สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 28
ถ้าเราเป็นผู้ชาย เราคงเสนอว่า ถ้างั้นออกคนละครึ่งไหมล่ะ แล้วพ่อแม่เธอจะเก็บไปก็ได้ แต่ถ้าให้เราออกคนเดียวแล้วไม่คืน เราก็เลิกเหมือนกัน ทำหยั่งกับว่าแล้วพ่อแม่เรา เราไม่ต้องเลี้ยงหรือไง?
ยุคสมัยนี้แล้ว ยังมาคิดเรื่องค่าน้ำนมอีกเหรอ ถ้าไม่มีกฏว่าย้ายเข้าบ้านฝ่ายชายแล้วห้ามกลับบ้าน เราก็แต่งนะ แต่งมาอยู่บ้านฝ่ายชาย แล้วให้ฝ่ายชายจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ค่าอาหารให้ด้วย แล้วเราจะกลับบ้านพ่อแม่เราเมื่อไหร่ก็ได้ด้วย ถ้าแบบนี้ สินสอดจะเอาไปทำไม เพราะเท่ากับมาเกาะเค้าอยู่เนืองๆแล้ว ทะเลาะกันเมื่อไหร่ ก็หนีกลับบ้านได้ทุกเมื่อ ถ้ายังจะเอาสินสอดมาด้วย ไม่คืนเขาอีก นี่ไม่รุ้สึกเอาเปรียบเขาไปหน่อยเหรอ?
นอกเสียจากแต่งแล้วจะโดนห้ามกลับบ้าน ต้องอยู่รับใช้บ้านฝ่ายชายตลอดเว อันนี้ค่อยคิดเรื่องไม่คืนสินสอด เพราะเหมือนถูกขายมาอีกบ้านแล้ว... แต่แบบนี้เราก็คงไม่แต่งเหมือนกัน
อีกเรื่องคือ ผู้หญิงไม่ได้ทำงานเหรอคะ ถ้าทำงานก็ส่งเงินไปให้ที่บ้านด้วย แบบนี้สินสอดจะให้ทำไม พ่อแม่ใครลูกใครก็เลี้ยงดูไปสิ ไม่ใช่แต่งแล้วกลายเป็นคนอื่น ทำหยั่งกะขายลูกกินหยั่งงั้นแหล่ะ ( นอกจากแต่งแล้วโดนบังคับให้ลาออกมาเลี้ยงลูก แบบนี้สามีก็ควรจ่ายค่าเลี้ยงดูลูกด้วย มองเป็นอาชีพๆนึง คือแม่บ้าน แล้วแบ่งเงินบาวส่วนกลับไปที่บ้านแทน)
อันนี้ความเชื่อส่วนตัวนะ ผิดถูกคงไม่มี มันแล้วแต่ค่านิยมของแต่ละบ้าน ถ้าความเชื่อสองฝ่ายไม่ตรงกัน ก็คงไปกันไม่รอด ก็ไปหาใหม่น่าจะดีกว่าค่ะ
ยุคสมัยนี้แล้ว ยังมาคิดเรื่องค่าน้ำนมอีกเหรอ ถ้าไม่มีกฏว่าย้ายเข้าบ้านฝ่ายชายแล้วห้ามกลับบ้าน เราก็แต่งนะ แต่งมาอยู่บ้านฝ่ายชาย แล้วให้ฝ่ายชายจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ค่าอาหารให้ด้วย แล้วเราจะกลับบ้านพ่อแม่เราเมื่อไหร่ก็ได้ด้วย ถ้าแบบนี้ สินสอดจะเอาไปทำไม เพราะเท่ากับมาเกาะเค้าอยู่เนืองๆแล้ว ทะเลาะกันเมื่อไหร่ ก็หนีกลับบ้านได้ทุกเมื่อ ถ้ายังจะเอาสินสอดมาด้วย ไม่คืนเขาอีก นี่ไม่รุ้สึกเอาเปรียบเขาไปหน่อยเหรอ?
