ขอเล่ายาว ๆ เลยนะคะ ใครไม่ชอบข้ามไปอ่านสรุปได้เลยค่ะ
👉🏻 ปลายปี พ.ศ. 2560 แต่งงาน - กลางปี พ.ศ. 2563
ช่วงนี้ยังไม่คิดเรื่องมีลูก ก็เลยทำงานไป เที่ยวเล่นไปเรื่อย ๆ
จนความคิดแว่ปนึงก็เข้ามาในหัวว่า เราอายุ 33 แล้วนะ
ควรจะคิดมีลูกแล้วไหม (แฟนอายุ 38)
หลังจากนั้น ผ่านไปถึงเกือบปลายปี พ.ศ. 2563
ก็ไม่มีลูกซักที....
(ที่ตรวจไข่ ที่ตรวจครรภ์ ซื้อมาครบเลยนะคะ ทั้งแบบกระดาษ แบบดิจิตอล)
👉🏻 เริ่มเข้ารับการตรวจภายใน ธ.ค. 2563
คุณหมอบอกว่าปกติ (ตอนนั้นก็คิดว่า คุณหมอตรวจแค่นี้จะรู้ได้ยังไง)
คุณหมอสอบถามเรื่องรอบเวลามีประจำเดือน
ซึ่งเราบอกว่า ปกติแล้วจะมาทุก 30 - 32 วัน แต่รอบนี้นานหน่อยค่ะ 37 วันแล้ว ยังไม่มา
คุณหมอจะให้กินยาเร่งประจำเดือน
แต่เรายืนยันว่ายังไงประจำเดือนก็จะมาแน่นอน เนื่องจากว่าก่อนมีประจำเดือนประมาณ 7-10 วัน เราจะมีมูกไข่ตก
(เรื่องนี้เป็นอีกสาเหตุนึงที่เราเข้ารับการรักษา เพราะตามปกติแล้ว
มูกไข่ตก จะต้องมาในวันที่ไข่ตก และประจำเดือนจะมาหลังจากไข่ตก 14 วัน)
แต่ของเราผิดปกติ !!
คุณหมอบอกว่าในขั้นแรกจะให้ยากระตุ้นไข่ตกมาทานก่อน 5 เม็ด
(วิธีทานจำไม่ได้แล้วนะคะ) และควรมาอัลตร้าซาวด์ เพื่อดูว่าไข่ตกที่โรงพยาบาล
เพราะที่คลีนิกไม่มีเครื่องอัลตร้าซาวด์ แต่เราไม่สามารถไปได้ เนื่องจากว่าเราทำงานอยู่อีกจังหวัดนึง
คุณหมอจึงให้สังเกตดูเองประมาณช่วงวันที่ 14-16 ของรอบเดือน
หลังจากทานยากระตุ้นไข่ตกไป
รอบเดือนของเดือน ธ.ค. 63 - ม.ค. 64 เป็น 24 วัน
และรอบเดือน ม.ค. - ก.พ. เป็น 25 วัน
👉🏻 ก.พ. 64
เราจึงตัดสินใจไปหาหมออีกครั้ง ที่คลีนิกแห่งใหม่ที่มีเครื่องอัลตร้าซาวด์
แต่จุดประสงค์ของเราไม่ได้ไปอัลตร้าซาวด์ แต่ไปเพื่อจะตรวจฮอร์โมน
(ทราบมาว่า การจะตรวจฮอร์โมนจะต้องตรวจภายใน 3 วันแรกของการมีประจำเดือน)
คุณหมอที่คลีนิกแห่งใหม่นี้ บอกว่าไม่เคยตรวจฮอร์โมนแบบที่เราพูดมาก่อนเลย
คุณหมอแนะนำให้ซื้อคอร์สก่อนตั้งครรภ์ ตรวจเลือด และตรวจการทำงานของรังไข่
เริ่มจากเจาะเลือด ตรวจอัลตร้าซาวด์
คุณหมอบอกว่า คุณมีเนื้องอกนะ ประมาณ 3 เซนติเมตร
จะต้องดูแนวทางอีกครั้ง ว่าจะมีบุตรไปพร้อมเนื้องอก หรือควรผ่าตัดออกก่อน
กลับบ้านไปพร้อมกับนอนไม่หลับ
👉🏻 วันต่อมา
เราโทรเล่าให้แม่ฟัง แล้วเราตัดสินใจโทรไปนัดโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง.
