'ยิ่งลักษณ์' ฉลองวันเกิดล่วงหน้า แจกสเปรย์แอลกอฮอล์กลิ่นโคโค่ชาแนลให้แฟนเพจ
https://www.matichon.co.th/politics/news_2785340
‘ยิ่งลักษณ์’ ฉลองวันเกิดล่วงหน้า แจกสเปรย์แอลกอฮอล์กลิ่นโคโค่ชาแนลให้แฟนเพจ
วันที่ 20 มิถุนายน น.ส.
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก
“Yingluck Shinawatra” ฉลองวันเกิดล่วงหน้า ด้วยการแจกสเปรย์แอลกอฮอล์แบบพกพาให้แฟนคลับในแฟนเพจ โดยสเปย์แอลกอฮอล์ดังกล่าว น.ส.
ยิ่งลักษณ์เลือกกลิ่น Coco Chanel และเลือกใช้สีชมพู
โดยโพสต์ดังกล่าวระบุว่า
“มีของเซอร์ไพรส์วันเกิดล่วงหน้า 1 วัน เป็นสเปรย์แอลกอฮอล์แบบพกพาไว้ล้างมือเพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 จากพี่แจ๋น พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ค่ะ ที่ทำส่งมาให้พิเศษเนื่องในวันคล้ายวันเกิดปีนี้กลิ่นโคโค่ชาแนล หอมสดชื่นมากค่ะ ต้องขอขอบคุณพี่แจ๋นมาในโอกาสนี้ด้วยนะคะ ชอบมาก ๆ ค่ะ
จึงขอถือโอกาสนี้ส่งมอบความรัก และความห่วงใยในการดูแลสุขภาพของทุกท่าน และแฟนเพจยิ่งลักษณ์ สำหรับ 200 ท่านแรก ที่เข้ามาคอมเม้นต์ใต้โพสต์นี้นะคะ
สำหรับแฟนเพจทั้ง 4 ล้านไลค์ 5 ล้านไลค์ และ 6 ล้าน ไลค์ ที่ยังคงเหนียวแน่นเป็นแฟนเพจกันมาต่อเนื่องยาวนาน ดิฉันได้ขอให้ทางทีมงานจัดส่งสเปรย์ไปให้ทุกท่านทางไปรษณีย์ เพื่อที่จะบอกว่า ยิ่งลักษณ์ ยังคิดถึง และห่วงใยทุกท่านเสมอค่ะ”
https://www.facebook.com/Y.Shinawatra/posts/4463481140362973
รพ.จุฬาภรณ์ เผยภาพ วัคซีนซิโนฟาร์ม ล็อตแรก 1 ล้านโดส ถึงไทยแล้ว
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6463541
รพ.จุฬาภรณ์ เผยภาพ วัคซีนซิโนฟาร์ม ล็อตแรก 1 ล้านโดส ถึงไทยแล้ว เผยไทม์ไลน์ก่อนส่งมอบ ต้องตรวจสอบคุณภาพจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
วันที่ 20 มิ.ย.64
เฟซบุ๊กเพจ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โพสต์ภาพพร้อมข้อความ ระบุว่า 20 มิถุนายน 2564 วัคซีนซิโนฟาร์มล็อตแรก ซึ่งขนส่งโดยเที่ยวบินขนส่งสินค้า TG8669 เที่ยวแรกจำนวน 5 แสนโดส เมื่อเวลาประมาณ 06.00 น. จากเมืองปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เดินทางถึงประเทศไทยแล้ว
ต่อมาโพสต์อีกว่า วัคซีนซิโนฟาร์มล็อตแรก เที่ยวที่ 2 ขนส่งโดยเที่ยวบินขนส่งสินค้า TG675 อีกจำนวน 5 แสนโดส ออกจากเมืองปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เวลา 6.30 น. (เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึงเวลาประเทศไทย 10.04 น. เรียบร้อยแล้ว รวมจำนวนวัคซีนซิโนฟาร์มล็อตแรกที่ส่งถึงประเทศไทยเรียบร้อยแล้วจำนวน 1 ล้านโดส
สำหรับ ไทม์ไลน์ ของซิโนฟาร์ม วันที่ 21-22 มิ.ย. จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบคุณภาพจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และจะสามารถกระจายวัคซีนได้ในวันที่ 23-24 มิ.ย.นี้ โดยจัดส่งวัคซีนกระจายสู่สถานพยาบาลที่ให้บริการฉีดวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์มทั่วประเทศ นากนั้น วันที่ 25 มิ.ย. จะ เริ่มฉีดวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์มวันแรกพร้อมกันทั่วประเทศ