นอกเสียจากแต่งแล้วจะโดนห้ามกลับบ้าน ต้องอยู่รับใช้บ้านฝ่ายชายตลอดเว อันนี้ค่อยคิดเรื่องไม่คืนสินสอด เพราะเหมือนถูกขายมาอีกบ้านแล้ว... แต่แบบนี้เราก็คงไม่แต่งเหมือนกัน
อีกเรื่องคือ ผู้หญิงไม่ได้ทำงานเหรอคะ ถ้าทำงานก็ส่งเงินไปให้ที่บ้านด้วย แบบนี้สินสอดจะให้ทำไม พ่อแม่ใครลูกใครก็เลี้ยงดูไปสิ ไม่ใช่แต่งแล้วกลายเป็นคนอื่น ทำหยั่งกะขายลูกกินหยั่งงั้นแหล่ะ ( นอกจากแต่งแล้วโดนบังคับให้ลาออกมาเลี้ยงลูก แบบนี้สามีก็ควรจ่ายค่าเลี้ยงดูลูกด้วย มองเป็นอาชีพๆนึง คือแม่บ้าน แล้วแบ่งเงินบาวส่วนกลับไปที่บ้านแทน)
อันนี้ความเชื่อส่วนตัวนะ ผิดถูกคงไม่มี มันแล้วแต่ค่านิยมของแต่ละบ้าน ถ้าความเชื่อสองฝ่ายไม่ตรงกัน ก็คงไปกันไม่รอด ก็ไปหาใหม่น่าจะดีกว่าค่ะ
ความคิดเห็นที่ 1
คำที่ แฟนพูดว่า “ถ้าพ่อแม่ไม่คืนก็ไปหาแฟนใหม่ซะ”
เรามองว่า เขาพูดเหมือนไม่แคร์ค่ะ
ซึ่งเป็นคนละประเด็น กับเรื่องมีเงิน หรือ ไม่มีเงินมาแต่งงาน
สมมติว่า อยากจะขอเงินคืนก่อน เพราะต้องไปกู้มา จะเอาไปใช้คืนเขา แบบนี้ ยังอาจจะพอเข้าใจได้
หรือ มีเหตุผลทางการเงินใดๆก็อาจจะยังพอคุยกันรู้เรื่อง
แต่คำว่า ไปหาแฟนใหม่ซะ
หากใครพูดแบบนี้ ตั้งแต่ยังไม่ได้แต่งกัน
เรามองว่า ไม่มีอนาคตดีๆรออยู่แน่นอนค่ะ
ส่วนใหญ่ ฝ่าย ญ. จะถูกเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ ใน ช่วงแรกๆ จากฝ่ายชาย
แต่นี่ ตั้งแต่แรกก็ไม่แคร์ซะแล้ว
คุณก็ควรทำตามเซนส์ตัวเองค่ะ
หา คนจะมาเป็นคู่ชีวิตที่รักคุณ และแคร์คุณมากกว่านี้ ดีกว่า
สำหรับผู้ชายคนนี้ เราเดาว่า ถ้าเขารักผู้หญิงคนไหนสักคน และอยากแต่งงานกับเธอคนนั้นจริงๆ
หากผู้หญิงคนนั้น ยื่นคำขาดว่า ถ้าแต่งแล้วจะเอาสินสอดคืน ก็ไปหาแฟนใหม่ซะ
เขาก็คงจะไม่ไปหรอกค่ะ
ความรัก(ถ้ามากพอ) จะมีพลังขับเคลื่อน ที่จะ ทำให้คนทำอะไรได้ทั้งนั้นแหละ เพื่อที่จะได้มา
เรามองว่า เขาพูดเหมือนไม่แคร์ค่ะ
ซึ่งเป็นคนละประเด็น กับเรื่องมีเงิน หรือ ไม่มีเงินมาแต่งงาน
สมมติว่า อยากจะขอเงินคืนก่อน เพราะต้องไปกู้มา จะเอาไปใช้คืนเขา แบบนี้ ยังอาจจะพอเข้าใจได้
หรือ มีเหตุผลทางการเงินใดๆก็อาจจะยังพอคุยกันรู้เรื่อง
แต่คำว่า ไปหาแฟนใหม่ซะ
หากใครพูดแบบนี้ ตั้งแต่ยังไม่ได้แต่งกัน
เรามองว่า ไม่มีอนาคตดีๆรออยู่แน่นอนค่ะ
ส่วนใหญ่ ฝ่าย ญ. จะถูกเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ ใน ช่วงแรกๆ จากฝ่ายชาย
แต่นี่ ตั้งแต่แรกก็ไม่แคร์ซะแล้ว
คุณก็ควรทำตามเซนส์ตัวเองค่ะ
หา คนจะมาเป็นคู่ชีวิตที่รักคุณ และแคร์คุณมากกว่านี้ ดีกว่า