เพื่อรักษาตัวและปรึกษามีบุตรยากไปเลยทีเดียว
ช่วงนี้ก็จะกังวล และนอนไม่หลับหน่อย ๆ
👉🏻 สัปดาห์ต่อมา
ถึงวันที่มีนัดกับคุณหมอมีบุตรยาก
คุณหมออัลตร้าซาวด์ พร้อมกับถามว่าเคยผ่าตัดไหม
มีเนื้องอกนะ ให้ไปผ่าตัดส่งชิ้นเนื้อไปตรวจก่อน
แล้วค่อยกลับมาปรึกษาเรื่องมีบุตรยาก
คุณหมอพูดน้อยมาก พอฟังเรายิ่งกลัว
เย็นนั้น เราก็โทรนัดกับแผนกสูติ เพื่อรักษาตัวก่อน
คุณพยาบาลที่ทำนัดก็พูดออกมาอีกว่า
"จะมีลูกได้ไหมนี่" เรายิ่งฟังยิ่งกังวล
สรุปคืนนี้นอนไม่หลับ >_<
👉🏻 วันต่อมา
ผลเลือดที่ไปตรวจที่คลีนิกออก
ทุกอย่างดูปกติ ยกเว้นฮอร์โมนโปรแลคตินสูง 130
(คนธรรมดาไม่เกิน 25 หน่วยวัดจำไม่ได้นะคะ)
คุณหมอแจ้งว่าให้เข้ารับการรักษาด้วยอาจเป็นไปได้ว่า
มีเนื้องอกที่ต่อมใต้สมอง ฟังแล้วก็ตกใจมาก
ทำอะไรไม่ถูก เริ่มต้นด้วยการร้องไห้ก่อน -_-
แล้วก็เริ่มหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต
ปกติคนที่โปรแลคตินสูง จะมีหลาย ๆ อาการนะคะ
ของเรามาสังเกตตอนรู้ผลแล้ว ก็คือ หน้ามัน สิวขึ้น
(สิวแบบอักเสบ แล้วบีบไม่ออก ไม่ค่อยยุบด้วยอ่ะค่ะ 1-2 เม็ด สลับกันขึ้น)
รู้สึกว่าตามัว ๆ ต้องเอามือไปจับตาบ่อย ๆ
ตอนเช้าตื่นนอนเหมือนเห็นภาพซ้อน และอ้วนขึ้น
👉🏻 สัปดาห์ต่อมา
นัดกับคุณหมอเรื่องวางแผนการผ่าตัด
คุณหมอบอกว่าให้ผ่าตัดแบบส่องกล้อง
และเราก็สอบถามคุณหมอว่าที่เราเป็นอันตรายไหม
คุณหมอบอกว่า ก้อนเล็กเมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ อีกนะคะ
และเราก็แจ้งคุณหมอว่า เรามีโปรแลคตินสูงด้วยนะคะ
พร้อมกับยื่นผลตรวจจากคลีนิก
คุณหมอถามว่า ประจำเดือนมาปกติไหมคะ
เราบอกว่าปกติค่ะ
คุณหมอก็เลยบอกว่างั้นรักษาทีละเรื่องนะคะ
เย็นวันนี้คุณพยาบาลให้เราโทรนัดกับคุณหมอโรคเลือด
เผื่อเตรียมตัวเข้ารับการผ่าตัด
👉🏻 สามวันต่อมา
เข้าพบคุณหมอโรคเลือด คุณหมอใจดีมากๆ เลยนะคะ
(เรื่องนี้ขอไม่เล่านะคะ คุณหมอถามอะไรต่างๆ เยอะมาก ๆ)
คุณหมอแจ้งว่า สามารถผ่าตัดได้
ผ่านไปอีก 4 สัปดาห์ ก็ยังไม่มีการติดต่อใด ๆ จากโรงพยาบาล
ระหว่างนี้สิวก็ปูดไปเรื่อย ๆ อ้วนขึ้นไปเรื่อย ๆ
เราก็หาข้อมูลว่า โปรแลคตินสูง ส่งผลให้เป็น PCOS ได้อีก
👉🏻 กลางเดือน มี.ค. 64
ตัดสินใจโทรสอบถามโรงพยาบาล ว่าลืมเราไปรึเปล่า
