"ปลอบ" หรือ "ปล่อย" ทางเลือกไหนปลอดภัยกับสมองเด็ก ?

ลูกร้องไห้เอาแต่ใจ เป็นสิ่งที่พ่อแม่หลายคนต้องพบเจอ แต่สิ่งสำคัญคือ แล้วพ่อแม่ต้องรับมืออย่างไรกับเรื่องนี้ ?
 
ควร “ปล่อย” ให้ลูกทำพฤติกรรมเช่นนั้นและหยุดไปเอง หรือ “ปลอบ” เมื่อเด็กร้องไห้งอแงหนักมากขึ้น
“จอห์น บี วัตสัน” นักจิตวิทยาทางพฤติกรรมศาสตร์ เป็นผู้นำทางความคิดว่า…
 
 ควรจะ “ปล่อย” ให้เด็กทำพฤติกรรมที่เอาแต่ใจ หรือปล่อยให้ร้องไห้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหยุดเอง เพราะจะทำให้สามารถเติบโตขึ้นไปเป็นเด็กที่สามารถพึ่งตัวเองได้ และเป็นเด็กที่มีอารมณ์ที่มั่นคง จึงทำให้หลายโรงเรียนนำเอาความคิดแบบ “วัตสัน” มาใช้กับเด็กที่ร้องไห้ งอแง ด้วยการปล่อยให้เด็กร้องไปจนกว่าจะหยุดเอง เพื่อไม่สนับสนุนพฤติกรรมที่ไม่มีเหตุผล 
 
แต่จากการวิจัยและการศึกษาทฤษฎีที่ตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิงกับทฤษฎีของวัตสัน คือ ทฤษฏีของ “Johm Bowlby” และ “Mary Ainsworth” เขาได้ทำการทดลอง และได้ข้อสรุปว่า… เด็กนั้นต้องการการดูแลปลอบโยนมากกว่าการวางเฉย ปล่อยให้เด็กร้องไห้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหยุดเอง เพราะการปล่อยเด็กทำเช่นนั้น จะส่งผลเสียกับเด็กมากกว่าการปลอบโยน
 
จากการศึกษาอย่างต่อเนื่องและยาวนานตั้งแต่ ยุค 70s พบว่า…
การปลอบโยน และการใส่ใจลูกนั้น ส่งผลดีทางด้านพฤติกรรมในระยะยาว เด็กคนนั้นจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นคงทางอารมณ์ เป็นพ่อแม่ที่มีคุณภาพ และสร้างครอบครัวที่แข็งแรงได้ในอนาคต 
 
ดังนั้นเมื่อลูกไม่มีเหตุผล ร้องไห้ หรือเอาแต่ใจ 
 
อย่างไรพ่อแม่ก็ "ควรจะปลอบ" และตอบสนองความรู้สึกของเขาทุกครั้ง แล้วจึงค่อยสอนด้วยความใจเย็น เพื่อที่เขาจะได้เติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ และมีความสุขในอนาคตต่อไป...
https://www.facebook.com/geniusxalpha
GeniusX ALPHA 
สมองอัจฉริยะ ชนะเกมชีวิต 
“เพราะเราใช้ความสุข ออกแบบอนาคต”
 
 #GeniusXALPHA 
#BrainSkillDevelopment
 #DesignYourLife
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่