โดย วัคซีนซิโนฟาร์ม การจัดสรรครั้งที่ 1 ได้รับการจัดสรรทั้งสิ้น 5,199 องค์กร คิดเป็น 476,682 คน ที่จะได้รับวัคซีนดังกล่าว แบ่งเป็น ภาคองค์กรธุรกิจที่ได้รับการจัดสรรวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์มสูงสุด 4 อันดับแรกได้แก่
ภาคธุรกิจบริการด้านอุปโภคและบริโภค 17.42 %
ภาคอุตสาหกรรมและการผลิต 14.80 %
ภาคธุรกิจการเงิน 11.58 %
กลุ่มองค์กรด้านการแพทย์และการสาธารณสุข 10.82%
ภาคธุรกิจที่ได้รับการจัดสรรจากจำนวนที่ยื่นขอรับการจัดสรรสูงสุด 4 อันดับแรก ได้แก่
ภาคกลุ่มองค์กรด้านการศึกษา 100%
ภาคกลุ่มองค์กรการกุศล 100%
ภาควิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 82%
ภาคองค์กรด้านการแพทย์และสาธารณสุข 81%
แบงก์หวั่นลดเพดานดอกกู้ดันยอดรีเจ็กต์เรตพุ่ง คนกลุ่มเสี่ยงหันหน้าพึ่งหนี้นอกระบบ
https://www.tnnthailand.com/news/wealth/83101/
คลัง-ธปท.นัดถกหน่วยงานแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนสัปดาห์หน้า หวั่นลดดอกกู้ดันยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่ง คนกลุ่มเสี่ยงหันหน้าพึ่งหนี้นอกระบบเพิ่ม
รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ประกาศนโยบายให้เร่งแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชน หรือหนี้ครัวเรือน ทั้งระบบ ประกอบด้วยกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา 3.6 ล้านคน และผู้ค้ำประกัน 2.8 ล้านคน หนี้ครู/ข้าราชการ 2.8 ล้านบัญชี หนี้เช่าซื้อรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์ 27.7 ล้านบัญชี หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล 49.9 ล้านบัญชี และปัญหาหนี้สินอื่น ๆ ของประชาชน 51.2 ล้านบัญชีนั้น ในสัปดาห์หน้า กระทรวงการคลังและ ธปท.จะมีการเรียกประชุมสถาบันการเงินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวก่อนที่จะประกาศมาตรการช่วยเหลือออกมาอีกครั้ง
นาย
ศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มทิสโก้ กล่าวว่า หากธปท.มีนโยบายออกมาพร้อมปฏิบัติตาม เพราะสภาพคล่องในระบบแข็งแกร่งในการช่วยลูกหนี้แม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยจะลดลง และสถาบันการเงินสามารถปรับตัวได้ในการบริหารจัดการต้นทุนค่าใช้จ่าย และการตั้งสำรอง แต่ออาจทำให้กลุ่มเสี่ยงจะถูกปฏิเสธสินเชื่อ หรือรีเจ็กต์เรตเพิ่มสูงขึ้น ตามความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้กลุ่มนี้ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบได้อาจต้องพึ่งหนี้นอกระบบ โดยธปท.และภาครัฐต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