สรุปว่าคงลืมเรา เพราะเรายังไม่มีคุณหมอเจ้าของไข้เลย
และได้นัดกับคุณหมอที่จะเป็นคนผ่าตัดส่องกล้องให้เราสัปดาห์หน้า
👉🏻 สัปดาห์ต่อมา
พบคุณหมอผ่าตัดส่องกล้อง พร้อมกับตรวจเลือดและร่างกายก่อนผ่าตัด
คุณหมออธิบายเกี่ยวกับการผ่าตัด แล้วก็อัลตร้าซาวด์อีกครั้ง
คุณหมอดูรังไข่ และบอกว่ามีถุงน้ำในรังไข่หลายใบนะ
สาเหตุที่มีบุตรยากน่าจะเป็น PCOS
เดี๋ยวคุณหมอมีบุตรยากจัดการเองเรื่อง PCOS
แต่ให้ระวัง เพราะมันจะพาเพื่อนมาด้วย เบาหวาน ความดัน
วันนี้ คุณพยาบาลแจ้งว่า ต้องกลับไปเจาะเลือดอีกครั้งนะคะ
คุณหมอคนก่อนเขียนไว้ว่าให้ตรวจโปรแลคติน
ให้เราไปเจาะเลือดแล้วกลับบ้านได้เลย
ร่างกายพร้อมสำหรับการผ่าตัด
👉🏻 วันต่อมา
คุณพยาบาลโทรมา พร้อมกับแจ้งว่า
โปรแลคตินสูงมากนะคะ 170+
คุณหมอแจ้งว่าให้กลับไปเจาะดูค่าไทรอยด์
เราจึงบอกว่าขอเป็นพรุ่งนี้นะคะ
แล้ววันถัดไปเราก็ไปเจาะดูค่าไทรอยด์
ผลเป็นปกติ (สบายใจหน่อย จะเป็นทุกโรคไม่ได้นะ)
และคุณหมอแจ้งว่าสันนิษฐานว่าจะมีเนื้องอกที่ต่อมใต้สมองนะคะ
ให้รีบไปทำ MRI ซึ่งคุณหมอก็เขียนให้ว่าด่วน
ระหว่างนี้ก็ให้ยา bromocriptine มาทาน
สัปดาห์แรก ครึ่งเม็ด และถัดไปเป็น 1 เม็ด
คุณหมอน่ารักมาก บอกว่าไม่ต้องห่วงนะคะ
ถ้ามีเนื้องอกที่ต่อมใต้สมองจริง ๆ การรักษาก็มีหลายแบบ
ไม่ต้องโกนผม ผ่าตัดแล้ว มีการผ่าตัดแบบส่องกล้องด้วย
พร้อมกับปลอบเราว่า ดีแล้วที่รู้เร็ว
👉🏻 ปลายเดือน มี.ค. 64
Mri ต่อมใต้สมอง
👉🏻 ต้นเดือน เม.ย. 64
โทรนัดฟังผล Mri แต่เรานัดคุณหมอผิดคน
(จริง ๆ ต้องนัดกับคุณหมอต่อมไร้ท่อ)
และคุณหมออีกคนที่เรานัดไว้ เลยอ่านผลให้คร่าวๆ
ว่าไม่ถึง 1 เซนติเมตร ยังไม่ต้องผ่าตัด
ให้เรารีบไปนัดกับคุณหมอต่อมไร้ท่อ
เรื่องมดลูกเอาไว้ก่อน ให้ไปหาคุณหมอต่อมไร้ท่อก่อน
ซึ่งก็คือวันถัดไป
👉🏻 วันต่อมา
คุณหมอต่อมไร้ท่อแจ้งว่า ปัญหาหลัก ๆ ของเรามี 3 เรื่อง
1. มีลูกยาก 2. มีโปรแลคติน 3. เนื้องอกมดลูก
คุณหมอบอกว่าเนื้องอกที่ต่อมใต้สมองคงจะไม่หายไป
แต่คงโตขึ้นไม่มาก ให้ทานยา bromocriptine ไปก่อน
โดยใช้ยาขนาดเดิม อีกสองเดือน ก็มาตรวจใหม่
(หลังจากกินยาไปสัปดาห์แรกอาการตามัวๆ ของเราหายไปแล้วนะคะ)
ตอนนี้ใจไม่ดีแล้ว คือ กลัวเนื้องอกที่ต่อมใต้สมองไม่ยุบ