สำหรับผู้ชายคนนี้ เราเดาว่า ถ้าเขารักผู้หญิงคนไหนสักคน และอยากแต่งงานกับเธอคนนั้นจริงๆ
หากผู้หญิงคนนั้น ยื่นคำขาดว่า ถ้าแต่งแล้วจะเอาสินสอดคืน ก็ไปหาแฟนใหม่ซะ
เขาก็คงจะไม่ไปหรอกค่ะ
ความรัก(ถ้ามากพอ) จะมีพลังขับเคลื่อน ที่จะ ทำให้คนทำอะไรได้ทั้งนั้นแหละ เพื่อที่จะได้มา

ความคิดเห็นที่ 8
1 ควรคบแฟนคนนี้ต่อไหม
เราคิดว่าการที่จขกทพิมพ์เล่าแบบนี้
มันก็ต้องพิมพ์ให้มีความกระชับ ใจความสำคัญอยู่ครบ
เราคิดว่า มันน่าจะเริ่มจากคุยเรื่องสินสอด
แล้วไม่พอใจกัน เลยจบที่ประโยค ‘ไปหาคนอื่นไป’ หรือเปล่าคะ
ถ้าไม่ใช่แค่พูด 2 ประโยค
ผญ : เธอจะแต่งงานสินสอดเท่าไหร่ดี
ผช :ไม่ให้ ไปหาคนไปอื่น
เราคิดว่าถ้าไม่ใช่แบบนี้ - ไปต่อได้ค่ะ
แต่ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่แคร์ความรู้สึกจริงๆ แย่มาก - ไม่ไปต่อ
2 ควรดำเนินชีวิตหรือแนวคิดยังไง
เราตอบเรื่องสินสอด / การเปย์มาหลายกระทู้นะคะ
ไม่ว่าเพศไหน ก็เป็นฝ่ายเปย์ได้
แต่ต้องเปย์แบบไม่เดือดร้อนตัวเอง
สินสอด เรียกตามความเป็นจริง ไม่ใช่เรียกเพื่อหน้าตา
จขกท ไม่ลงรายละเอียด การเงิน การงานของคุณและแฟน
ทรัพย์สินที่มี ผ่อนอะไรอยู่ไหม และจำนวนสินสอดที่เรียก
จขกทลองคิดตามเรานะคะ
ถ้าแฟนรวยแสนล้าน จะขอสินสอดสัก 100ล้าน
แต่ถ้าแฟนเรา มีเงินเดือน 100,000 ขอสินสอดสัก 5แสน
ถ้าแฟนเรา มีเงินเดือน 50,000 ขอสินสอดสัก 2.5แสน
ถ้าแฟนเรา มีเงินเดือน 30,000 ขอสินสอดสัก 1.5แสน
คือเราต้องมองความเป็นจริงค่ะ
ว่าจำนวนที่เรียก เหมาะสมไหม
ถ้าคุณยึดติดว่าคนอื่นเรียกกันเท่านี้ๆ ต้องเรียกตาม
ที่เห็นเยอะมากๆ เงินเดือน 15,000 เรียก 400,000
เงินเดือน 40,000ผ่อนบ้านผ่อนรถอยู่ เรียก 1ล้าน
เขาจะไปหาที่ไหนมาจ่ายคะ
ใจเขาใจเรา จำนวนเงินที่คุณจะเรียกผช
เอามาถามตัวเอง ว่าถ้าเป็นคุณมีจ่ายไหมโดยไม่เดือดร้อน
คุณเก็บจากเงินเดือนตัวเองไหวไหม
มันคือเงินสดนะคะ ไม่ใช่ทรัพย์สิน สินสอดเนี่ย
ทั้งนี้ทั้งนั้น ด้านบนคือสิ่งสมมุติ
พ่อแม่เราตอนเริ่มทำงานจบใหม่ แต่งเลย
เงินเดือน 100,000 ทั้งคู่ สินสอดคือ 100,000 บาท ค่ะ
คือหาเดือนเดียวได้
อย่างเพื่อนผญเราที่รวยกว่าแฟน
ผช รายได้ 1ล้าน/เดือน
ผญ รายได้ 4ล้าน/เดือน
ผญ เรียกผช 1ล้านค่ะ
หาเงินเดือนเดียวเหมือนกัน
สินสอดมีให้ตามธรรมเนียม
ถ้าคุณยึดติดว่าคุณต้องได้เยอะๆ ทั้งที่แฟนคุณไม่รวย
เราว่าปัญหาชีวิตมาตั้งแต่ยังไม่เริ่มค่ะ
เราเป็นคนนึงที่มองว่า สินสอดต้องให้เรา ตามธรรมเนียม
แต่เราไม่คิดเรียกเยอะ เพราะทุกวันนี้ หันมองตัวเอง
ยังไม่เคยหาเงินเองได้เป็นล้านเลยค่ะ ทุกอย่างที่มีพ่อแม่ให้
