สวัสดีครับ ตอนนี้ขี้เกียจจำแล้วว่านี่กระทู้ที่เท่าไร แต่ตอนนี้ไม่สำคัญแล้ว
เพราะปัญหาคราวนี้มันสำคัญกว่า
ขอเกริ่นก่อนนะครับ
คือผมเนี่ยอยู่กับรูมเมทอีก 2 คน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกัน บอกตรงๆว่าเราแทบไม่มีปัญหาในการอยู่ร่วมกันเลย ดังนั้นพวกเราก็ถือว่าเป็นส่วนน้อยละกันที่อยู่กับเพื่อนเก่าแล้วโอเค (เคยเห็นมาเยอะ พวกอยู่กับเพื่อนแล้วไปไม่รอด ตอนแรกผมก็หวั่นๆนะ แต่ตอนนี้โอเคมาก)
พวกเราอยู่หอนอกแบบทาวน์เฮาส์ คือเป็นชั้นๆ 2 ชั้นอาศัย ราคา 5,500 บาท มีค่าเน็ตประมาณ 630 บาท ไม่นับค่าไฟ ค่าน้ำที่ไม่แน่นอน (แต่ไฟหลวง เลยราคาถูกกว่าราคากำหนดของหอ)และค่าโทรศัพท์
เราแชร์ค่าหอกันก็คนละ 1,800 บาท แต่จะมีคนนึงจ่าย 1,900 ก็เลยผลัดกันวนว่าใครจะจ่ายเยอะกว่าเพื่อนในเดือนนั้น ซึ่งก็เป็นปกติ และพวกเราไม่ได้มีปัญหาอะไร
ช่วงนี้เป็นช่วงโควิดระบาดอีกรอบนึง ทำให้ทางมหาวิทยาลัยต้องให้เรียนออนไลน์ แต่ผมกับเพื่อนคนนึงนั้นยังอยู่ที่หอครับ ส่วนอีกคนเนี่ยโดนทางครอบครัวให้กลับมาเรียนที่บ้าน ทำให้นอกจากค่าห้องและค่าเน็ตที่มีชื่อลงไว้ เราสองคนก็จะจ่ายเพิ่มกว่าเดิม
ปัญหาคือตอนนี้ทางครอบครัวของเพื่อนคนนั้นเค้าอยากจะยกเลิกหอ เพราะว่าไม่อยากจ่ายค่าห้องที่ลูกตัวเองไม่ได้อยู่ และมันก็ครบรอบเวลามัดจำด้วยแล้ว นั่นเท่ากับว่าเค้าสามารถยกเลิกการอยู่หอได้เลย
บอกตามตรงว่า ไม่รู้จะเอาข้อมูลอะไรไปช่วยโน้มน้าวใจฝั่งครอบครัวเค้า คือผมรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนคนนี้ไม่อยากยกเลิกหอ และไม่อยากอยู่กับครอบครัวด้วย เพราะด้วยความที่สนิทกันมานาน ก็เลยรู้ว่ามีปัญหากับครอบครัวบ่อยมาก เงินเดือนแต่ละครั้งตอนที่เค้าอยู่หอก็น้อยแบบกะไม่ให้มีเงินเกินพอที่จะไปซื้อของกินเพิ่มเติม แล้วตอนนี้เค้าก็มาเอาของส่วนตัวกลับไปแล้วส่วนนึง ยังเหลืออีกส่วนนึงที่เพื่อนยังทิ้งไว้ที่หอ
ทีนี้ความวิตกกังวลก็เกิดกับพวกผมสองคนครับ เพราะถ้าเค้ายกเลิกหอจริง นั่นเท่ากับค่าใช้จ่ายของผมและเพื่อนอีกคนจะต้องเปลี่ยนแปลงเลย ค่าใช้จ่ายจะเยอะขึ้น เพราะสำหรับพวกเราแล้ว ตอนเราหาหอ เราหาหอที่อยู่ 3 คนได้ สบายบรื๋อ แบ่งค่าใช้จ่ายโอเค ถ้าเกิดว่าหายไปคนนึง แบบนั้นเหมือนผมกับเพื่อนอาจจะต้องจ่ายเยอะกว่าตอนอยู่หอคนเดียวอีกมั้งเนี่ย
อีกเรื่องนึงคือพวกเราอาจเสียเพื่อนคนเนี่ยไปเลย พวกเราไม่ได้ทำตัวแย่ใส่กัน แต่เพราะสถานการณ์มันพาไป แล้วเอาจริงๆในอีก 3 เดือนทางมหาลัยก็จะมีมติให้สามารถเรียนที่ตั้งได้หากสถานการณ์ดีขึ้น นั่นเท่ากับเพื่อนคนนั้นแทบจะต้องเริ่มต้นจาก 0 อีกครั้งหากได้กลับมาเรียนที่มหาลัยในการหาหออีกรอบ