แต่มีเรื่องดีดี คือ คุณหมอแจ้งว่าผนังมดลูกเรียบสวยดี
เนื้องอกที่มดลูกอยู่ผิวด้านนอกมดลูก ^_^
ตอนนี้เนื้องอกที่มดลูกเกือบ 4 เซนติเมตรแล้วนะคะ
(เคยไปอ่านบทความคุณหมอคนนึง เค้าบอกว่าให้มองโลกในแง่ดี ถ้าเนื้องอกมันโตขึ้น
คุณหมอก็มีวิธีรักษาอยู่ดี)
👉🏻 กลางเดือน พ.ค. 64
กลับไปหาคุณหมอต่อมไร้ท่อ คุณหมอแจ้งว่า
โปรแลคตินลดลงแล้ว เหลือประมาณ 50+
แต่ยังให้ทานยาเท่าเดิม คุณหมอขอดูผลต่ออีกหน่อย
นัดอีกครั้ง 6 เดือน
(คุณหมอบอกว่า ครบ 1 ปี แล้วค่อยไปทำ MRI อีกครั้ง)
ส่วนเนื้องอกมดลูก คุณหมอบอกว่าขนาดพอ ๆ เดิม
ถ้าใหญ่แบบรวดเร็วจะต้องผ่าตัดเปิดหน้าท้อง เพราะอาจจะเป็นมะเร็ง
(คุณหมอต่อมไร้ท่อเป็นสูตินรีเวชด้วยค่ะ)
ระหว่างนี้ หน้าเราก็สิวลดลงนะคะ
น้ำหนักไม่ค่อยขึ้นแล้ว ประจำเดือนยังไม่ค่อยปกติเท่าไหร่
รอบประมาณ 27 - 30 วัน
(คือเราอยากให้แบบเป๊ะๆ เลย ทุก 28 วัน อะไรทำนองนั้น)
อาการตามัว ภาพซ้อน ไม่มีแล้วค่ะ
ตอนนี้ยังคงรอคิวผ่าตัดเนื้องงอกมดลูกต่อไป
เพราะสถานการณ์โควิด เราจึงยังไม่มีคิวผ่าตัด
สรุปนะคะ
1. มีบุตรยาก จึงไปหาหมอ
2. พบเนื้องอกมดลูก ตอนนี้ 4 เซนติเมตร
3. ผลเลือดพบว่าโปรแลคตินสูง สาเหตุจากเนื้องอกต่อมใต้สมอง
(อาการคือตามัว เห็นภาพซ้อนตอนเช้า สิวขึ้น น้ำหนักขึ้น)
4. ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการรักษา
วัตถุประสงค์ของการเขียนก็เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ค่ะ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านได้บ้างนะคะ
และจะมา Update เมื่อรับการรักษาเพิ่มเติมนะคะ
ป.ล. ขอบคุณสามีผู้มองโลกในแง่ดี
คอยปลอบเราด้วยคำว่า ดีแล้วที่ไปหาหมอเร็ว
ถ้ายังไม่คิดจะมีลูก ยังคงไม่รู้หรอกว่าเรามีความผิดปกติ
ขอบคุณกำลังใจจากครอบครัว ญาติ และเพื่อน ๆ ทุกคนค่ะ
เมื่อฉันมีบุตรยาก เนื่องจากเนื้องอกมดลูก และเนื้องอกต่อมใต้สมอง
👉🏻 ปลายปี พ.ศ. 2560 แต่งงาน - กลางปี พ.ศ. 2563
ช่วงนี้ยังไม่คิดเรื่องมีลูก ก็เลยทำงานไป เที่ยวเล่นไปเรื่อย ๆ
จนความคิดแว่ปนึงก็เข้ามาในหัวว่า เราอายุ 33 แล้วนะ
ควรจะคิดมีลูกแล้วไหม (แฟนอายุ 38)
หลังจากนั้น ผ่านไปถึงเกือบปลายปี พ.ศ. 2563
ก็ไม่มีลูกซักที....