" กลไกดอกเบี้ยเป็นตัวควบคุมความเสี่ยง ซึ่งจะเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดอยู่ที่ 15% แต่สินเชื่อบุคคลและบัตรเครดิตเพดานดอกเบี้ยสูงกว่าระดับ 15% เช่นเดียวกับเพดานสินเชื่อจำนำทะเบียนอยู่ที่ 22% เพื่อให้สามารถอำนวยสินเชื่อในกลุ่มเสี่ยงได้มากขึ้น ดึงคนอยู่นอกระบบเข้ามาในระบบ แต่หากปรับลดเพดานดอกเบี้ยเงินกู้จะทำให้คนกลุ่มเสี่ยงถูกปฏิเสธสินเชื่อมากขึ้นตามระบบการตัดกรองความเสี่ยงอาจจะไปพึ่งเงินกู้นอกระบบได้"
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาแบงก์ได้ออกมาตรการช่วยลูกหนี้ เช่น ซอฟต์โลนที่ธปท.คิดดอกเบี้ย 0.01% ทำให้แบงก์คิดดอกเบี้ยลูกค้าได้ถูกลง หรือการลดเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟี้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) จาก 0.46% เหลือ 0.23% ซึ่งทำให้แบงก์ลดดอกเบี้ยเงินกู้ลงเฉลี่ย 0.40% อย่างไรก็ตาม ภาครัฐอาจจะต้องมีมาตรการเข้ามาช่วยด้วย เช่น การลดค่าครองชีพ หรือการสร้างรายได้ให้ประชาชน ซึ่งการเปิดประเทศภายใน 120 วัน จะช่วยสร้างรายได้ให้ภาคประชาชน ขณะที่ลูกหนี้อาจต้องลดการใช้สินเชื่อเงินผ่อนลง ส่วนธนาคารก็ให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ
นาย
กรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล. กสิกรไทย กล่าวว่า สินเชื่อจำนำทะเบียน บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล ยังสามารถลดเพดานดอกเบี้ยได้ ถ้าดูจากอัตราการทำกำไร ธุรกิจจำนำทะเบียนรายใหญ่ ๆ เช่น บมจ.เมืองไทยแคปปิตอล (MTC), บมจ.ศรีสวัสดิ์คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) ระดับอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) สูงกว่า 20% และอัตรากำไรสุทธิสูงกว่า 20-30%
ขณะที่ปัจจุบันเพดานดอกเบี้ยจำนำทะเบียนอยู่ที่ 24% ต่อปี ซึ่งภาครัฐส่งธนาคารออมสินลงมาแข่งดอกเบี้ยอยู่ที่ 18% ต่อปี ทำให้ผู่ประกอบธุรกิจต้องลงมาแข่งดอกเบี้ย โดย MTC คิดดอกเบี้ย 15% SAWAD 18% และ TIDLOR 17-18%
สำหรับธุรกิจบัตรเครดิต เพดานดอกเบี้ยไม่เกิน 16% และสินเชื่อส่วนบุคคลไม่เกิน 25% ต่อปีต้นทุนเงินทุนของผู้ให้บริการซึ่งส่วนใหญ่เป็นธนาคารพาณิชย์อยู่ที่ประมาณ 1-2% ดังนั้นยังมีมาร์จิ้นกว่า 10%
ส่วนบริษัทที่ประกอบธุรกิจการเงินแต่ไม่ใช่สถาบันการเงินหรือนอนแบงก์ที่ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล เช่น บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) และ บมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) หรือ AEONTS ซึ่งปัจจุบันเก็บดอกเบี้ยตามเพดาน ดังนั้นถ้าปรับลดเพดานดอกเบี้ยจะโดนผลกระทบมากสุด ซึ่งถ้าลดลงมาทำให้ ROE เหลือแค่ 20% ก็ยังถือว่าเป็นธุรกิจให้ผลตอบแทนที่ดี แต่จะเป็นกลุ่มที่โดนผลกระทบมากที่สุด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตามมาจากการปรับลดดอกเบี้ยนั้น สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้ลูกค้าเกรด C เกรด D ที่เมื่อก่อนปล่อยกู้ดอกเบี้ย 28% แต่ปัจจุบันไม่ปล่อย เพราะมีความเสี่ยงลูกค้ากลุ่มนี้ต้องหันไปกู้นอกระบบ