และบอกตรงๆว่าครอบครัวของผมจะเกลียดเพื่อนคนนี้ไปเลย เค้าเคยมีปัญหากับทางครอบครัว ทำให้เงินค่าห้องมาช้ากว่าปกติ ตอนนั้นผมเลยต้องควักส่วนเกินของตัวเองมาจ่ายแทนก่อน แล้วพอครอบครัวผมรู้เรื่องนี้ก็แทบจะไม่ไว้ใจเค้าเลย กลัวเค้าจะเบี้ยวแล้วจากไป แต่ผมรู้ว่าเค้าไม่ใช่คนไม่ดี แต่กำลังโดนสถานการณ์กับครอบครัวบังคับ
ตอนนี้น่าจะมีแค่ผมมั้งที่เครียดมากๆ ส่วนเพื่อนอีกคนก็พยายามปลอบใจด้วยกันว่ายังไงเค้าก็ยังไม่ยกเลิกหอ เพราะเพื่อนเค้ากำลังเจรจากับครอบครัวอยู่ ผมก็ได้แต่หวังว่ามันจะออกมาเป็นแบบนั้น เพราะถ้าเกิดครอบครัวผมรู้เรื่องเข้า นอกจากเพื่อนของผมจะไม่ได้รับความไว้วางใจจากครอบครัวผมแล้ว ผมยังอาจโดนเรียกตัวกลับมาเรียนที่บ้าน คือบ้านผมเนี่ยไม่มีปัญหาหรอกถ้าจะกลับไป แต่เพื่อนอีกคนเค้าบอกตรงๆเลยว่า ยังไงให้อดทนอยู่ที่หอยังดีกว่ากลับไปบ้าน ไม่สิ ไม่ใช่บ้าน แต่เป็นห้องเช่า ไร้ซึ่งความเป็นส่วนตัว และแคบมาก แบบห้องเช่าเก่าๆเลยครับ
ผมควรจะทำไงดีครับ ถ้าให้คำตอบไม่ได้ก็เปลี่ยนเป็นขอกำลังใจแทนนะครับ
และก็ขอให้ทุกคนปลอดภัย ไม่ติดโควิด ได้ฉีดวัคซีนคุณภาพ และมีชีวิตที่มีความสุขนะครับ
รูมเมทของผมกำลังจะโดนให้ยกเลิกการอยู่หอจากครอบครัว ทำยังไงดีครับ
เพราะปัญหาคราวนี้มันสำคัญกว่า
ขอเกริ่นก่อนนะครับ
คือผมเนี่ยอยู่กับรูมเมทอีก 2 คน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกัน บอกตรงๆว่าเราแทบไม่มีปัญหาในการอยู่ร่วมกันเลย ดังนั้นพวกเราก็ถือว่าเป็นส่วนน้อยละกันที่อยู่กับเพื่อนเก่าแล้วโอเค (เคยเห็นมาเยอะ พวกอยู่กับเพื่อนแล้วไปไม่รอด ตอนแรกผมก็หวั่นๆนะ แต่ตอนนี้โอเคมาก)
พวกเราอยู่หอนอกแบบทาวน์เฮาส์ คือเป็นชั้นๆ 2 ชั้นอาศัย ราคา 5,500 บาท มีค่าเน็ตประมาณ 630 บาท ไม่นับค่าไฟ ค่าน้ำที่ไม่แน่นอน (แต่ไฟหลวง เลยราคาถูกกว่าราคากำหนดของหอ)และค่าโทรศัพท์
เราแชร์ค่าหอกันก็คนละ 1,800 บาท แต่จะมีคนนึงจ่าย 1,900 ก็เลยผลัดกันวนว่าใครจะจ่ายเยอะกว่าเพื่อนในเดือนนั้น ซึ่งก็เป็นปกติ และพวกเราไม่ได้มีปัญหาอะไร
ช่วงนี้เป็นช่วงโควิดระบาดอีกรอบนึง ทำให้ทางมหาวิทยาลัยต้องให้เรียนออนไลน์ แต่ผมกับเพื่อนคนนึงนั้นยังอยู่ที่หอครับ ส่วนอีกคนเนี่ยโดนทางครอบครัวให้กลับมาเรียนที่บ้าน ทำให้นอกจากค่าห้องและค่าเน็ตที่มีชื่อลงไว้ เราสองคนก็จะจ่ายเพิ่มกว่าเดิม