(ที่ตรวจไข่ ที่ตรวจครรภ์ ซื้อมาครบเลยนะคะ ทั้งแบบกระดาษ แบบดิจิตอล)
👉🏻 เริ่มเข้ารับการตรวจภายใน ธ.ค. 2563
คุณหมอบอกว่าปกติ (ตอนนั้นก็คิดว่า คุณหมอตรวจแค่นี้จะรู้ได้ยังไง)
คุณหมอสอบถามเรื่องรอบเวลามีประจำเดือน
ซึ่งเราบอกว่า ปกติแล้วจะมาทุก 30 - 32 วัน แต่รอบนี้นานหน่อยค่ะ 37 วันแล้ว ยังไม่มา
คุณหมอจะให้กินยาเร่งประจำเดือน
แต่เรายืนยันว่ายังไงประจำเดือนก็จะมาแน่นอน เนื่องจากว่าก่อนมีประจำเดือนประมาณ 7-10 วัน เราจะมีมูกไข่ตก
(เรื่องนี้เป็นอีกสาเหตุนึงที่เราเข้ารับการรักษา เพราะตามปกติแล้ว
มูกไข่ตก จะต้องมาในวันที่ไข่ตก และประจำเดือนจะมาหลังจากไข่ตก 14 วัน)
แต่ของเราผิดปกติ !!
คุณหมอบอกว่าในขั้นแรกจะให้ยากระตุ้นไข่ตกมาทานก่อน 5 เม็ด
(วิธีทานจำไม่ได้แล้วนะคะ) และควรมาอัลตร้าซาวด์ เพื่อดูว่าไข่ตกที่โรงพยาบาล
เพราะที่คลีนิกไม่มีเครื่องอัลตร้าซาวด์ แต่เราไม่สามารถไปได้ เนื่องจากว่าเราทำงานอยู่อีกจังหวัดนึง
คุณหมอจึงให้สังเกตดูเองประมาณช่วงวันที่ 14-16 ของรอบเดือน
หลังจากทานยากระตุ้นไข่ตกไป
รอบเดือนของเดือน ธ.ค. 63 - ม.ค. 64 เป็น 24 วัน
และรอบเดือน ม.ค. - ก.พ. เป็น 25 วัน
👉🏻 ก.พ. 64
เราจึงตัดสินใจไปหาหมออีกครั้ง ที่คลีนิกแห่งใหม่ที่มีเครื่องอัลตร้าซาวด์
แต่จุดประสงค์ของเราไม่ได้ไปอัลตร้าซาวด์ แต่ไปเพื่อจะตรวจฮอร์โมน
(ทราบมาว่า การจะตรวจฮอร์โมนจะต้องตรวจภายใน 3 วันแรกของการมีประจำเดือน)
คุณหมอที่คลีนิกแห่งใหม่นี้ บอกว่าไม่เคยตรวจฮอร์โมนแบบที่เราพูดมาก่อนเลย
คุณหมอแนะนำให้ซื้อคอร์สก่อนตั้งครรภ์ ตรวจเลือด และตรวจการทำงานของรังไข่
เริ่มจากเจาะเลือด ตรวจอัลตร้าซาวด์
คุณหมอบอกว่า คุณมีเนื้องอกนะ ประมาณ 3 เซนติเมตร
จะต้องดูแนวทางอีกครั้ง ว่าจะมีบุตรไปพร้อมเนื้องอก หรือควรผ่าตัดออกก่อน
กลับบ้านไปพร้อมกับนอนไม่หลับ
👉🏻 วันต่อมา
เราโทรเล่าให้แม่ฟัง แล้วเราตัดสินใจโทรไปนัดโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง.
