💞 แค้นรักสลับชะตา 💞 ละครดีที่ไม่ชมไม่ได้

สิบสามตอนผ่านไป ไม่อยากใช้คำว่าไวเหมือนโกหกเลย แต่ไม่รู้จะใช้คำไหนให้เหมาะกว่านี้แล้ว เพราะตั้งแต่วันแรกที่ดู ep1 
จนถึงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ep13 เหมือนเพิ่งผ่านไปแป๊บเดียวจริงๆ รวมถึงทุกๆ วันที่นั่งดูสด พอเพลงไตเติ้ลจบละครมา 
จากนั้นแว่บเดียวเท่านั้นสี่ทุ่มสี่ทุ่มครึ่งแล้ว (เผลอหลับ!! หยอกเย้า  ไม่ช่ายยยย 🤣🤣🤣) 
คือละครมันสนุกมากจริงๆ ไม่มีซีนยืดเยื้อน่าเบื่อ ซีนลากฆ่าเวลาไร้เหตุผล ดูไปเวลาเลยผ่านไปเร็วมาก 

ชอบที่สุดคือพล็อตกับการดำเนินเรื่องที่ผูกเงื่อน ซ่อนปม ผูกทับอีกชั้น คลายปมด้านบนให้เห็นปมด้านล่างแว่บๆ แล้วผูกปมใหม่ทับรัวๆ 
แล้วค่อยรอไปคลายอีกรอบ ทำให้ได้ลุ้นทุกตอนว่าวันนี้จะมีบอกใบ้คลายปมหรือเราจะได้เจอปมใหม่ทับเข้าไปแทน และในช่วงหลังๆ แม้จะพอคาดเดา
ความเป็นมาของเรื่องราวในอดีตได้แล้ว ก็ยังเดาไม่ถูกว่าอนาคตเรื่องจะคลี่คลายไปทางไหน เดาไม่ถูกว่าตัวละครไหนจะได้รู้ความจริงเรื่องไหนวิธีไหน
จะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับเรื่องที่ได้รู้อย่างไร หรือปมไหนจะรู้กันหมดปมไหนจะเก็บเป็นความลับที่รู้แค่บางคนต่อไป ไหนจะปมเรื่องปัจจุบันที่ขันเกลียว
ตามกันมาติดๆ ให้ได้ลุ้นหืดขึ้นคอทุกตอน 

(เพื่อความยุติธรรม ก็ขอยอมรับว่าช่วงต้นเรื่องมีช่วงที่ชวนให้รู้สึกขัดใจการกระทำตัวละครอยู่นิดนึงเหมือนกัน ตอนที่เตชพยายามเที่ยวบอกใครต่อใคร
ว่าผมคือเตช ซ้ำๆ วนๆ ทั้งที่หน้าปะยี่ห้อวัทอยู่เต็มหน้า โดยไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติมที่ชัดเจนกว่านั้นเลย ถ้าตัวละครมีพื้นฐานทั่วไป ก็จะพอเข้าใจว่า
ทำอะไรไม่ถูกสติแตก แต่พอปูพื้นฐานมาว่าตัวละครเตชเป็นนักบิน เราเลยคาดหวังเขาจะมีสติที่นิ่ง มีการประมวลผลคิดหากระบวนการแก้ปัญหาที่เป็น
ขั้นตอนกว่านี้ แต่ก็ว่าไม่ได้หรอก ถ้าเรื่องมันเหนือธรรมชาติมากๆ นักบินก็อาจสติแตกได้เหมือนกันล่ะมั้ง ...แต่ก็ถือว่าเป็นส่วนเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับ
ส่วนอื่นของเรื่อง และโดยเฉพาะเมื่อพ้นจากช่วงนั้นไปแล้ว พอมีจินนี่ มีเพื่อนนุเชื่อเรื่องสลับร่างแล้ว เรื่องราวก็เดินต่อฉิวๆ ไม่วกวนอีก)

