☻ รักต้องเลือก ☻ บทที่ 9 ...

[ บทที่ 1    https://pantip.com/topic/40789979 ]
[ บทที่ 2    https://pantip.com/topic/40799747 ]
[ บทที่ 3    https://pantip.com/topic/40811467 ]
[ บทที่ 4    https://pantip.com/topic/40820564 ]
[ บทที่ 5    https://pantip.com/topic/40824378 ]
[ บทที่ 6    https://pantip.com/topic/40833653 ]
[ บทที่ 7    https://pantip.com/topic/40852026 ]
[ บทที่ 8    https://pantip.com/topic/40860526 ]

บทที่ 9 ...

.

.

โลกเรานี้ก็แปลกจังเลยนะ บางทีก็กลม บางทีก็แบน ติ๊นารู้สึกว่ามันกลมก็ตอนที่เกือบจ๊ะเอ๋กับคุณดุลยรัฐนั่นเอง และตอนนี้กำลังรู้สึกกลับกัน  รู้สึกเหมือนกับว่าโลกมันแบน แบนเพราะคนสองคนไม่เคยได้เจอหน้ากันเลยราวกับอยู่คนละฟากฝั่งโลก  ทั้ง ๆ ที่สองคนนี้สมควรเจอกันมาตั้งนานแล้ว
 
สองคนที่ว่า  คือตะนอยกับดนัยนั่นเอง
 
ติ๊นาแปลงร่างมาเป็นเชฟประจำบ้านอีกวัน  ตอนอยู่ที่ร้านอาหาร กำลังหั่นพอร์คชอปชิ้นแรกอยู่แท้ ๆ  แต่ความกลมของโลกมันดันทำให้ติ๊นาเสียการทรงตัวไปเสียก่อน ดีนะที่แค่เสียการทรงตัว  ข้าวของก็แค่ร่วงหลุดมือ  แต่ถ้าเป็นการเสียทรง  มันคงออกอาการมากกว่านั้น  นางฟ้าคงล้มคะมำปุยเมฆไปแล้วเป็นแน่
 
โลกกลมหนอโลกกลม
 
เหมือนกับเทวดาท่านจะแวบมาช่วยทันนะ  เพราะถ้าท่านมาช่วยตะแคงผืนเมฆรับไม่ทัน  ป่านนี้นางฟ้าจะเป็นยังไงก็ไม่รู้
 
ติ๊นาตักผัดผักรวมมิตรใส่จานเมี่อเสร็จสิ้นเมนูสุดท้าย  ผัดผักรวมมื้อนี้น่าจะเรียกว่าผัดสามสหายมากกว่า  เพราะบรรดาผักมีอยู่แค่บร็อคโคลี่ แครอท และพริกหวานเขียวแดงแค่นั้น สองเมนูแรกปรุงเสร็จไปก่อนหน้านี้แล้วเพราะเป็นเมนูง่าย ๆ  ใช้เวลาไม่กี่นาที  ไข่เจียวหมูสับก็แค่ห้านาที  แกงจืดเต้าหู้ไข่ใส่หมูสับอีกถ้วย  ขึ้นเตาด้วยไฟอ่อนไม่ถึงสิบห้านาที ก็เสร็จแล้ว
 
มื้อค่ำฉุกเฉินคืนนี้ ทำได้แต่เพียงเมนูธรรมดา ๆ แค่นั้น  เพราะเสบียงในตู้เย็นมีแค่นั้นจริง ๆ
 
ได้ยินเสียงคนสองคนที่โต๊ะอาหารคุยกันแล้ว  ติ๊นาได้แต่แอบยิ้มปลื้มปริ่มอยู่คนเดียว  ตะนอยกลับตาลปัตรเป็นคนละคน จากที่เป็นคนพูดน้อยต่อยฉับ  คืนนี้กลายเป็นมดตะนอยฉอดฉับไปเสียแล้ว  เฮ๊อะ!  พอถูกคอถูกใจกับใคร  เป็นต้องออกอาการแบบนี้ทุกทีเชียวนะ  เจ้าฟันแหลม
 