เพื่อรักษาตัวและปรึกษามีบุตรยากไปเลยทีเดียว
ช่วงนี้ก็จะกังวล และนอนไม่หลับหน่อย ๆ
👉🏻 สัปดาห์ต่อมา
ถึงวันที่มีนัดกับคุณหมอมีบุตรยาก
คุณหมออัลตร้าซาวด์ พร้อมกับถามว่าเคยผ่าตัดไหม
มีเนื้องอกนะ ให้ไปผ่าตัดส่งชิ้นเนื้อไปตรวจก่อน
แล้วค่อยกลับมาปรึกษาเรื่องมีบุตรยาก
คุณหมอพูดน้อยมาก พอฟังเรายิ่งกลัว
เย็นนั้น เราก็โทรนัดกับแผนกสูติ เพื่อรักษาตัวก่อน
คุณพยาบาลที่ทำนัดก็พูดออกมาอีกว่า
"จะมีลูกได้ไหมนี่" เรายิ่งฟังยิ่งกังวล
สรุปคืนนี้นอนไม่หลับ >_<
👉🏻 วันต่อมา
ผลเลือดที่ไปตรวจที่คลีนิกออก
ทุกอย่างดูปกติ ยกเว้นฮอร์โมนโปรแลคตินสูง 130
(คนธรรมดาไม่เกิน 25 หน่วยวัดจำไม่ได้นะคะ)
คุณหมอแจ้งว่าให้เข้ารับการรักษาด้วยอาจเป็นไปได้ว่า
มีเนื้องอกที่ต่อมใต้สมอง ฟังแล้วก็ตกใจมาก
ทำอะไรไม่ถูก เริ่มต้นด้วยการร้องไห้ก่อน -_-
แล้วก็เริ่มหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต
ปกติคนที่โปรแลคตินสูง จะมีหลาย ๆ อาการนะคะ
ของเรามาสังเกตตอนรู้ผลแล้ว ก็คือ หน้ามัน สิวขึ้น
(สิวแบบอักเสบ แล้วบีบไม่ออก ไม่ค่อยยุบด้วยอ่ะค่ะ 1-2 เม็ด สลับกันขึ้น)
รู้สึกว่าตามัว ๆ ต้องเอามือไปจับตาบ่อย ๆ
ตอนเช้าตื่นนอนเหมือนเห็นภาพซ้อน และอ้วนขึ้น
👉🏻 สัปดาห์ต่อมา
นัดกับคุณหมอเรื่องวางแผนการผ่าตัด
คุณหมอบอกว่าให้ผ่าตัดแบบส่องกล้อง
และเราก็สอบถามคุณหมอว่าที่เราเป็นอันตรายไหม
คุณหมอบอกว่า ก้อนเล็กเมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ อีกนะคะ
และเราก็แจ้งคุณหมอว่า เรามีโปรแลคตินสูงด้วยนะคะ
พร้อมกับยื่นผลตรวจจากคลีนิก
คุณหมอถามว่า ประจำเดือนมาปกติไหมคะ
เราบอกว่าปกติค่ะ
คุณหมอก็เลยบอกว่างั้นรักษาทีละเรื่องนะคะ
เย็นวันนี้คุณพยาบาลให้เราโทรนัดกับคุณหมอโรคเลือด
เผื่อเตรียมตัวเข้ารับการผ่าตัด
👉🏻 สามวันต่อมา
เข้าพบคุณหมอโรคเลือด คุณหมอใจดีมากๆ เลยนะคะ
(เรื่องนี้ขอไม่เล่านะคะ คุณหมอถามอะไรต่างๆ เยอะมาก ๆ)
คุณหมอแจ้งว่า สามารถผ่าตัดได้
ผ่านไปอีก 4 สัปดาห์ ก็ยังไม่มีการติดต่อใด ๆ จากโรงพยาบาล
ระหว่างนี้สิวก็ปูดไปเรื่อย ๆ อ้วนขึ้นไปเรื่อย ๆ