ปัญหาคือตอนนี้ทางครอบครัวของเพื่อนคนนั้นเค้าอยากจะยกเลิกหอ เพราะว่าไม่อยากจ่ายค่าห้องที่ลูกตัวเองไม่ได้อยู่ และมันก็ครบรอบเวลามัดจำด้วยแล้ว นั่นเท่ากับว่าเค้าสามารถยกเลิกการอยู่หอได้เลย
บอกตามตรงว่า ไม่รู้จะเอาข้อมูลอะไรไปช่วยโน้มน้าวใจฝั่งครอบครัวเค้า คือผมรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนคนนี้ไม่อยากยกเลิกหอ และไม่อยากอยู่กับครอบครัวด้วย เพราะด้วยความที่สนิทกันมานาน ก็เลยรู้ว่ามีปัญหากับครอบครัวบ่อยมาก เงินเดือนแต่ละครั้งตอนที่เค้าอยู่หอก็น้อยแบบกะไม่ให้มีเงินเกินพอที่จะไปซื้อของกินเพิ่มเติม แล้วตอนนี้เค้าก็มาเอาของส่วนตัวกลับไปแล้วส่วนนึง ยังเหลืออีกส่วนนึงที่เพื่อนยังทิ้งไว้ที่หอ
ทีนี้ความวิตกกังวลก็เกิดกับพวกผมสองคนครับ เพราะถ้าเค้ายกเลิกหอจริง นั่นเท่ากับค่าใช้จ่ายของผมและเพื่อนอีกคนจะต้องเปลี่ยนแปลงเลย ค่าใช้จ่ายจะเยอะขึ้น เพราะสำหรับพวกเราแล้ว ตอนเราหาหอ เราหาหอที่อยู่ 3 คนได้ สบายบรื๋อ แบ่งค่าใช้จ่ายโอเค ถ้าเกิดว่าหายไปคนนึง แบบนั้นเหมือนผมกับเพื่อนอาจจะต้องจ่ายเยอะกว่าตอนอยู่หอคนเดียวอีกมั้งเนี่ย
อีกเรื่องนึงคือพวกเราอาจเสียเพื่อนคนเนี่ยไปเลย พวกเราไม่ได้ทำตัวแย่ใส่กัน แต่เพราะสถานการณ์มันพาไป แล้วเอาจริงๆในอีก 3 เดือนทางมหาลัยก็จะมีมติให้สามารถเรียนที่ตั้งได้หากสถานการณ์ดีขึ้น นั่นเท่ากับเพื่อนคนนั้นแทบจะต้องเริ่มต้นจาก 0 อีกครั้งหากได้กลับมาเรียนที่มหาลัยในการหาหออีกรอบ
และบอกตรงๆว่าครอบครัวของผมจะเกลียดเพื่อนคนนี้ไปเลย เค้าเคยมีปัญหากับทางครอบครัว ทำให้เงินค่าห้องมาช้ากว่าปกติ ตอนนั้นผมเลยต้องควักส่วนเกินของตัวเองมาจ่ายแทนก่อน แล้วพอครอบครัวผมรู้เรื่องนี้ก็แทบจะไม่ไว้ใจเค้าเลย กลัวเค้าจะเบี้ยวแล้วจากไป แต่ผมรู้ว่าเค้าไม่ใช่คนไม่ดี แต่กำลังโดนสถานการณ์กับครอบครัวบังคับ
ตอนนี้น่าจะมีแค่ผมมั้งที่เครียดมากๆ ส่วนเพื่อนอีกคนก็พยายามปลอบใจด้วยกันว่ายังไงเค้าก็ยังไม่ยกเลิกหอ เพราะเพื่อนเค้ากำลังเจรจากับครอบครัวอยู่ ผมก็ได้แต่หวังว่ามันจะออกมาเป็นแบบนั้น เพราะถ้าเกิดครอบครัวผมรู้เรื่องเข้า นอกจากเพื่อนของผมจะไม่ได้รับความไว้วางใจจากครอบครัวผมแล้ว ผมยังอาจโดนเรียกตัวกลับมาเรียนที่บ้าน คือบ้านผมเนี่ยไม่มีปัญหาหรอกถ้าจะกลับไป แต่เพื่อนอีกคนเค้าบอกตรงๆเลยว่า ยังไงให้อดทนอยู่ที่หอยังดีกว่ากลับไปบ้าน ไม่สิ ไม่ใช่บ้าน แต่เป็นห้องเช่า ไร้ซึ่งความเป็นส่วนตัว และแคบมาก แบบห้องเช่าเก่าๆเลยครับ
ผมควรจะทำไงดีครับ ถ้าให้คำตอบไม่ได้ก็เปลี่ยนเป็นขอกำลังใจแทนนะครับ
และก็ขอให้ทุกคนปลอดภัย ไม่ติดโควิด ได้ฉีดวัคซีนคุณภาพ และมีชีวิตที่มีความสุขนะครับ