JJNY : 'ยิ่งลักษณ์'ฉลองวันเกิดล่วงหน้า│ภาพซิโนฟาร์มถึงไทยแล้ว│หวั่นลดเพดานดอกกู้ดันยอดรีเจ็กต์เรต│บิ๊กแสนสิริชวนช่วยช้าง
https://www.matichon.co.th/politics/news_2785340
‘ยิ่งลักษณ์’ ฉลองวันเกิดล่วงหน้า แจกสเปรย์แอลกอฮอล์กลิ่นโคโค่ชาแนลให้แฟนเพจ
วันที่ 20 มิถุนายน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “Yingluck Shinawatra” ฉลองวันเกิดล่วงหน้า ด้วยการแจกสเปรย์แอลกอฮอล์แบบพกพาให้แฟนคลับในแฟนเพจ โดยสเปย์แอลกอฮอล์ดังกล่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์เลือกกลิ่น Coco Chanel และเลือกใช้สีชมพู
โดยโพสต์ดังกล่าวระบุว่า
“มีของเซอร์ไพรส์วันเกิดล่วงหน้า 1 วัน เป็นสเปรย์แอลกอฮอล์แบบพกพาไว้ล้างมือเพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 จากพี่แจ๋น พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ค่ะ ที่ทำส่งมาให้พิเศษเนื่องในวันคล้ายวันเกิดปีนี้กลิ่นโคโค่ชาแนล หอมสดชื่นมากค่ะ ต้องขอขอบคุณพี่แจ๋นมาในโอกาสนี้ด้วยนะคะ ชอบมาก ๆ ค่ะ
จึงขอถือโอกาสนี้ส่งมอบความรัก และความห่วงใยในการดูแลสุขภาพของทุกท่าน และแฟนเพจยิ่งลักษณ์ สำหรับ 200 ท่านแรก ที่เข้ามาคอมเม้นต์ใต้โพสต์นี้นะคะ
สำหรับแฟนเพจทั้ง 4 ล้านไลค์ 5 ล้านไลค์ และ 6 ล้าน ไลค์ ที่ยังคงเหนียวแน่นเป็นแฟนเพจกันมาต่อเนื่องยาวนาน ดิฉันได้ขอให้ทางทีมงานจัดส่งสเปรย์ไปให้ทุกท่านทางไปรษณีย์ เพื่อที่จะบอกว่า ยิ่งลักษณ์ ยังคิดถึง และห่วงใยทุกท่านเสมอค่ะ”
https://www.facebook.com/Y.Shinawatra/posts/4463481140362973
รพ.จุฬาภรณ์ เผยภาพ วัคซีนซิโนฟาร์ม ล็อตแรก 1 ล้านโดส ถึงไทยแล้ว
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6463541
รพ.จุฬาภรณ์ เผยภาพ วัคซีนซิโนฟาร์ม ล็อตแรก 1 ล้านโดส ถึงไทยแล้ว เผยไทม์ไลน์ก่อนส่งมอบ ต้องตรวจสอบคุณภาพจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
วันที่ 20 มิ.ย.64 เฟซบุ๊กเพจ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โพสต์ภาพพร้อมข้อความ ระบุว่า 20 มิถุนายน 2564 วัคซีนซิโนฟาร์มล็อตแรก ซึ่งขนส่งโดยเที่ยวบินขนส่งสินค้า TG8669 เที่ยวแรกจำนวน 5 แสนโดส เมื่อเวลาประมาณ 06.00 น. จากเมืองปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เดินทางถึงประเทศไทยแล้ว
ต่อมาโพสต์อีกว่า วัคซีนซิโนฟาร์มล็อตแรก เที่ยวที่ 2 ขนส่งโดยเที่ยวบินขนส่งสินค้า TG675 อีกจำนวน 5 แสนโดส ออกจากเมืองปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เวลา 6.30 น. (เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึงเวลาประเทศไทย 10.04 น. เรียบร้อยแล้ว รวมจำนวนวัคซีนซิโนฟาร์มล็อตแรกที่ส่งถึงประเทศไทยเรียบร้อยแล้วจำนวน 1 ล้านโดส
สำหรับ ไทม์ไลน์ ของซิโนฟาร์ม วันที่ 21-22 มิ.ย. จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบคุณภาพจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และจะสามารถกระจายวัคซีนได้ในวันที่ 23-24 มิ.ย.นี้ โดยจัดส่งวัคซีนกระจายสู่สถานพยาบาลที่ให้บริการฉีดวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์มทั่วประเทศ นากนั้น วันที่ 25 มิ.ย. จะ เริ่มฉีดวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์มวันแรกพร้อมกันทั่วประเทศ