"ไง.. เหนื่อยม้ายย..ย.."  เสียงดนัยเอ่ยทักมาทางเบื้องหลัง
 
ติ๊นาได้โอกาสหันไปส่งจานผัดสามสหายให้พอดี  "ไม่เห็นต้องเหนื่อยเลย  แค่ปรุง ๆ ผัด ๆ แค่นั้นเอง  นอกนั้นมีลูกมือฝึกหัดมาคอยช่วยอยู่แล้วนี่"
 
"โอเค...  ถือว่าเป็นคำชมเรื่องแรก  ขออีกเรื่อง.. เป็นไงบ้าง ฝีมือหั่นผักของผม"
 
"ผลงานมันต้องเป็นงั้นอยู่แล้วล่ะ  สำหรับคนมือไม้แข็ง"
 
"ไม่จริงอ่ะ"
 
"อืมม.. เดี๋ยวนี้ไม่ยอมรับอะไรง่าย ๆ แล้วนะ  ... คุณดนัย"
 
"ยอมรับได้ไง" ดนัยยังคงค้าน "ถ้ามือไม้แข็ง  คงไม่มีใครมากุมมือแน่นหนึบหรอก "
 
พูดเสร็จ เขาก็หันหลังขวับ! เดินหายไปกับจานผัดรวมมิตรเสียดื้อ ๆ  แหม๊..  ดีนะที่เก็บตะหลิวลงอ่างหลุมแล้ว มันเขี้ยวซะจริง แต่ก็นั่นแหละนะ  หากยังกุมด้ามตะหลิวอยู่ ติ๊นาจะทำอะไรเขางั้นเหรอ  บ้า! ใครจะกล้าไปทำอะไร
 
และแล้วอาหารมื้อเย็นก็พร้อมเสร็จสรรพ  สำหรับเราสามคน
 
ตะนอยดูเหมือนจะหิวมากกว่าใคร ๆ เพราะข้าวสวยจานที่สองตามติดมาในเวลาอันรวดเร็ว  ติ๊นาแอบยิ้มคนเดียว  เราสามคนดูเหมือนจะเสียเวลาอยู่กับอาหารบนโต๊ะมากกว่าการสนทนากัน  ดนัยเองก็คุยน้อยลง ติ๊นาเลยต้องปล่อยให้บรรยากาศสบาย ๆ อร่อย ๆ เป็นไปอย่างนั้น
 
แต่พอสักพัก
 
ติ๊นาก็อดที่จะพูดขึ้นไม่ได้  เมื่อเห็นอาการเอร็ดอร่อยของตะนอยเบื้องหน้า "เป็นไงจ๊ะ?สาวน้อย  ไหนบอกว่าเบื่อเนื้อหมูแล้วไง"
 
ตะนอยเงยหน้า "ก็เพราะเบื่อไง ถึงต้องรีบกำจัดมันให้หมดจากตู้เย็น" พูดไป เคี้ยวอาหารไป
 
"งั้นพรุ่งนี้  พี่ต้องแวะซุปเปอร์เอามาเติมใหม่แล้วล่ะ"
 
คราวนี้ตะนอยเงยหน้าขวับ!แทบจะทันใด "ถือว่าตะนอยขอแล้วกันนะ อย่าเพิ่งหอบเข้าบ้านมาอีกเลยพี่นา กับข้าวที่โรงบาลก็มีแต่หมูกับไก่ พอเจอเมนูจำพวกใส่กุ้งใส่ปลาหมึกบ้าง กุ้งก็แคระแกร็นยังกะกุ้งเอธิโอเปีย  ปลาหมึกก็เหี่ยวเหนียวยังกะปลาหมึกย่างงานวัด" คนฟังได้แต่หัวเราะกันเบา ๆ
 
"แล้วทำไมไม่ออกไปหาอะไรทานนอกโรงบาลล่ะ" ดนัยได้จังหวะคุยด้วย
 
"ยิ่งยุ่งยากไปใหญ่ค่ะ  พี่ดนัย"
 
"ทำไมล่ะ"
 
"เวลาก็มีจำกัด ออกไปทั้ง ๆ สวมยูนิฟอร์มด้วย มันไม่สะดวกค่ะ"
 
"ดีแล้วล่ะ" ติ๊นาได้โอกาสแทรกบ้าง "ทานในโรงบาลแบบนั้น จะได้คิดถึงฝีมือพี่ไง"
 
"ถ้ามีแต่เมนูแบบนี้  จ้างให้ก็ไม่คิดถึงแล้วล่ะ  วันนี้หยวนให้เฉย ๆ นะ   ถือว่าฉุกละหุก"
 
"แล้วอร่อยไหมจ๊ะ?"
 