นอกจากปมและพล็อตเรื่องแล้ว อีกส่วนที่ต้องขอชมคือ การวางคาแรกเตอร์ตัวละคร บุคลิก นิสัยใจคอ พื้นฐานชีวิต(background)ตัวละคร
ที่ส่งผลต่อพฤติกรรม การตัดสินใจในสถานการณ์ต่างๆ ในเรื่องที่ค่อนข้างมีความสมจริง มีความเป็นไปได้ทางจิตวิทยา 
อย่างจินนี่ที่มีภศวรรษเป็นแฟนที่ค่อนข้างเป็น toxic relationship แต่ทำไมจินนี่ถึงอยู่ทนทนอยู่กับวัทเหลือเกิน (ตั้งสี่ปีเลยนะก่อนที่วัทจะ
กลายเป็นเตชที่แสนดี) พอเราได้เห็นฉากแฟลชแบคจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ ได้รู้แบคกราวนด์ของจินนี่ที่มีแม่กับพี่ชาย..คนในครอบครัวที่ควร
ให้ความรักห่วงใยดูแลกัน แต่ทั้งคู่กลับเป็นคนที่จินนี่ต้องดูแลและคอยแต่เรียกร้องกอบโกยโดยไม่เคยสนใจไถ่ถามทุกข์สุขของลูกสาว/น้องสาว
วัทที่ก้าวเข้ามาและจี้ใจดำได้ถูกจุดจึงกลายเป็นคนที่จินนี่ยึดเอาไว้แทนครอบครัวตัวเอง แม้ว่าภายหลังความสัมพันธ์จะลุ่มๆ ดอนๆ 
แต่ก็คงดีกว่าไม่มีใครเลย สำหรับคนที่จิตใจอ้างว้างและขาดความรักแบบจินนี่ และต่อมาพอมาเป็นเตช(ในร่างวัท)ที่แม้จะพาความเดือดร้อนมาให้ 
พร้อมกับความขี้บ่นเจ้ากี้เจ้าการ แต่เหนืออื่นใดคือความใส่ใจดูแลที่จินนี่(คง)ไม่เคยได้จากใคร เลยกลายเป็นสิ่งเติมเต็มที่ทำให้จินนี่ยิ่งรัก 
อาจจะมากกว่าตอนที่รู้สึกกับวัทที่อยู่กันเพียงเพื่อไม่ให้ไม่มีใครด้วยซ้ำ 

ส่วนภศวรรษ หลายคนอาจจะตำหนิที่วัทดูไม่เคยรักจินนี่เลย และในตอนล่าสุดก็ยอมรับกับหมอกุลว่าถึงจะคบกันมานาน แต่จินนี่ก็ไม่สามารถ
ทำให้เขารักได้ ในขณะที่กับหมอกุลที่เพิ่งได้พบไม่นาน วัทกลับบอกว่ารักเต็มปาก...  ตรงนี้ เราไม่แน่ใจว่าสำหรับคนอื่นดูแล้วจะเข้าใจอย่างไร 
อาจจะคิดว่าภศวรรษก็แค่ผู้ชายเจ้าชู้ที่ไม่เคยรักใครจริง หรือคิดว่าบทยัดมาเพื่อให้เข้าคู่ หรือเพราะรักไม่เคยมีเหตุผล.. อย่างในเพลงประกอบละคร 
แต่สำหรับเรา เราคิดว่าเหตุผลมันอยู่ในแบคกราวนด์ของภศวรรษตั้งแต่วัยเด็กแล้ว วัทมีพ่อ(ในความรับรู้)คือหมอสุนัยที่เลี้ยงมาแบบยิ่งกว่าเสียไม่ได้ 
ยิ่งกว่าเลี้ยงลำเอียงแบบแม่จินนี่ เพราะเลี้ยงไว้เพื่อเป็นที่รองรับความแค้น วัทเป็นเหมือนคนที่สิ้นศรัทธาในความรักจากพ่อ แต่ในขณะเดียวกันก็ยัง
โหยหาความรัก ส่วนลึกในใจคงปักความหวังไว้ที่ความรักจากแม่ พอมาเจอหมอกุลที่มีการวางตัวมีบุคลิกความเป็นผู้ใหญ่ในตัวสูงกับการห่วงใยดูแล
แบบที่แทบจะเรียกได้ว่าประคบประหงม เข้มงวด (เช่นตอนที่วัททิ้งหมากฝรั่งลงพื้น) ไม่ใช่แม่ก็ใกล้เคียงล่ะ เลยเป็นความลงล็อคพอดีที่ทำให้วัท
แพ้ทางผู้หญิงแบบกุลมากกว่าผู้หญิงแบบจินนี่ 

