงความไร้สำนึกพื้นฐานในการปกป้องภาษีประชาชน
พวกเราแพทย์ชนบททำงานในโรงพยาบาลชุมชน งบน้อยใช้สอยประหยัดจะได้ดูแลผู้ป่วยได้มากคนที่สุด แต่ดูภาพใหญ่ ยิ่งตอกย้ำว่า ประเทศชาติเราคงไปไม่รอด ไปได้ไม่ไกล
ส่วนอีกประเด็นที่ผมเรียนรู้นั้น ผมพบว่า ผมยังไม่นิ่งพอกับบรรดาไอโอและนักวิชาการอีกฝ่ายที่ออกมาเป็นชุดเพื่อโจมตีผมและแพทย์ชนบท ผมอยากจะชี้แจงและตอบโต้ แต่โชคดีที่พี่ๆห้ามไว้ บอกว่าให้มั่นคงในการต่อสู้ให้ตรงประเด็นหลัก อย่าไปเสียสมาธิกับคนที่หาเรื่องใส่ความเรา ภูเขาทองสูงตระหง่านสวยงาม จะมีหมามา.......บ้างก็เป็นธรรมดา
ศึก ATK แม้ยกแรกแพทย์ชนบทเราจะพ่ายแพ้ แต่ผมและเพื่อนสมาชิกแพทย์ชนบทยังมีกำลังใจดีมาก เพราะภารกิจของเรานั้นไม่ใช่เรื่องแพ้ชนะ
ศึก ATK แล้วเลิก แต่เพื่อใช้กรณี ATK สะท้อนให้สังคมเห็นถึงระบบราชการอันเส็งเคร็งที่ต้องการการรื้อใหญ่ นี่ต่างหากที่เป็นภารกิจหลักของเรา
มีที่ไหนในโลกที่ประมูลซื้อของ 8.5 ล้านชิ้น แล้วซื้อได้ในราคาต่อชิ้นที่แพงกว่าซื้อชิ้นเดียวจากห้างในเยอรมันถึง 2 เท่า มีแต่ประเทศไทยอันเป็นที่รักของเรานี่แหละ
https://www.facebook.com/supathasuwannakit/posts/1042641406274653
จ่าพิชิต อธิบายชัด ตาบอด ไม่ต้องควักลูกตาเสมอไป แจงปมใบรับรองแพทย์
https://www.matichon.co.th/politics/news_2903491
จ่าพิชิต อธิบายชัด ตาบอด ไม่ต้องควักลูกตาเสมอไป แจงปมใบรับรองแพทย์
จากกรณี “ไฮโซลูกนัท” หรือ นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย ได้รับบาดเจ็บบริเวณดวงตาขณะเข้าร่วมการชุมนุม “ม็อบทะลุฟ้า” เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ต้องเข้ารับการรักษาและมีรายงานในเวลาต่อมาว่าอาการรุนแรงถึงขั้นด้านขวาบอด ก่อนที่นายสิระ เจนจาคะ จะออกมาท้าขอดูใบรับรองแพทย์ ระบุหากตาบอดจริงจะให้เงิน 1 ล้านบาท กระทั่ง นายธนัตถ์ นำใบรับรองแพทย์ที่ระบุว่า “ตาขวาบอด” มาเปิดเผย อย่างไรก็ตามนายสิระยังคงข้องใจใบรับรองแพทย์ดังกล่าว โดยอ้างว่าหากตาบอดจริงแพทย์จะต้องควักลูกตาออกมา และอ้างว่าถามความเห็นจาก แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภามาแล้ว
ล่าสุดเฟซบุ๊กแฟนเพจ Drama-addict ของ “จ่าพิชิต” หรือ นพ.วิทวัส ศิริประชัย ได้โพสต์ข้อความอธิบายเกี่ยวกับประเด็นเรื่องการควักลูกตา และ ใบรับรองแพทย์เอาไว้ โดยระบุว่า
อ้อ ไม่จำเป็นต้องควักลูกตาออกเสมอไปนะครับถ้าตาบอด
คือการผ่าตัดควักลูกตาออก เราเรียกว่า Enucleation
ปรกติจะทำในกรณีที่ 1.มะเร็งในลูกตา
2. ตาบอดแล้วมีอาการปวดตารุนแรง
3.ลูกตาฝ่อ
4.ลูกตาติดเชื้อและไม่ตอบสนองต่อยาปฎิชีวนะ
บลาๆ
ถ้าเป็นตาบอดที่ไม่ได้มีอาการปวดรุนแรง ก็ไม่ต้องควักลูกตาออกก็ได้นะครับ สนใจอ่านเอกสารข้อบ่งชี้ได้ตามนี้ครับ
https://medinfo.psu.ac.th/smj2/30_2_2012/06_orapan.pdf
นอกจากนี้ยังโพสต์ข้อความเกี่ยวกับกรณีใบรับรองแพทย์ที่ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ กล่าวถึงไว้ด้วยว่า
เพิ่มเติมประเด็นใบรับรองแพทย์ที่คุณหมอพรทิพย์ให้สัมภาษณ์ คืองี้ครับ ที่ของคุณลูกนัทเอามาให้ดูเนี่ย อันนั้นคือใบรับรองแพทย์ ที่หมอจะลงผลการวินิจฉัย ว่าป่วยเป็นโรคอะไร มารักษาที่ รพ วันไหนถึงวันไหน บลาๆ อะไรทำนองนี้ ซึ่งก็คือ ใบรับรองแพทย์ แบบที่เราขอตามปรกติ และการลงวินิจฉัยว่า Blindness , Right eye นั้นเป็นศัพท์แพทย์ ถูกต้องแล้ว คือเป็นการระบุโรคตามระบบฐานข้อมูล ICD10
ส่วนใบที่คุณหมอพรทิพย์พูดถึง ที่ว่าเป็นใบชันสูตรที่จะบันทึกข้อมูลการบาดเจ็บนั่นเพื่อใช้ในกระบวนการยุติธรรม มันเป็นเอกสารอีกใบ คือเอกสารบันทึกข้อมูลทางนิติเวชน่ะครับ อันนั้นถ้าเขาไปแจ้งความตำรวจเพื่อดำเนินคดี เด๋วก็จะมีใบนี้ส่งมาให้คุณหมอที่รักษาเขาลงข้อมูลอีกที ซึ่งแบบนั้นมันก็จะต้องลงบันทึกโดยละเอียด ว่ามีลักษณะแผลที่ไหน ลักษณะแผลเป็นยังไง แผลน่าจะเกิดจากอะไร บลาๆ เพื่อใช้ประกอบในกระบวนการยุติธรรม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เอกสารที่เอามาโชว์ในตอนแรก ก็คือใบรับรองแพทย์ที่หมอลงวินิจฉัยให้ตามภาษาแพทย์ ตามปรกติน่ะครับ ไม่ได้มีอะไรผิดปรกติอะไรเลย
พูดง่ายๆคือ ใบรับรองแพทย์ทั่วไป กับ ใบรับรองความเห็นของแพทย์ที่จะใช้ประกอบข้อมูลทางนิติเวชในกระบวนการยุติธรรม นั่นเอง
https://www.facebook.com/DramaAdd/posts/10160010636518291
https://www.facebook.com/DramaAdd/posts/10160010433248291