"งั้น ๆ แหละ"
 
"เอาข้าวอีกจานมั้ย?  เดี๋ยวพี่จะตักให้"
 
"เอา! เอ๊ย..   พอแล้ว"
 
ติ๊นากับดนัยหัวเราะพร้อมกัน ตะนอยคงเขินหนัก รีบขอตัวลุกออกจากโต๊ะหายไปทางห้องครัว  ติ๊นาอิ่มก่อนหน้าคุณเจ้าชายไม่กี่คำ  รายการกับข้าวธรรมดา ๆ สำหรับมื้อค่ำคืนนี้  แม้จะไม่ถึงกับหมดเกลี้ยง แต่ก็แทบจะไม่เหลือหลอ
 
เรื่องรสชาติของอาหาร เป็นเรื่องที่ไม่สำคัญเท่ากับเรื่องบรรยากาศไปเสียแล้ว สำหรับค่ำคืนนี้  ติ๊นาสัมผัสได้อย่างชัดเจนกับความอบอุ่นรอบตัว  ทุกสิ่งลงตัวและเป็นไปตามธรรมชาติด้วยตัวของมันเอง  และที่สำคัญไปกว่านั้น ติ๊นามีความรู้สึกอิ่มเอม เป็นปลื้มเพิ่มขึ้นมาอีกเรื่อง  นั่นคือการได้พบปะรู้จักกันของคนสองคน  ระหว่างตะนอยกับดนัย
 
หลายครั้งหลายหนแล้วที่ทั้งสองคลาดกัน มีครั้งหนึ่ง ตะนอยเคยไปนั่งรอติ๊นาก่อนเลิกงาน และวันนั้นติ๊นาเองก็นัดแนะทุกคนล่วงหน้าไว้แล้วว่า จะไปทานข้าวเย็นด้วยกันสามคน ทั้งติ๊นา ดนัย พร้อมทั้งตะนอย แต่ก็ปรากฎว่าดนัยมีประชุมด่วนพอดี  วันนั้นจึงได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า เอาเถอะ วันนี้ฤกษ์คงไม่ดี
 

คืนนี้
 
หากจะถือว่า ฤกษ์ที่ร้านอาหารเป็นฤกษ์ไม่ดี แต่ที่บ้าน  ติ๊นาว่าฤกษ์ซึ่งสมบูรณ์แบบที่สุดและดีที่สุด อยู่ที่บ้านหลังนี้นี่เอง

 
พอจัดเก็บโต๊ะอาหารรวมทั้งเก็บความเรียบร้อยในห้องครัวเสร็จ ขั้นตอนการล้าง ตะนอยก็จัดการแย่งไปเป็นหน้าที่ของตัวเองคนเดียว ซ้ำยังกำชับให้ติ๊นาออกไปดูแลแขกคนสำคัญในสวนข้างบ้าน  เรื่องในบ้านตอนนี้ปล่อยตะนอยคนเดียวพอ
 
ดนัยส่งยิ้มหวานมาจากม้านั่งหวายข้างบ้านเมื่อเห็นติ๊นาเดินออกมาตามหา  เขาชี้บอกติ๊นาที่ม้านั่งอีกตัวข้างกัน  แหม ... ทำเหมือนกับเป็นเจ้าของบ้านเสียเองเลยนะ
 
แต่ติ๊นาก็เดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ตัวนั้น
 
"อย่าแต๊ะอั๋งนะ  เดี๋ยวตะนอยเห็นเข้ามันจะไม่ดี"
 