แต่ถึงวัทจะรักกุลจริง แต่การจะกลับตัวกลับใจก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ตรงนี้เป็นอีกจุดที่เรารู้สึกว่าบทเรียล นิสัยความเคยชินของคนเป็นสิบปีอ่ะนะ
(นับตั้งแต่ภศวรรษทะเลาะกับพ่อและออกจากบ้านมาทั้งที่จบแค่ม.3 ชีวิตเด็กตัวคนเดียวนอกบ้าน กว่าจะเอาตัวรอดและโตมาได้จนวันนี้ ไม่รู้ต้องพบเจอ
ฝ่าฟันกับอะไรมาบ้าง) แค่รักผู้หญิงสักคนแล้วจะกลับหน้ามือเป็นหลังเลยทันทีมันก็ละครเกินไป มันต้องค่อยมีเหตุการณ์ต่างๆ มากระตุ้นมาดึงให้ฉุกคิด
เพิ่มความกดดันบังคับอีกหลายอย่างอย่างนี้แหละ การที่กุลหันหลังให้ตอนที่รู้ว่าไม่ใช่เตชตัวจริง การที่จินนี่เฉียดตายเพราะตัวเองเป็นต้นเหตุ
และต่อไปก็คงจะความจริงเรื่องของพ่อของแม่ ทั้งหมดนี้มารวมกันค่อยดูมีน้ำหนักที่จะทำให้คนคนหนึ่งพลิกความคิดความเชื่อ พยายามปรับปรุงตัว
อย่างจริงจังได้แบบสมจริงหน่อย

ตอนวัทอยู่กับจินนี่ มันคือคนขาดกับคนขาดมาอยู่ด้วยกัน ไม่มีใครเติมเต็มในส่วนลึกให้ใครได้จริงๆ ซึ่งตรงกันข้ามกับความสัมพันธ์ของเตชกับหมอกุล 
ที่ดูภายนอกเหมือนว่าสมบูรณ์แบบ คนโพรไฟล์ดีเยี่ยมสองคนเหมาะสมกันทุกอย่าง แถมมีความรักให้กันด้วย แต่ทำไมความสัมพันธ์ไม่ลงตัว นั่นอาจ
เพราะเอาเข้าจริงแล้ว แค่ความเหมาะสมกับความรักก็ยังไม่พอสำหรับชีวิตคู่ ความพอดีกับความเข้าใจคือสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน ความเข้าใจจะทำให้
คนปรับตัวเข้าหากัน ส่วนความพอดีทำให้อะไรๆ ง่ายกว่านั้นไปอีก คือพอดีกันโดยไม่ต้องปรับ(มากมาย) อย่างที่เขาบอกว่า ถ้ามันใช่ คุณจะไม่ต้อง
พยายามมาก หรือแทบไม่ต้องพยายามเลย เหมือนที่จินนี่ปลาบปลื้มกับทุกสิ่งที่เตชทำให้ สิ่งเดียวกันกับที่เตชเคยทำให้กุล แต่กุลรำคาญ 
ขณะเดียวกัน เราว่ากุลก็มีสิ่งที่ต้องการจากเตช แต่ด้วยความเคยชินที่จะต้องเข้มแข็งต้องมีวุฒิภาวะทำให้กุลเก็บมันไว้ไม่พูดออกมาตรงๆ 
อย่างเช่นการปกป้องเวลาที่พ่อเตชไร้เหตุผลใส่ หรืออะไรบางอย่างที่จะสามารถทำให้กุลมั่นใจได้เต็มที่และไม่กดดันตัวเองอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้คู่ควร
กับเตช ซึ่งพอมาอยู่กับภศวรรษ(ในร่างเตช) โดยไม่รู้ตัวกุลผ่อนคลายขึ้นมีชีวิตชีวาขึ้น หมอกุลกับเตชอาจจะรักกัน แต่ขาดการพูดคุยกันรวมถึงมีอีโก้
ที่ไม่ยอมถอยให้กัน ไม่ยอมลดเพื่อทำความเข้าใจกัน ทำให้แค่ความรักยังไม่พอให้กุลมั่นใจที่จะตอบตกลงแต่งงานกับเตชในตอนต้นเรื่อง
บางทีเรื่องทั้งหมดนี้ มันอาจจะเป็นโชคชะตาจริงๆ ที่ทำให้สองคู่สี่คนนี้ต้องมีการสลับตำแหน่งแห่งที่กัน