เราก็หาข้อมูลว่า โปรแลคตินสูง ส่งผลให้เป็น PCOS ได้อีก
👉🏻 กลางเดือน มี.ค. 64
ตัดสินใจโทรสอบถามโรงพยาบาล ว่าลืมเราไปรึเปล่า
สรุปว่าคงลืมเรา เพราะเรายังไม่มีคุณหมอเจ้าของไข้เลย
และได้นัดกับคุณหมอที่จะเป็นคนผ่าตัดส่องกล้องให้เราสัปดาห์หน้า
👉🏻 สัปดาห์ต่อมา
พบคุณหมอผ่าตัดส่องกล้อง พร้อมกับตรวจเลือดและร่างกายก่อนผ่าตัด
คุณหมออธิบายเกี่ยวกับการผ่าตัด แล้วก็อัลตร้าซาวด์อีกครั้ง
คุณหมอดูรังไข่ และบอกว่ามีถุงน้ำในรังไข่หลายใบนะ
สาเหตุที่มีบุตรยากน่าจะเป็น PCOS
เดี๋ยวคุณหมอมีบุตรยากจัดการเองเรื่อง PCOS
แต่ให้ระวัง เพราะมันจะพาเพื่อนมาด้วย เบาหวาน ความดัน
วันนี้ คุณพยาบาลแจ้งว่า ต้องกลับไปเจาะเลือดอีกครั้งนะคะ
คุณหมอคนก่อนเขียนไว้ว่าให้ตรวจโปรแลคติน
ให้เราไปเจาะเลือดแล้วกลับบ้านได้เลย
ร่างกายพร้อมสำหรับการผ่าตัด
👉🏻 วันต่อมา
คุณพยาบาลโทรมา พร้อมกับแจ้งว่า
โปรแลคตินสูงมากนะคะ 170+
คุณหมอแจ้งว่าให้กลับไปเจาะดูค่าไทรอยด์
เราจึงบอกว่าขอเป็นพรุ่งนี้นะคะ
แล้ววันถัดไปเราก็ไปเจาะดูค่าไทรอยด์
ผลเป็นปกติ (สบายใจหน่อย จะเป็นทุกโรคไม่ได้นะ)
และคุณหมอแจ้งว่าสันนิษฐานว่าจะมีเนื้องอกที่ต่อมใต้สมองนะคะ
ให้รีบไปทำ MRI ซึ่งคุณหมอก็เขียนให้ว่าด่วน
ระหว่างนี้ก็ให้ยา bromocriptine มาทาน
สัปดาห์แรก ครึ่งเม็ด และถัดไปเป็น 1 เม็ด
คุณหมอน่ารักมาก บอกว่าไม่ต้องห่วงนะคะ
ถ้ามีเนื้องอกที่ต่อมใต้สมองจริง ๆ การรักษาก็มีหลายแบบ
ไม่ต้องโกนผม ผ่าตัดแล้ว มีการผ่าตัดแบบส่องกล้องด้วย
พร้อมกับปลอบเราว่า ดีแล้วที่รู้เร็ว
👉🏻 ปลายเดือน มี.ค. 64
Mri ต่อมใต้สมอง
👉🏻 ต้นเดือน เม.ย. 64
โทรนัดฟังผล Mri แต่เรานัดคุณหมอผิดคน
(จริง ๆ ต้องนัดกับคุณหมอต่อมไร้ท่อ)
และคุณหมออีกคนที่เรานัดไว้ เลยอ่านผลให้คร่าวๆ
ว่าไม่ถึง 1 เซนติเมตร ยังไม่ต้องผ่าตัด
ให้เรารีบไปนัดกับคุณหมอต่อมไร้ท่อ
เรื่องมดลูกเอาไว้ก่อน ให้ไปหาคุณหมอต่อมไร้ท่อก่อน
ซึ่งก็คือวันถัดไป
👉🏻 วันต่อมา
คุณหมอต่อมไร้ท่อแจ้งว่า ปัญหาหลัก ๆ ของเรามี 3 เรื่อง
1. มีลูกยาก 2. มีโปรแลคติน 3. เนื้องอกมดลูก