"โธ่เอ๊ยย... คุณติ๊นา" ดนัยโคลงศีรษะไปมาพร้อมกับรอยยิ้ม "พูดจริงหรือล้อเล่นเนี่ย"
 
"ล้อเล่นเฉย ๆ"
 
"ชักจะตามติ๊นาไม่ทันขึ้นทุกวัน  เดี๋ยวนี้ไม่รู้อะไรเล่น  ไม่รู้อะไรจริง"
 
"ตะเองอิ่มซะจนเครียดน่ะสิ" ติ๊นาสัพยอก จับเข่าของเขาเขย่าเบาๆ "ทานไอศกรีมมั้ย? มีนะ  ในตู้เย็น"
 
"ไม่อ่ะ  อิ่มตื้อเลย" ดนัยส่ายหน้า " เอ่อ เมื่อตอนทานข้าว ตะนอยพูดถึงเรื่องแม่บ่นคิดถึง  แม่บ่นว่าไงนะ?"
 
ติ๊นาเพิ่งนึกได้เหมือนกัน "อ๋อ.. แม่ไม่ได้เจอหน้าเราทั้งคู่จะครบสองปีแล้ว เลยอยากเจอทั้งสองคน เห็นว่ายังงั้น"
 
"ดีจัง  ผมจะได้โผล่ไปเสริมด้วยอีกคน"
 
ติ๊นามองสบตากับคนพูด "แน่ใจนะ"
 
"แน่สิ ดูตาผมสิ  สายตาเป็นสิ่งยืนยันคำพูดนะ"
 
นั่นล่ะ ที่ติ๊นาทุบตุ้บ!เข้าให้เต็มหัวเข่า  แต่แปลกนะที่คนโดนทุบไม่แสดงอาการอะไร  นอกจากหัวเราะในลำคอ
 
เราคุยกันอีกหลายเรื่องราว ทั้งเรื่องการงานที่ต่างฝ่ายต่างบอกเล่าสู่กันฟัง  เรื่องของดนัยหนักไปทางผู้คน ผิดกับเรื่องของติ๊นาที่หนักไปทางลายเส้น โทนสี  จินตภาพซึ่งอธิบายแล้วน่าเวียนหัว เวลาผ่านไปแทบไม่รู้สึกตัวจนตะนอยโผล่มาในชุดนอนมิดชิด  พอคุยกันสามคนได้ชั่วครู่  ดนัยก็ขอตัว เพราะเห็นว่าเริ่มดึกแล้ว  ไหนจะต้องใช้เวลาเดินทางกลับอีกเป็นชั่วโมง
 
ทั้งดนัยและตะนอยร่ำลากันอย่างสนิทสนม ติ๊นายืนยิ้มมองดูคนทั้งสองอย่างมีความสุข  ดนัยอ้อยอิ่งอยู่สักพัก ติ๊นาเลยต้องเร่งให้รีบกลับ และในที่สุด ‘แขกคนสำคัญ’ ตามที่ตะนอยเรียก ก็ขับรถหายลับไป
 
"พี่ดนัยน่ารักดีนะ  ดูพี่เค้าวางตัวสบาย ๆ เป็นกันเอง และที่สำคัญ ดูมีความจริงใจสุด ๆ" ตะนอยพูดตามหลังแขก
 
ติ๊นาไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองหน้าตะนอย และเหมือนน้องสาวฟันแหลมจะรู้สึกตัวอะไรบางอย่าง
 
"โอ๊ะ! อย่าเข้าใจผิดนะค๊าา..  ตะนอยพูดถึง 'ว่าที่พี่เขย' นะ  ไม่ได้หมายถึง 'ว่าที่แฟนตะนอย' ซะหน่อย"
 
เจ้าตัวแสบนี่ก็อีกคน  ที่พอพูดเสร็จก็มักจะหลบเลี่ยงพลังตีกลับได้อย่างรู้ทัน  ดูสิ!  โกยอ้าวเข้าบ้านแทบจะสะดุดเหลี่ยมประตู
 
เฮ๊อะ!.. เข้ากันเป็นปี่เป็นทรัมเป็ตเลยนะ   ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะรู้จักกัน

 
....
 

....

(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่