ในส่วนของนักแสดงนำทั้งสี่คน 

🥰 น้ำตาล : สำหรับเราน้ำตาลขึ้นหิ้งอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ก็ทะลุขึ้นไปได้อีก ตั้งแต่ละครฉายวันแรกมีแต่เสียงชมจินนี่กันขรม ในความน่ารัก สดใส ตลก
มีชีวิตชีวา  น้ำตาลเล่นได้เป็นธรรมชาติ และสุดมากทุกฉาก จินนี่ดูมีตัวตน มีชีวิตจิตใจ คนดูสัมผัสได้ถึงทุกความรู้สึก ความสุข ความทุกข์ ความรัก
ความเจ็บปวดของจินนี่ พร้อมที่เอาใจช่วยไปกับตัวละครตัวนี้ 
😘 บัว : ในบรรดาตัวละครหลักทั้งสี่ เราว่าหมอกุลเป็นตัวละครที่เรียบที่สุด ทั้งด้วยแบคกราวนด์ที่มีให้เห็นน้อย และด้วยบุคลิกที่เป็นคนนิ่งๆ เก็บอารมณ์
สำรวมในการแสดงออก ซึ่งบทอย่างนี้ยากนะที่จะเล่นให้ไม่จมหายไปท่ามกลางตัวละครอื่นที่ฉูดฉาดกว่า แต่บัวทำได้ และทำได้ดีมากด้วย กุลดูมีบุคลิก
ของผู้หญิงที่มีทั้งความอ่อนโยนและเข้มแข็งอยู่ในตัว มีความคงแก่เรียน น่าเชื่อถือ เด็ดขาด เชื่อมั่นในตัวเอง ขณะเดียวกันก็มีมุมอ่อนไหวที่ซ่อนไว้
ให้คนดูตามเอาใจช่วยเช่นกัน
😉 อาเล็ก : จริงๆ บทเตชผู้ชายอบอุ่นแสนดีนี่เหมือนซิกเนเจอร์ของอาเล็กนะ หลายเรื่องที่ผ่านมาก็จะได้บทประมาณนี้จนบางคนแอบเบื่อว่าอาเล็กเล่น
บทแบบนี้อีกแล้วเหรอ แต่เรื่องนี้ด้วยจังหวะของบทที่พอเหมาะพอดี  เคมีที่ส่งมาจากน้ำตาล ทำให้เตชเป็นพ่อไมโครเวฟที่สาวๆ กรี๊ดกันถ้วนหน้า 
แต่เราว่าที่เซอร์ไพรส์มากกว่าคือพาร์ทที่อาเล็กเล่นเป็นวัทก่อนสลับร่าง มาดแบดบอยของอาเล็กเป็นอะไรที่แปลกใหม่ ไม่ค่อยคุ้นตา(เรา) แต่นี่ว่า
เล่นขึ้นเหมือนกันนะ น่าจะเล่นบทร้ายๆ แบบแพรวพราวเต็มๆ ดูสักเรื่อง 
🤩 กระทิง : แต่ที่เซอร์ไพรส์สุดต้องยกให้กระทิงเลย เรื่องนี้ท็อปฟอร์มมาก เหมือนทิงได้ข้ามกำแพงหลายๆ อย่าง ฝีมือการแสดงดูก้าวกระโดดขึ้นมาก
ในเรื่องนี้ ทั้งพาร์ทเตชที่บทจะอบอุ่นก็อบอุ่นแทบละลาย (แต่สัมผัสได้ถึงความคาดคั้นบังคับในที เตชที่กระทิงเล่นดูมีรัศมีของคนมั่นใจในตัวเองที่เชื่อว่า
ทุกสิ่งที่ตัวเองทำคือสิ่งที่ดีที่สุดเหมาะสมที่สุด เลยไม่คิดว่าจะต้องขอความเห็นหรือปรึกษาใคร แม้แต่คนรักของตัวเอง ทำให้เข้าใจความอึดอัดของกุล
ได้จากการแสดงของกระทิงในจุดนี้) พอถึงพาร์ทภศวรรษก็พลิกเป็นคนละคนได้ชัดเจน ทั้งสีหน้าแววตา อากัปกิริยาเล็กๆ น้อยๆ อย่างการกัดปาก 
การเลิกคิ้ว เคี้ยวหมากฝรั่ง ไปจนถึงซีนปะทะอารมณ์กับพี่อ่ำ ต้องขอบคุณพี่อ้อมจริงๆ ที่ไว้วางใจให้โอกาสกระทิงกับบทนี้ เพราะเป็นบทที่ไม่ง่าย 
แต่ถ้าเล่นถึงจะส่งมาก ความเป็นตัวละครที่เทาจัด แต่มีที่มาที่น่าเห็นใจ มีมุมของความอ่อนแออ่อนไหว มีจุดพลิกผัน ฯลฯ บทแบบนี้เล่นให้คนรักได้ 
ท้าทายกว่าเล่นบทขาวๆ ที่น่ารักอยู่แล้วให้คนรักเสียอีก และทิงทำได้จริงๆ เยี่ยมเยี่ยมพลุพลุโอ่ง
 