โดย วัคซีนซิโนฟาร์ม การจัดสรรครั้งที่ 1 ได้รับการจัดสรรทั้งสิ้น 5,199 องค์กร คิดเป็น 476,682 คน ที่จะได้รับวัคซีนดังกล่าว แบ่งเป็น ภาคองค์กรธุรกิจที่ได้รับการจัดสรรวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์มสูงสุด 4 อันดับแรกได้แก่
ภาคธุรกิจบริการด้านอุปโภคและบริโภค 17.42 %
ภาคอุตสาหกรรมและการผลิต 14.80 %
ภาคธุรกิจการเงิน 11.58 %
กลุ่มองค์กรด้านการแพทย์และการสาธารณสุข 10.82%
ภาคธุรกิจที่ได้รับการจัดสรรจากจำนวนที่ยื่นขอรับการจัดสรรสูงสุด 4 อันดับแรก ได้แก่
ภาคกลุ่มองค์กรด้านการศึกษา 100%
ภาคกลุ่มองค์กรการกุศล 100%
ภาควิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 82%
ภาคองค์กรด้านการแพทย์และสาธารณสุข 81%
แบงก์หวั่นลดเพดานดอกกู้ดันยอดรีเจ็กต์เรตพุ่ง คนกลุ่มเสี่ยงหันหน้าพึ่งหนี้นอกระบบ
https://www.tnnthailand.com/news/wealth/83101/
คลัง-ธปท.นัดถกหน่วยงานแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนสัปดาห์หน้า หวั่นลดดอกกู้ดันยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่ง คนกลุ่มเสี่ยงหันหน้าพึ่งหนี้นอกระบบเพิ่ม
รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ประกาศนโยบายให้เร่งแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชน หรือหนี้ครัวเรือน ทั้งระบบ ประกอบด้วยกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา 3.6 ล้านคน และผู้ค้ำประกัน 2.8 ล้านคน หนี้ครู/ข้าราชการ 2.8 ล้านบัญชี หนี้เช่าซื้อรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์ 27.7 ล้านบัญชี หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล 49.9 ล้านบัญชี และปัญหาหนี้สินอื่น ๆ ของประชาชน 51.2 ล้านบัญชีนั้น ในสัปดาห์หน้า กระทรวงการคลังและ ธปท.จะมีการเรียกประชุมสถาบันการเงินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวก่อนที่จะประกาศมาตรการช่วยเหลือออกมาอีกครั้ง
นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มทิสโก้ กล่าวว่า หากธปท.มีนโยบายออกมาพร้อมปฏิบัติตาม เพราะสภาพคล่องในระบบแข็งแกร่งในการช่วยลูกหนี้แม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยจะลดลง และสถาบันการเงินสามารถปรับตัวได้ในการบริหารจัดการต้นทุนค่าใช้จ่าย และการตั้งสำรอง แต่ออาจทำให้กลุ่มเสี่ยงจะถูกปฏิเสธสินเชื่อ หรือรีเจ็กต์เรตเพิ่มสูงขึ้น ตามความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้กลุ่มนี้ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบได้อาจต้องพึ่งหนี้นอกระบบ โดยธปท.และภาครัฐต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