คุณหมอบอกว่าเนื้องอกที่ต่อมใต้สมองคงจะไม่หายไป
แต่คงโตขึ้นไม่มาก ให้ทานยา bromocriptine ไปก่อน
โดยใช้ยาขนาดเดิม อีกสองเดือน ก็มาตรวจใหม่
(หลังจากกินยาไปสัปดาห์แรกอาการตามัวๆ ของเราหายไปแล้วนะคะ)
ตอนนี้ใจไม่ดีแล้ว คือ กลัวเนื้องอกที่ต่อมใต้สมองไม่ยุบ
แต่มีเรื่องดีดี คือ คุณหมอแจ้งว่าผนังมดลูกเรียบสวยดี
เนื้องอกที่มดลูกอยู่ผิวด้านนอกมดลูก ^_^
ตอนนี้เนื้องอกที่มดลูกเกือบ 4 เซนติเมตรแล้วนะคะ
(เคยไปอ่านบทความคุณหมอคนนึง เค้าบอกว่าให้มองโลกในแง่ดี ถ้าเนื้องอกมันโตขึ้น
คุณหมอก็มีวิธีรักษาอยู่ดี)
👉🏻 กลางเดือน พ.ค. 64
กลับไปหาคุณหมอต่อมไร้ท่อ คุณหมอแจ้งว่า
โปรแลคตินลดลงแล้ว เหลือประมาณ 50+
แต่ยังให้ทานยาเท่าเดิม คุณหมอขอดูผลต่ออีกหน่อย
นัดอีกครั้ง 6 เดือน
(คุณหมอบอกว่า ครบ 1 ปี แล้วค่อยไปทำ MRI อีกครั้ง)
ส่วนเนื้องอกมดลูก คุณหมอบอกว่าขนาดพอ ๆ เดิม
ถ้าใหญ่แบบรวดเร็วจะต้องผ่าตัดเปิดหน้าท้อง เพราะอาจจะเป็นมะเร็ง
(คุณหมอต่อมไร้ท่อเป็นสูตินรีเวชด้วยค่ะ)
ระหว่างนี้ หน้าเราก็สิวลดลงนะคะ
น้ำหนักไม่ค่อยขึ้นแล้ว ประจำเดือนยังไม่ค่อยปกติเท่าไหร่
รอบประมาณ 27 - 30 วัน
(คือเราอยากให้แบบเป๊ะๆ เลย ทุก 28 วัน อะไรทำนองนั้น)
อาการตามัว ภาพซ้อน ไม่มีแล้วค่ะ
ตอนนี้ยังคงรอคิวผ่าตัดเนื้องงอกมดลูกต่อไป
เพราะสถานการณ์โควิด เราจึงยังไม่มีคิวผ่าตัด
สรุปนะคะ
1. มีบุตรยาก จึงไปหาหมอ
2. พบเนื้องอกมดลูก ตอนนี้ 4 เซนติเมตร
3. ผลเลือดพบว่าโปรแลคตินสูง สาเหตุจากเนื้องอกต่อมใต้สมอง
(อาการคือตามัว เห็นภาพซ้อนตอนเช้า สิวขึ้น น้ำหนักขึ้น)
4. ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการรักษา
วัตถุประสงค์ของการเขียนก็เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ค่ะ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านได้บ้างนะคะ
และจะมา Update เมื่อรับการรักษาเพิ่มเติมนะคะ
ป.ล. ขอบคุณสามีผู้มองโลกในแง่ดี
คอยปลอบเราด้วยคำว่า ดีแล้วที่ไปหาหมอเร็ว
ถ้ายังไม่คิดจะมีลูก ยังคงไม่รู้หรอกว่าเรามีความผิดปกติ
ขอบคุณกำลังใจจากครอบครัว ญาติ และเพื่อน ๆ ทุกคนค่ะ