นอกจากทั้งสี่คนนี้แล้ว นักแสดงอื่นในเรื่องก็ต้องขอชื่นชมทุกคน รุ่นพ่อแม่อย่างพี่ปิ่น พี่อ่ำ พี่ชาย ชอบที่ละครเรื่องนี้มีประเด็นเรื่องพ่อแม่ให้เราได้
ชมฝีมือการแสดงของรุ่นพี่ๆ ด้วย ไม่ใช่มีบทพ่อแม่ไว้ให้ครบองค์ประกอบครอบครัวเฉยๆ 
พี่ไผ่ในบทเพื่อนนุ น่ารักมาก โดยเฉพาะช่วงที่เชื่อเรื่องสลับร่างแล้ว และพยายามช่วยเพื่อนเต็มที่ ตอนไปป่วนวัทที่งานปาร์ตี้วันเกิดคือปั่นมาก 
ทั้งฮา ทั้งน่ารัก ไม่เคยดูเรื่องไหนแล้วรู้สึกว่าพี่ไผ่น่ารักขนาดนี้มาก่อนเลย
อีกคนที่อยากชมมากๆ คือน้องไอซ์ อิทธิพัทธ์ที่เล่นเป็นภศวรรษตอนเด็ก ได้เห็นน้องแค่ไม่กี่ซีน แต่ฝีมือไม่เบาเลย
น้องทำให้เราเห็นทั้งความรักดีในตัววัท ความใจสลาย ที่มาของบาดแผลในใจที่ทำให้เขาเป็นคนแบบที่เห็นในปัจจุบัน 
และทำให้เรายังมีความหวังในตัววัท ว่าเขาจะกลับมาเป็นภศวรรษที่เป็นคนดีได้อีกครั้ง  


บอกตามตรงว่าไม่เคยดูงานของ MAGIC IF ONE ที่คุณอ้อมเป็นผู้จัดมาก่อน ชื่อผู้เขียนบทประพันธ์/บทโทรทัศน์ก็ไม่ได้คุ้นหูมากนัก 
ได้ยินข่าวละครครั้งแรกคือตั้งใจว่าถ้าจะดูคงดูน้ำตาลกับกระทิง เพราะชอบคู่นี้จากลิขิตแห่งจันทร์ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอความสนุกแปลกใหม่
ขนาดนี้ ต่อไปอีกสามตอนสุดท้ายเชื่อว่ายังมีจุดพีคให้ได้ลุ้นอีกมากแน่ๆ และจบเรื่องนี้ก็คงได้ขึ้นทะเบียนไว้รอติดตามผลงานต่อไปเลยค่ะ  



ปล. เพลงประกอบละคร เพราะมากทั้งสองเพลง จังหวะขึ้นเพลงในเรื่องก็พอเหมาะพอดีมาก เพลงขึ้นทีไรน้ำตาจะร่วงตามตัวละครทุกที เม่าโศก

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่