" กลไกดอกเบี้ยเป็นตัวควบคุมความเสี่ยง ซึ่งจะเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดอยู่ที่ 15% แต่สินเชื่อบุคคลและบัตรเครดิตเพดานดอกเบี้ยสูงกว่าระดับ 15% เช่นเดียวกับเพดานสินเชื่อจำนำทะเบียนอยู่ที่ 22% เพื่อให้สามารถอำนวยสินเชื่อในกลุ่มเสี่ยงได้มากขึ้น ดึงคนอยู่นอกระบบเข้ามาในระบบ แต่หากปรับลดเพดานดอกเบี้ยเงินกู้จะทำให้คนกลุ่มเสี่ยงถูกปฏิเสธสินเชื่อมากขึ้นตามระบบการตัดกรองความเสี่ยงอาจจะไปพึ่งเงินกู้นอกระบบได้"
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาแบงก์ได้ออกมาตรการช่วยลูกหนี้ เช่น ซอฟต์โลนที่ธปท.คิดดอกเบี้ย 0.01% ทำให้แบงก์คิดดอกเบี้ยลูกค้าได้ถูกลง หรือการลดเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟี้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) จาก 0.46% เหลือ 0.23% ซึ่งทำให้แบงก์ลดดอกเบี้ยเงินกู้ลงเฉลี่ย 0.40% อย่างไรก็ตาม ภาครัฐอาจจะต้องมีมาตรการเข้ามาช่วยด้วย เช่น การลดค่าครองชีพ หรือการสร้างรายได้ให้ประชาชน ซึ่งการเปิดประเทศภายใน 120 วัน จะช่วยสร้างรายได้ให้ภาคประชาชน ขณะที่ลูกหนี้อาจต้องลดการใช้สินเชื่อเงินผ่อนลง ส่วนธนาคารก็ให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ
นายกรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล. กสิกรไทย กล่าวว่า สินเชื่อจำนำทะเบียน บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล ยังสามารถลดเพดานดอกเบี้ยได้ ถ้าดูจากอัตราการทำกำไร ธุรกิจจำนำทะเบียนรายใหญ่ ๆ เช่น บมจ.เมืองไทยแคปปิตอล (MTC), บมจ.ศรีสวัสดิ์คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) ระดับอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) สูงกว่า 20% และอัตรากำไรสุทธิสูงกว่า 20-30%
ขณะที่ปัจจุบันเพดานดอกเบี้ยจำนำทะเบียนอยู่ที่ 24% ต่อปี ซึ่งภาครัฐส่งธนาคารออมสินลงมาแข่งดอกเบี้ยอยู่ที่ 18% ต่อปี ทำให้ผู่ประกอบธุรกิจต้องลงมาแข่งดอกเบี้ย โดย MTC คิดดอกเบี้ย 15% SAWAD 18% และ TIDLOR 17-18%
สำหรับธุรกิจบัตรเครดิต เพดานดอกเบี้ยไม่เกิน 16% และสินเชื่อส่วนบุคคลไม่เกิน 25% ต่อปีต้นทุนเงินทุนของผู้ให้บริการซึ่งส่วนใหญ่เป็นธนาคารพาณิชย์อยู่ที่ประมาณ 1-2% ดังนั้นยังมีมาร์จิ้นกว่า 10%
ส่วนบริษัทที่ประกอบธุรกิจการเงินแต่ไม่ใช่สถาบันการเงินหรือนอนแบงก์ที่ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล เช่น บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) และ บมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) หรือ AEONTS ซึ่งปัจจุบันเก็บดอกเบี้ยตามเพดาน ดังนั้นถ้าปรับลดเพดานดอกเบี้ยจะโดนผลกระทบมากสุด ซึ่งถ้าลดลงมาทำให้ ROE เหลือแค่ 20% ก็ยังถือว่าเป็นธุรกิจให้ผลตอบแทนที่ดี แต่จะเป็นกลุ่มที่โดนผลกระทบมากที่สุด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตามมาจากการปรับลดดอกเบี้ยนั้น สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้ลูกค้าเกรด C เกรด D ที่เมื่อก่อนปล่อยกู้ดอกเบี้ย 28% แต่ปัจจุบันไม่ปล่อย เพราะมีความเสี่ยงลูกค้ากลุ่มนี้ต้องหันไปกู้นอกระบบ