มองตามจริงค่ะ ถ้าผชไม่ได้รวย พ่อแม่ไม่สปอย เห็นใจเขาด้วย
เราคิดว่าการที่จขกทพิมพ์เล่าแบบนี้
มันก็ต้องพิมพ์ให้มีความกระชับ ใจความสำคัญอยู่ครบ
เราคิดว่า มันน่าจะเริ่มจากคุยเรื่องสินสอด
แล้วไม่พอใจกัน เลยจบที่ประโยค ‘ไปหาคนอื่นไป’ หรือเปล่าคะ
ถ้าไม่ใช่แค่พูด 2 ประโยค
ผญ : เธอจะแต่งงานสินสอดเท่าไหร่ดี
ผช :ไม่ให้ ไปหาคนไปอื่น
เราคิดว่าถ้าไม่ใช่แบบนี้ - ไปต่อได้ค่ะ
แต่ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่แคร์ความรู้สึกจริงๆ แย่มาก - ไม่ไปต่อ
2 ควรดำเนินชีวิตหรือแนวคิดยังไง
เราตอบเรื่องสินสอด / การเปย์มาหลายกระทู้นะคะ
ไม่ว่าเพศไหน ก็เป็นฝ่ายเปย์ได้
แต่ต้องเปย์แบบไม่เดือดร้อนตัวเอง
สินสอด เรียกตามความเป็นจริง ไม่ใช่เรียกเพื่อหน้าตา
จขกท ไม่ลงรายละเอียด การเงิน การงานของคุณและแฟน
ทรัพย์สินที่มี ผ่อนอะไรอยู่ไหม และจำนวนสินสอดที่เรียก
จขกทลองคิดตามเรานะคะ
ถ้าแฟนรวยแสนล้าน จะขอสินสอดสัก 100ล้าน
แต่ถ้าแฟนเรา มีเงินเดือน 100,000 ขอสินสอดสัก 5แสน
ถ้าแฟนเรา มีเงินเดือน 50,000 ขอสินสอดสัก 2.5แสน
ถ้าแฟนเรา มีเงินเดือน 30,000 ขอสินสอดสัก 1.5แสน
คือเราต้องมองความเป็นจริงค่ะ
ว่าจำนวนที่เรียก เหมาะสมไหม
ถ้าคุณยึดติดว่าคนอื่นเรียกกันเท่านี้ๆ ต้องเรียกตาม
ที่เห็นเยอะมากๆ เงินเดือน 15,000 เรียก 400,000
เงินเดือน 40,000ผ่อนบ้านผ่อนรถอยู่ เรียก 1ล้าน
เขาจะไปหาที่ไหนมาจ่ายคะ
ใจเขาใจเรา จำนวนเงินที่คุณจะเรียกผช
เอามาถามตัวเอง ว่าถ้าเป็นคุณมีจ่ายไหมโดยไม่เดือดร้อน
คุณเก็บจากเงินเดือนตัวเองไหวไหม
มันคือเงินสดนะคะ ไม่ใช่ทรัพย์สิน สินสอดเนี่ย
ทั้งนี้ทั้งนั้น ด้านบนคือสิ่งสมมุติ
พ่อแม่เราตอนเริ่มทำงานจบใหม่ แต่งเลย
เงินเดือน 100,000 ทั้งคู่ สินสอดคือ 100,000 บาท ค่ะ
คือหาเดือนเดียวได้
อย่างเพื่อนผญเราที่รวยกว่าแฟน
ผช รายได้ 1ล้าน/เดือน
ผญ รายได้ 4ล้าน/เดือน
ผญ เรียกผช 1ล้านค่ะ
หาเงินเดือนเดียวเหมือนกัน
สินสอดมีให้ตามธรรมเนียม
ถ้าคุณยึดติดว่าคุณต้องได้เยอะๆ ทั้งที่แฟนคุณไม่รวย
เราว่าปัญหาชีวิตมาตั้งแต่ยังไม่เริ่มค่ะ
เราเป็นคนนึงที่มองว่า สินสอดต้องให้เรา ตามธรรมเนียม
แต่เราไม่คิดเรียกเยอะ เพราะทุกวันนี้ หันมองตัวเอง
ยังไม่เคยหาเงินเองได้เป็นล้านเลยค่ะ ทุกอย่างที่มีพ่อแม่ให้
มองตามจริงค่ะ ถ้าผชไม่ได้รวย พ่อแม่ไม่สปอย เห็นใจเขาด้วย
แสดงความคิดเห็น
หากแฟนต้องการขอสินสอดคืนหลังแต่งงานควรแต่งดีไหมคะ
.
เราควรคบกับแฟนคนนี้ต่อ หรือดำเนินชีวิตยังไงดีคะ มันอัดอั้นในใจมากค่ะ รู้สึกว่าเค้าไม่ให้เกียรติเลย ควรเลิกหรือไปต่อดีคะ...