ริษยารักข้ามภพ บทที่ 22




ตอนเดิม



ตอนที่ 22

สงครามครั้งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติได้อุบัติขึ้นเป็นครั้งที่สอง เพราะความอหังการใคร่ครอบครองโลกทั้งใบของเหล่าทุรชน ทำให้ผู้คนทุกหย่อมหญ้าพากันเดือดร้อนไปทั่ว ดินแดนระหว่างแม่น้ำคง (แม่น้ำสาละวิน) และแม่น้ำโขงตอนกลาง บริเวณชายแดนพม่าแถบรัฐฉานและเมืองเชียงตุง ได้มีกองกำลังต่างชาติเข้าสู้รบห้ำหั่นกัน เมืองเหล่านั้นต้องตกอยู่ท่ามกลางไฟสงคราม บรรดาไพร่ฟ้าต่างพากันหลบหนีเข้ามาอยู่ภายในกำแพงพระนคร บ้างก็กระจัดกระจายย้ายถิ่นฐานหนีภัยสงครามลึกเข้าไปในป่า เกิดภาวะอดอยากไปทั่วทั้งเมือง

เป็นโชคดีของเมืองเวียงแถนที่กองทัพจีนซึ่งอยู่ข้างอังกฤษ กับกองทัพสยามซึ่งอยู่ฝ่ายญี่ปุ่น ยังสู้รบยันกันอยู่ ณ เมืองเชียงตุง มิได้เลยมาถึงที่นี่ แต่เพื่อความไม่ประมาท เจ้าชายพรหมภูมินทร์จึงเร่งให้ซ่อมแซมป้อมปราการและตัวกำแพงเมือง ซึ่งแต่เดิมก็มีความแข็งแกร่งมากอยู่ เพราะสร้างมาจากศิลาแลงถึงสองชั้น จึงทั้งสูงใหญ่ทั้งแน่นหนา และเร่งสะสมเสบียงอาหารเตรียมไว้ในเขตพระนคร

เรื่องที่น่าเป็นห่วงเห็นจะเป็นเรื่องของอาวุธที่ต้องใช้ป้องกันเมือง ซึ่งขณะนี้มีปืนใหญ่โบราณเพียงไม่กี่กระบอก กับปืนคาบศิลาจำนวนไม่มากนัก มิหนำซ้ำอาวุธที่มีส่วนใหญ่ก็ใช้ในระยะประชิด เช่น หอกใบกว้าง หอกซัด มีดดาบและเหลนหลาว อาวุธที่น่าจะพอใช้ต่อสู้ระยะไกลได้ผลดีหน่อย ก็เป็นพวกธนูกับหน้าไม้ ซึ่งล้วนแต่ล้าสมัยไร้ประสิทธิภาพ ไม่อาจเทียบได้กับปืนไฟ ปืนกลและปืนใหญ่สมัยใหม่ ที่ขณะนั้นมีใช้กันอยู่ในทุกกองทัพ และตนเองก็ยังไม่รู้ว่าศัตรูจะเป็นพวกใด

ดังนั้นจึงให้เพิ่มอานุภาพของอาวุธ โดยใช้ยางพิษจากพันธุ์ไม้พิษที่พ่อหมอมังคละเร่งผลิตขึ้น ฉาบติดลูกธนูและลูกดอกหน้าไม้ทุกดอก หวังให้แค่โดนเฉี่ยว ทหารข้าศึกก็อาจถึงตายได้ในทันที ทรงให้หนานอินเฟือนและหนานวงศาฝึกทหารสู้รบแบบกองโจร ทั้งยังแบ่งขุนทหารที่เชี่ยวชาญการรบออกเป็นกองร้อยย่อย ๆ เพื่อสะดวกในการดักซุ่มโจมตี ฝึกปรือการใช้อาวุธชั้นเลวให้เปลี่ยนเป็นอาวุธร้ายแรง เช่น ฝึกใช้ดาบติดปลายปืนให้ชำนาญ และให้พ่อหมอมังคละฝึกหัดมวยปล้ำแบบมองโกล ที่สามารถหักคอคนได้ในพริบตาแก่บรรดาทหารราบ ยามเมื่อพวกเขาต้องต่อสู้ด้วยมือเปล่า 

นอกจากนี้ยังสั่งให้เร่งขุดหลุมขวาก สร้างกับดักไว้ในราวป่ารอบพระนคร และขุดหลุมอำพรางตัวสำหรับหน่วยจารกรรมที่ต้องลอบเข้าโจมตีกองเสบียงและทำลายคลังอาวุธเพื่อตัดกำลังศัตรู พอเสร็จภารกิจก็ให้รีบหลบเข้าหลุมพรางกำบังกาย ต่อเมื่อได้รับสัญญาณจึงออกมาปฏิบัติภารกิจใหม่ ส่วนในด้านป้องกันรักษาเมืองนั้น ทรงให้จัดทหารออกลาดตระเวนไปไกลหลายลี้ และจัดเวรยามเฝ้าตรวจตรารอบพระนครอย่างเข้มงวด

เมืองเล็กเมืองน้อยแถบเดียวกันนี้ แม้พ้นภัยจากกองทัพใหญ่ของทหารต่างชาติ แต่กลับมีภัยจากทหารไร้วินัยซึ่งแตกทัพมา ทหารเหล่านั้นเข้าปล้นสะดมและเที่ยวเข่นฆ่าประชาชน จนเกิดทุกข์เข็ญไปทั่ว 

เมืองเวียงแถนจึงนับว่าโชคดีที่มีเจ้าชายพรหมภูมินทร์ผู้มองการณ์ไกล ทั้งยังเก่งกล้าสามารถ แม่ทัพนายกองขุนทหารก็ล้วนเข้มแข็งห้าวหาญ เชี่ยวชาญในการรบ เช่นแม่ทัพอินเฟือนและหนานวงศา ตลอดจนขุนศึกจากเมืองห้วยยางลายที่ติดตามเจ้าชายมา เมื่อผสมเข้ากับขุนศึกผู้กล้าของเวียงแถนด้วยแล้ว ทหารโจรจึงยังมีความครั่นคร้ามอยู่มาก ไม่กล้าเข้ามาตอแยสุ่มสี่สุ่มห้า ดังนั้นจึงสามารถรักษาเมืองให้รอดจากการรุกรานของบรรดาทหารโจรได้หลายครั้ง เวียงแถนจึงยังคงอยู่รอดปลอดภัยดี

(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่